“น้องรอง แม้จะตกลงให้ซานหลางเป็ลูกบุญธรรมบ้านสองแล้ว แต่เ้าก็เห็นว่าซานหลางนี้บ้านข้าเลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยจนโตมาป่านนี้ อยู่ๆ ก็บอกจะยกให้เ้าเช่นนี้ ตลอดหลายปีมานี้เขากินไปเท่าไร พวกเ้าบ้านสองคงมีชดเชยให้สักเล็กน้อยกระมัง?”
จ้าวซื่อกลอกตาครั้งหนึ่ง ประโยคนี้ก็หลุดออกมา
หลินต้าเหอพลันอับอายขึ้นมา เมื่อได้ยินคำของพี่สะใภ้ที่พออ้าปากก็ขอเงินทันที
เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงหันไปมองเฟิงซื่อ
เฟิงซื่อเองก็น้ำท่วมปาก หากปฏิเสธออกไปเกรงว่าจะทำให้หลินซานหลางเสียใจเอาได้
หลินซานหลางรู้เื่นี้ดี จึงถือโอกาสพูดกับจ้าวซื่อ “ท่านแม่ หาก้าค่าชดเชยก็รอข้าได้เลยขอรับ อีกหน่อยเมื่อข้ามีอนาคต ข้าย่อมต้องชดเชยท่านพ่อท่านแม่ให้มากอยู่แล้ว!”
จ้าวซื่อมองลูกชายตัวเองที่เข้าข้างบ้านอื่นเช่นนี้ ชวนให้ไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง
แต่ถึงตอนนี้นางทำอะไรไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรสิ่งที่พูดออกมาก็ไม่ใช่การอกตัญญู
หลินซานหลางกล่าว “ในเมื่อตัดสินใจเื่ข้าไปเป็ลูกท่านอาได้แล้ว เช่นนี้ั้แ่วันนี้เป็ต้นไปข้าจะไปอยู่บ้านท่านอานะขอรับ และข้าก็อยากจะคุยกับท่านปู่ วันวางคานบ้านของบ้านเราก็เป็วันดีทีเดียว ทางครอบครัวแล้ว หากเปลี่ยนวันอีกครั้งพวกเนื้อกับผักและก็ของอย่างอื่นจะเน่าเสียเอาได้นะขอรับ”
“จะปล่อยเนื้อกับผักเสียได้ยังไง เอามาให้บ้านใหญ่เถอะ บ้านเรามีคนเยอะ” เมื่อได้ยินซานหลางกล่าว ดวงตาจ้าวซื่อก็วาวโรจน์
จะอย่างไรหลินฟู่อินก็ไม่ชินกับนิสัยเอาแต่ได้ของนางสักที เด็กสาวจึงยิ้มกว้าง “ดีเลยเ้าค่ะ หากเป็เช่นนั้นเมื่อท่านปู่หาฤกษ์ดีได้แล้ว ถึงตอนนั้นก็ให้บ้านท่านลุงสองมาขอเงินที่ท่านปู่อีกครั้งเพื่อเอาไว้เตรียมสุราและอาหาร”
หลินฟู่อินไม่ได้บอกว่าจะขอเงินจ้าวซื่อ แต่ขอเอาจากปู่หลิน
ริมฝีปากปู่หลินกระตุก
หลินฟู่อินกำลังพูดเตือนเขาว่า หากยังยืนกรานจะให้บ้านรองวางคานวันอื่น เช่นนั้นการมาขอเงินจากเขาเพื่อเตรียมอาหารเครื่องดื่มก็สมเหตุสมผล
ใครเป็คนทำให้การเตรียมการของผู้อื่นเป็หมันเล่า?
“อะไรกัน ไม่ใช่ว่าตอนนี้บ้านสองร่ำรวยแล้วหรือ? ข่าวดีของพวกเ้าไม่ใช่หรือยังไง? เ้าก็ต้องหาเงินมาซื้ออาหารเครื่องอื่มเอาเองสิ!” จ้าวซื่อยังคงพูดโดยไม่อายฟ้าอายดิน
หลินฟู่อินยิ้ม มองปู่หลิน
เมื่อเห็นท่าทีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มของหลินฟู่อิน สีหน้าปู่หลินก็ครึ้มลง รีบตำหนิจ้าวซื่อทันที “สะใภ้ใหญ่ หากใช้ปากพูดดีๆ ไม่เป็ก็หุบเอาไว้เสีย จะได้ไม่มีใครด่าเ้าว่าโง่!”
จ้าวซื่อปากยื่นแต่ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ปู่หลินมองลูกคนรองของตัวเอง “ในเมื่อซานหลางบอกว่าอยากให้วางคานวันมะรืน คนบ้านสองเองก็พร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ใช้วันมะรืนทำพิธีวางคานเลยเถอะ อันที่จริงวันที่สะใภ้สองหามาก็ดีมากทีเดียว”
ได้ยินปู่หลินยินยอมแล้ว เฟิงซื่อก็ก้าวออกมาทันที “ท่านพ่อ ท่านพ่อของข้ากล่าวว่ามีเพียงวันนี้จึงจะดีที่สุดใน่นี้ หากจะหาวันมงคลอีกครั้งก็เป็เดือนหน้าแล้ว”
ปู่หลินพยักหน้า คิดถึงเื่ที่ตนตำหนิคนบ้านสองก่อนหน้านี้ก็ทำให้หน้าแดงน้อยๆ ทว่าเพื่อรักษาหน้าเอาไว้จึงได้กล่าวด้วยท่าทีไม่ยินดี “ในเมื่อ่นี้ไม่มีวันดีๆ จนถึงเดือนหน้าแล้วเหตุใดพวกเ้าไม่บอกข้า ไม่พูดให้ชัดๆ กัน?”
ก่อนหน้านี้หลินต้าเหอกับเฟิงซื่อไม่ได้พูดเื่นี้ แต่ตอนนั้นเฟิงซื่อโดนรุมตบตีอยู่ ใครจะจำได้กันเล่า?
หลินฟู่อินแค่นเสียงเหอะ เฟิงซื่อกับหลินต้าเหอไม่รู้จักโกรธแค้นเสียบ้าง หากเป็นาง นางต้องเอาคืนตาแก่นี่ไม่น้อย
ดังนั้นหลินฟู่อินจึงนิ่วหน้าเล็กน้อย ปรายตามองปู่หลิน “ท่านปู่ มิใช่ตอนนั้นท่านป้าใหญ่ตบตีท่านป้ารองอยู่หรือ? โดนแบบนั้นใครมันจะพูดอะไรได้?”
ใบหน้าของปู่หลินบิดเบี้ยว แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้หลินเฟินหลินฟางดีใจสุดขีด
“ฟู่อิน ไปได้ยินเื่ป้าเ้ากับข้าตบตีป้าสองของเ้าจากไหนกัน?” อู๋ซื่อส่งเสียงหยัน มองหน้าหลินฟู่อินด้วยสายตาเลวร้าย
หลินฟู่อินชี้หน้าเฟิงซื่อที่ยังคงช้ำ “ก็มีแค่ท่านย่ากับท่านป้าที่ชอบทำเช่นนี้ ไม่ใช่ป้าใหญ่ทำรอยช้ำเต็มหน้าเต็มตัวป้าสองหรอกหรือ?”
สิ่งที่พูดออกมานี้ไม่สุภาพเป็อย่างยิ่ง แน่นอนว่าอู๋ซื่อไม่คิดอยากมีข่าวลือว่าตัวเองเป็แม่สามีที่ทุบตีทำร้ายร่างกายลูกสะใภ้ ตอนนี้นางจึงได้โกรธสุดขีด
จากนั้นหลินฟู่อินจึงมองหน้าหลินต้าหลาง “พี่ต้าหลาง เพื่ออนาคตของท่าน อีกหน่อยก็คุยเื่สามัญสำนึกกับแม่ท่านและท่านย่าให้มากๆ เถอะ ดูไปแล้วไม่ฟังใคร เชื่อฟังแต่ท่าน”
หลินต้าหลางเห็นว่าสิ่งนี้เป็คำชม ในใจก็รู้สึกดียิ่ง เขามองหลินฟู่อินด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงแล้วพยักหน้ารับ “ตบตีผู้อื่นไม่ดีจริงๆ ประเดี่ยวข้าจะคุยกับท่านย่าและท่านแม่เื่นี้ให้”
ทันทีที่หลินต้าหลางพูด อู๋ซื่อจ้าวซื่อก็กล่าวอะไรไม่ได้อีก
หลินฟู่อินจัดการเื่ที่ต้องทำเรียบร้อยหมดแล้ว เื่ที่อยากพูดก็ได้พูดแล้ว จึงบอกลาปู่หลิน
เฟิงซื่อรีบจับแขนหลินซานหลางลากไปหาผู้เฒ่า “ท่านพ่อ วันมะรืนพาคนบ้านใหญ่มาดื่มกินฉลองด้วยกันนะเ้าคะ”
ปู่หลินพยักหน้าด้วยอารมณ์ไม่ยินดีนัก
เฟิงซื่อพรูลมหายใจโล่งอก งานเลี้ยงฉลองวางคานนี้จัดที่สวนหน้าบ้านใหม่ แม้ก่อนหน้านี้จะยังไม่มีคาน แต่ท่านลุงกับท่านอาเฟิงก็เอาหม้อกับกระทะมาเตรียมเอาไว้ให้แล้ว
หลายวันมานี้บ้านสองต่างก็ใช้ครัวของบ้านใหม่ทำอาหารกินกัน
ครัวที่สร้างในบ้านใหม่นี้แข็งแรงดูดีมาก ดังนั้นจะทำอาหารจัดงานเลี้ยงเยอะหน่อยก็ไม่เป็ไร
เฟิงซื่อกล่าวลาพ่อแม่สามีแล้วก็รีบร้อนลากหลินซานหลางกับหลินฟู่อินจากไป
หลินต้าเหอกับลูกสาวสองคนถูกทิ้งไว้เื้ั ทำให้หลินฟู่อินอดหัวเราะคิกคักออกมาไม่ได้ นางมองหน้าหลินซานหลางก่อนจะก้าวเดินไปพร้อมเฟิงซื่อ
หลินเฟินหลินฟางลากตัวหลินต้าเหอที่ตอนนี้พูดไม่ออกออกมาจากบ้านใหญ่สกุลหลิน
เห็นแผ่นหลังทุกคนจากไป จ้าวซื่อก็แค่นเสียงเย้ยหยัน “ดูสิ ทำราวกับเป็ครอบครัวจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น!”
ไม่มีใครสนใจถ้อยคำริษยาของจ้าวซื่อ ในยามที่ปู่หลินเห็นลูกหลานจากไปทีละคนเช่นนี้ ทันใดนั้นในใจก็เกิดความรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมา ไม่สบายใจเอาเสียเลย
“ต้าหลาง หากอาสามของเ้ากลับมาจริงๆ เมื่อใดก็หมั่นไปเยี่ยมเยียนให้มากหน่อย” ทันใดนั้นปู่หลินก็กล่าวออกมา
หลินต้าหลางกลับไม่คิดเช่นนั้น หลินหยวนก็แค่พรานป่าคนหนึ่ง กลับมาแล้วจะทำอะไรได้?
แต่ว่าหากไม่กลับมาย่อมดีที่สุด!
ตอนนี้ยังไม่กลับมา หลินฟู่อินคนนั้นก็จัดการยากแล้ว หากพ่อของนางกลับมา คนมีที่พึ่งพิงไม่ใช่ยิ่งรับมือยากกว่าเดิมหรือ?
หลินต้าหลางก้มหน้า สายตาดุดันโเี้ ทว่าไม่มีใครมองเห็นมัน
“ฟู่อิน ดื่มชาเสียหน่อย” เฟิงซื่อดึงหลินฟู่อินกับหลินซานหลางมาที่สวนหน้าบ้านใหม่ พอกดตัวหลินฟู่อินให้นั่งลงแล้วก็รีบไปนำใบชาสำหรับรับแขกในงานเลี้ยงมาชงให้เด็กสาว
หลินฟู่อินยิ้ม ลุกขึ้นยืน “ท่านป้าสองไม่ต้องสุภาพขนาดนี้ก็ได้เ้าค่ะ”
“วันนี้ข้าขอบคุณเ้ามากจริงๆ ซานหลางก็ด้วย ข้าไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะมีวันเช่นนี้…” ทันใดนั้นหยาดน้ำตาแห่งความปีติก็หยดลงมาจากดวงตาของเฟิงซื่อ
ไร้บุตรชายเสมือนเป็ดั่งโรคร้ายในใจหลินต้าเหอ ยิ่งเป็แผลลึกในใจนาง แต่ว่าวันนี้หลินซานหลางกลับถือโอกาสขอมาเป็บุตรนาง แม้จะไม่ใช่บุตรแท้ๆ ก็ตามที…
เหตุเพราะหลินซานหลางเริ่มเป็ผู้ใหญ่แล้ว ทั้งยังมีใจจะช่วยบ้านรองของพวกตน นางก็ยิ่งปลาบปลื้มใจ!