เมื่อถึงเวลาที่คนที่สิบสามขึ้นประลองนั้น อ๋าวหรานแม้แต่จะยืนให้มั่นคงก็ทำยังไม่ได้ แทบจะไร้เรี่ยวแรงแล้ว แต่เมื่อเขาหันศีรษะไปมองข้างล่างเวที กลับเห็นจิ่งฝานมีสีหน้าราวกับกำลังกล่าวโทษตนเอง แววตาที่เมื่อก่อนเคยสดใสเหมือนจะมืดหม่นลงนิดหน่อย อ๋าวหรานอดหันไปยกริมฝีปากส่งยิ้มให้จิ่งฝานไม่ได้ ทำปากพูดว่าข้าไม่เป็ไร กลับเห็นว่ารู้ม่านตาของจิ่งฝานหดลงอย่างรุนแรง ราวกับว่าใเป็อย่างยิ่ง
อ๋าวหรานอดโทษตัวเองไม่ได้ว่าเป็เพราะรอยยิ้มเขาแปลกประหลาดเกินไปหรือเปล่า?
พูดก็พูดเถอะ าแทั้งร่างของอ๋าวหรานนี้ ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษจิ่งฝานแล้ว อย่างไรเสียนี่ก็เป็ความคิดเขา แต่อ๋าวหรานนั้นมักจะใจกว้างกับจิ่งฝานเสมอ
ั้แ่ที่เขาเข้ามาในหนังสือเล่มนี้นั้น เขาใช้เวลากับจิ่งเซียงมากกว่า กับจิ่งฝานนั้นมักจะมีช่องว่างอยู่เสมอ ไม่เหมือนกับที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับจิ่งเซียง แต่ในใจลึกๆ สำหรับเขาแล้วนั้น จิ่งฝานค่อนข้างแตกต่างจากผู้อื่น เป็ความรู้สึกแสนซับซ้อนที่เหมือนสนิทสนมแต่ก็เหมือนเป็คนแปลกหน้า ทั้งน่าสงสัยและยังน่าหวาดกลัวอยู่นิดหน่อย
บางครั้งเขารู้สึกว่าเวลาจิ่งฝานอยู่กับเขานั้น ไม่ค่อยมีความจริงใจอยู่สักเท่าไหร่ เหมือนกับแค่รักษามารยาทให้อยู่ในระดับที่ยังเกรงใจกันอยู่ อีกทั้งยังมีอะไรแปลกประหลาดบางอย่างที่บอกไม่ถูก ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เวลาอ๋าวหรานไม่กล้าใกล้ชิดกับจิ่งฝานนั้น และเขาก็ยังคงรักษาระยะห่างไว้อยู่
แต่ว่าถึงแม้จะเป็การเชื่อมความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยจะสนิทชิดเชื้อหรือจริงใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้อ๋าวหรานได้เปิดหูเปิดตาถึงความพิเศษไม่เหมือนใครของจิ่งฝาน ในใจลึกๆ แล้วเขาค่อนข้างจะเชื่อในตัวจิ่งฝาน ตลอด่เวลาที่ได้ไปมาหาสู่กับจิ่งฝานนั้นก็ทำให้เขารู้จักกับเสน่ห์เฉพาะตัวและความไม่เหมือนใครของคนคนนี้ จากตัวหนังสือตอนยังอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ มาถึงตอนนี้ที่เป็คนจริงๆ จับต้องได้ มันสมองของเขา การจัดการเื่ต่างๆ ของเขานั้น เป็ระดับสติปัญญาและความเด็ดเดี่ยวที่คนส่วนใหญ่ในยุคนี้ล้วนไม่มี คนเช่นนี้ทำให้อ๋าวหรานชื่นชม และขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสาร เพราะถ้าเทียบกันในโลกแห่งความเป็จริงแล้วจิ่งฝานนั้นเด็กกว่าเขาถึงสิบปีเต็มๆ ดังนั้น ต่อให้จิ่งฝานจะจัดการการเื่ต่างๆ ได้เป็อย่างดีสักแค่ไหน เหมือนกับผู้ใหญ่คนหนึ่งสักแค่ไหน แต่เขาก็มักจะรู้สึกเหมือนว่านี่คือน้องชายอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกเหมือนกับว่าเขาต้องได้รับการดูแลมากกว่าจิ่งเซียงเสียอีก
มองเห็นจิ่งฝานโทษตัวเอง เขาอดไม่ได้ที่จะอยากปลอบใจ ให้เขาไม่ต้องกังวลใจ
อ๋าวหรานยกกระบี่ขึ้น เตรียมจะจัดการคนสุดท้าย แต่เขามีความรู้สึกว่ารอบนี้เขาน่าจะต้องแพ้อีกแล้ว เด็กตระกูลจิ่งพวกนี้เติบโตขึ้นมาในตระกูลแพทย์ แต่ทำไมแต่ละคนกลับราวกับหมาป่า ราวกับเสือเสียอย่างนั้น คนหนึ่งว่าเก่งแล้วอีกคนเก่งยิ่งเก่งกว่า
อ๋าวหรานเองไม่คิดบ้างว่า คนพวกนี้คือบรรดาเด็กเก่งของตระกูลจิ่ง มีคนไหนบ้างที่ไม่รักเรียนไม่ชอบความก้าวหน้าแบบนักเรียนสามดี [1] จะไม่ร้ายกาจได้อย่างไร?
“พอแล้ว! พอแค่นี้เถอะ!”
อ๋าวหรานเพิ่งจะก้าวออกไปได้แค่ก้าวเดียว ก็ถูกเสียงของจิ่งฝานทำให้ใเสียจนทำให้ยืนไม่มั่นคง ซวนเซไปมาจนนั่งลงไปบนเวทีประลอง คนในที่นั้นใกันยกใหญ่ หันหน้าไปมองจิ่งฝาน
อ๋าวหรานอึ้งมองจิ่งฝานที่ะโสะกิดพื้นทีเดียวก็ลอยขึ้นมาบนเวทีประลอง เร็วจนน่าใ เดิมทีคิดว่าจิ่งจื่อคล่องแคล้วว่องไวมากพอแล้ว ตอนนี้พอได้มาเห็นวิชาตัวเบาของจิ่งฝานถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมจิ่งจื่อถึงได้เลื่อมใสจิ่งฝานเสียขนาดนั้น ความเร็วระดับนี้เทียบได้กับลมเลยทีเดียว อ๋าวหรานอดจะค่อนขอดไม่ได้ว่าเป็หนุ่มน้อยที่เหมือนลม[2] เสียจริง
ทว่ามากกว่าการถอนหายใจชื่นชมวิชาตัวเบาของจิ่งฝานแล้ว ตอนนี้ที่อ๋าวหรานใยิ่งกว่าก็คือ ‘หนุ่มน้อย เ้าเข้ามาใกล้ข้ามากเกินไปแล้ว! หัวที่เดิมทีก็มึนอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมึนเข้าไปอีก!’
มองดูจิ่งฝานที่ใช้ดวงตาล้ำลึกคู่นั้นจ้องมองตัวเอง อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะหดตัวลงมากกว่าเดิม ถามเขาว่า “อะไรหรือ?”
จิ่งฝานไม่ตอบคำ อ๋าวหรานรู้สึกว่าขนด้านหลังแทบจะลุกขึ้นมาหมดแล้ว อ๋าวหรานอดทนกับความรู้สึกแปลกประหลาด เช่นนี้เงยหน้ายิ้มแล้วพูดอีกว่า “จิ่งฝาน?”
รอบนี้ในที่สุดจิ่งฝานก็ดึงสติกลับมาแล้ว กลับคุกเข่าลงแล้วอุ้มอ๋าวหรานขึ้นมาในท่าเ้าสาว แล้วพูดว่า “เป็ข้าที่ประมาทเอง ทำเ้าาเ็หนักแล้ว”
อ๋าวหรานอึ้ง อดกรอกตามองบนไม่ได้ ขัดขืนตอบว่า “ าแหนักๆ นั้นไม่มี แต่ว่าเ้าอย่ามาอุ้มข้าแบบนี้จะได้ไหม? มันทำให้ชายชาตรีเช่นข้าเสียหน้านะ นี่ต่างหากที่เป็าแหนักสำหรับข้า! ครั้งแรกที่เจอเ้า เ้าก็ทำเช่นนี้ เื่ตอนนั้นไม่เอาความเ้า ตอนนี้ ถ้าเ้ามาทำเช่นนี้อีกล่ะก็เราคงต้องมาคุยกันหน่อยแล้ว”
ปากค่อนขอด ในใจอ๋าวหรานกลับคิดว่าสุดท้ายแล้วจิ่งฝานก็เป็หนุ่มน้อยที่จิตใจดีจริงๆ เห็นคนอื่นาเ็ก็เป็ห่วง
จิ่งฝานมองหนุ่มน้อยหน้าตาเหี้ยมโหดในอ้อมอก แต่หางตากลับปรากฎรอยยิ้มอ่อนโยน อ๋าวหรานตกตะลึง ทว่าคนอุ้มอดไม่ได้พูดตอบว่า “ ข้าก็อุ้มเซียงเซียงเช่นนี้”
อะไร? !
เ้าพูดอะไร?
ถ้าเ้าแน่ก็ลองพูดอีกรอบสิ!
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] นักเรียนสามดี(三好学生)เป็คำชมสำหรับนักเรียนยอดเยี่ยม สามดีหมายถึง คุณธรรมดี เรียนดี ร่างกายแข็งแรง
[2] หนุ่มน้อยที่เหมือนลม(像风一样的少年)คำว่าลมในภาษาจีนออกเสียงว่า เฟิง พ้องเสียงกับคำว่าบ้าในภาษาจีนที่ออกเสียงว่า เฟิง เหมือนกัน