ยังไม่ทันถึงยามเซิน[1]ประตูหลักของวังหลวงก็เต็มไปด้วยผู้คนรวมตัวกันเป็กลุ่มก้อนสีดำขนาดใหญ่ หัวคนขยับไปมาพูดคุยจอแจราวสายน้ำไหล
เมื่อเทียบกับตอนที่ปะาตัดหัวไปก่อนหน้านี้ กลุ่มคนยังมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย
มีทหารรักษาการณ์ในวังหลวงและทหารมากฝีมือที่รักษาการณ์ในเมืองหลวงคอยปิดล้อมเอาไว้ ป้องกันคนที่มีจุดประสงค์อื่นลอบปะปน
บนแท่นปะา อาลักษณ์กรมราชทัณฑ์ และกู้ฮวายหัวหน้าศาลต้าหลี่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว รอให้องค์รัชทายาทกับอวี้หวางมาถึง
พวกเขาสบตากัน บนใบหน้ามีความกังวล
อวี้หวางกับองค์รัชทายาทเหตุใดจู่ๆ ถึงจับสายลับของแคว้นหนานเยว่ได้?
ตอนเช้าตรู่ พวกเขาเพิ่งจะถึงหยาเหมิน[2]ก็มีคนนำจดหมายราชการมาส่ง เป็ตราประทับของอวี้หวางจริง
อวี้หวางผู้นี้เพิ่งจะรวบตัวว่านฟางกับหวังเทามาตัดหัวต่อหน้าฝูงชนไป ไม่เกินสามวันก็รวบหน่วยสอดแนมของแคว้นหนานเยว่มาตัดเอวได้อย่างรวดเร็ว ทำเอาพวกเขาทำอะไรไม่ถูก มึนงงไปหมด
แต่อวี้หวางปกติจะทำอะไรก็ล้วนเป็เช่นนี้ ตอนที่ไม่ขยับก็นิ่งสงบราวกับน้ำตาย พอแตะต้องก็รวดเร็วราวสายฟ้าจนน่าใ
ครั้นถึงเวลา ทั้งอวี้หวาง องค์รัชทายาทและนักโทษสอดแนมก็ยังเดินทางมาไม่ถึง คงไม่ได้เกิดเื่อะไรขึ้นใช่หรือไม่
บรรดาประชาชนพากันมองหานักโทษที่เป็สายลับจากแคว้นอื่นอย่างครึกครื้น อยากจะดูว่าคนผู้นั้นหน้าตาเป็อย่างไร คงไม่เหมือนคนปกติทั่วไปใช่หรือไม่
ตอนนี้เองก็มีคนะโขึ้นว่า “มาแล้ว มาแล้ว!”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ทุกคนต่างพากันหันไปมอง ทหารรักษาการณ์แหวกทาง รถที่ขนนักโทษค่อยๆ เคลื่อนที่เข้ามาช้าๆ ด้านหลังยังมีรถอีกคันหนึ่งตามมา
ในกรงขังมีบุรุษในชุดสีทองหรูหราผู้หนึ่ง สีทองอร่ามนั้นเมื่ออยู่ภายใต้แสงอาทิตย์แล้วเจิดจ้าเป็อย่างมาก ดึงดูดสายตาของผู้คน เสียงพูดคุยก็ยิ่งจอกแจกจอแจ สายลับต่างแคว้นคนนั้นสวมหน้ากากเอาไว้ จึงมองไม่เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา
บรรดาผู้คนพากันผิดหวัง แต่อีกฝ่ายกลับโล่งใจที่แผนปลอมตัวยังไม่ถูกเปิดโปง
เ้ากรมราชทัณฑ์ และกู้ฮวายจากศาลต้าหลี่พาลูกน้องจำนวนมากเดินทางมายังลานปะา พวกเขาเห็นคนที่ลงจากรถม้ามาเป็องค์รัชทายาทกับเสิ่นจือเหยียน แต่กลับไร้เงาของอวี้หวาง
อวี้หวางเล่า?
มู่หรงฉือสาวเท้ายาวๆ เดินขึ้นไปบนแท่นประธานในลานปะา โดยมีเสิ่นจือเหยียนเดินตามอยู่ด้านหลัง
ทหารนำตัวสายลับจากแคว้นหนานเยว่มาตรงกลางลานปะา เครื่องปะาสำหรับตัดครึ่งตัวได้จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
วันนี้แสงแดดร้อนแรง อากาศร้อนระอุ เนื่องจากมีคนมามุงดูกันอยางเนืองแน่น ทำให้ผู้คนพากันเหงื่อไหลจนเสื้อผ้าติดแผ่นหลังไปหมด แต่ก็ไม่มีใครออกไปจากตรงนี้ ยังคงพูดคุยกันอย่างคึกคัก
แสงแดดแยงตาส่องลงมา ดาบขนาดใหญ่ส่องแสงสีขาวเย็นเยียบพาให้หนังหัวคนชาวาบ
สายลับจากต่างแคว้นคุกเข่าอยู่กับพื้น มือทั้งสองข้างถูกมัด หน้ากากสีทองส่องแสงสีทองระยิบระยังแยงตา สะท้อนแสงสีทองเรืองรองของดวงอาทิตย์
ดวงตาเ็าของมู่หรงฉือกวาดมองไปไกล มีคนจากตระกูลเยว่อีกเท่าใดที่ยังซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคน?
กุ่ยหยิงกับเสิ่นจือเหยียนยืนอยู่ข้างหลังนาง นางยกมือขึ้น กุ่ยหยิงก็เดินเข้ามาใกล้แล้วเอียงตัวมา
“ทุกสิ่งเตรียมพร้อมไว้แล้วใช่หรือไม่?” ดวงตาของนางทอประกายคมปลาบ
“เตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เขาตอบ
“ได้เวลาแล้ว ลงมือปะา” นางยืนขึ้นหยิบป้ายขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ก่อนจะออกแรงโยนลงไปบนพื้น
บรรดาราษฎรในเมืองหลวงจู่ๆ ก็พากันเงียบเสียงจนหมด เพชฌฆาตสองนายช่วยกันยกดาบที่ส่องประกายวาววับขึ้น ทหารสองคนพาสายลับจากแคว้นศัตรูขึ้นมาบนแท่นปะา วางคนบนแท่นให้ส่วนเอวอยู่ภายใต้ดาบใหญ่คมกริบนั้น
คนไม่น้อยต่างกลั้นหายใจ มีคนปิดตา มีคนหันหน้าไปทางอื่น
เสิ่นจือเหยียนลำตัวแข็งเกร็งขึ้นมาทันที หากมีคนขัดขวางการปะา เขาจะเข้าไปปกป้องเตี้ยนเซี่ย
มู่หรงฉือรอคอยฉากถัดไป ดวงตาแหลมคมกวาดมองไปมา
นักโทษถูกจับตัวให้นอนพาดลงไปบนแท่นปะา ไม่อาจขยับตัวได้ สองเพชฌฆาตยกดาบใหญ่ขึ้น ก่อนจะร่วมมือกันกดดาบลง
ฉากเืสาดใกล้จะมาถึงแล้ว เหล่าประชาชนต่างรอคอยแต่กลับไม่กล้าดู เพราะการตัดเอวนั้นโหดร้ายยิ่งกว่าการตัดหัว
การตัดเอวคือการตัดส่วนเอวของคนผู้นั้น เนื่องจากอวัยวะสำคัญของมนุษย์อยู่เหนือเอวขึ้นไป เมื่อเอวถูกตัดแล้ว ร่างกายจะถูกแยกเป็สองส่วน ในชั่วขณะหนึ่งจะยังไม่ตาย สติของคนที่ถูกปะายังคงแจ่มชัด นี่ต่างหากเป็จุดที่น่ากลัวที่สุด โหดร้ายที่สุด คนที่ถูกปะาจะรู้สึกถึงความเ็ปทรมานอย่างชัดเจน เืสดๆ ค่อยๆ ไหลทะลัก สติค่อยๆ เลือนราง ซึ่งเป็ประสบการณ์แห่งความตายที่น่าอนาถและน่าพรั่นพรึง เพียงแค่คิดก็หนาวสั่นไปทั้งตัว
ในชั่วพริบตาก่อนจะลงดาบ ลูกธนูสองดอกก็พุ่งตรงมาอย่างเงียบเชียบ แทงเข้าที่ร่างของเพชรฆาตทั้งสอง
ท่ามกลางคนในวงล้อมขององค์รักษ์รอบแดนปะามีคนะโออกมาอย่างเ็ปแทบขาดใจว่า “มีมือสังหาร!”
ธนูเย็นเยียบพลันกระหน่ำมาราวสายฝน ทหารมากมายต้องธนูล้มตายไป
มู่หรงฉือเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ดีมาก มากันแล้ว!
ในตอนนั้นแดนปะาเต็มไปด้วยความโกลาหล
ประชาชนที่มองอยู่รอบๆ ต่างกระจัดกระจายกันไปคนละทิศทาง เกิดเสียงร้องโหยหวนและเสียงร่ำไห้ดังขึ้นมาจากทั้งสองฝ่าย บางคราวยังได้ยินเสียงร้องของเด็ก
ทหารสองคนพุ่งออกไปนอกกลุ่มคน ะโเสียงดัง “ทุกคนไม่ต้องตื่นใไป วิ่งออกไปทีละคน อย่าเหยียบกัน อย่าชนคนอื่น”
นี่คือทหารที่มู่หรงฉือจัดเตรียมเอาไว้เป็พิเศษ มีประมาณสิบคน แบ่งกันไปยังสองข้างทางเพื่อนำทางประชาชน
ส่วนที่ลานปะา คนชุดดำปิดหน้าสิบคนะโลงมา แล้วเริ่มต่อสู้กับทหารป้องกันเมืองหลวงและองครักษ์รักษาพระองค์
เ้ากรมราชทัณฑ์ กู้ฮวายหัวหน้าศาลต้าหลี่มองการเข่นฆ่าอันดุเดือดเืสาดตรงหน้าก็เหงื่อแตกพลั่ก รู้สึกมึนงงไปเล็กน้อย
หน่วยสอดแนมต่างแคว้นมีพรรคพวกมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ!
พวกเขามองหน้ากันไปมา พูดคุยกันผ่านสายตา คนที่มาชิงนักโทษมาได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ปฏิกิริยาตอบโต้ของฝ่ายเราก็รุกรับฉับไวเป็อย่างยิ่ง ถึงกับมีทหารฝีมือดีจำนวนไม่น้อยโผล่มาต่อสู้กับศัตรูจากกลางอากาศ จากประสบการณ์ที่พวกเขาเป็ขุนนางมาหลายปี หากไม่ได้มีการวางแผนเอาไว้แต่เนิ่นๆ พวกเขาย่อมไม่อาจรับมือกับคนชุดดำปิดหน้ามากมายขนาดนี้ไหว
ครั้นมองไปทางทหารยอดฝีมือของทหารรักษาพระองค์กับทหารป้องกันเมืองหลวง คนเ่าั้ล้วนเป็มือธนูที่จับตัวได้ยากจากหนึ่งในหมื่น
พวกเขาจึงมองไปทางองค์รัชทายาทอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย หรือจะเป็คำสั่งขององค์รัชทายาท?
นี่เป็สิ่งที่องค์รัชทายาทสมควรทำหรือ?
หรือว่าอวี้หวางเป็คนวางแผน? แต่ว่าเหตุใดอวี้หวางถึงไม่มาเล่า?
กุ่ยหยิงยืนอยู่ข้างมู่หรงฉือ คอยจับตาดูสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ตลอด และคอยคุ้มกันความปลอดภัยขององค์รัชทายาท
ดวงตาและมุมปากของมู่หรงฉือเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นและมุทะลุ
ถึงแม้ว่าคนชุดดำจะมีฝีมือไม่ธรรมดา แต่คนฝ่ายนางล้วนเป็ทหารยอดฝีมือ ทั้งสองฝ่ายต่างมีคนาเ็ล้มตาย เพียงแต่ฝ่ายตรงข้ามตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
เสิ่นจือเหยียนถอนหายใจ พูดอย่างรู้สึกโชคดี “ประชาชนส่วนใหญ่แยกย้ายกันไปแล้ว คงจะไม่เป็อะไร”
มีคนชุดดำหลบหนีออกไป แต่เพียงไม่นานก็ถูกองครักษ์ที่เฝ้าระวังอยู่รอบนอกสังหารทิ้ง
ครั้นเ้ากรมราชทัณฑ์และกู้ฮวายหัวหน้าศาลต้าหลี่เห็นคนชุดดำที่ปรากฏตัวเพิ่มเข้ามาจากหลายทิศทางเริ่มลงมือด้วยกระบวนท่าแปลกประหลาด ก็อดเหงื่อตกไม่ได้
เพียงครู่เดียว คนชุดดำปิดหน้าก็เหลืออยู่เพียงหนึ่งในสามส่วน เยว่จิ่งเฉินตัวปลอมถูกองครักษ์พาตัวไปด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะถูกโยนลงไปจากแท่นปะา
องครักษ์เงาคนนั้นคืออู๋หยิง
คนชุดดำปิดหน้าพวกนั้นเห็นผู้นำของตนถูกจับกลับไปก็พากันกระโจนเข้ามาแย่งคนคืนราวกับเสียสติ
องครักษ์เงาสิบกว่าคนปรากฎตัวขึ้นแล้วต่อสู้กับคนชุดดำปิดหน้าพวกนั้นอยู่นาน
หนึ่งในคนชุดดำเ่าั้มีคนที่มีความสามารถไม่ธรรมดา คนผู้นั้นเหินตัวขึ้นไปทันที มือถือกระบี่แทงลงมาบนแท่นประธาน เป้าหมายก็คือมู่หรงฉือ
มู่หรงฉือนิ่งสงบรอฝ่ายตรงข้ามเข้ามา
คนชุดดำปิดหน้ามีวิชาตัวเบาที่ไม่ธรรมดา ในตอนที่เข้ามาใกล้แท่นประธานเขาก็โดนยิงเข้าที่แขนซ้ายทันที
ฉึกฉึกฉึก!
มีลูกดอกสั้นซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขา!
ลูกดอกสั้นเป็ดั่งสายฟ้าที่แล่นผ่านสายตาของทุกคน ครั้นถูกแสงจากดวงอาทิตย์ส่องกระทบ ก็สะท้อนสีเงินเย็นเยียบที่หนาวเหน็บถึงกระดูกและทิ่มแทงสายตาคน
เ้ากรมราชทัณฑ์กับกู้ฮวายหัวหน้าศาลต้าหลี่ต่างตกตะลึง ะโเสียงหลง “ปกป้ององค์รัชทายาท! ปกป้ององค์รัชทายาท!”
คนปิดหน้าเ่าั้หน้าตาดุดัน หลังจากปล่อยลูกดอกในแขนเสื้อออกมาก็รีบเข้าชิงเยว่จิ่งเฉินตัวปลอมทันที
มู่หรงฉือไม่ได้หลบหลีก ทั้งยังปราศจากความกลัว นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบนิ่ง มองไปยังลูกดอกสั้นทั้งสามที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เสิ่นจือเหยียนตื่นตระหนก ในตอนที่กำลังจะลงมือ กุ่ยหยิงก็พุ่งตัวออกไป กระบี่ยาวกวาดลูกดอกสั้นทั้งสามไปด้านข้าง
เ้ากรมราชทัณฑ์กับกู้ฮวายหัวหน้าศาลต้าหลี่ปาดเหงื่อไปพร้อมๆ กัน
หากองค์รัชทายาทได้รับาเ็ ความผิดของพวกเขาย่อมไม่เบา
ส่วนอู๋หยิงที่รอมานาน กำลังต่อสู้กับคนชุดดำปิดหน้าที่มีวิชาตัวเบาไม่ธรรมดาผู้นั้น
กุ่ยหยิงรายงาน “เตี้ยนเซี่ย ทั้งหมดอยู่ในการควบคุมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มู่หรงฉือพยักหน้า “คงจะหว่านแหเก็บได้จนครบแล้ว”
ในใจของเสิ่นจือเหยียนพลุ่งพล่าน แต่กลับมองเห็นว่าเตี้ยนเซี่ยยังครองสติได้อย่างยอดเยี่ยม
เพียงแต่ เหตุใดลูกน้องของอวี้หวางถึงได้ฟังคำสั่งของเตี้ยนเซี่ย? เตี้ยนเซี่ยกับอวี้หวางเป็ศัตรูกันไม่ใช่หรือ?
ผ่านไปครู่หนึ่ง คนชุดดำปิดหน้าเ่าั้ที่มาชิงตัวนักโทษหากไม่ตายก็าเ็สาหัส ส่วนมากถูกจับตัวไว้ได้ ส่วนคนที่มีวิชาตัวเบาไม่ธรรมดาและมีเจตนาสังหารมู่หรงฉือผู้นั้นถูกอู๋หยิงโจมตีจนได้รับาเ็สาหัส พลาดพลั้งจนถูกจับตัว
สุดท้าย สิบคนที่เหลือรอดก็ถูกจับไปที่คุกของกรมราชทัณฑ์ รอให้หน่วยงานอื่นมาสอบสวน
“ใต้เท้าเฉิน คนเหล่านี้ล้วนเป็ผู้สมรู้ร่วมคิดของสายลับต่างแคว้น เป็ผู้กระทำผิดร้ายแรงของราชสำนัก ท่านต้องเพิ่มกำลังคนคอยจับตาดูเอาไว้ให้ดี” มู่หรงฉือพูดอย่างดุดัน “หากคนพวกนี้หนีรอดไปได้ มีโทษตัดหัว!”
“น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ” เ้ากรมราชทัณฑ์พูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ใต้เท้าเฉิน ความผิดร้ายแรงเช่นนี้ไม่ว่าใครก็ต้องให้ความสำคัญ เตี้ยนเซี่ยกับท่านอ๋องจะสอบสวนด้วยตัวเอง” กุ่ยหยิงพูดเสียงเย็น “ข้าจะเพิ่มกำลังพลในการเฝ้ายามที่กรมราชทัณฑ์เอง ไม่รบกวนกรมราชทัณฑ์ให้ต้องลำบาก”
“ขอรับๆๆๆ” เ้ากรมกรมราชทัณฑ์พยักหน้ารัว
เยว่จิ่งเฉินตัวปลอมถูกจับกลับไปยังคุกของกรมราชทัณฑ์ ระหว่างทางที่กลับจวนอวี้หวาง เสิ่นจือเหยียนก็พูดขึ้นด้วยความกังวล “เตี้ยนเซี่ย ผู้สมรู้ร่วมคิดขององค์ชายสามแห่งแคว้นหนานเยว่มีเพียงเท่านี้หรือ? จะยังมีอีกหรือไม่?”
ครั้นคิดถึงคนที่จับกลับมาได้นั้น มู่หรงฉือก็ตื่นเต้นเล็กน้อย “แม้จะยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดกับกองกำลังทหารแต่ก็เป็เพียงเหล่าคนที่ไร้กำลัง ไม่มีค่าพอให้กังวล”
เขาพยักหน้าพลางคลี่ยิ้ม “การวางแผนของเตี้ยนเซี่ยในครั้งนี้ยอดเยี่ยมนัก คงจะสอบถามอะไรจากปากของคนพวกนั้นได้พอสมควร”
นางยิ้มเย็น “ถามอะไรออกมาไม่ได้ก็ไม่เป็ไร ถึงอย่างไรเยว่จิ่งเฉินก็ตายไปแล้ว พอหัวหน้าตายไป คนพวกนั้นก็เหมือนเม็ดทรายที่แตกกระจาย สร้างเื่ราวอะไรมากไม่ได้หรอก”
“เกรงว่าจะมีคนฉวยโอกาสนี้แก้แค้นเตี้ยนเซี่ย”
“วางใจเถิด ต่อไปเปิ่นกงจะเข้าจะออกตำหนักก็จะระมัดระวังให้มาก”
“ใช่แล้ว ศพผู้สมรู้ร่วมคิดและคนที่มีชีวิตอยู่พวกนั้น รวมถึงศพขององค์ชายสามแห่งแคว้นหนานเยว่ เตี้ยนเซี่ยวางแผนจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เปิ่นกงยังไม่ได้คิด”
คิ้วของมู่หรงฉือขมวดน้อยๆ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องให้มู่หรงอวี้รีบฟื้นขึ้นมา
ครั้นกลับถึงจวนอวี้หวาง มู่หรงอวี้ยังคงไม่ฟื้น
เื่ราวก็จัดการไปได้พอสมควรแล้ว นางจึงตัดสินใจกลับตำหนักบูรพาก่อน ก่อนจากไปนางสั่งกุ่ยหยิงเอาไว้ว่าหากท่านอ๋องฟื้นแล้วให้รีบส่งคนมาแจ้งนาง
คืนนั้นมู่หรงอวี้ฟื้นขึ้นมาฟังกุ่ยหยิงเล่าเื่ที่องค์รัชทายาททำให้ฟังอย่างเงียบๆ
เตี้ยนเซี่ยไม่ทำให้เขาผิดหวังจริงๆ ลอบตัดหัวของเยว่จิ่งเฉิน จากนั้นใช้การตัดเอวต่อหน้าประชาชนมาหลอกล่อพวกเดียวกันให้ปรากฏตัว หว่านแหจับพวกเขาจนหมดในคราวเดียว
เชิงอรรถ
[1] ยามเซิน (申时) คือเวลา 15.00 น. – 17.00 น.
[2] หยาเหมิน คือที่ว่าการ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้