ที่สวี่ตี้พูดนั้นความจริงแล้วก็คือการฝึกงาน ไม่เพียงแค่จะเข้าใจความรู้ภายในหนังสือ จะต้องตั้งใจเรียนรู้จากประสบการณ์จริงแล้วนำมาสรุป เมื่อถึงการสอบระดับสูง มีที่ตนเองประสบมาหรือไม่ เป็สิ่งของที่สามารถหล่อหลอมออกมาจากในประสบการณ์ของตนเองได้หรือไม่ จากนั้นให้เขียนลงไปในกระดาษ นี่คือสิ่งสำคัญ
สวี่ตี้พาเจิ้งป๋อหยวนมาอ้อยอิ่งอยู่ที่พักของสวี่เยวี่ยนอยู่สองวัน พร้อมทั้งเอาของที่สวี่เยวี่ยนซื้อเอาไว้กลับจวนโหวหนึ่งคันรถ ก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปเมืองหลวง
เดินทางไปได้ไม่กี่วัน ในที่สุดก็เห็นประตูเมืองหลวง สกุลเฉินได้จัดคนเอาไว้ที่ปากประตูเมือง หลังจากรับตัวเจิ้งป๋อหยวนแล้ว เจิ้งป๋อหยวนก็กล่าวลาสวี่ตี้ที่หน้าประตู ก่อนจะพาคนเดินทางไปที่จวนผิงซีโหว ตอนนี้เขาเองก็ถือว่าเป็หัวหน้าครอบครัว เลี้ยงดูน้องสาวที่ยังเล็ก ชีวิตต่อไปจากนี้ความจริงแล้วก็ไม่ง่ายเลย
สวี่ตี้มองแผ่นหลังของเจิ้งป๋อหยวนแล้วถอนหายใจ ก่อนจะพาคนเดินทางไปที่จวนหย่งหนิงโหว
ฮูหยินผู้เฒ่าได้รับจดหมายที่สวี่ตี้ได้ให้คนส่งกลับมาที่จวนก่อนหน้านี้ ก็รออยู่ในเรือนมาตลอด หลังจากสวี่ตี้กลับมาถึงก็ให้ไปอาบน้ำในเรือนที่เคยพักก่อน จากนั้นก็เอาของขวัญส่วนที่สวี่เยวี่ยนกับของตนเตรียมมาไปหาฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือน
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นสวี่ตี้ก็ดีใจมาก ไม่รอให้สวี่ตี้คำนับเสร็จ ก็จูงสวี่ตี้มาอยู่ตรงหน้าของตนเองก่อนจะกล่าว “ไอ๊หยา หลานที่น่ารักของข้า เ้าไปเกือบจะหนึ่งปีแล้ว ข้าคิดถึงจะตายอยู่แล้ว”
สวี่ตี้ยิ้มแล้วเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่า ข้าเองก็คิดถึงท่าน นี่ก็รีบกลับมาหาท่านเลยมิใช่หรือ มา พวกเราไปดูว่าข้าเอาของดีอะไรกลับมาให้ท่าน ท่านทวด ข้าจะบอกกับท่านนะขอรับ ข้าไปที่เจียงหนานในครั้งนี้ได้ซื้อผ้ามาให้ท่านโดยเฉพาะ ท่านให้แม่นมเสิ่นไปจ้างคนจากร้านเสื้อผ้ามาที่เรือนเพื่อวัดตัวท่าน พวกเราจะได้ทำชุดสวยๆ กันหลายๆ ตัวให้ท่านขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังแล้วก็ยิ้มแล้วเอ่ยปฏิเสธ “ข้าอายุปูนนี้แล้ว ทำเสื้อดีขนาดนั้นเอาไว้ทำไมล่ะ ไม่ต้องสิ้นเปลืองแล้ว เ้าเก็บเอาไว้ ต่อไปเอาไว้ทำชุดให้ภรรยาของเ้า”
สวี่ตี้ยื่นหน้าไปข้างหูฮูหยินผู้เฒ่า หัวเราะแล้วพูดเสียงเบา “ท่านทวดขอรับ ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง ข้าน่ะ ก่อนหน้านี้แบ่งเงินกับพี่สาวคนโตของสกุลเว่ย ข้าแบ่งมาได้เท่านี้ขอรับ” พูดไปก็ยกมือขวาของตัวเองขึ้นมาทำท่าทางเปรียบเทียบ ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นแล้วก็พูดด้วยความใ “เยอะขนาดนั้นเชียวหรือ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าครุ่นคิดแล้วก็กล่าว “อย่าให้คนที่มีเล่ห์เหลี่ยมได้เห็นเชียวนะ ให้พวกนั้นรู้ว่าพวกเราหาเงินได้เยอะ คนที่อยากจะได้ก็ยิ่งเยอะนะ”
สวี่ตี้หัวเราะแล้วกล่าว “ข้าก็แค่เอาส่วนเล็กๆ มาขอรับ ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่ฝ่ายนั้น อีกอย่างตอนนี้หลายที่ก็เริ่มปลูกพริกกันแล้ว ถึงตอนนั้นพริกก็ไม่ใช่ของที่พวกเราเท่านั้นที่มีแล้ว คนฉลาดมีอยู่มากมาย จะต้องสามารถศึกษาส่วนผสมพริกแกงของข้าออกมาได้ ต่อไปร้านหม้อไฟเปิดเยอะขึ้น พวกเราก็ไม่สะดุดตาใครแล้วขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “เส้นหมี่เส้นใหญ่ที่เ้าให้คนส่งมาครั้งที่แล้วอร่อยมากเลย ลื่นๆ คอดี”
สวี่ตี้กล่าว “แน่นอนสิขอรับ เ้านี่ยังเก็บเอาไว้ได้นาน ข้าพาคนทำที่เหอซีทำออกมาอย่างยากลำบาก ในสวนของพวกเราได้ปลูกมันแกวกันแล้ว รอฤดูใบไม้ร่วงก็เก็บเกี่ยวมันแกว ข้าจะส่งคนไปทำเส้นหมี่ พอสิ้นปีข้าจะแบ่งเงินให้พวกป้าน้าสะใภ้ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าจับมือของสวี่ตี้ พูดด้วยความรัก “เ้าเป็เด็กตัวเล็กๆ ก็ต้องช่วยจัดการเื่พวกนี้ในเรือน ข้าเอ็นดูเ้ามากเลยนะ”
สวี่ตี้ยิ้มแล้วกล่าว “ท่านทวดขอรับ ดูท่านพูดเข้าสิ ข้าทำงานเยอะมากขึ้น สิ่งที่ได้เรียนรู้มาก็จะมากขึ้นตามไปด้วย คนบางคนอยากจะมีโอกาสแบบนี้แต่ก็ไม่มีนะขอรับ ท่านวางใจเถิด ข้าชอบที่วันๆ งานยุ่งเช่นนี้ ยุ่งเช่นนี้ในใจมันก็รู้สึกมั่นคงขึ้นนะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรต่อ เด็กที่ไม่รู้เื่วันๆ ไม่ทำงาน ในใจของคนเป็บิดามารดาก็รู้สึกเสียใจ เด็กคนนี้รู้เื่มากเกินไป วันๆ ทำนั่นนี่ไม่หยุด คนเป็บิดามารดาก็ปวดใจ หัวใจช่างย้อนแย้งเสียจริง
สวี่ตี้กลับมาแล้ว ไม่เพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่ดีใจ เหล่าคุณนายแต่ละคนที่ยอมแพ้ไปแล้วก็ต่างดีใจมาก ตอนนี้สวี่ตี้กับพวกนางอยู่เรือลำเดียวกันแล้ว
หลังจากออกมาจากเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า สวี่ตี้ก็ไปที่ห้องตำราของโหวเย่ เล่าประสบการณ์หลายวันมานี้กับหย่งหนิงโหวเย่ฟัง โหวเย่ฟังแล้วก็ลูบเคราที่ปลายคางของตัวเอง สามารถออกเดินทางไปดูสถานที่ต่างๆ ได้รับความรู้ วัฒนธรรมจากสถานที่มากมาย ก็เป็เื่ที่มีค่ามากที่จะทำให้คนก้าวหน้าต่อไป
หย่งหนิงโหวเย่ถอนหายใจ “ตอนนี้เ้ากำลังอยู่ใน่ที่ดีที่สุด ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งเอาไว้ได้ สามารถไปดูตามที่ต่างๆ ได้ นั่นเป็อะไรที่ดีที่สุด แต่ว่าก็ยังต้องระวังความปลอดภัย หากเจออันตรายก็ต้องรีบหนีออกมาทันที อย่ารังเกียจเื่ยุ่งยาก ควรจะพาคนไปก็ควรจะพาไปให้พอ”
สวี่ตี้พยักหน้า ทั้งยังเล่าเื่ของเจิ้งป๋อหยวนให้ฟัง หย่งหนิงโหวได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจ “จวนผิงซีโหวของพวกเขาหรือ เฮ้อ!”
ตอนนั้นได้รับตำแหน่งโหวด้วยกัน หลายปีมานี้ก็มีหลายคนเมื่อตกต่ำไปก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ใด เพราะว่าต่างวิ่งอยู่ในเส้นทางเดียวกัน ดูคนอื่นแล้วก็จะทำให้ตนเองรู้สึกทอดถอนหายใจ
สวี่ตี้กล่าว “ป๋อหยวนบอกว่าจัดการเื่เสร็จแล้วเขาจะพาน้องสาวตามข้าไปที่เหอซี ต่อไปก็จะเข้าไปเป็ทหารภายใต้สังกัดของเว่ยซื่อจื่อขอรับ ข้ารู้สึกว่าเขามีปณิธาน ไม่แน่ว่าต่อไปครอบครัวพวกเขาจะพึ่งเขาแล้วยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ขอรับ”
หย่งหนิงโหวเย่พยักหน้า “เื่นี้ก็ใช่นะ ผิงซีโหวเย่คนก่อนตอนนั้นสองพี่น้องเป็ทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในกรมทหาร รุ่นต่อมาจะอย่างไรก็ต้องได้สายเืมาหลายส่วน ตี้เอ๋อร์ พวกเ้าอยู่ที่เหอซี ต่อไปจะต้องระวังคนที่จะไปจากเมืองหลวงนะ”
สวี่ตี้ฟังแล้วใจก็เริ่มระแวดระวังขึ้นมา “จะมีคนก่อเื่อีกแล้วหรือขอรับ?”
โหวเย่พยักหน้า “ครั้งที่แล้วพวกเขาอยู่ที่เหอซีไม่ได้ผลประโยชน์อะไรมา ทั้งยังเสียหายหนักขนาดนั้น ในใจจะอย่างไรก็ต้องมีความโกรธอยู่”
สวี่ตี้พยักหน้า “ทางด้านเหอซีของพวกเราอยู่ติดกับด่านเยี่ยนเหมิน ดังนั้นตำแหน่งค่อนข้างจะพิเศษ มีคนแปลกหน้าไปจะต้องดึงดูดความสนใจ ท่านปู่โปรดวางใจขอรับ”
โหวเย่กล่าว “ไม่เพียงแค่คนแปลกหน้า พวกคนหน้าตาคุ้นเคย ควรระวังก็ต้องระวังถึงจะถูก เอาล่ะ พวกเราไม่พูดเื่นี้แล้ว เส้นที่เ้าให้คนส่งมาให้ครั้งที่แล้ว เอาไปตุ๋นกับผักแล้วอร่อยมากจริงๆ ฤดูหนาวปีนี้ก็เข้าตลาดได้แล้ว คาดว่าจะหาเงินมาได้ไม่น้อย ป้าๆ น้าๆ สะใภ้ของเ้าก็พึ่งเ้าพวกนี้หาเงิน คนอื่นอยากจะเอาเงินมาให้พวกนางทำเื่อะไรให้ พวกนางเองก็ต้องพิจารณาก่อน ครอบครัวน่ะ จะต้องรวมใจกันเป็หนึ่งถึงจะถูก แต่ครอบครัวพอใหญ่ขึ้นแล้ว เมื่อคนเยอะแล้ว อยากจะรวมใจให้เป็หนึ่งนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ”
สวี่ตี้ตั้งใจฟัง ในใจกลับกำลังคิด ขอแค่มีผลประโยชน์อยู่ในเรือลำเดียวกัน อยากจะรวมใจให้เป็หนึ่งนั้นช่างง่ายดาย ดูแค่ว่าจะผูกเข้าด้วยกันอย่างไรต่างหาก
สวี้ตี้รออยู่ในเรือนสองวัน ก็พาคนไปที่สวนด้านนอกเมือง ข้าวกล้องที่ปลูกในสวนของฮูหยินผู้เฒ่าได้เก็บเกี่ยวเรียบร้อยแล้ว ผู้ดูแลสวนเห็นสวี่ตี้ก็ดีใจมาก ปีนี้หาเงินมาได้มากกว่าปีที่แล้ว สวี่ตี้กำหนดรางวัลให้กับสวนนี้ ทุกปีจะเอาผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้ออกไปขายแปดส่วน ที่เหลือสองส่วนก็ส่งไปที่ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่า เงินที่ได้จากการขายแปดส่วน จะเอาออกมาสองส่วนเพื่อรักษาการหมุนเวียนประจำวันในสวน จากนั้นเงินที่เหลือก็จะเอามาแบ่งให้กับคนที่ทำงานในสวน
อยากจะให้ม้าวิ่ง ก็ต้องให้หญ้าม้ากิน เหตุผลนี้สวี่ตี้เข้าใจดี บวกกับหัวหน้าผู้ดูแลสวนของสวนนี้ แล้วก็คนงานหลายคนต่างเป็คนที่มาจากจวนหย่งอี้โหว ด้านความซื่อสัตย์ไม่ต้องพูดถึง เื่นี้เองทำให้สวี่ตี้วางใจที่จะมอบสวนขนาดใหญ่ให้กับหัวหน้าผู้ดูแลสวนกับคนงานหลายคนดูแลบริหารกันเอง
ตอนนี้สวี่ตี้สนใจมากที่สุดก็คือการปลูกมันแกว หลังจากเก็บเกี่ยวมันแกวตอนฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ช่างใหญ่ทางด้านเหอซีได้เรียนการทำเส้นหมี่เป็ที่เรียบร้อยแล้ว แต่จะต้องพาคนจำนวนมากมาผลิตที่นี่ ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีทักษะอะไรมาก ก็คล้ายๆ กับเส้นบะหมี่ เส้นเล็กที่ทางใต้ทำออกมา
เดินตรวจตราการเติบโตของมันแกวรอบหนึ่ง คนงานในสวนมีความรับผิดชอบมาก คนที่ทำงานในสวนนี้มีอยู่จำนวนมาก นอกจากคนที่พักอยู่ในสวนอยู่ทุกวัน ก็ยังจ้างจากหมู่บ้านใกล้ๆ มาเพิ่มอีกด้วย คนงานที่เข้ามาทำงานพวกนี้ จะเป็ตอนที่งานในสวน้าคนถึงจะมา เงินได้มากขึ้น ทั้งยังให้ข้าวกิน ทำงานที่ไหนก็จะทำ ทางนี้สวัสดิการดี ทุกคนก็ต่างชอบที่จะมาทำงานที่นี่ ตอนที่ทำงานที่นี่ก็ไม่ได้แอบเอาความลับออกไปบอกกล่าวกับผู้ใด
ตอนที่สวี่ตี้มาถึงก็เป็ตอนที่จ้างคนมาถอนหญ้าพอดี สวี่ตี้ยืนมองอยู่บนหน้าสวนได้สักพัก ตอนที่จะไป หัวหน้าหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ คนหนึ่ง เห็นสวี่ตี้ก็เข้ามาทำความเคารพ
หัวหน้าหมู่บ้านมองแล้วอายุประมาณห้าสิบหกสิบปี กลับทำให้สวี่ตี้รู้สึกเกรงใจมาก รีบเข้าไปพยุงแล้วเอ่ยปากถาม “ท่านลุง ท่านจะทำอะไรหรือขอรับ?”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “คุณชายสวี่ ข้าคือหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านนี้ ข้าเห็นในสวนของท่านล้วนปลูกมันแกว อยากจะมาถามท่านว่า มันแกวนี้ ท่านรับจากข้างนอกหรือไม่ขอรับ?”
สวี่ตี้กล่าว “มันแกวนี่ไม่ได้แค่เอามาวางไว้เช่นนี้หรอกนะ ต้องเอามาหั่นเป็แผ่นแล้วตากให้แห้ง เก็บเอาไว้กินได้เป็ปีก็ไม่มีปัญหา พวกนี้ล้วนเป็อาหารนะขอรับ”
หัวหน้าหมู่บ้านหัวเราะแล้วกล่าว “การเก็บเกี่ยวของสองปีมานี้ดีมากขึ้น อาหารที่เก็บได้มาก็เยอะพอสมควร พวกเราคิดว่าจะสามารถเอามันแกว แล้วก็ข้าวโพดขายออกไป แล้วก็ให้ในมือมีเงินมากขึ้นหน่อยน่ะขอรับ”
สวี่ตี้ครุ่นคิด “ท่านลุง จะเอาของขายออกไปทั้งอย่างนี้ขายไม่ได้เงินมากเท่าไหร่หรอกขอรับ หลังจากมันแกวเติบโตดีแล้ว ท่านก็เอามันไปต้มให้สุก จากนั้นก็ทำให้เป็แผ่นบางๆ เอามาตากแห้ง เก็บเสร็จแล้วก็เอาไปขายในเมือง แบบนั้นจะขายได้เงินดีหน่อยขอรับ”
ผู้ใหญ่บ้านได้ยินแล้วก็จะทำความเคารพสวี่ตี้อีกรอบ จนสวี่ตี้รีบห้าม “ท่านลุง ข้าอายุยังน้อย ท่านทำความเคารพข้าเช่นนี้ไม่ได้ขอรับ”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “คนในสวนต่างพูดว่าท่านเป็คุณชายที่สอบได้จวี่เหรินแล้ว ข้าน้อยต้องทำความเคารพท่านเป็เื่ที่สมควรแล้วขอรับ ขอบคุณที่ท่านบอกวิธีนี้มา รอเก็บมันแกวมาแล้วพวกเราจะลองทำดูขอรับ”
สวี่ตี้กลับมาถึงเรือนได้ไม่ถึงสองวัน เจิ้งป๋อหยวนก็มาหา หลังจากเจิ้งป๋อหยวนไปทักทายฮูหยินผู้เฒ่ากับหย่งหนิงโหวเย่ ก็ตามสวี่ตี้ไปที่เรือนของสวี่ตี้
ตอนนี้เป็เวลาเที่ยงแล้ว เพราะว่าเจิ้งป๋อหยวนอยู่ทานข้าวด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าจึงให้แม่นมเสิ่นส่งอาหารสองอย่างมาให้โดยเฉพาะ โหวเย่ก็ให้โรงครัวใหญ่เพิ่มอาหารมาอีกสองอย่าง สุดท้ายป้าใหญ่ที่ดูแลเรือนก็สั่งให้คนเอามาให้อีกสองอย่าง เดิมทีสวี่ตี้สั่งคนในโรงครัวให้เอาอาหารมาสี่อย่าง ตอนนี้บนโต๊ะมีอาหารถึงสิบจานใหญ่
เจิ้งป๋อหยวนมองอาหารสิบอย่างที่ล้วนเป็อาหารหายากก็ถอนหายใจ “คนในจวนของท่านกลมเกลียวกันดี ยังต้องกังวลว่าจะเคลื่อนเขาไท่ซานไม่ได้อีกหรือขอรับ”
สวี่ตี้ตักอาหารให้เจิ้งป๋อหยวน “ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็โหวเย่ของพวกเราต่างเป็คนที่เข้าใจแจ่มแจ้ง มีคนเช่นนี้คอยนำ เื่อื่นๆ ก็ไม่เบี่ยงเบนไปถึงไหนหรอก”
เพราะว่าทั้งสองคนต่างยังอายุไม่ถึงสิบแปด สวี่ตี้ไม่ได้ดื่มเหล้า จึงเทน้ำชาให้กับเจิ้งป๋อหยวนแล้วก็ตัวเอง “พวกเราสองคนยังอายุไม่มาก ร่างกายยังเติบโตไม่เต็มที่ ดื่มเหล้าไม่ดี พวกเราก็ดื่มน้ำชาแทนเหล้า มา ดื่มกันก่อน”
เจิ้งป๋อหยวนรีบยกจอกชาตรงหน้าของตัวเองขึ้นมา หลังจากทั้งสองคนดื่มไปแล้ว ก็กินข้าวไป พูดคุยเล่นกันไป
หลังจากเจิ้งป๋อหยวนกลับไป ก็ไปทำความเคารพย่าของตนเองก่อน ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นหลานชายคนโตที่ไม่ได้เจอมาปีกว่า หญิงชราก็กอดเจิ้งป๋อหยวนร้องไห้ เจิ้งป๋อหยวนเองก็ร้องไห้ตามไปด้วย จะอย่างไรเขาก็เป็เด็กอายุสิบสาม ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ไม่ได้ถามเจิ้งป๋อหยวนว่าไปที่ใดมา เพียงแค่พูดว่าต่อไปเจิ้งป๋อหยวนจะต้องพาน้องสาวออกไปใช้ชีวิตแล้ว เช่นนี้พอนางตายไปก็มีหน้าไปเจอมารดาของเจิ้งป๋อหยวนแล้ว
ผิงซีโหวเย่หรือก็ให้เจิ้งป๋อหยวนไปพบที่ห้องตำราของตัวเอง ใจคิดอยากจะสั่งสอนลูกชายที่ไม่เชื่อฟังคนนี้เสียหน่อย ทั้งคิดได้ว่าผังครอบครัวได้แก้ไขไปแล้ว ตอนนี้เจิ้งป๋อหยวนเป็ลูกชายของท่านลุงผู้เป็ญาติที่เสียไปั้แ่ยังหนุ่ม แล้วเป็หลายชายของตนไปเสียแล้ว ในใจก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา “ทำตามความ้าของเ้าและลุงใหญ่ของเ้า เรือนก็แบ่งให้เ้าแล้ว เครื่องเรือนก็ส่งให้เ้าไปแล้ว ต่อไปเ้าก็เป็ลูกของเรือนสองแล้ว”
เจิ้งป๋อหยวนทำความเคารพผิงซีโหวเย่ “ขอบคุณท่านลุงที่ดูแลขอรับ”
ผิงซีโหวเย่ฟังถึงประโยคนี้ ความโกรธก็จุกอยู่ที่ลำคอ จะออกมาก็ไม่ได้จะกลืนลงไปก็ไม่ได้ ลำบากมากจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช่พ่อลูกกันแล้ว อยากจะตำหนิสักหลายประโยคก็ไม่มีสิทธิ์ คิดว่าไม่เห็นมันเสียจะดีกว่า จึงทำได้แค่โบกมือให้รีบกลับไปที่เรือนของตน
เจิ้งหยวนหยวนน้องสาวของเจิ้งป๋อหยวนได้พาคนดูแลข้างกายมารออยู่ภายในเรือน พอเห็นพี่ชายของตนกลับมาแล้ว ก็พุ่งเข้าไปสู่อ้อมกอดของพี่ชายแล้วร้องไห้ออกมา นี่กลับทำให้ในใจของเจิ้งป๋อหยวนเ็ปมาก หลังจากปลอบใจน้องสาวเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มีเวลามาดูเรือนที่แบ่งให้ตนเอง
เพราะว่าเป็เรือนที่แบ่งออกมาจากเรือนหลักของจวนผิงซีโหว จึงนำเรือนหลังใหญ่ที่อยู่ใกล้กับกำแพงด้านหลัง บวกกับสองเรือนฝั่งตะวันออกและตะวันตกเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ก่อกำแพงแยกกับจวนผิงซีโหว ก่อนจะสร้างประตูที่กำแพงด้านหลังให้หนึ่งช่องทาง
เพราะว่าทางด้านตะวันออกอยู่ใกล้กับเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า หญิงชราจึงขอให้ทำประตูด้านข้างเอาไว้หนึ่งบาน ปกติแล้วจะมาลั่นดาล เจิ้งหยวนหยวนสามารถเข้าออกเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าได้บ่อยครั้ง แบบนี้จึงสะดวกมาก
เจิ้งหยวนหยวนอะไรก็ไม่รู้เื่ ถูกคนขนสัมภาระของตัวเองย้ายมาอยู่ในเรือนนี้ ตอนแรกเจิ้งหยวนหยวนใมาก แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเล่าเื่ราวทั้งหมดให้ฟัง สุดท้ายก็กล่าว “หยวนหยวน ย่าอายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ เ้าแยกออกไปกับพี่ชายเช่นนี้ จะอย่างไรก็มีทางรอด พี่ชายของเ้าเป็คนที่มีความสามารถ ต่อไปเชื่อฟังพี่ชาย ใช้ชีวิตกับพี่ชายดีๆ นะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้