มาพร้อมกับสหายผู้ชายสองคน ไม่ว่าอายุจะมากหรือน้อย เมื่อมาถึงสถานที่แบบนี้กลับกลายเป็เซี่ยเสี่ยวหลานที่รู้สึกอึดอัด
ปี 1985 สังคมยังไม่เลวร้ายถึงขีดสุดแม้ว่าจะมีร้านเสริมสวยที่แฝงบริการค้าประเวณีแล้วก็ตาม แต่นั่นก็เพราะมีผู้ชาย้าใช้บริการ มิเช่นนั้นร้านเสริมสวยลักษณะนี้คงเปิดกิจการต่อไม่ไหว
อย่างไรก็ตามสภาพสังคมโดยรวมแล้วยังมีคนปกติอยู่มาก การมาใช้บริการสาวร้านเสริมสวยนั้นเลวร้ายเสียยิ่งกว่าการคบชู้ สหายเสี่ยวหวังเจอคำชักชวนของสาวร้านเสริมสวยแล้วก็หน้าแดงก่ำทันที ต่างจากหลี่ต้งเหลียงที่มีภรรยาแล้วจึงไม่กล้ามองสาวร้านเสริมสวยพวกนี้มากนัก
เขาเห็นอีกฝ่ายเหมือนดั่งสัตว์ร้ายที่รอขย้ำเหยื่อ
หลี่ต้งเหลียงคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคงไม่เข้าใจในเื่พวกนี้ แต่เขาก็ไม่อยากอธิบายมากเกินไป เพราะกลัวจะระคายหูของคุณผู้หญิงเซี่ย
เขาคงไม่รู้เลยว่าคุณผู้หญิงเซี่ยในร่างเด็กสาวคนนี้ แม้แต่การแสดงโชว์ของสาวประเภทสองที่ประเทศไทยก็เคยดูมาแล้ว แค่ได้ยินสาวร้านเสริมสวยเรียกแขกจะเป็อะไรไป เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยคิดอยากซ้ำเติมคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่มีทางชื่นชมพวกเธอเช่นกัน... ผู้ชายมักหาข้ออ้างเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีอยู่เสมอ ดังนั้นโลกอนาคตมักจะมีคนช่วยพูดแทนผู้ขายบริการทางเพศตามเว็บบอร์ด โดยพวกเขามักจะพูดราวกับว่าโสเภณีมีค่ามากกว่าสหายหญิงที่สุภาพเรียบร้อย
แม้จะมีคนที่โชคร้ายที่ถูกพามาทำอาชีพนี้อยู่จริง แต่ที่มีมากกว่าก็คือพวกคนี้เีทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต
มีมือมีเท้าแต่ไม่อยากทำงาน กลับอยากหาเงินได้ง่ายและรวดเร็วด้วยวิธีการนี้ อยากเป็โสเภณีแต่ก็้าการยอมรับจากสังคม แม้หลายคนจะเริ่มจากการถูกบีบบังคับ ทว่าตอนนี้กลับ้าเดินเส้นทางนี้ อีกทั้งยังรวมตัวกันเป็ขบวนการเพื่อหลอกเหยื่อคนอื่นๆ ให้เข้าสู่เส้นทางเดียวกันด้วย
ย่านโคมแดงของปี 1985 ดูทรุดโทรมยิ่งนัก กระจกสีทึบจนแทบจะมองไม่เห็นภายในร้าน บนกระจกแปะโปสเตอร์ดาราฝั่งฮ่องกงและไต้หวัน แสงไฟสลัว สภาพแวดล้อมดูสกปรก เซี่ยเสี่ยวหลานปรายตามองเพียงเล็กน้อยก็เบือนหน้าไปทางอื่นทันที
“พี่หวัง ขับให้ไวหน่อย”
หลี่ต้งเหลียงเปิดกระจกรถฝั่งข้างคนขับ “ปล่อยมือ ถ้าไม่ปล่อยแล้วถูกล้อรถลากไปด้วย พวกเราไม่จ่ายค่าชดเชยให้”
หลี่ต้งเหลียงทำหน้าตาเคร่งเครียด สำหรับสาวร้านเสริมสวยเหตุการณ์เช่นนี้น่ากระอักกระอ่วนเกินไปแล้ว เธอทำเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะปรายตามองด้านในรถ และเจอกับเซี่ยเสี่ยวหลานที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลัง
ที่แท้ก็มีผู้หญิงอยู่ด้วย สาวร้านเสริมสวยรู้ทันทีว่าครั้งนี้คงไม่ได้งาน เธอจึงปล่อยมือจากกระจกมองข้าง เสี่ยวหวังไม่รอช้า เขาเหยียบคันเร่งจากไปทันที ตลอดทางเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของสาวร้านเสริมสวย
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นสาวร้านเสริมสวยที่เข้ามาขวางรถเดินกลับเข้าร้านไปพร้อมกับพ่นคำด่าตลอดทาง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ประธานเซี่ยผู้ทำแต่ธุรกิจสีขาว ดังนั้นเธอจึงไม่คิดว่าตนจะมีโอกาสข้องเกี่ยวกับสาวร้านเสริมสวยพวกนี้ แต่เธอคงคิดไม่ถึงว่า ตนจะคิดผิด
สาวร้านเสริมสวยหาลูกค้าไม่ได้ จึงถูกชายหนุ่มร่างผอมท่าทางเสเพลด่ากราด “เสี่ยวลี่ เดือนนี้ผลงานของเธอไม่ได้เื่ อยากโดนดีใช่ไหม”
เสี่ยวลี่ไม่กล้าเถียง เธอถูกตีจนรู้สึกกลัวจับใจ
หากได้ลูกค้าเธอก็จะได้เงิน แม้ร้านจะหักค่านายหน้าไปเป็เงินจำนวนมาก แต่เงินที่แบ่งให้พวกเธอก็เยอะกว่าเงินเดือนของคนทั่วไปอยู่ดี เพียงแต่อาชีพนี้มีคนเข้ามาทำมากขึ้นทุกที เสี่ยวลี่จึงเริ่มกังวล เมื่อหลายวันก่อนก็มีเด็กใหม่ถูกส่งมา ทว่าเสี่ยวลี่กลับไม่เข้าใจท่าทีของร้านที่มีต่อเด็กใหม่คนนั้น
เธอยิ้มกว้างพร้อมกับเดินไปพูดเสียงหวานกับชายร่างผอม “พี่เฟิง เด็กที่ขังไว้หลังบ้านจะทำงานเมื่อไรหรือ”
ทำงานก็คือรับแขก
ก่อนรับแขกพี่เฟิงจะเป็ผู้ลองชิมรสชาติของหญิงสาวก่อน บางครั้งเขาก็จะเรียกเพื่อนฝูงมาลองด้วยกัน เด็กใหม่ถูกตีก็แล้ว ปล่อยให้อดข้าวก็แล้ว แต่พี่เฟิงกลับไม่แตะต้องเธอเลย ดังนั้นเสี่ยวลี่จึงรู้สึกข้องใจ
ก็เพราะเบื้องบนสั่งมาว่ายังแตะต้องไม่ได้น่ะสิ
พี่เฟิงเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ตอนแรกเขานึกว่าเป็เด็กของลูกพี่ และเพราะไม่เชื่อฟังเลยถูกส่งมาอบรมที่ร้าน
แต่ดูจากสภาพแล้วหญิงสาวคนนั้นก็ไม่ได้สวยอะไร รูปร่างก็ไม่อ้อนแอ้นเหมือนเสี่ยวลี่ที่ยืนอยู่อยู่ตรงหน้าเขานี้ รสนิยมของลูกพี่ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน
“ไม่ใช่เื่ของเธอ อย่าแส่ไม่เข้าเื่!”
ยิ่งพี่เฟิงพูดเช่นนี้ เสี่ยวลี่ก็ยิ่งสงสัย ่บ่ายยังคงไม่มีลูกค้า เสี่ยวลี่จึงแอบไปที่เรือนหลังบ้าน ก่อนที่เธอจะเปิดประตูห้องที่ถูกล็อคไว้อย่างแ่าออก บนเตียงมีคนนอนอยู่ เสี่ยวลี่ใช้ตะเกียบจิ้มตัวเธอ “นี่ ตายหรือยัง”
คนบนเตียงส่งเสียงครางออกมาเล็กน้อย ก่อนจะขดตัวเป็วงกลม คงเพราะกลัวถูกตีสินะ
ถ้าไม่เชื่อฟังก็จะถูกตีและถูกงดข้าว นี่คือวิธีการสั่งสอนของร้าน โดยวิธีนี้สืบทอดกันมาเป็พันปี แม้จะเข้าสู่ยุคสมัยใหม่แล้วก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่วิธีนี้ได้ผลดีเหลือเกิน บอกว่าไม่ให้ข้าวกินก็คือไม่ให้เลยแม้แต่น้อย นอกจากใบหน้า ไม้เรียวถูกฟาดลงไปที่ตัว แขน ขา และจนทั่วแผ่นหลัง
จิตใจเข้มแข็งแค่ไหนก็ไม่อาจทนได้นาน
ทำไมเซี่ยหงเซี๋ยถึงทนได้นานขนาดนี้?
เดิมทีเธอก็ไม่อยากทน!
หลังตื่นขึ้นมา เธอก็พบว่าตนถูกส่งมาที่ร้านเสริมสวย ตอนแรกเซี่ยหงเซี๋ยไม่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองแม้แต่น้อย ต่อมาเธอเห็นผ่านกรงเหล็กตรงหน้าต่างว่า พวกเสี่ยวลี่พาผู้ชายเข้าไปยังห้องต่างๆ ของเรือนหลังบ้าน กำแพงห้องนั้นไม่เก็บเสียง เธอจึงได้ยินเสียงน่าอายดังลอดมาอยู่ตลอดเวลา เซี่ยหงเซี๋ยอายุน้อยกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานแค่หนึ่งปี อย่างไรก็ตามที่บ้านนอกเซี่ยหงเซี๋ยถือว่าเป็เด็กสาวที่โตพอจะออกเรือนได้แล้ว พวกแม่บ้านปากยื่นปากยาวในหมู่บ้านต้าเหอเวลาซักผ้ามักจะคุยหยอกล้อกันเื่อย่างว่า เซี่ยหงเซี๋ยมีหรือจะไม่เข้าใจ
ต่อให้เมื่อก่อนไม่เข้าใจ แต่พอมีแฟนแล้วเธอย่อมเข้าใจดี
เซี่ยหงเซี๋ยเป็คนี้เี ไม่มีความมุ่งมั่น เธอเป็คนตะกละชอบกินของอร่อย ต่อให้ที่บ้านจะขาดแคลนอาหาร แต่ก็ไม่ถึงกับต้องอดข้าวติดกันหลายวันเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกตี
เซี่ยหงเซี๋ยไม่ได้ขัดขืนนานนัก ถ้าพี่เฟิงสั่งให้เธอรับแขก เธออาจจะยอมทำตามคำสั่งอย่างง่ายดายก็เป็ได้
แต่พี่เฟิงเอาแต่ทุบตี ไม่พูดเื่รับแขกเลยสักคำ เซี่ยหงเซี๋ยนอนขดตัวอยู่บนเตียง รู้สึกว่าชีวิตของเธอคงถึงสุดปลายทางแล้ว เธอลืมตาขึ้นมองเสี่ยวลี่ “ฉัน… อารองของฉันรวยมาก เขาอยู่เผิงเฉิง เธอช่วยส่งจดหมายบอกให้เขามา...”
คำว่า ‘ช่วยฉัน’ ยังไม่ทันออกจากปาก เสี่ยวลี่ที่กำลังคีบมวนบุหรี่ก็วิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
อิจฉาริษยากันในร้านนั้นไม่เป็ไร แต่ถ้าให้ส่งจดหมายไปหาคนอื่นนั้นคงไม่ได้ หากถูกจับได้ล่ะก็ คงเป็เธอที่จะถูกซ้อมจนตาย
เซี่ยหงเซี๋ยเจ็บไปทั้งตัว เธอหิวจนไม่มีแรงทุบที่นอนด้วยซ้ำ
เธอฟุบหน้ากับหมอนนอนร้องไห้ พลางคร่ำครวญด่าทอพวกคนเลว และโทษเซี่ยต้าจวินที่สั่งให้คนส่งข่าวมาบอก เธอมีแฟนอยู่แล้วแท้ๆ ถ้าอารองไม่ส่งข่าวมา เธอจะอยากแต่งงานกับคนฮ่องกงหรือ? และคงไม่โดนคนมอมยาจนถูกส่งตัวมาที่นี่!
ทำไมอารองยังไม่มาช่วยเธออีก?
นอกจากเธอที่ถูกส่งมาที่นี่แล้ว พ่อกับแม่ล่ะ?
คนเลวพวกนั้นคงไม่ได้ขายย่าของเธอด้วยหรอกนะ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่น่าจะมีใครอยากซื้อตัวหญิงชรา!
เซี่ยหงเซี๋ยได้แต่หวังว่าจะมีคนหนีรอดมาได้ แล้วมาช่วยเธอออกจากนรกแห่งนี้
เธอนอนนิ่งไม่ขยับ ผ่านไปสักพักพี่เฟิงก็ถีบประตูเข้ามา “ลุกขึ้นมา เตรียมตัวทำงาน ร้านฉันไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์!”
—--------------------------------------------------
แถบเขตแดนระหว่างหยางเฉิงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษมีโรงงานผลิตก้อนอิฐอยู่จำนวนไม่น้อย
เผิงเฉิงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว การสร้างบ้านย่อมต้องใช้อิฐ อิฐทั้งหนักและขนย้ายยาก ปกติผู้คนมักจะซื้อกับร้านวัสดุก่อสร้างที่ใกล้ที่สุด ดังนั้นคนที่สามารถเปิดโรงงานผลิตก้อนอิฐได้มักจะเป็คนมีอำนาจในท้องถิ่น หวังจินกุ้ยกับเซี่ยหงปิงถูกขายให้แก่โรงงานคนละแห่ง
การที่เซี่ยหงเซี๋ยไม่ต้องรับแขกเพราะเฉาลิ่วสั่งการไว้ว่าอย่าเพิ่งแตะต้องเธอ เขายังต้องใช้เซี่ยหงเซี๋ยไปแลกกับเงินก้อนใหญ่
แต่หวังจินกุ้ยกับเซี่ยหงปิงไม่ได้โชคดีขนาดนั้น การถูกทุบตีและอดข้าวคือเื่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เดิมทีทั้งคู่ก็เป็พวกขี้ขลาด ไม่ถึงสองวันก็ยอมศิโรราบและเริ่มทำงานที่โรงงานอิฐแต่โดยดี
งานที่นี่เหนื่อยเหลือเกิน งานหนักกว่าการทำไร่เสียอีก!
แต่ทำอย่างไรได้ ที่โรงงานเลี้ยงหมาตัวใหญ่เอาไว้หลายตัว ทั้งยังมีนักเลงผู้คุมคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา เซี่ยหงปิงไม่อยากทำงานแต่ก็ไร้หนทางหนี ไหล่ของเขาถูกเสียดสีจนหนังถลอก มือก็เต็มไปด้วยาแ เขาขนอิฐพลางคิดอยากร้องไห้เหลือเกิน
พี่รอง พี่เสพสุขอยู่เผิงเฉิง รู้หรือไม่ว่าฉันกำลังเจอกับเคราะห์กรรมอะไรอยู่!