คุณย่าลู่กล่าว “ฉันรู้ว่าพี่สาวเธออยากแต่งงานกับอาเสียนมาก แต่อาเสียนไม่ชอบพี่สาวเธอ พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้”
“ตอนนี้ขอโทษฮุ่ยฮุ่ยเดี๋ยวนี้!”
คุณย่าลู่ตวาดกะทันหัน ทำให้หลูเจียหงใจนตัวสั่นเทา
แม้ในใจจะไม่เต็มใจแค่ไหน แต่ก็ยอมขอโทษสวี่ฮุ่ยแต่โดยดี คุณย่าลู่ถึงโบกมือไล่เธอไป
ตอนหลูเจียหงมาดูน่าเกรงขามแค่ไหน ตอนไปก็ดูน่าสมเพชมากเท่านั้น
คุณย่าลู่อธิบายกับสวี่ฮุ่ยว่า “หลูเจียหงเป็ลูกสาวคนเล็กของอาจารย์ของพี่ลู่เขา”
“เห็นว่าเป็การทำผิดครั้งแรก ย่าเลยไม่อยากลงโทษหนัก หนูเข้าใจย่าใช่ไหม?”
สวี่ฮุ่ยพยักหน้า “เข้าใจค่ะ”
คุณย่าลู่เหลือบมองกู่ซิ่วกับลูกสาวที่ทำตัวล่องหน แล้วจงใจถามสวี่ฮุ่ย “หนูน้อย ยังมีใครใส่ร้ายหนูอีกไหม?”
สวี่ฮุ่ยพยักหน้า “มีค่ะ”
เธอชี้ไปที่กู่ซิ่ว “แม่หนูเอาแต่ช่วยหลูเจียหงใส่ร้ายหนู อยากให้ชื่อเสียงหนูป่นปี้”
คุณย่าลู่ไม่ได้ตำหนิกู่ซิ่ว แค่ทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วพูดแฝงความหมายว่า “แม่แบบนี้ช่างหายากจริง ๆ”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้กู่ซิ่วอับอายขายหน้า
สวี่ฮุ่ยหยิบกำไลเงินออกมาจากตัวคืนให้สามพี่น้องลู่ฉี่โหย่ว “นี่คือของขวัญวันเกิดที่พวกคุณแอบอ้างเป็พี่ลู่ให้ฉันเมื่อวาน”
“แต่สวี่เยว่บอกว่านี่คือหลักฐานว่าฉันเป็เมียน้อย”
“เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกใส่ร้าย รบกวนพวกคุณเอากำไลวงนี้กลับไปด้วยเถอะค่ะ”
เมื่อสวี่เยว่ได้ยินว่ากำไลเงินวงนั้นไม่ใช่ของที่ลู่ฉี่เสียนให้ยัยงั่ง สวี่เยว่ก็รู้สึกดีขึ้นมาก
เธอไม่ได้รับความสนใจจากลู่ฉี่เสียน ก็ไม่อยากให้ลู่ฉี่เสียนชอบสวี่ฮุ่ยเหมือนกัน
แต่พอเห็นสวี่ฮุ่ยไปฟ้องคุณย่าลู่ เธอก็ใจนหน้าถอดสี
ลู่ฉี่โหย่วผลักกำไลเงินกลับไปแล้วจ้องมองสวี่เยว่ด้วยความโกรธ “ใครกล้าเอาเื่กำไลเงินนี่มาใส่ร้ายเธออีก ฉันจะต่อยมันให้ตายเลย!”
“กำไลเงินวงนี้เธอไม่ต้องคืนหรอก ถือว่าเป็ของขวัญวันเกิดที่พวกเราสามพี่น้องมอบให้”
ลู่ฉี่เหวินกับลู่ฉี่อู่ก็ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมอยู่ข้าง ๆ
คุณย่าลู่ยิ้มละไม “พวกเขาให้ก็รับไปเถอะ”
สวี่ฮุ่ยเลยไม่เกรงใจ ยอมรับกำไลเงินนั้นไว้
เมื่อหันไปทางสวี่เยว่ รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณย่าลู่ก็หายวับไปกับตา “เด็กคนนี้ใจคอทำไมถึงได้สกปรกนัก? แถมยังร้ายกาจอีก! แม้แต่ข่าวลือใส่ร้ายพี่สาวแท้ ๆ ของตัวเองเธอยังกล้ากุขึ้นมา!”
สวี่เยว่ริมฝีปากสั่นระริก พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
สวี่ฮุ่ยควงแขนคุณย่าลู่แล้วพูดว่า “คุณย่าลู่คะ น้องสาวคนนี้ของหนูเป็โรคหัวใจ แถมยังชอบแกล้งป่วยอยู่เรื่อย”
“คุณย่าอย่าตำหนิเธอเลยค่ะ หากเธอแกล้งป่วยเรียกร้องค่าเสียหายขึ้นมาจะทำยังไงคะ?”
“เข้าบ้านไปนั่งพัก ดื่มน้ำกันก่อนเถอะค่ะ”
“เื่ของหนูทำให้ท่านกับพวกพี่น้องลู่ฉี่โหย่วต้องลำบากเดินทางมาไกลในวันที่อากาศร้อน ๆ แบบนี้”
คุณย่าลู่ตบมือสวี่ฮุ่ยเบาๆ “วันนี้หนูทำถูกแล้ว ถ้าโดนใครรังแกหรือเจอเื่ยุ่งยากอะไรก็ต้องโทรหาย่า ย่าจะจัดการให้เอง”
“ไม่ต้องเข้าบ้านดื่มน้ำหรอก กลับไปเดี๋ยวย่าจะซื้อกำไลทองแล้วให้ฉี่โหย่วเอามาให้หนู ถือเป็ของขวัญวันเกิดที่ย่าให้หนูช้าไปหน่อยแล้วกันนะ”
เห็นสวี่ฮุ่ยจะปฏิเสธ คุณย่าลู่ก็รีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน “ย่าให้อะไรก็รับไปเถอะ ไม่งั้นเท่ากับไม่ให้เกียรติคนแก่คนนี้นะ”
สวี่ฮุ่ยได้แต่กลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดออกจากปากลงคอไป
หลังจากคุณย่าลู่พาหลานชายทั้งสามคนกลับไปแล้ว กู่ซิ่วกับลูกสาวจึงค่อยออกเดินทางไปบ้านสกุลกู่
ครั้งที่แล้วหลังจากที่กู่ซิ่วกับลูกสาวโดนคุณตากู่ไล่ออกจากบ้าน คุณยายกู่ก็เกลี้ยกล่อมสามีอยู่นาน
ถึงเยว่เยว่จะทำผิด ก็ไม่ควรห้ามไม่ให้หลานมาบ้านอีก ทำแบบนั้นเด็กจะเสียใจแค่ไหน
สวี่เยว่โตมากับตายาย คุณตากู่จึงยังมีความรู้สึกผูกพันกับหลานสาวอยู่บ้าง
คราวก่อนเขาระบายโทสะใส่สวี่เยว่แล้วไล่สองแม่ลูกออกจากบ้าน คุณปู่ตาก็รู้สึกดีขึ้นมาก พอภรรยาคอยโน้มน้าว ความโกรธก็ยิ่งลดลงไปอีก
สวี่เยว่ตามกู่ซิ่วมาอวยพรวันเกิดเขา แถมยังนำของขวัญราคาแพงมาให้ ทำให้เขาได้หน้าต่อหน้าแเื่
ด้วยหลายปัจจัยประกอบกัน ทำให้คุณตากู่ไม่ได้ไล่ลูกสาวกับหลานสาวออกจากบ้านเหมือนครั้งที่แล้ว
เพียงแค่ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจแล้วถามว่าทำไมสวี่ฮุ่ยไม่มา
กู่ซิ่วยักไหล่ “วันนั้นฉันกลับไปก็บอกฮุ่ยฮุ่ยแล้ว แต่ฮุ่ยฮุ่ยบอกว่าวันนี้ติดธุระ มาไม่ได้”
คุณตากู่ผิดหวังมาก พูดเสียงตำหนิเล็กน้อย “ธุระอะไรจะสำคัญกว่างานวันเกิดครบ 70 ปีของตาเธอได้!”
เขายังหวังจะใช้สวี่ฮุ่ยที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อันดับหนึ่งมาช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้เขา แต่ผลสุดท้ายเธอกลับไม่มา!
เหมือนให้สุนัขนั่งเกี้ยว[1] จริง ๆ !
คุณยายกู่กลัวว่าสามีอารมณ์เสียแล้วแขกจะได้ยินเข้า
เธอก็รีบเปลี่ยนเื่ถามว่าทำไมสวี่ต้าซานกับลูกชายไม่มา
กู่ซิ่วตอบ “รั่วเฉินจะมาหลังเลิกงานตอนเที่ยง ส่วนต้าซานติดธุระที่โรงงานมาไม่ได้ค่ะ”
ต่อให้ไม่ติดธุระที่โรงงาน กู่ซิ่วก็จะหาทางไม่ให้สวี่ต้าซานมาอยู่ดี
เธอกลัวว่าเื่เงินสี่พันหยวนที่ต้องเอาไปชดใช้ให้บ้านสกุลลู่จะแตก
เงินสี่พันหยวนนั้นเธอใช้เงินส่วนตัวของตัวเอง แต่กลับบอกสวี่ต้าซานว่ายืมพ่อแม่มา
ถ้าสวี่ต้าซานคุยกับพ่อแม่แล้วรู้ความจริง เธอจะอธิบายที่มาของเงินสี่พันหยวนนั้นได้ยังไง?
วันเกิดครบ 70 ปีเป็วันสำคัญ บ้านสกุลกู่จึงเชิญแขกมามากมาย
สมัยนี้บ้านไหนก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก ปกติเวลาจัดงานมงคลหรืออวมงคลก็จะกางเต็นท์จัดงานในเขตบ้านพัก
ถึงแม้ว่าคุณตากู่จะเป็อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนมัธยมศึกษาชื่อดัง เงินำาญก็สูงพอสมควร
แต่ภรรยาไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงินเกษียณ ค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดต้องอาศัยเงินำาญของเขาเพียงคนเดียว
ฐานะทางบ้านไม่ได้ดีเลิศ เพียงแค่ดีกว่าบ้านคนทั่วไปเล็กน้อย
บวกกับสองตายายเป็คนประหยัด จึงกางเต็นท์จัดงานเลี้ยงในเขตบ้านพักได้
เพื่อนบ้านหลายคนก็มาช่วยงานโดยสมัครใจ ทั้งเด็ดผัก เชือดปลา สับหมู
เพื่อนบ้านต่างมาช่วยงาน คุณย่ากู่ก็ไม่กล้าให้หลาน ๆ อยู่เฉย
เธอจัดแจงให้กู่ซานซานนั่งขูดขิง ปอกกระเทียมบนเก้าอี้เตี้ย ส่วนหลานชายทั้งสองคนก็ให้เชือดปลา สับเนื้อทำนองนี้แทน
กู่ซานซานถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจ ไม่อยากทำงานบ้านเลยสักนิด
พอเห็นสวี่เยว่ก็บ่นว่ากระเทียมกับขิงเยอะขนาดนี้ ไม่รู้จะทำเสร็จเมื่อไหร่
สวี่เยว่กลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “ยาโรคหัวใจของฉันหมดพอดี เดี๋ยวฉันไปซื้อยาก่อนแล้วจะกลับมาช่วยเธอทำงานบ้าน”
ดวงตากู่ซานซานเป็ประกาย “ฉันไปเป็เพื่อน!” พูดจบก็โยนงานในมือทิ้งวิ่งตามสวี่เยว่ออกไป
ซือล่าเหมย แม่ของกู่ซานซานมองตามหลังลูกสาวไปพลางครุ่นคิด เธอรู้สึกว่าสวี่เยว่จงใจพูดเื่ซื้อยาต่อหน้าลูกสาว
ั้แ่เื่สวี่เยว่ยืมมือคนอื่นหวังฆ่าสวี่ฮุ่ยถูกตีแผ่ บวกกับเื่สกปรกอื่น ๆ ที่สวี่เยว่ทำ ภาพจำที่ซือล่าเหมยมีต่อสวี่เยว่ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เธอไม่เชื่ออีกต่อไปแล้วว่าสวี่เยว่เป็เด็กสาวใสซื่อและจิตใจดี
ลูกสาวของเธอี้เี แถมยังชอบเที่ยวเล่น ถ้าไปซื้อยากับสวี่เยว่ คงจะไม่กลับมาจนกว่าจะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยง
ตอนนั้นแม่สามีต้องตำหนิกู่ซานซานว่าไม่รู้ความแน่ ๆ ส่วนสวี่เยว่ก็จะแย่งความโปรดปรานไปอย่างแเี แถมยังชนะด้วย
จนกระทั่งตอนนี้ ซือล่าเหมยถึงได้เข้าใจว่าทำไมลูกสาวของเธอถึงไม่ได้รับความเอ็นดูจากแม่สามีเท่าสวี่เยว่ ที่แท้ก็เป็เพราะสวี่เยว่แอบวางแผนไว้ทั้งหมด
ลูกสาวโง่ ๆ ของเธอยังเห็นสวี่เยว่เป็เพื่อนสนิทอีก เดี๋ยวเธอต้องกลับไปสั่งสอนซานซานให้ดี
[1] สุนัขนั่งเกี้ยว หมายถึง ยกย่องให้เกียรติแล้ว แต่ผู้รับมันโง่ ไม่รักดี ไม่รู้จักรักเกียรติ