หลังกลับถึงที่พัก สีหน้าของเซียวเฉินก็กลับสู่ความเรียบเฉย ซ่อนอารมณ์ในดวงตาจนมิดชิด จึงย่างเท้าเข้าด้านใน มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยเห็นเซียวเฉินกลับมาก็เข้ามาหา
“เป็อย่างไรบ้าง?” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ถาม
เซียวเฉินยิ้ม “อะไรเป็อย่างไร?”
จี๋เสวี่ยเอ่ย “อาจารย์ใหญ่เรียกเ้าไปคุยเพราะเ้าสังหารลั่วเฉินอวี่ใช่หรือไม่?”
เซียวเฉินส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่แน่นอน ข้ากับลั่วเฉินอวี่ต่อสู้เป็ตาย ไม่ผิดกฎสถานศึกษา”
“แล้วอาจารย์ใหญ่เรียกเ้าไปทำไม?”
สตรีสองนางไม่เข้าใจ
“อาจารย์ใหญ่เห็นข้าหน้าตาหล่อเหลา จึงเรียกไปคุยเื่ชีวิต [1]” เซียวเฉินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาจริงใจ มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ไสหัวไปเลย!”
สตรีสองนางพูดพร้อมกัน
“ได้เลย ข้าไสหัวไปนะ”
ว่าแล้ว เซียวเฉินก็กลับห้อง ไม่ออกมาจริงๆ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเงาหลังของเซียวเฉินแล้วความรู้สึกบอกนางว่าเขามีเื่ปิดบัง
ตกกลางคืน รอบด้านเงียบสงัด แมลงฤดูร้อนร่ำร้อง จันทร์กระจ่างลอยกลางฟ้า แสงจันทร์สาดส่องลงมา สะท้อนให้เห็นสำนักในชัดเจนเป็พิเศษ
ส่วนเซียวเฉินกลับครุ่นคิดด้วยสีหน้าหนักใจ
เขาสังหารองค์ชาย ฮ่องเต้ต้องรู้แน่นอน เขาไม่กลัวตาย แต่เกรงจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน ทำให้จี๋เสวี่ยเดือดร้อน ทำให้พี่ใหญ่หลินคุนกับสือเทียนเดือดร้อน และยิ่งเกรงว่าจะทำให้มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เดือดร้อน
สายตาของเซียวเฉินมีอารมณ์ซับซ้อนวาบผ่าน
ตัดสินใจแต่แรก กลับไม่กล้าลงมือทำจริงๆ
เขาหักใจไม่ได้
เขากำลังลังเล
ในเวลานี้เอง มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เดินมาจากข้างนอก เห็นเซียวเฉินมีสีหน้าซับซ้อนก็หวั่นไหว ไม่รู้เพราะเหตุใด เด็กหนุ่มตรงเบื้องหน้ามักจะมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของนาง
นางเดินไปหาช้าๆ
“เซียวเฉิน เ้ามีเื่ปิดบังข้า”
น้ำเสียงของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์แ่เบา เบาจนมีเพียงพวกเขาสองคนที่ได้ยิน แต่กลับมั่นอกมั่นใจ
เซียวเฉินยิ้ม
“เชี่ยนเอ๋อร์ เ้าเข้าใจข้ามาก”
“เพราะเ้าไม่รู้ว่าจะปิดบังอารมณ์ของตนเองเช่นไร”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์งามสะคราญ
“เชี่ยนเอ๋อร์ เ้ารู้จักการประลองห้าสถานศึกษาหรือไม่? เล่าให้ข้าฟังหน่อย?” ผ่านไปเนิ่นนาน เซียวเฉินจึงเอ่ยช้าๆ มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อึ้งงัน แม้ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ก็ยังอธิบายให้เซียวเฉินฟัง
“การประลองห้าสถานศึกษา คือ งานประลองยุทธ์ของสถานศึกษาห้าแห่ง ห้าปีมีหนึ่งครั้ง ศิษย์ในสถานศึกษาร่วมประลองเพื่อนำชื่อเสียงมาสู่สถานศึกษา แต่จำเป็ต้องมีอายุต่ำกว่าสามสิบปี และอย่างน้อยต้องมีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าจึงจะสามารถเข้าร่วมได้ และใช้การประลองเพื่อจัดอันดับสถานศึกษาทั้งห้า”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว “การประลองห้าสถานศึกษาครั้งที่แล้ว สำนักชางหวงเราอยู่อันดับสาม สถานศึกษาเซิ่งเต้าอยู่อันดับหนึ่ง สถานศึกษาตี้ซิงอยู่อันดับสอง ตอนนั้นซูเฉินเทียนและลั่วเฉินอวี่ยังไม่ได้เข้าสถานศึกษา”
เล่าถึงตรงนี้ สีหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็แฝงแววภาคภูมิ
“การประลองห้าสถานศึกษาจัดขึ้นที่ใด?”
“เมืองหลวง เมืองชางเซิ่ง!”
เซียวเฉินพึมพำ “เมืองหลวง...”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์มองเซียวเฉินแล้วเอ่ยถาม “ทำไมจู่ๆ เ้าจึงถามเื่นี้?”
เซียวเฉินยิ้มกล่าว “ข้าจะเข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษาในปีนี้ อีกทั้งอาจารย์ใหญ่ยังมอบภาระสำคัญให้ จึงต้องถามรายละเอียดแน่นอน ไม่เช่นนั้นมิขายหน้าสถานศึกษาหรือ?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ใ
เซียวเฉินจะเข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษา!
ต้องรู้ก่อนว่า คนที่จะเข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษาล้วนเป็หัวกะทิในหัวกะทิของแต่ละสถานศึกษา ทุกคนล้วนเป็อัจฉริยะในอัจฉริยะ อีกทั้งสิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องมีความสามารถขั้นเสวียนฟ้า ส่วนเซียวเฉินเพิ่งเข้าสถานศึกษาได้ไม่ถึงหนึ่งปี อาจารย์ถึงกับมอบหมายให้เข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษา
นางจะไม่ใได้อย่างไร
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เซียวเฉินต้องบรรลุขั้นเสวียนฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าหรือสูงกว่านั้นภายในหนึ่งปี
มิน่าเล่า เซียวเฉินจึงมีสีหน้าหนักใจ
เขาต้องมีแรงกดดันมหาศาลแน่
“ไม่ต้องกดดัน พยายามทำให้เต็มที่ก็พอ” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ยิ้มพลางปลอบโยน เซียวเฉินก็ยิ้มเช่นกัน จะไม่กดดันได้อย่างไร เกี่ยวพันถึงชีวิต ไฉนจะไม่กดดัน?
แต่เซียวเฉินกลับเอ่ยว่า “แน่นอน”
“อืม”
วันที่สอง เซียวเฉินเริ่มฝึกวิชาระยะยาว เขาไม่ใช้เคล็ดวิชาของสถานศึกษา ต่อให้เคล็ดวิชาแข็งแกร่งกว่านี้ จะเทียบกับเคล็ดวิชาขั้นศักดิ์สิทธิ์ในร่างของตนเองได้หรือ?
เซียวเฉินต้องทะลวงขึ้นขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าในเวลาหนึ่งปีให้ได้ ไม่เช่นนั้น เขาไม่มั่นใจว่า เมื่อเผชิญหน้ากับยอดคนของสถานศึกษาอื่นๆ อีกสี่แห่งแล้วจะคว้าอันดับหนึ่งได้
ไม่ใช่เพราะเขาดูถูกตนเอง ทว่าคนของสถานศึกษาอื่นๆ ก็ไม่โง่เขลา
บรรลุขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าภายในหนึ่งปี นับเป็การทดสอบครั้งใหญ่สำหรับเซียวเฉินจริงๆ
ดังนั้น เซียวเฉินต้องทุ่มสุดกำลัง
เมื่อมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์รู้ว่าเซียวเฉินเก็บตัวฝึกวิชาก็เลือกที่จะเก็บตัวฝึกวิชาเช่นกัน เพราะนางก็ได้รับแจ้งจากจั๋นอวี่ว่านางเป็หนึ่งในผู้ได้รับเลือกให้เข้าร่วมการประลองห้าสถานศึกษาปีนี้ด้วย จึงต้องบรรลุขั้นเสวียนฟ้าสองชั้นฟ้าภายในหนึ่งปี
กาลเวลาล่วงเลย พริบตาก็ผ่านไปสองเดือน เซียวเฉินอยู่ขั้นตานฟ้าเก้าชั้นฟ้าระดับสูงสุด ยังห่างจากขั้นเสวียนฟ้าอีก่หนึ่ง
ทว่าเขาไม่คิดจะเก็บตัวฝึกวิชาต่อ เพราะในเวลาสั้นๆ นี้ เขารู้แจ้งเคล็ดวิชาหนึ่ง เป็เคล็ดวิชาขั้นดิน
เคล็ดวิชาขั้นดิน ฮุนหยวน [2] ฉีกหัตถ์์ [3]
เซียวเฉินเปลี่ยนเคล็ดวิชาที่ฝึก เพราะหวังว่าจะหาโอกาสบรรลุในระหว่างฝึกวิชาได้
พริบตาก็ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน เซียวเฉินไม่เพียงฝึกฮุนหยวนฉีกหัตถ์์เคล็ดวิชาขั้นดินได้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังฝึกคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์ถึงกระบวนท่าที่หกด้วย เวลานี้ แม้เขายังไม่บรรลุขั้นเสวียนฟ้า แต่เขากลับมั่นใจว่าสามารถเอาชนะผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าได้!
เวลาผ่านไปสามเดือนแล้ว พริบตาก็เข้าสู่ฤดูหนาว เกล็ดหิมะโปรยปราย เซียวเฉินยืนอยู่ในลานเรือน พลังเสวียนอันทรงอำนาจท่วมสองมือ วิ่งพล่านไปทั่วดุจกระแสไฟฟ้า สายตาของเซียวเฉินจับนิ่ง
“ฮุนหยวนฉีกหัตถ์์!”
เซียวเฉินตวาด แสงเสวียนบนมือทั้งสองข้างะเิออกทันใด ปรากฏหัตถ์ั์คู่หนึ่งกลางอากาศ อานุภาพประหนึ่งฉีกกระชากท้องฟ้าได้ พริบตาก็กวาดม้วนเกล็ดหิมะขึ้นสู่นภากว้าง
ตูม!
เกิดอสนีบาต ฟ้าแลบฟ้าร้องกลางท้องฟ้าแจ่มใส
“น่าเกรงขามมาก!”
ด้านนอกพลันมีเสียงร้องชมดังขึ้น เซียวเฉินหันหน้าไปมองก็เห็นซูเฉินเทียนกำลังพิงประตูมองตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เวลานี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ซูเฉินเทียนสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาว หล่อเหลาโดดเด่น เซียวเฉินยิ้มกล่าว “ศิษย์พี่ซู ดูท่าคงแก้นิสัยแอบดูของท่านไม่ได้เสียแล้ว”
“จะประมือกันหรือไม่?”
ซูเฉินเทียนเป็ฝ่ายเชื้อเชิญ
เซียวเฉินอึ้งงันแล้วยิ้มทันที “ได้”
คนทั้งสองมาถึงที่ราบสูงแห่งหนึ่ง เวลานี้ถูกเกล็ดหิมะปกคลุมเป็ผืนสีขาว ทำให้คนอดเหยียบย่ำไม่ได้ คนทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน ดวงตาปรากฏเจตจำนงต่อสู้
ตูม!
คนทั้งสองลงมือพร้อมกัน สองหมัดปะทะ เกล็ดหิมะบนพื้นถูกะเืจนลอยฟุ้ง ทั้งสองใช้เคล็ดวิชาในเวลาเดียวกัน โจมตีจนพื้นเป็หลุมเป็บ่อ
แต่คนทั้งสองกลับเสมอกัน
พวกเขาสองคนยิ้มแล้วนำอาวุธออกมา ซูเฉินเทียนกุมหอกศึกบงกชทอง ท่วงท่าสง่างามเป็เอก เซียวเฉินถือกระบี่หนักเบิกฟ้า ลักษณะภาคภูมิหยิ่งทะนง
ต่างเป็บุคคลไร้เทียมทาน
“เกียรติยศแห่งบงกชทอง!”
“สิบปีเป็ตายไร้ขอบเขต จักรวาลทอดแสงทอง!”
ตูม!
บงกชทองปะทะกระบี่ทัณฑ์์ ภูผาพังทลายลงทันใด พื้นที่โล่งปริแตก คนทั้งสองต่างหมุนตัวร่อนลงพื้น
“ไม่เลว เก้าชั้นฟ้าระดับสูงสุดยังมีความสามารถถึงเพียงนี้ หากเ้าย่างสู่ขั้นเสวียนฟ้าต้องมีความสามารถมากกว่านี้แน่ คราวนี้สถานศึกษาชางหวงเราน่าจะชิงอันดับต้นๆ ในการประลองห้าสถานศึกษาได้” ซูเฉินเทียนยิ้มกล่าว ดวงตาฉายแววตกตะลึง ชื่นชมเซียวเฉินโดยไม่ปิดบัง
“น่าเสียดายที่สายตาของข้าไม่ได้มองไกลเพียงเท่านี้”
เซียวเฉินยิ้ม เปลี่ยนมุทรากระบี่ในมือ โจมตีด้วยกระบวนท่าที่หนึ่งในคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์ออกมาเป็แสงจรัส พัดพาหิมะลอยขึ้น หอกทองของซูเฉินเทียนกวาดขวาง แสงทองปรากฏขึ้นฉับพลัน พริบตาก็คลี่คลายอานุภาพกระบี่ได้
“โอ้? แล้วเ้า้าเช่นไร?”
“เป้าหมายของข้าคืออันดับหนึ่งในการประลองห้าสถานศึกษา...”
--
[1] คุยเื่ชีวิต เป็การพูดคุยในขอบเขตที่กว้างมาก ั้แ่การปฏิบัติตัวเป็คนดีไปจนถึงความเห็นต่อเื่ต่างๆ เช่น ความเห็นในเื่ชีวิต คุณค่า และการมองโลก
[2] ฮุนหยวน หมายถึง ปราณแรกกำเนิดฟ้าดิน
[3] หัตถ์์ หมายถึง มีพลังยิ่งใหญ่ ใช้มือเดียวบังฟ้าได้