หลังเสร็จงาน ทั้งสามคนไปดื่มเหล้าที่บ้านสวีฝูต่อ ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
สวีฝูรู้ที่ใดกันว่าแท้จริงแล้วคนที่ตัวเองต้อนรับสามคนนี้ไม่ถูกกับลูกชายตัวเอง มาบ้านเขาเพราะจะหลอกกินดื่มเท่านั้น
นักการที่ที่ว่าการอำเภอแบ่งเป็ขั้นจ้าว[1] ขั้นจ้วง[2] และขั้นไคว่[3]
ขั้นจ้าวมีหน้าที่ยืนเฝ้าในห้องโถง หรือก็คือกลุ่มคนที่คอยใช้กระบองเคาะพื้นพร้อมกับร้องว่า ‘เววู’ ตอนนายอำเภอเปิดศาลพิจารณาคดีที่เห็นกันในละคร…
นอกจากจะมีหน้าที่ยืนเวรและลงโทษแล้ว พวกเขายังทำงานที่นายอำเภอ จู่ปู้ ผู้ช่วยนายอำเภอมอบหมาย
การตามเ้าหน้าที่จัดการเอกสารมาวัดที่ดินถือเป็งานของนักการขั้นจ้าว
ส่วนนักการขั้นจ้วงจะทำงานที่ต้องใช้แรงงานเป็หลัก อย่างเช่นไปชนบทเก็บภาษี ถือเป็งานที่ต้องลงแรง
สุดท้ายคือขั้นไคว่ หรือก็คือมือปราบ มีหน้าที่จับโจรและคุมตัวนักโทษ
สวีเต๋อเซิ่ง ลูกชายของสวีฝูอยู่ขั้นไคว่ เป็มือปราบ
เขาประจบสอพลอเก่ง เอาใจนายอำเภอกับมือปราบได้เป็อย่างดี รวมกับเป็ลูกเขยของผู้ช่วยนายอำเภอ ได้รับมอบหมายงานดีๆ เสมอ
แต่กับคนอื่นแล้วไม่ค่อยเป็มิตรนัก อาศัยว่าตัวเองเป็ลูกเขยผู้ช่วยนายอำเภอหลิวและเป็คนโปรดของนายอำเภอ ไม่เคยเห็นพวกเขาในสายตา
มีผลประโยชน์กระไรล้วนเก็บไว้ผู้เดียวเสียหมด หากยื่นมือมาถึงนักการขั้นจ้วงกับขั้นจ้าว ประโยชน์ของสองขั้นนี้ล้วนถูกเขาแย่งเอาไปเช่นกัน
ความสัมพันธ์ของเขากับคนในที่ว่าการอำเภอจึงไม่ดีนัก ทุกคนจะประจบเอาใจต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเท่านั้น
เ้าหน้าที่เอกสารหยางกับนักการขั้นจ้าวสองคนนี้ถูกเขาแย่งเอาผลประโยชน์ไปไม่น้อย เกลียดชังเขามากเช่นกัน
เหล้าถูกเวียนดื่มหลายต่อหลายรอบ สวีฝูเอาเื่คนที่มาหาเจียงหงหย่วนวันนั้นขึ้นมาพูดเหมือนไม่ตั้งใจ
เขาอธิบายหน้าตาของชายผู้นั้นอย่างละเอียด แอบสื่อความหมายว่าชายผู้นั้นดูไม่เหมือนคนดี กลัวว่าจะเป็โจรูเาที่ออกมาเพ่นพ่านอยู่ข้างนอก
คนมีประสบการณ์ที่คลุกคลีในที่ว่าการอำเภอมานานอย่างสามคนนี้มีหรือจะไม่รู้ว่าเขาคิดจะกระทำสิ่งใด คิดในใจว่าคนที่จะขี่ม้าในยุคนี้ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาเป็แน่
บนส่วนลึกของูเาหล่งเหว่ยมีโจรูเา แต่โจรกลุ่มนั้นไม่ใช่โจรูเาธรรมดา พวกมันไม่สนใจชาวบ้านธรรมดา มิเช่นนั้นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้คงถูกฆ่าล้างบางไปนานแล้ว
อันที่จริง สิ่งสำคัญที่สุดคือโจรบนูเาหลงเหว่ยจัดการไม่ง่ายเลยจริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่นาน หลิวเชียนฮู่กับมือปราบหวงเพิ่งพากำลังพลสองสามร้อยคนไปปราบ แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็ว่ามีแค่พวกเขาสองคนที่รอดกลับมา คนอื่นที่เหลือตายบนูเาหลงเหว่ยเสียหมด
หากเจียงหงหย่วนสบคบคิดกับโจรบนูเาหลงเหว่ยจริง คนที่สวีฝูพูดถึงเป็โจรบนูเาหลงเหว่ยจริง เช่นนั้นพวกเขายิ่งต้องหนีให้ห่าง
คนพวกนี้ฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา เคยฆ่านายทหารขั้นหกคนหนึ่ง ล้างบางคนทั้งตระกูลของนายทหารผู้นั้นที่มีเป็ร้อยคนภายในคืนเดียว
พวกเขาจะกล้ามีเื่กับโจรูเาที่เหี้ยมโหดขนาดนี้หรือ?
ความเสี่ยงที่แค่นอน หัวกับคออาจหลุดจากบ่าเช่นนี้ พวกเขาไม่กล้าเสี่ยง
อย่ามาล้อเล่นกันหน่อยเลย
จริงอยู่ที่พวกเขาทำงานให้ราชสำนัก แต่เงินเดือนทั้งปีแค่นั้นยังไม่มากพอให้พวกเขาขายชีวิต
เ้าหน้าที่หยางหรี่ตาพูดด้วยความเมาเล็กน้อย “หากเื่นี้เป็ความจริงจะเป็ผลงานใหญ่!”
นักการสองคนเข้าใจความหมายของเ้าหน้าที่หยาง “นั่นน่ะสิ หากพวกเราคนใดจัดการคดีนี้ได้ รางวัลจากราชสำนักต้องไม่น้อยเป็แน่ ดีไม่ดีจะได้เป็หัวหน้ามือปราบเสียด้วย หรือไม่อาจถูกย้ายไปเป็หน่วยลาดตระเวน เป็ขุนนางขั้นเก้า”
“แต่นี่พวกข้าฟังแค่ข่าวลืออย่างเดียว เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ลุงสวี ท่านตามพวกข้าไปที่ว่าการอำเภอ เล่าเื่นี้ให้ใต้เท้าฟัง พวกข้าจะได้สร้างผลงานด้วย ท่านวางใจเถิด ไว้สวีเกอกลับมาแล้ว พวกข้าจะขอบคุณอย่างหนักเป็แน่”
สวีฝูได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นดังตึกตัก เขาเพียงอยากถือโอกาสถามข้อมูลดู ไม่ได้จะยกความดีความชอบให้ผู้อื่น!
หากนี่เป็ผลงานใหญ่จริง เขาก็ควรยกให้ลูกชายตัวเอง
“ฮะฮะ…เอ่อคือ ข้าลองเดาดูเช่นกัน ไม่มีหลักฐานใด” สวีฝูหัวเราะ ในใจคิดว่าจะทำอย่างไรดี
เ้าหน้าที่เอกสารหยางพูดอย่างเมามาย “สวีเหล่าเกอ ลูกชายท่านไม่เคยบอกหรือว่าที่ว่าการอำเภอเป็สถานที่เช่นไร? หากชาวบ้านไม่ได้ทำสิ่งใดผิดเหตุใดถึงกลัวการเข้าที่ว่าการอำเภอ? ท่านเป็ถึงหัวหน้าหมู่บ้าน ไม่รู้เื่นี้หรือ? นายอำเภอของพวกเราต้องมีผลงานเช่นกัน หากจับโจรูเาได้สองคนจะถือว่าเป็ผลงาน! ส่วนค่าตอบแทน… สวีเหล่าเกอวางใจได้ หากท่านไปพูดกับใต้เท้าของพวกเรา ไว้รางวัลแจกจ่ายลงมาแล้วจะมีส่วนของท่านด้วยเป็แน่!”
สมองสวีฝูทำงานอย่างรวดเร็ว “คนบ้านเดียวกันทั้งนั้น ข้าไม่กล้าทำเื่ไร้จรรยาบรรณเช่นนั้นหรอก หากยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ข้าจะไม่ไปที่ว่าการอำเภอเด็ดขาด”
“เหล่าเกอ ท่านช่างจิตใจดีงามยิ่งนัก!”
“ถูกต้อง คนเราก็ควรเป็เช่นนี้แหละ!” นักการคนหนึ่งยกนิ้วโป้งให้เขา
สวีฝูหัวเราะ ตอบกลับตามมารยาท
หลังกินข้าวเสร็จ ทั้งสามก็บอกลา นั่งรถม้ากลับอำเภอ
พวกเขามีหน้าที่แค่เขี่ยไฟ เหลือแต่รอให้สวีฝูกระทำสิ่งใดโง่ๆ เอง
หากเจียงหงหย่วนสมคบคิดกับโจรูเาจริง โจรูเาย่อมไม่ปล่อยครอบครัวสวีฝูที่เป็คนแจ้งจับ
แต่หากเจียงหงหย่วนถูกใส่ร้าย นายอำเภอของพวกเขาไม่ใช่ขุนนางเลอะเลือน ต้องตัดสินให้สวีฝูมีความผิดโทษฐานใส่ร้าย ไม่แน่ว่าอาจเดือดร้อนไปถึงสวีเต๋อเซิ่งด้วย
หากการเอาคนที่ทนการถูกทรมานไม่ไหวสองคนมาโยนความผิดว่าเป็โจรูเาสามารถสร้างผลงานได้จริง พวกเขาคงทำไปนานแล้ว เพราะต้องบอกก่อนว่าในอำเภอมีขอทานจำนวนมาก จับมาเป็แพะรับบาปย่อมเป็เื่ง่ายไม่ใช่หรือ?
นายอำเภอของพวกเขารักสมบัติและกระหายผลงานเช่นกัน แต่ราชสำนักเข้มงวดกับการฆ่าประชาชนบริสุทธิ์เพื่อแอบอ้างผลงานมาก หากตรวจสอบเจอต้องถูกปะา
ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้ทั้งตระกูลถูกเนรเทศ
เมื่อสิบปีก่อน มีขุนนางใหญ่ขั้นสองนามว่าหลินเจี้ยวเยวี่ยกำลังเรืองอำนาจ แต่เพราะฆ่าคนบริสุทธิ์เพื่อแอบอ้างผลงานจึงถูกปะา ทั้งตระกูลหลินถูกเนรเทศไปอยู่หย่าโจว
หย่าโจวเป็ที่เช่นไร?
หากบอกว่านกไม่มาออกไข่ยังเป็การยกยอเกินไป อยู่ติดทะเล พุ่มไม้เป็พิษ พื้นดินแห้งแล้ง เกิดพายุเป็ประจำ…
ระยะทางยาวไกล เนรเทศไปร้อยคน สุดท้ายเหลือรอดเพียงสิบคน พอไปถึงแล้วคนที่ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมจนมีชีวิตอยู่ได้มีเพียงไม่กี่คน
หากสวีฝูฟังคำยุยงของพวกเขาเข้าหูและไปทำจริงๆ ไม่ว่าเจียงหงหย่วนจะถูกใส่ร้ายหรือไม่ เขาก็จะนำหายนะมาสู่ตัวอยู่ดี
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
สวีฝูไม่มีทางคาดคิดว่าขณะที่ตัวเองกำลังปองร้ายเจียงหงหย่วน ตัวเองถูกผู้อื่นปองร้ายเช่นกัน
ตกเย็น เจียงหงหย่วนขี่รถล่อนำหน้าเกวียนของหวางโหย่วกุ้ยเข้ามาในหมู่บ้าน
ชาวบ้านในทุ่งนาหยุดงานในมือทันที ถือจอบแบกตะกร้าไม้ไผ่ออกมา พวกเขากลัวเจียงหงหย่วน กล้าถามแค่หวางโหย่วกุ้ย “เหล้าต้าบ้านตระกูลหวาง รถล่อนี้เหล่าต้าบ้านตระกูลเจียงเช่ามาใช่หรือไม่ เ้ารู้หรือไม่ว่าค่าเช่าวันละเท่าไร?”
หวางโหย่วกุ้ยตอบ “ไม่ได้เช่า หงหย่วนซื้อมา”
“หา? ซื้อหรือ!”
“โอ้โห เพิ่งซื้อที่ป่าไปก็ซื้อล่อหนุ่มตัวใหญ่ต่อ เหล้าต้าบ้านตระกูลเจียงคิดจะทำสิ่งใด…”
“นั่นน่ะสิ จริงอยู่ที่บ้านเขามีที่ดินเยอะ แต่ไม่มีที่ตรงใดทำการเกษตรได้ ซื้อล่อเพระเหตุใด เลี้ยงเล่นหรือ?”
“หรือคิดจะแย่งธุรกิจบ้านพวกเ้า ใช้รถล่อส่งของหาเงิน?”
เชิงอรรถ
[1] ขั้นจ้าว(皂班) ขั้นหนึ่งของนักการ มีหน้าที่ติดตามเ้าหน้าที่ระดับสูงซ้ายขวาเพื่อช่วยเปิดทาง ระหว่างการพิจารณาคดีจะยืนขนาบด้านข้างเพื่อรักษาความเรียบร้อย คุมตัวนักโทษและทรมานเฆี่ยนตีต่างๆ
[2] ขั้นจ้วง(壮班) ขั้นหนึ่งของนักการ มีหน้าที่เฝ้าประตูเมือง คลังเก็บสินค้า ห้องขัง และอื่นๆ
[3] ขั้นไคว่(快班) ขั้นหนึ่งของนักการ อีกชื่อที่รู้จักกันดีของขั้นนี้คือมือปราบ หน้าที่คล้ายตำรวจในปัจจุบัน เรียกตัวจำเลย สืบหาพยาน ตามจับผู้ร้าย
