สีหน้าเคร่งขรึมของซือคงจวินเย่ปรากฏให้เห็นโทสะที่แล่นขึ้นมาเป็ริ้วๆ
สตรีนางนี้ช่างปากคอเราะราย ปั้นน้ำเป็ตัว ไม่เพียงเหยียบย่ำน้องสาวของเขา ซ้ำยังชี้ให้เห็นว่าเขาเป็คนชอบแส่เื่ชาวบ้าน ไม่มีบุคลิกของฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่อง ช่างน่ารังเกียจ!
เฟิ่งเฉี่ยนยื่นมือออกไปอีก นางพูดด้วยรอยยิ้ม “ไท่จื่อ จะมอบแมวเทพให้ข้าได้แล้วหรือไม่”
ซือคงจวินเย่แค่นเสียงฮึ ยื่นกรงออกไปข้างหน้า “รบกวนเ้าทักทายฮ่องเต้ของพวกเ้าด้วย ไว้ข้าจะไปเยือนในวันหน้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนรับกรงมาแล้วยกยิ้ม “ข้าจะบอกแน่นอน!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเดินผ่านร่างของนางแล้วมองนางนิ่งลึกปราดหนึ่ง เขาพูดเสียงเบา “แม่นางเฟิง วันหน้าพบกันใหม่!”
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้า ประสานสายตากับเขา
ในแววตาของเขาประหลาดเล็กน้อย เขาทำท่าจะพูดทว่ากลับเปลี่ยนใจ
ยังไม่ทันรอให้นางตั้งสติได้ เขาก็เดินผ่านไปไกลแล้ว นางได้แต่พูดกับแผ่นหลังของเขาว่า “ไว้พบกันวันหน้า!”
รอเมื่อซือคงเซิ่งเจี๋ยและคนของเขาออกไปจากชุมนุมหมากล้อม เฟิ่งเฉี่ยนรีบเปิดผ้าคลุมสีดำออกเพื่อตรวจดูอย่างละเอียดว่าเป็แมวเทพไม่ผิดแน่ นางจึงวางใจ ดูแล้วซือคงเซิ่งเจี๋ยยังคงมีความเป็สุภาพบุรุษ กล้าวางเดิมและกล้ายอมรับความพ่ายแพ้ พูดได้ทำได้ เพียงแต่สายตาก่อนจากไปของเขาประหลาดเหลือเกิน มันติดอยู่ในใจของนางลบออกไม่ได้ พร้อมกับลางสังหรณ์ที่ไม่ดีรางๆ
ทว่า ใครจะสน!
อย่างไรนางก็ได้แมวเทพมาแล้ว ขอเพียงนำมันกลับไปถึงวังหลวงอย่างปลอดภัย ภารกิจของนางก็นับได้ว่าเสร็จสมบูรณ์!
นางหันกลับมาพูดกับหานไท่ฟู่และคนอื่นๆ “ภารกิจของข้าลุล่วงแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
หานหลินเยว่หยั่งเชิงรั้งนางเอาไว้ “แม่นางเฟิง ไม่สู้รั้งอยู่ที่นี่ พวกเรายังเตรียมจัดงานเฉลิมฉลองให้กับท่านด้วย”
หานไท่ฟู่ “ใช่แล้ว ลูกสาว! วันนี้มีเื่ยินดีถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ต้องฉลองสักหน่อย!”
ฟางเสียกล่าวเสริมเช่นกัน “แม่นางเฟิง ท่านช่วยให้พวกเราชนะการเดินหมากล้อม พวกเราอยากขอบคุณท่าน!”
เฟิ่งเฉี่ยนกลับส่ายหน้า นางเกรงว่าเวลายิ่งยาวนาน อุปสรรคก็ยิ่งมีมาก อย่างไรต้องรีบกลับวังหลวงให้เร็วที่สุด
“ไว้วันอื่นเถิด! วันนี้ข้ามีธุระสำคัญต้องขอตัวก่อน!”
หานไท่ฟู่ยังคิดจะพูดอะไรอีก หานหลินเยว่ห้ามปรามเขา “ในเมื่อเป็เช่นนี้ พวกเราไม่ฝืนใจแม่นางเฟิง ประตูใหญ่ของชุมนุมหมากล้อมเปิดต้อนรับแม่นางเฟิงเสมอ ยินดีต้อนรับแม่นางเฟิงมาที่นี่ตลอดเวลา!”
ได้รับความจริงใจจากพวกเขา เฟิ่งเฉี่ยนหัวใจอุ่นซ่าน นางประสานมือกล่าวลาทุกคน “ไว้พบกันใหม่!”
ท่ามกลางสายตามองส่งของทุกคน เฟิ่งเฉี่ยนออกมาจากชุมนุมเดินหมาก ปรากฏว่าด้านนอกมีคนมากมายเบียดเสียดกันอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่!
แค่ใช้สายตามองไปก็น่าจะมีราวๆ หลายร้อยคน!
ผู้คนเบียดเสียดนั้นเห็นนางปรากฏตัวจึงพากันะโเรียกชื่อของนางดังลั่น!
“แม่นางเฟิง!”
“แม่นางเฟิง!”
“แม่นางเฟิง!”
“แม่นางเฟิง!”
ได้รับการต้อนรับอบอุ่นเช่นนี้ ในใจของเฟิ่งเฉี่ยนเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ นางโบกมือให้พวกเขาเพื่อแสดงความขอบคุณ
ไม่ไกลออกไปนัก ซือคงจวินเย่นักอยู่บนหลังม้า เขาหันไปกวักมือให้กับคนของตนเองพร้อมกับกระซิบกระซาบไม่กี่ประโยคด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด
ออกมาจากชุมนุมหมากล้อม นำแมวเทพเก็บเข้าไปในลิ้นชัก เฟิ่งเฉี่ยนรีบเร่งเดินทางกลับวังหลวง นางแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะบอกเซวียนหยวนเช่อว่านางได้แมวเทพมาแล้ว ไม่รู้เป็เพราะอะไร คนแรกที่นางคิดถึงจึงเป็เขา คนแรกที่นาง้าแบ่งปันความสุขก็เป็เขาเช่นกัน!
ไม่ นางเพียงแค่อยากขอบคุณที่เขาถ่ายทอดทักษะการเดินหมากล้อมเท่านั้นเอง...
นางบอกกับตัวเองเช่นนี้
เดินผ่านถนนมาสองเส้น ด้านหน้ามีตรอกเล็กๆ รอบบริเวณนั้นพลันเงียบงันกะทันหัน เงียบเสียจนได้ยินเสียงแมลงร้อง
ประสบการณ์การเป็นักฆ่ามาเป็เวลาหลายปีบอกกับนางว่า นางถูกคนตามเสียแล้ว และไม่ใช่คนเดียว!
ร่างของนางแข็งค้าง นางหยุดเดินแล้วตวาดเสียงดัง “ใคร ออกมา!”
กลิ่นอายเย็นเยียบมาพร้อมกับรังสีสังหารพุ่งเข้ามาหานางจากทุกทิศทาง!
องครักษ์เสื้อเกราะจำนวนแปดคนขวางนางเอาไว้กลางถนน แต่ละคนล้วนเป็เทพยุทธ์ยอดฝีมือขั้นห้าทั้งสิ้น!
เสียงโลหะเสียดสีกัน ราวกับเป็เสียงดนตรีแห่งมรณะ ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
เฟิ่งเฉี่ยนจำพวกเขาได้ทันที พวกเขาเป็องครักษ์เสื้อเกราะลับที่คอยอารักขาไท่จื่อแห่งแคว้นหนานเยียน!
“ต่ำช้า! อะไรที่กล่าวว่ากล้าเดิมพันย่อมกล้าพ่ายแพ้ ที่แท้ก็กลับคำแล้วลอบทำร้าย!” ความรู้สึกดีๆ ที่นางมีต่อซือคงเซิ่งเจี๋ยเพียงน้อยนิดไม่เหลืออีกเลย
องครักษ์เสื้อเกราะที่เป็หัวหน้าเอ่ยปากก่อน “ไม่ต้องพูดจาไร้สาระ วันนี้เ้าต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง มีเสียงเฉียบขาดดังแหวกอากาศออกมา “นั่นก็ไม่แน่!”
บนหลังคาเรือนสองข้างถนนปรากฏให้เห็นยอดฝีมือสิบกว่าคน สองคนในนั้นเฟิ่งเฉี่ยนเคยพบมาก่อน พวกเขาคือ เซี่ยอี และเซี่ยเอ้อร์ พวกเขาเป็ยอดฝีมือของสกุลเฟิ่ง! และผู้ที่เอ่ยวาจาเมื่อสักครู่มิใช่ใครอื่น เขาคือ เฟิ่งเทียนรุ่ย พี่สามของนางเอง!
“พี่สาม?” เฟิ่งเฉี่ยนประหลาดใจ
เฟิ่งเทียนรุ่ยค่อยๆ ดึงกระบี่ประจำกายออกมาจากเอว คนทั้งคนเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร “น้องหญิงสี่ เ้าหนีไปก่อน ที่นี่ยกให้ข้าจัดการ!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่มีเวลาใคร่ครวญอย่างละเอียดว่าเหตุใดเขาจึงมาปรากฏกายที่นี่ ในวินาทีนี้ ในใจนางซาบซึ้งตื้นตัน ไมตรีนี้นางรับไว้ก็แล้วกัน
“ขอบคุณพี่สามเ้าค่ะ!”
นางพูดจบ เฟิ่งเทียนรุ่ยตวัดกระบี่ทันที เป้าหมายก็คือยอดฝีมือที่อยู่ใกล้เฟิ่งเฉี่ยนที่สุด เขาสังหารเปิดทางหนีให้กับนาง!
เฟิ่งเฉี่ยนไม่รอช้าเช่นกัน นางรีบหนีไปทันที
เื้ันางเป็การสังหารอันดุเดือด...
หลังจากหนีออกมาไกล เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับไปมอง นางเห็นวรยุทธ์ของเฟิ่งเทียนรุ่ยอยู่เหนือคู่ต่อสู้จึงได้วางใจลงและรีบหนีไป มุ่งหน้ากลับวังหลวง
เมื่อใกล้จะถึงวังหลวง พลันมีฝนตกลงมา ฝนนั้นตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก สายฝนทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน
เฟิ่งเฉี่ยนรีบหาสถานที่หลบฝน เมื่อนางผ่านบ่อน้ำโบราณเท้าของนางพลันไถล ไม่รู้ว่าเหยียบถูกสิ่งของอะไรหลวมๆ บางอย่าง นางรู้สึกทันทีว่าแย่แล้ว--
แย่แล้ว มีกับดัก
น่าเสียดายที่สายเกินไป!
แหปากใหญ่ถูกรวบขึ้นจากปลายเท้า ร่างของนางสูญเสียสมดุล แหนั้นถูกดึงขึ้นข้างบนไม่หยุด เมื่อปากแหถูกรวบไว้ด้วยกัน ร่างของนางทั้งร่างถูกแขวนขึ้นไปบนต้นไม้!
ลูกศรดอกหนึ่งแหวกอากาศและสายฝนพุ่งเข้ามานาง!
“ปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือเดียว!”
เฟิ่งเฉี่ยนรีบหยิบกระทะหรูอี้ขึ้นมาต้านรับ ต่อมาเสียงัคำรามดังขึ้น กระทะหรูอี้ปรากฏให้เห็นลำแสงสายหนึ่ง!
ได้ยินเพียงเสียง เคร้งงงง ดังขึ้น กระทะหรูอี้สกัดลูกธนูดอกนั้นสำเร็จ ทว่าลูกศรดอกนี้พุ่งมาด้วยความรวดเร็วและเหี้ยมโหด ร่างของนางถูกกระแทกจนล้มไปด้านหลัง
“ฮึ คิดไม่ถึงว่าเ้ายังมีความสามารถอยู่บ้าง!” หลังจากแค่นเสียงฮึแล้ว บริเวณโดยรอบปรากฏให้เห็นคนชุดดำหกคนล้อมรอบต้นไม้ สองคนในมือถือธนู สี่คนในมือถือกระบี่ยาว แต่ละคนปกปิดใบหน้า กลิ่นอายสังหารเข้มข้น
เฟิ่งเฉี่ยนก้มหน้าลงมองฝ่าสายฝน นางมองใบหน้าของพวกเขาไม่ชัดเจน ได้แต่เห็นเงาร่างของคนหลายคนรางๆ เท่านั้น หนึ่งในนั้นเป็สตรี อีกห้าคนเป็บุรุษ รูปร่างของสตรีค่อนข้างท้วมคล้ายว่าค่อนข้างมีอายุ
ระบบรายงานพลังการสู้รบของหลายคนนั้นอย่างรวดเร็ว มีสองคนเป็เทพยุทธ์ขั้นสอง สี่คนเป็เทพยุทธ์ขั้นสี่ อีกคนหนึ่งเป็เทพยุทธ์ขั้นหก ความสามารถสูงที่สุดก็คือสตรีนางนั้น ที่เป็เทพยุทธ์ขั้นอาจารย์!
หากประมือกันในลักษณะหนึ่งต่อหนึ่ง นางไม่เกรงกลัวพวกเขาแม้แต่น้อย แต่ยามนี้อีกฝ่ายมีคนมากกว่า ซ้ำนางยังติดอยู่ในบ่วง สถานการณ์เป็รอง!
“ยิงธนู!” นักฆ่าหญิงออกคำสั่งอีกครั้ง
ดวงตาทั้งคู่ของเฟิ่งเฉี่ยนเบิกกว้าง นางรีบส่งเสียงยับยั้ง “ช้าก่อน! ข้ายังมีเื่จะพูด!”
นักฆ่าหญิงยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้รอก่อน น้ำเสียงเ็านั้นกล่าวว่า “ความตายรออยู่ตรงหน้า เ้ายังมีอะไรจะสั่งเสียอีก”
เฟิ่งเฉี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย นางรู้สึกว่าคุ้นกับน้ำเสียงของสตรีนางนี้ยิ่งนัก ราวกับนางรู้จักคนผู้นี้ นางตัดสินใจเดิมพันสักตั้ง!
“ไม่สู้ พวกเรามาทำข้อตกลงกันดีกว่า!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้