“ใครจะไปอยากรู้!”เย่จวินชิงเบือนหน้าหนีอีกครา พลางกล่าววาจาอย่างไม่แยแส เหยาโม่หว่านหัวเราะเบาๆ หันกลับมาหาเปินเหลย
“ทำได้ดีนี่คือแนวทางการดำเนินการขั้นต่อไป กิจการที่หมั่งหยวนคงต้องฝากฝังไว้ที่เ้าแล้ว”เหยาโม่หว่านหยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมาจากแขนเสื้อส่งให้ ก่อนเอ่ยวาจาด้วยสีหน้าจริงจัง
“นายหญิงโปรดวางใจเปินเหลยจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง” เปินเหล่ยรับกระบอกไม้ไผ่มา พลางเหลือบสายตาไปที่เย่จวินชิงตามจิตใต้สำนึกแต่เมื่อเห็นเหยาโม่หว่านผงกศีรษะน้อยๆ ก็รู้ได้ว่าไม่อาจถ่วงเวลาได้อีก จึงรีบลงไปจากลงม้าทันที
หัวใจรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูกเหยาโม่หว่านเอนกายไปบนตั่งไม้ เหม่อมองไปบนหลังคารถม้า หมั่งหยวนอุดมไปด้วยแร่ธาตุและทองคำมากมายเป็ดินแดนที่ได้รับขนานนามว่ามีข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ มีอาณาเขตเชื่อมต่อระหว่างแคว้นฉู่กับแคว้นสู่แต่กลับมิได้รับการบันทึกอยู่ในแผนที่ ทั้งเป็ชนวนสร้างความขัดแย้งระหว่างสองแคว้นมาโดยตลอด
เพื่อให้ได้ที่ดินอันล้ำค่าผืนนี้เหยาโม่ซินได้ลอบส่งคนไปตั้งรกรากอยู่ที่นั่นระยะยาวลับหลังเย่หงอี้ ทั้งยังก่อตั้งโรงกษาปณ์โรงทอผ้า โรงสีข้าว จัดซื้อม้ารวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก่อตั้งเป็กองกำลังส่วนตัวส่วนผู้ที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เื้ัคือเหยาโม่ซิน เดิมทีนางตั้งใจว่าจะรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยบอกเื่นี้แก่เย่หงอี้หวังจะสร้างความตื่นเต้นดีใจให้แก่เขา แต่คาดไม่ถึงว่าบุรุษผู้นั้นกลับตัดหน้าสร้าง“ความประหลาดใจ” ให้กับนางก่อนก้าวหนึ่ง
หลังจากกลับถึงวังหลวงเย่จวินชิงลงจากรถม้าแล้วเดินจากไปเงียบๆ ไม่ได้สนทนากับเหยาโม่หว่านแม้แต่ประโยคเดียวนางเข้าใจความรู้สึกของเขาขณะนี้เป็อย่างดี ลูกน้องมือดีที่ตนเองภาคภูมิใจที่สุดกลับมาสวามิภักดิ์กับสตรีเช่นนางเขาต้องรู้สึกเหมือนถูกหักหลังเป็แน่ เหยาโม่หว่านกระดกมุมปากอย่างอดไม่ได้
ท่านไม่คิดต่อสู้ไม่่ชิง มิเป็ไร โม่หว่านพร้อมจะต่อสู้และ่ชิงแทนท่านเอง ต่อให้ต้องใช้เหลี่ยมเล่ห์เพทุบายขั้นไหนโม่หว่านก็จะ่ชิงเอาแผ่นดินต้าฉู่ที่งดงามกลับคืนมาสู่ผู้ที่คู่ควรเช่นท่านให้จงได้
“พระสนมดูเหมือนว่าซู่ชินหวางจะทรงไม่พอพระทัยนะเพคะ” ทิงเยว่ดูเหมือนจะอ่านรูปการณ์ออก จึงเข้ามากระซิบถาม
“ช่างเขาเถิด”เหยาโม่หว่านถอนหายใจเบาๆ ก่อนเดินไปทางตำหนักกวานจวีไปพร้อมกับบ่าวคนสนิททั้งสองคนขณะเดินผ่านอุทยานบุปผา จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางแ่เบาดังมาจากพุ่มดอกเหม่ยเหรินเจียว[1] ที่มีความสูงระดับเดียวกับศีรษะคนทางด้านซ้าย
“พระสนม?”หลิวสิ่งก้าวเข้ามายืนคุ้มกันอยู่ด้านหน้าของเหยาโม่หว่านด้วยสัญชาตญาณ สายตาจดจ้องไปที่พุ่มไม้สูงอย่างระแวดระวังเหยาโม่หว่านขยิบตาให้เขาเข้าไปดู หลิวสิ่งจึงะโเข้าไปในพุ่มไม้
ชั่วขณะนั้นจู่ๆ เหยาโม่หว่านก็เกิดความรู้สึกตื้นตันผุดวาบขึ้นมาในหัวใจ ต่อให้เบื้องหน้าสายตาจะเป็ูเามีดทะเลเพลิงขอเพียงแค่ตนเองขยิบตาเท่านั้น หลิวสิ่งก็พร้อมจะบุกฝ่าเข้าไปอย่างไม่ลังเล
เวลาผ่านไปราวๆครึ่งถ้วยชา [2] หลิวสิ่งก็อุ้มนางกำนัลที่ร่างกายเต็มไปด้วยาแคนหนึ่งออกมาจากพุ่มไม้
“ทูลพระสนมชะตาของนางยังไม่ถึงฆาต แต่ได้รับาเ็ไม่น้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ” นางกำนัลที่อยู่ในอ้อมแขนของหลิวสิ่งอยู่ในสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดำเขียว มีาแน้อยใหญ่ตามร่างกายนับไม่ถ้วน แววตาของเหยาโม่หว่านเย็นเยียบในบัดดลนี่ต้องเป็ฝีมือของคนสามานย์เยี่ยงอันปิ่งซานเป็แน่แท้
“หลิวสิ่งเ้าส่งนางไปรักษาตัวที่กระท่อมท้ายตำหนักฉางเล่อ หาทางต้มยาให้นางกิน พยายามรักษาชีวิตนางไว้ให้จงได้”เหยาโม่หว่านมองไปโดยรอบ โชคดีที่ไม่มีผู้ใดผ่านมาเห็น
“พ่ะย่ะค่ะ”หลิวสิ่งไม่แม้แต่จะถามสาเหตุ ขอแค่เป็คำสั่งจากเหยาโม่หว่าน เขาพร้อมจะจัดการทั้งสิ้นหลังหลิวสิ่งจากไปแล้ว นางค่อยเดินกลับตำหนักกวานจวีด้วยความรู้สึกเบาใจ
ขณะที่ย่างเข้าสู่ตำหนักเหยาโม่หว่านพลันแสดงสีหน้าประหลาดใจ เมื่อพบว่ามีบุรุษผู้หนึ่งนั่งกำลังอ่านม้วนตำราที่ถืออยู่ในมืออย่างพิถีพิถันเพียงแค่มองจากเค้าโครงใบหน้าคมสันด้านข้าง ก็รู้ได้ว่าเป็เย่หงอี้อย่างมิต้องสงสัยรูปร่างสูงใหญ่ ท่วงท่าสง่าผ่าเผย ดวงตาทั้งคู่กำลังจดจ้องดำดิ่งอยู่กับม้วนตำราตรงหน้าอย่างล้ำลึกในอดีต นางเคยถูกดึงดูดด้วยกลิ่นอายความมุ่งมั่นจริงจังเช่นนี้ในตัวเขา จนกระทั่งยอมบุกน้ำลุยไฟทำทุกสิ่งเพื่อ่ชิงแผ่นดินนี้มาให้เขาได้
บัดนี้เมื่อมาคิดดูแล้วก็ให้นึกเสียดายตำราของเหล่านักปราชญ์เมธีโบราณที่ต้องมาตกอยู่ในมือของคนชั่วช้าสามานย์เช่นนี้นับได้ว่าเสียของแท้ๆ
...
เชิงอรรถ
[1]ต้นเหม่ยเหรินเจียว เป็ไม้ดอกตระกูลเดียวกับพุทธรักษา มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ใบสีเขียวลักษณะเรียวแหลมดอกมีหลายสี ทั้งสีแดง สีเหลือง สีชมพู สีส้ม และสีขาว ออกดอกเป็ช่อ ช่อหนึ่งมี8-10 ดอก
[2]หนึ่งถ้วยชาเป็การบอกระยะเวลาของคนจีนสมัยโบราณ โดยเวลาหนึ่งถ้วยชามีค่าประมาณ10-14 นาที ดังนั้นเวลาครึ่งถ้วยชาจึงอยู่ประมาณ 5-7 นาที