ชาร์ลส์นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของโบสถ์ ใบหน้าเคร่งขรึมจ้องมองวงล้อแกะสลักสัญลักษณ์ศาสนาอย่างครุ่นคิด แสงเทียนสลัวส่องกระทบใบหน้าคมคาย เงาตะคุ่มทอดยาวบนพื้นหินอ่อนเย็นเยียบ เขาได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนเดินเข้ามา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ บนม้านั่งยาว
อีไลอัสหมอนิติเวชหันมามองเขา "คุณมีเื่อะไรอยากปรึกษาผมหรือ?"
"ผมมีเื่อยากถามสองเื่" ชาร์ลส์ตอบ สายตายังคงมองตรงไปยังสัญลักษณ์ศาสนาอย่างครุ่นคิด "แรกสุด… เพื่อนผมเขาประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียความทรงจำ จำอดีตอะไรไม่ได้เลย พอจะมีทางช่วยเหลือบ้างไหม?"
อีไลอัสขมวดคิ้วฟัง ก่อนจะเอนหลังพิงพนักม้านั่งแล้วถอนหายใจ "อาการนี้เรียกว่าภาวะความจำเสื่อม เกิดจากสมองได้รับความกระทบกระเทือนหรือมีความผิดปกติทางเคมีในร่างกาย แม้จะไม่ได้พบบ่อยแต่ก็ไม่ถือว่าหายากนัก"
"โดยปกติแล้ว ความทรงจำจะค่อยๆ กลับมาเองหลังผ่านการรักษาสักพัก เพราะร่างกายมนุษย์มีความสามารถในการซ่อมแซมตัวเองได้อย่างน่าทึ่ง แต่ถ้าอาการหนักหรือปล่อยทิ้งไว้นานๆ ก็อาจกลายเป็ภาวะความจำเสื่อมถาวรไปเลย"
ชาร์ลส์หันกลับมาประสานสายตากับอีไลอัส มีแววกังวลผุดขึ้นในดวงตาสีน้ำตาลเข้ม
"แล้วมีทางรักษาให้หายขาดได้ไหม?"
อีไลอัสส่ายหน้าเบาๆ ใบหน้าฉายแววเห็นใจ
"ความจริงแล้วภาวะความจำเสื่อมเป็อาการที่ซับซ้อนมาก ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมันอยู่มากในสังคม วิธีหลักๆ ที่ใช้กันก็คือการบำบัดความจำ กระตุ้นสมองด้วยสิ่งเร้าต่างๆ เพื่อให้คนไข้ค่อยๆ นึกถึงอดีตได้มากขึ้น"
เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"แต่ที่สำคัญที่สุดกลับเป็ตัวคนไข้เอง เขาต้องมีใจสู้ มีแรงบันดาลใจ และได้รับกำลังใจเต็มที่จากคนรอบตัว การเยียวยาทางใจมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการรักษาทางกายเลย ความรักและความเข้าใจจากคนใกล้ชิดจะเป็ส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยสามารถก้าวผ่านอุปสรรคไปได้"
ชาร์ลส์ผงกศีรษะช้าๆ
"ถ้าอย่างนั้น… หากมีเื่เลวร้ายในอดีตที่เขาไม่อยากจดจำล่ะ? คุณว่าคนไข้อาจเลือกที่จะไม่อยากนึกถึงมันได้หรือเปล่า?"
อีไลอัสเงยหน้ามองชาร์ลส์ มุมปากยกขึ้นเป็รอยยิ้มบางๆ อย่างเข้าใจ
"ถือว่าเป็คำถามที่น่าสนใจเลยนะ ความเ็ปกับความทรงจำมักเป็ของคู่กัน การหลีกหนีมันอาจดูเหมือนทางออกที่ง่ายดาย แต่อดีตทุกอย่างไม่ว่าดีหรือร้ายล้วนมีส่วนหล่อหลอมเราให้เป็อย่างทุกวันนี้"
เขาถอนหายใจยาว ดวงตาฉายแววเศร้าสร้อยเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความหลัง
"อดีตไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งเดียวที่พอทำได้คือการเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับมัน ไม่ว่าเพื่อนของคุณจะเลือกจำหรือลืมมันไป สิ่งสำคัญคือการอยู่เคียงข้างและสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ แค่นั้นก็ช่วยได้มากแล้ว"
ชาร์ลส์อมยิ้มรับ ประทับใจกับคำพูดของอีไลอัสเป็อย่างมาก เขากล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ก่อนจะนั่งเงียบไปพักใหญ่เพื่อไตร่ตรองกับสิ่งที่ได้ยินมา
อีไลอัสรอคอยคำถามต่อไปอย่างใจเย็น เขารู้ว่าคำตอบข้างต้นอาจส่งผลอะไรต่อความรู้สึกของชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ สายตาของหมอจับจ้องไปยังประกายเปลวไฟจากเทียนที่วูบไหวตามแรงลม
'คำพูดของหมออีไลอัสก็คล้ายกับหมอคนอื่นๆ คงไม่มีอะไรใหม่ไปกว่านี้อีกแล้ว' ชาร์ลส์คิดในใจ ก่อนจะถามข้อสงสัยต่อไป
"ตอนผ่าชันสูตรร่างของ โทมัส ไรท์ คุณเคยบอกว่าเจอรอยฟกช้ำเหมือนถูกทำร้าย เพราะงั้นสาเหตุการตายจริงๆ อาจมาจากการถูกทุบตี ไม่ใช่เพราะพิษเออร์กอตหรือเปล่า?"
อีไลอัสส่ายหัวเชิงปฏิเสธ "ไม่ใช่หรอก รอยฟกช้ำเ่าั้ถูกทำมาก่อนเสียชีวิตซะอีกแต่อาจจะมีบางรอยที่พึ่งปรากฏมาหลังจากเสียชีวิตบ้าง แต่การเสียชีวิตของเขามาจากพิษเออร์กอต อย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อเทียบกับอีกศพที่เจอในห้อง พิษในร่างของโทมัสนั้นมีมากกว่า เทียบกับน้ำหนักตัวและวัยของเขา พิษที่ได้รับปริมาณสูงมาก"
"เอ็ดมันด์เคยบอกว่าโทมัสชอบยืมเงินคนอื่นแล้วเบี้ยวไม่ยอมคืน รอยฟกช้ำอาจมาจากการโดนเ้าหนี้ทำร้ายเอาก็ได้"
ทันใดนั้นเสียงประตูไม้ที่ถูกผลักเปิดก็ดังะเืไปทั่วห้องโถง ทั้งสองผวาหันไปมองตาม เห็นร่างของเ้าหน้าที่พิทักษ์เมืองนายหนึ่งกำลังวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหาพวกเขา
"คุณหมอ! เกิดเื่ใหญ่แล้ว มีคนตายในหมู่บ้านอีกแล้วครับ!"
ประโยคนั้นเรียกสีหน้าใจากทั้งสองคนได้อย่างง่ายดาย พวกเขาผลุนผลันลุกขึ้น รีบวิ่งออกจากโบสถ์ตามทหารนายนั้นไปทันที หัวใจเต้นระรัว สมองเต็มไปด้วยคำถามนับพัน
ฝนพึ่งหยุดตกไปได้ไม่นานทิ้งความเปียกชื้นเอาไว้ในอากาศ พื้นดินโคลนยังแฉะปอด ผู้คนมุงดูเหตุการณ์กันเนืองแน่น เหล่าเ้าหน้าที่ต้องช่วยกันกั้นผู้คนไม่ให้เข้าใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็บ้านทรงสองชั้นสวยงามหลังหนึ่ง มันคือบ้านของอดีตผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อเข้าไปในตัวบ้าน เขาเดินขึ้นบันไดไปยังห้องชั้นบนพร้อมกับอีไลอัส สิ่งแรกที่เห็นคือร่างสตรีนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง ผู้ตายคือ แมรี่ ธอร์น ภรรยาของอดีตผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน เป็หญิงสาวคนรูปร่างหน้าตางดงาม แต่สภาพศพของเธอตอนนี้กลับไม่หลงเหลือเค้าความงามเ่าั้อีกต่อไป
อีไลอัสรีบก้าวเข้าไปตรวจอย่างละเอียด ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ร่างกายของเธอเย็นเฉียบ ไร้ลมหายใจ เธอเสียชีวิตบนเตียงในชุดนอนสภาพที่ ทั้งผิวซีดเผือด เืกำเดาไหล มีแผลพุพองตามร่างกาย และที่สำคัญคือมีอาการชักเกร็งจนข้อต่อแขนขาผิดรูป ซึ่งเหมือนกับสภาพของ โทมัส ไรท์ ที่เจอในป่า แค่ยังไม่ถูกหมาป่ากัดกินก็เท่านั้น
"ศพสภาพผิดปกติชัดเจน" อีไลอัสพึมพำ
ชาร์ลส์เลิกคิ้ว "ผิดปกติอย่างไรครับ?"
อีไลอัสลุกขึ้นยืน จ้องสบตากับเขา "ปริมาณสารพิษเออร์กอต ในร่างเธอนี่สูงผิดธรรมชาติมาก มันเป็สาเหตุหลักที่ทำให้เธอเสียชีวิตในทันที" อีไลอัสอธิบาย แล้วก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา "เดี๋ยวนะ! ช่วยนำศพกลับไปที่โบสถ์ด้วย ผมอยากตรวจสอบอะไรสักอย่าง"
เหล่าเ้าหน้าที่รีบปฏิบัติตาม ขนร่างของหญิงสาวขึ้นรถม้า ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของชาวบ้าน ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งในเสื้อผ้าชั้นดีก็วิ่งมุดฝ่าฝูงชนเข้ามา ร้องไห้โฮ พยายามเข้าหาร่างของผู้ตายแบบสุดกำลัง แต่ก็ถูกกันออกไปด้วยฝีมือของทหารพิทักษ์เมือง
ชาร์ลส์หันไปถามทหารที่ยืนใกล้ๆ "ใครกันครับนั่น?"
"อ๋อ คนนั้นชื่อ เรจินัลด์ ไวน์ยาร์ดส์ เป็เศรษฐีหนุ่มเ้าของไร่องุ่นใหญ่ที่สุดของหมู่บ้าน เขาเป็คู่หมั้นใหม่ของแมรี่ผู้ตาย"
ชาร์ลส์สังเกตสีหน้าไม่พอใจของทหารคนนั้น "หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็สามีเก่าของเธอเพิ่งเสียไปได้ไม่นาน เธอก็ได้มั่นหมายกับเขา หลายคนไม่พอใจเื่นี้กันมากเลยละ"
ชาร์ลส์พยักหน้ารับทราบ สายตาหันกลับมาจับจ้องไปที่ศพ มันช่างน่าสนใจ เพราะความผิดปกติของเหตุการณ์ที่ผ่านมา
พวกเขานำศพกลับไปที่โบสถ์เพื่อชันสูตรอย่างละเอียด ครั้งนี้ชาร์ลส์เลือกที่จะนั่งรอด้านนอกเพื่อไม่ให้เป็การรบกวนสมาธิของอีไลอัส หลายชั่วโมงผ่านไป เขาเริ่มใจลอยคิดถึงเื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น จนแทบไม่ทันสังเกตเห็นว่าหมออีไลอัสเดินกลับออกมาแล้ว
"ว่าไงบ้าง มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ?" ชาร์ลส์ลุกพรวดถาม
อีไลอัสถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในมือถือกระดาษโน้ตที่จดบันทึกอะไรไว้มากมาย
"ตามที่สงสัยไว้เลย ปริมาณพิษในร่างเธอสูงผิดธรรมชาติจริงๆ ผมเลยกลับไปตรวจศพของโทมัสใหม่อีกรอบ ก็พบว่ามีปริมาณพิษในระดับนี้เช่นกัน และยังมีรอยช้ำตามตัวของเธอด้วย"
"แล้วมันสูงขนาดไหนเหรอครับ?" ความสงสัยผุดขึ้นเต็มอก
"ถ้าให้ผมเทียบง่ายๆ สมมุติว่าขนมปังหนึ่งก้อน มีเมล็ดข้าวไรย์ที่มีเชื้อราเออร์กอตปนเปื้อนอยู่ในปริมาณที่พบได้ทั่วไปมาเทียบ โทมัสและแมรี่ พวกเขาจะต้องกินขนมปังที่ปนเปื้อนสารพิษนี้ถึงยี่สิบก้อนถึงจะมีความเข้มข้นของสารพิษในร่างกายสูงระดับนี้!"
ชาร์ลส์อ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างด้วยความใระคนสงสัยกับตัวเลขที่ได้รับรู้
"นั่นมันเยอะมาก แทบจะเป็ไปไม่ได้เลยที่คนคนหนึ่งจะกินขนมปังหลายก้อนภายในเวลาอันสั้นขนาดนี้ โดยไม่รู้ตัวว่ามีอะไรผิดปกติ ไม่สิคนธรรมดาที่ไหนจะกินขนมปังได้มากขนาดนั้นได้มื้อเดียว แถมชาวบ้านคนอื่นก็ยังไม่มีอาการอะไรคล้ายกันอีก..."
ก็สงสัยที่นักสืบหนุ่มกล่าวออกมาด้วยตนเองนั้นทำให้เอะใจบางอย่าง
"นั่นไง!" ชาร์ลส์ฟาดฝ่ามือลงบนหลังมืออีกข้าง "เห็นชัดเจนเลยว่าพวกเขาไม่ได้รับสารพิษมาจากการกินตามปกติแน่ๆ แล้วถ้าสารพิษนี้มาจากทางอื่นละ? เช่น การฉีดหรือผสมโดยตรง ปริมาณของที่กินโดยทำให้ตายก็น่าจะน้อยกว่านี้เยอะ"
ดวงตาของอีไลอัสเป็ประกาย เหมือนเพิ่งนึกอะไรออก
"ใช่แล้ว! ถ้าใช้สารพิษเข้มข้นที่สกัดออกมาจากเชื้อรา ผสมเข้าไปในอาหารหรือเครื่องดื่ม มันก็จะซ่อนกลิ่นสีไปกับอาหารได้ง่าย ปริมาณไม่ต้องเยอะก็กินแล้วตายได้แน่ๆ"
"ตรงนี้แหละที่น่าสนใจ" ชาร์ลส์พยักหน้าเห็นด้วย "พิษที่ว่านี่ต้องมีคนจงใจสกัดมันออกมา มิฉะนั้นจะมีฤทธิ์มากขนาดนี้ไม่ได้เด็ดขาด"
"นี่เราอาจจะกำลังเผชิญหน้ากับฆาตกรโรคจิตที่ใช้พิษ เออร์กอตเป็อาวุธสังหารอยู่ก็ได้" ชาร์ลส์กัดฟัน กำหมัดแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว "เราต้องรีบจับตัวมันให้ได้ ก่อนที่จะมีใครต้องตายไปมากกว่านี้"
ทั้งสองมองหน้ากัน ต่างก็รู้ดีว่านี่เป็เพียงจุดเริ่มต้นของคดีสุดสยองที่พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ พวกเขาต้องผนึกกำลังกันสืบหาความจริง ไม่ว่าจะต้องเสี่ยงภัยเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม
ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นต่อไป ชาร์ลส์ได้ถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตายของ แมรี่ ธอร์น เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพิ่มเติม
‘แมรี่ ธอร์น จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น พบว่าเธอเสียชีวิตเมื่อประมาณเที่ยงคืน ในห้องส่วนตัวชั้นบนของบ้าน ประตูหน้าต่างถูกล็อกจากด้านใน ไม่พบร่องรอยจากการบุกรุกหรือต่อสู้ใดๆ แต่พบรอยฟกช้ำบนแขนและลำตัว
โทมัส ไรท์ น่าจะเสียชีวิตราวหนึ่งถึงสองวันก่อนถูกพบในป่าใกล้หมู่บ้านมีรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย บางรอยได้รับมาก่อนเสียชีวิต บางรอยก็พึ่งเกิดหลังจากเสียชีวิต’ ชาร์ลส์วิเคราะห์ข้อมูลที่พึ่งได้รับมา
วันนี้จึงเป็อีกวันที่เหนื่อยยากสำหรับเขา สิ่งที่เขาจำเป็จะต้องทำต่อไปนี้คือ
หนึ่ง ตรวจสอบหลักฐานนิติเวช ขั้นตอนนี้ไม่จำเป็ที่เขาจะต้องตรวจซ้ำอีกแล้ว ก่อนหน้านี้หมออีไลอัสได้ตรวจสอบอย่างละเอียดและบอกกับเขาหมดแล้ว
สอง สำรวจที่เกิดเหตุและพื้นที่โดยรอบอย่างทั่วถึงและสอบถ้าชาวบ้านแถบนั้นกับคนรู้จักของผู้ตาย
สาม วิเคราะห์ลำดับเหตุการณ์จากข้อมูลที่ได้รับมา ประมวลข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดที่ได้ เพื่อสร้างภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นชาร์ลส์ใช้เวลาทั้งวันเดินสำรวจตรวจสอบสถานที่ต่างๆ ในหมู่บ้าน พูดคุยสอบปากคำผู้ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหยื่อ ทั้ง เอ็ดมันด์ ชาวบ้านผู้น่าสงสัย รวมถึงเ้าหน้าที่ท้องถิ่นจนถึงบาทหลวงด้วย เก็บข้อมูลจากทุกแง่ทุกมุมเท่าที่จะหาได้ เพื่อมารวบรวมวิเคราะห์เป็ภาพใหญ่ของคดี
ชาร์ลส์เข้าป่าค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว เขาพาทหารติดอาวุธมาเป็องครักษ์เผื่อเจออันตรายอย่างครั้งก่อน ณ จุดที่พบศพของโทมัส ดินโคลนยังอุ้มความเปียกชื้น แต่สภาพศพก็ถูกย้ายออกไปแล้ว
ยามค่ำคืนมาเยือน ชาร์ลส์นั่งอ่านทบทวนบันทึกหลักฐานที่รวบรวมมาทั้งหมดอยู่ในห้องพักแคบๆ เทียนไขสีส้มให้แสงสลัวนวล ควันบางๆ ลอยกรุ่นกลางอากาศ เงาตะคุ่มของเขาทอดยาวบนผนังด้านหลัง ขยับไหวไปมาตามแรงลมจากหน้าต่าง มือขยับปากกาขนนกลงบนกระดาษที่ยืมมาจากเอ็ดมันด์ สรุปผลการสืบสวน
ไม่นานเขาก็รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเป็หมวดหมู่ สรุปออกมาเป็ลำดับเหตุการณ์ชัดเจน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้