บทที่ 106 ิญญาที่ไม่ยอมแพ้!
“โฮก โฮก โฮก!!"
ในเวลานี้ เสียงคำรามของสัตว์อสูรที่โกรธเกรี้ยวดังขึ้น มันเป็เสียงคำรามต่ำของราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิต เมื่อครู่นี้มันไม่ทันระวัง ทำให้ฉู่อวิ๋นวิ่งเอากระบี่มาทิ่มในปากเสียได้จนเืกบปาก เ็ปแสนสาหัสจนพูดไม่ได้ โกรธแค้นยิ่งนัก
มันเป็สัตว์อสูรระดับสูง เป็าาแห่งป่าสีเื ไม่เคยพบสิ่งมีชีวิตใดที่เทียบได้กับมันมาก่อน สัตว์ปีศาจทั้งหมดล้วนต้องคุกเข่าเคารพมันทั้งสิ้น
แต่ตอนนี้ มันกลับถูกมนุษย์ตัวจ้อยของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเล่นงาน ไปหน้าก็ไม่ได้ถอยหลังก็ไม่ถึง น่าหงุดหงิดเหลือเกิน
สิ่งที่ทำให้ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตใเป็ที่สุด คือด้วยความแข็งแกร่งของสัตว์ปีศาจระดับสูงของมัน กลับไม่อาจหักกระบี่เล่มเล็กๆ ที่อยู่ในปากได้! ทำได้เพียงปล่อยให้กระบี่ทิ่มอยู่ในปาก ในขณะที่เืก็ไหลรินอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ! เ้าสิงโตไร้สมองถูกมนุษย์หนุ่มหลอกให้แล้ว! มาดูข้ารัดคอเ้าดีกว่า!”
เมื่อเห็นว่าฉู่อวิ๋นกำลังใช้กระบี่ทิ่มปากของราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิต ัทองเช่นมันก็ยินดียิ่งนัก เมื่อเห็นว่านี่คือโอกาสทอง มันจึงผลาญแก่นแท้ทันที อากาศรอบตัวเย็นเยียบขึ้นมา ลำตัวยึดรัดหัวของราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตแน่นขึ้น
ด้วยเสียง “ฉึก” กระบี่ชื่อยวนก็ทะลุเข้าไปลึกขึ้น ทำให้ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตคำรามด้วยความเ็ป เืที่ไหลจากกราม้าของมันหยดย้อยจนย้อมตัวของฉู่อวิ๋นให้กลายเป็สีแดง
“โฮก--!”
ในเวลานี้ ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตที่ได้รับาเ็และถูกโจมตีจากทั้งภายนอกภายในก็ทนไม่ไหวจริงๆ พลังของมันอ่อนลงอย่างมาก
มันส่งเสียงครวญคราง เ็ปอย่างยิ่ง แต่ก็ยังพยายามดิ้นรนเพื่อกำจัดกระบี่ชื่อยวนอันแหลมคมที่คล้ายเสี้ยนหนามในปาก
“แย่แล้ว!”
ฉู่อวิ๋นอ่อนแอมากและรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่สู้ดีในใจ แม้ว่าราชันราชสีห์จะไม่สามารถกำจัดกระบี่ชื่อยวนที่ติดอยู่ในปากได้ แต่หากมันเคลื่อนไหวก็อาจทำให้ฉู่อวิ๋นสะดุดลิ้นของมันได้
ตอนนี้ ฉู่อวิ๋นทำได้เพียงใช้มือขวาจับด้ามกระบี่ไว้แน่น ไม่เช่นนั้นเขาก็จะตกลงไปในท้องของสัตว์อสูร สิ้นชีวิตอย่างแน่นอน
“อ๊ะ!!!"
เมื่อเห็นเช่นนั้น มู่หรงซินก็ร้องอุทาน ใบหน้าของนางซีดลงด้วยความหวาดกลัว ฉู่อวิ๋นอาจจะหมดแรงจับกระบี่ชื่อยวนได้ทุกเมื่อ และจะถูกราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตกลืนลงท้องได้ นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว
แต่เมื่อครู่ด้วยต้องใช้กำลังทั้งหมดยิงศรธนูกระดูกบพิตริญญา นางจึงาเ็สาหัสทั่วทั้งร่าง ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ จึงได้แต่เฝ้าดูอย่างช่วยอะไรไม่ได้
“ฉู่อวิ๋น... เ้ารอเดี๋ยว! ข้า... ข้าจะดึงเ้าออกมาเดี๋ยวนี้!” เมื่อเห็นลมหายใจของฉู่อวิ๋นเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ มู่หรงซินก็ทุ่มเททุกอย่าง พยายามอย่างหนักเพื่อหยัดกายที่บอบช้ำของตนเองให้ลุกขึ้นจนร่างกายอาบไปด้วยหยาดเหงื่อ
แต่ทันทีที่ยกปลีน่องขาวหยกขึ้น นางก็รู้สึกเจ็บแปลบอย่างรุนแรง ราวกับฟ้าร้องลั่นแล้วผ่ามาที่นาง ทำให้สติสัมปชัญญะมึนมัว เ็ปเกินจะทน
“ไม่ได้นะ... ยืนขึ้นมาสิ ลุกขึ้นยืน ฮือ...” มู่หรงซินร้องไห้ออกมา ดวงตาคู่งามแดงก่ำ โทษตัวเองที่พยายามกี่ครั้งก็ยังลุกขึ้นไม่ได้
นางอยากเห็นฉู่อวิ๋นตายไปเพราะความเหนื่อยล้ากับตาตัวเองหรือ?
“นี่... อย่าร้องไห้ รอ... แค่ก... รอจนกว่าข้าจะฆ่าสิงโตตัวเหม็นตัวนี้ได้ ข้าจะพาเ้าหนี…” ฉู่อวิ๋นพูดอย่างหนักแน่นโดยมีเืไหลออกจากมุมปาก
ตอนนี้ เืไหลจากหน้าผากของเขาไม่หยุด เขาเปิดตาขวาแล้วนอนอยู่บนลิ้นของราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิต มือขวาจับกระบี่ชื่อยวนไว้แน่น
“เ้าคนโง่เขลา! เ้าเป็... เ้าเป็ถึงขนาดนี้แล้วยังมีอารมณ์มาพูดแบบนี้อีก!” มู่หรงซินแสบร้อนที่จมูก นางร้องไห้เสียงดัง ฉู่อวิ๋นผู้นี้ยังคงไม่ยอมแพ้และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แต่เขาสามารถตายได้ทุกเมื่อนะ!
“โฮ่ โฮก!!”
ในเวลานี้ ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตคำรามอีกครั้ง มันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ กระบี่ชื่อยวนค่อยๆ จมลงไปในเพดานปากของมัน ถ้ากระบี่แทงทะลุเข้าไปในสมองได้ มันก็จะตายลงจริงๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงตึงดังขึ้นมา ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตหมดแรงล้มลงกับพื้น ทำให้เกิดฝุ่นควันลอยกระจายไปทั่วพื้นดิน
“ไอ้สิงโตเหม็น...ตายซะ!”
รัศมีของัทองก็อ่อนลงเช่นกัน แก่นแท้ที่เผาไหม้มาเป็เวลานานเปล่งแสง อากาศเย็นเยียบโอบรัดรอบลำคอแน่น เกล็ดทั้งหมดบนตัวของมันหลุดร่วงและมีเืไหลซึม เห็นได้ชัดว่าชีวิตของมันกำลังจะดับสิ้นเช่นกัน
ในเวลานี้ ทั้งฉู่อวิ๋นและสัตว์อสูรระดับสูงทั้งสองตัวจะตายเมื่อใดก็ได้ ทำให้เกิดสถานการณ์ไตรภาคี[1]
ตราบใดที่หนึ่งในนั้นเสียชีวิต สถานการณ์จะเปลี่ยนไปอย่างมาก
ถ้าฉู่อวิ๋นตายก่อน ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตจะกลืนกินเขา เพิ่มความแข็งแกร่ง และจะฆ่าัทองเสีย
ถ้าัทองตายก่อน ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็สามารถหลุดพ้นและสังหารฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินได้
และถ้าราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตตายก่อน ัทองก็จะชนะและมันอาจไม่ฆ่าใครเลย
สถานการณ์ในตอนนี้ละเอียดอ่อนยิ่งนัก อยู่ที่ว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน
สุริยอัสดงดั่งโลหิต จิรัฐิติกาลมืดมิดเยื้องกราย มองเห็นเสาศักดิ์สิทธิ์เล็กลงเรื่อยๆ ิญญาไฟศักดิ์สิทธิ์คล้ายแปรเปลี่ยนเป็ภาพลวงตา ราวกับว่ามันกำลังจะหนีไป
ครู่ต่อมา ฉู่อวิ๋น ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตและัทองยังคงต่อสู้กันอยู่ ไร้ซึ่งผลแพ้ชนะ พวกเขาทั้งหมดต่างอดทนกันอย่างเต็มที่
“กรุบ กรุบ กรุบ——”
“ฆ่า!!”
“บุกเข้าไป!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงโห่ร้องเข่นฆ่าดังมาจากด้านหลัง สัตว์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนร้องคำราม ทั้งดุร้ายและสง่างาม ดูคล้ายการต่อสู้นองเื
ด้วยความหวาดกลัวต่อาาสัตว์อสูรทั้งสอง บริเวณที่ใกล้กับเสาศักดิ์สิทธิ์นั้นว่างเปล่าและไม่มีสัตว์ปีศาจใดกล้าเข้าใกล้ ดังนั้นมู่หรงซินจึงค่อนข้างปลอดภัย เมื่อนางได้ยินเสียงจึงหันกลับไปจากระยะไกล ก็มองเห็นสัตว์ปีศาจทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีร่างมนุษย์ปรากฏขึ้นจริงด้วย!
มู่หรงซินเป็ผู้ฝึกธนูที่มีสายตาพิเศษ นางหรี่ตาลง ทันใดนั้นก็มีท่าทีประหลาดใจเพราะรับรู้ได้ว่าเงาร่างเ่าั้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นล้วนเป็ปรมาจารย์ชั้นนำของเมืองไป๋หยาง และพวกเขาก็เป็นักรบในความคุ้มครองของมู่หรงเจี๋ย!
"มีคนมาช่วยแล้ว! ตอนนี้มีคนมาช่วยแล้ว!"
เมื่อเห็นสิ่งนี้ มู่หรงซินก็ดีใจมาก นางยกมือที่หักขึ้นมาโบกอย่างยากลำบาก พร้ะโกน “พวกเราอยู่นี่! รีบมา... รีบมาเร็ว!"
แต่นางอ่อนแรง เสียงที่แ่เบาจึงถูกกลบด้วยเสียงะโของการเข่นฆ่าที่น่าหนวกหู
แต่โชคดีที่มีคนรีบเข้ามาใกล้เสาศักดิ์สิทธิ์
นั่นคือนักรบวัยกลางคนที่ชื่อมู่หรงเต๋อ เป็ลุงรองของมู่หรงซิน เขาเป็บุคคลที่แสนทรงพลัง แต่ตอนนี้ร่างกายกลับเต็มไปด้วยเศษชิ้นเนื้อ ทั่วร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเืสีสด และได้รับาเ็มาไม่น้อย
“เสี่ยวซิน!”
เมื่อเห็นว่ามู่หรงซินปลอดภัย มู่หรงเต๋อก็ยิ้มออกมาทันที เขาบุกฆ่าสัตว์ปีศาจเข้ามาหามู่หรงซิน ทว่าเมื่อเห็นราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตอยู่ตรงหน้าก็อดใไม่ได้
แม้ว่ามู่หรงเต๋อจะนับเป็ปรมาจารย์ระดับสูงของจวนมู่หรง แต่ระดับพลังยุทธ์ของเขานั้นเป็อันดับสองรองจากมู่หรงเจี๋ย เขามาถึงระดับหกขั้นมหาสมุทรแล้วก็จริง แต่ก็ยังด้อยกว่าสัตว์อสูรอย่างราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตและัทองอยู่ดี
“เสี่ยวซิน รีบไปเร็วเข้า! กองกำลังเราทนได้ไม่นาน!” มู่หรงเต๋อช่วยพยุงมู่หรงซินลุกขึ้นและแบกนางไว้บนบ่า ในขณะเดียวกันก็สังเกตราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตอย่างระมัดระวังและผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่ามันไม่อาจเคลื่อนไหวได้มากนัก
“เจ็บ!” มู่หรงซินกรีดร้องด้วยความเ็ป
“หือ?! เสี่ยวซิน เ้าได้รับาเ็หรือ?” มู่หรงเต๋อใ เขารีบตรวจสอบทันทีแล้วพูดขึ้น “เ้าเด็กซน ทำไม...แม้แต่กระดูกมือของเ้าก็หักด้วย?”
“อย่าเพิ่งพูดเื่นี้เ้าค่ะ!” มู่หรงซินกัดฟันและะโ “ลุงรอง รีบไปช่วยฉู่อวิ๋นก่อน! เขาอยู่ในปากราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิต เขากำลังฝืนตัวเองอยู่ในนั้น!”
“ฉู่อวิ๋น!?” มู่หรงเต๋อขมวดคิ้ว จากนั้นสังเกตราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตที่อยู่ไม่ไกลอีกครั้ง แน่นอนว่าครั้งนี้เขาพบว่าฉู่อวิ๋นเองก็กำลังจะตายแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นนอนอยู่บนลิ้นของราชันราชสีห์ โดยมีโลหิตชโลมกาย และจับกระบี่ชื่อยวนที่ทิ่มอยู่ในปากของราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตไว้แน่น
“นี่... ฉู่อวิ๋นคนนี้ยังไม่ตายหรือ?”
มู่หรงเต๋อตกตะลึง ฉู่อวิ๋นคนนี้กล้าหาญกระทั่งเข้าไปแทงกระบี่ในปากของราชันราชสีห์อย่างไม่กลัวตาย มองดูแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายคงาเ็สาหัส แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้
ช่างเป็ชายหนุ่มที่คงกระพันและแสนเด็ดเดี่ยว!
มู่หรงเต๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่ขยับไปช่วยฉุ่อวิ๋น เขาถอนหายใจออกมาและพูดอย่างเสียใจ “เสี่ยวซิน ฉู่อวิ๋นผู้นี้กำลังจะตาย ต่อให้ข้าพยายามช่วยเขาก็ไร้ประโยชน์...”
“อีกอย่าง ถ้าเราเข้าไปช่วยเขาจริงๆ ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็อาจจะสู้กลับ ข้ายังต้องกักเก็บพลังพาเ้าออกจากป่าที่นองเืนี้ ไม่อาจชักช้าได้อีกแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้น เหล่านายพลกองหลังยังต่อสู้กันอยู่ พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงซินก็ลนลานขึ้นมาทันที ดวงตาของนางสั่นไหวและรีบโน้มน้าว “นี่... ไม่ได้นะ!! ลุงรอง ข้าขอร้องท่าน ท่านต้องช่วยฉู่อวิ๋นนะ! เขา... เขาช่วยซินเอ๋อร์มาหลายครั้งนัก พวกเราจะมองดูเขาตายไปได้อย่างไร?!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ใบหน้าของมู่หรงเต๋อก็เคร่งเครียดขึ้น เขาจ้องมองไปที่ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตอีกครั้ง แต่มันก็มองกลับมาอย่างดุร้าย ไม่อาจไปหาเื่ได้ ทำให้มู่หรงเต๋อถอนหายใจซ้ำอีกครั้ง
“เฮ้อ ตระกูลมู่หรงของเราติดค้างเด็กคนนี้ เสี่ยวซิน ปล่อยวางเถอะ! ตอนนี้เขาเป็เช่นนี้แล้ว แม้ว่าจะโชคดีรอดมาได้ แต่ก็เป็ได้เพียงคนพิการเท่านั้น!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เขากลับไปที่เมืองไป๋หยาง สิ่งที่รอเขาอยู่คือโทสะของเชื้อสายหลักตระกูลฉู่! พวกเขาได้ส่งคนไปตรวจสอบกระบี่แปลกๆ เล่มนั้นแล้ว”
“ฉู่อวิ๋นาเ็สาหัสเกินไป ต่อให้ช่วยมาได้ก็ไม่เพียงแต่ต้องกลายเป็คนพิการ แต่เขาจะต้องทนต่อการตัดสินจากผู้แข็งแกร่งด้วย สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้ คือความตาย!”
“ไม่!!! ลุงรอง ข้าขอร้องท่าน...ช่วยฉู่อวิ๋นด้วยเถอะ!” มู่หรงซินหยุดน้ำตาของนางไว้ไม่ได้ หยดน้ำสีใสไหลกลิ้งอาบแก้ม นางยังคงดิ้นรนบนไหล่ของมู่หรงเต๋อ ใช้มือที่กระดูกหักทุบตีด้วยความะเืใจ
“เฮ้อ หลานสาวที่ดีของข้า... ยอมแพ้เสียเถอะ” มู่หรงเต๋อถอนหายใจ เขาเฝ้าดูมู่หรงซินเติบใหญ่ แต่ก็ไม่เคยเห็นนางร้องขอความช่วยเหลือเช่นนี้มาก่อน
ในตอนนี้ คุณหนูใหญ่ที่แสนเกเรและเอาแต่ใจกำลังอ่อนแอและทำอะไรไม่ถูกเพราะชายหนุ่มคนนี้ มู่หรงเต๋อไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหลานสาวของเขากำลังมีความรัก
แต่หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว มู่หรงเต๋อยังคงตัดสินใจที่จะไม่ช่วยฉู่อวิ๋น ทำให้หัวใจของมู่หรงซินแทบแหลกสลาย นางร้องไห้อย่างทรมาน
“นี่"
ทันใดนั้น ฉู่อวิ๋นก็เอ่ยออกมาอย่างอ่อนแรง
“ซินเอ๋อร์... กลับไปเถอะ เชื่อข้า... ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก…”
“ข้ายังต้องเหลือชีวิตนี้ไว้ ไปช่วยพี่สาวข้า...”
“อย่ากังวลไป แค่ก…” ฉู่อวิ๋นกระอักเืออกมาจากปากแล้วพูดด้วยรอยยิ้มฝืดฝืน “ข้าแค่ต้องพักระหว่างทางสักหน่อย ซินเอ๋อร์ ถ้าเป็ไปได้ เ้าก็ไปที่เมืองชุยเสวี่ย ไปช่วยพี่สาวของข้าก่อนได้…”
“ข้าแค่...อาจจะไปสาย...”
“แต่ข้าจะไปแน่นอน…จะไป! แน่นอน!!”
ในขณะที่พูด ฉู่อวิ๋นก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาส่องแสงสว่างวาบ ราวกับดวงดาวนับพันที่หมุนเวียนอยู่ด้านใน สุริยันจันทราล้วนอยู่ค้ำฟ้า!
ทันใดนั้น เขาแสดงท่าทีไม่ยอมแพ้ รัศมีทั้งหมดที่เปล่งออกมาราวกับกระบี่ที่คมกริบ ไม่มีทางยอมจำนน ไม่มีทางยอมแพ้!
แรงกดดันนั้นทำให้แม้แต่มู่หรงเต๋อเองก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว หากชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้โชคร้ายนัก ด้วยความตั้งใจนี้ อนาคตของเขาย่อมไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน เขาอาจอยู่เคียงคู่ฟ้าดินได้ด้วยซ้ำ!
ทว่าน่าเสียดายที่ฉู่อวิ๋นอาจต้องฝังร่างไว้ที่นี่
“คุณชายฉู่ ตระกูลมู่หรงของเราได้ยินเื่พี่สาวของเ้ามาบ้างแล้ว ไม่ต้องกังวล เราจะส่งคนไปปกป้องนางที่เมืองชุยเสวี่ยเอง จะไม่ปล่อยให้ใครมายุ่มย่ามกับนางเด็ดขาด! ตลอดทางมานี้ ขอบคุณเ้าที่ปกป้องมู่หรงซิน”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของมู่หรงเต๋อก็มืดครึ้มลง และเขาก็รีบพูดว่า “ขอโทษด้วย!”
จากนั้น เขาก็ยกมือประสานแล้วโค้งคำนับให้ฉู่อวิ๋น อุ้มมู่หรงซินขึ้นพาดบ่า โดยไม่คำนึงถึงความทรมานของนาง เขาหันหลังกลับและจากไปจากตรงนี้ในทันที
“ปล่อยข้า! ปล่อยข้าลง! ฉู่อวิ๋น! ฉู่อวิ๋น!!!”
มู่หรงซินหลั่งน้ำตา นางร้องไห้อย่างเ็ป ซบอยู่บนไหล่ของมู่หรงเต๋อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อเห็นว่าร่างที่เปื้อนเืของฉู่อวิ๋นเริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ...
จากลาครั้งนี้ อาจเป็การจากลาชั่วนิรันดร์
บนท้องฟ้า อาทิตย์อัสดงราวกับเปลวไฟที่สะท้อนผืนป่าสีเื มีเสียงะโสังหารอยู่ตลอดเวลา และเสียงร้องไห้ของมู่หรงซินก็จมหายไปในไม่ช้า
เมื่อเห็นมู่หรงซินจากไปจนมั่นใจว่านางอยู่ในระยะที่ปลอดภัย ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันใดนั้น ดวงตาของเขาหนักแน่นขึ้น เขายกยิ้มให้กับราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตและพูดว่า “เ้าตัวใหญ่ ตอนนี้เรามาดูกัน ว่าเ้าหรือข้าจะตายก่อน!"
----------
[1] เป็การอุปมาสถานการณ์ที่มีฝ่ายตรงข้ามอยู่สามฝ่าย