ประการที่สอง เลือกหาคนที่เขาสามารถทุ่มเทให้ได้ทุกสิ่งอย่าง แล้วแต่งงานกับคนคนนั้นเสีย ซึ่งทางเลือกนี้จะทำให้ระบบหายไป
เป็ระบบที่มีสีสันดี
แล้วสองประการนี้ก็ไม่ได้มีข้อจำกัดของเวลาด้วย นั่นหมายความว่า
แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ?
จัดเต็ม!
ใช้ชีวิตให้เต็มอิ่มแล้วค่อยหาใครสักคน คนผู้เป็ดั่งรักแท้ที่เขาจะแต่งงานด้วย!
อะไรแบบนี้...เป็ประสบการณ์การเกิดใหม่ที่เจ๋งเป้งสุดๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไง?!
ยังไงก็ตาม เฉินเฟิงได้ประสบกับ่เวลาที่ยากลำบากสุดๆ มาก่อน ถูกสวมหมวกเขียวจากผู้หญิงคนแรกกับเพื่อนสนิท แล้วยังต้องจ่ายเงินทั้งหมดที่เหลือซื้อลอตเตอรี่
ราวกับเดินทางจากจุดต่ำสุดของชีวิตไปสู่จุดสูงสุดเลย
กลับมาที่ปัจจุบันภายในฝัน ตอนนี้เฉินเฟิงไม่มีเงินแม้สักหยวนในกระเป๋า
เขาไม่มีเงินตั้งต้นสำหรับจีบผู้หญิงดีๆ สักคนเพื่อได้รับเงินคืนสิบเท่าด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะเป็ผู้หญิงมากความสามารถเพียงใด ก็ไม่สามารถหุงข้าวโดยปราศจากข้าวสาร [1] ได้
เฉินเฟิงนึกเสียดายขึ้นมาทันที รู้งี้ไม่น่าเอาเงินไปซื้อลอตเตอรี่หมดสิบสามใบเลย
เอาเงินสองหยวนที่ใช้ซื้อลอตเตอรี่ไปซื้อขนมเลี้ยงหลิ่วอีอีสักหน่อยน่าจะเป็การทดลองที่เข้าท่าที่สุดว่าระบบจะให้เงินคืนสิบเท่าจริงไหม
“เฮ้อ ความยากจน...” เฉินเฟิงถอนหายใจกับตัวเอง จากนั้นจึงหันไปขอโทษหลิ่วอีอี “ขอโทษที่หอมแก้มโดยพลการ”
“เมื่อกี้ฉันได้ข้อความส่วนตัวจากหัวหน้าชั้นปีเว่ยจงเม้าว่านายกับฮูอวี่ทะเลาะกันในหอพัก หมอนั่นเหยียบเตียงนายเปื้อน ส่วนนายก็เอาคืนโดยการฉี่ราดหน้ากับเตียงนอนเขา คิดว่าเตียงนายน่าจะเปียกฉี่ที่หมอนั่นเอาคืนแล้วนะ เงินสักหยวนก็ยังไม่มี คืนนี้นายจะพักที่ไหนคิดไว้หรือยัง?” หลิ่วอีอีโบกมือเป็เชิงบอกว่าไม่เป็ไร ยังไงก็เป็เธอเองที่เสนอตัวเล่นเป็แฟนปลอมๆ ให้
“จะนอนที่ไหนได้นอกจากหาที่ที่มันบังลมได้สักหน่อย คงหาหัวมุมถนนแถวๆ นี้เอา ยังไงตอนนี้ก็เป็หน้าร้อน ถึงยุงจะน่ารำคาญอยู่สักหน่อยก็เหอะ”
เขาหวังว่าเขาจะโชคดีเจอเงินสักสองสามหยวนตามถนน เพื่อใช้เป็เงินตั้งต้นลองจีบสาวสักคนเพื่อให้ได้รับเงินคืนสิบเท่า
“ถ้าไม่รังเกียจ มานอนบ้านฉันไหม พ่อแม่ฉันออกไปทำงานต่างเมือง ทั้งบ้านเลยเหลือฉันคนเดียว ฉันเองก็รู้สึกกลัวนิดหน่อย” หลิ่วอีอีพูดขึ้น ก้มหน้าเพื่อซ่อนแก้มแดงระเรื่อ
ได้ยินเช่นนี้ เฉินเฟิงมองหลิ่วอีอีด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ เขาจ้องมองเธออยู่นาน
แล้วในจังหวะนั้น เฉินเฟิงนึกขึ้นได้ว่าระบบสามารถตรวจสอบค่าความรักของเป้าหมายที่มีต่อเขาได้แล้ว
เขาจึงลองเปิดใช้งานระบบวัดค่าความชอบเป็ครั้งแรก
ทันใดนั้น เขาเห็นหน้าต่างสีชมพูลอยอยู่เหนือหัวของหลิ่วอีอี
[หลิ่วอีอี อายุ 21 ปี หญิงสาวแห่งหยุนอิง ครอบครัวร่ำรวย ค่าความชอบที่มีต่อโฮสต์: 70% (สารภาพรักกับเธอ เธอจะตกลงเป็แฟนทันที)]
หลังอ่านข้อความมาถึงตรงนี้ เฉินเฟิงรู้สึกใอย่างแท้จริง
เขารู้ดีว่าหลิ่วอีอีแอบชอบเขามาสามปีแล้ว
เพียงแต่บางครั้ง ผู้คนก็น่ารังเกียจ
พวกเขาชอบไขว่คว้าในสิ่งที่พวกเขาไม่มี พวกเขาพร้อมจะอดทนต่อความยากลำบากเพื่อสิ่งนั้นๆ ได้อย่างมีความสุข
แทนที่เฉินเฟิงจะรักคนที่รักพวกเขา กลับต้องมาลองทนทุกข์จากความรักสักครั้ง ถึงจะเข้าใจว่าแท้จริง รักคนที่รักเราคือทางที่ดีที่สุด
เฉินเฟิงแอบถอนหายใจกับตัวเอง รู้สึกลำบากใจที่จะรับความกรุณาจากสาวสวยตรงหน้า
ดูจากสถานการณ์ของตัวเขาในปัจจุบัน เขาจะกล้าแบกหน้าให้หลิ่วอีอีมาเป็แฟนเขาได้ยังไงกัน
หลิ่วอีอีรู้ตัวได้ว่าเฉินเฟิงไม่ตอบคำถามเธอสักที เอาแต่จ้องหน้าเธออย่างเดียว
ยิ่งกว่านั้น สีหน้าของเขายังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธอจึงถามขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน
“ละเมอเพ้อพกอะไรอยู่? มีดอกไม้ติดหน้าฉันอยู่หรือไง”
ได้ยินเช่นนี้เฉินเฟิงรีบตอบกลับด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“เปล่า เปล่า แค่มึนหัวจากฤทธิ์ไวน์แดงนิดหน่อย เลยเหม่อๆ แต่ว่าไป เธอเป็เหมือนหงส์ขาว สูงส่ง สวยงามมาตลอดสามปีในมหาลัยเลย นอกจากฉันแล้ว เธอก็ไม่คุยกับผู้ชายคนไหนเลย มาตอนนี้ฉันเป็อดีตคนรักของดาวมหาลัยพร้อมหมวกใบเขียวบนหัว ฉันไปค้างบ้านเธอแบบนี้ไม่ได้ ชื่อเสียงเธอจะป่นปี้หมด”
...
ในที่สุดเฉินเฟิงก็จำเนื้อหาของความฝันหลายอย่างที่เขาหลงลืมไปเมื่อคืนได้ใน่เวลาที่จูบกับหลิ่วอีอี
เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลยว่าจะมีความฝันที่เย้ายวน รวมถึงความฝันประหลาดๆ อย่างฝันถึงระบบแบบนี้ด้วย
เมื่อนึกขึ้นได้ เฉินเฟิงจึงลองพูดในใจดู
“ระบบแสวงรัก
ยังอยู่ไหม?”
หลังจากหลายวินาทีผ่านไป มันยังไร้การตอบสนอง
เฉินเฟิงส่ายหัวแล้วหัวเราะให้กับความงี่เง่าของตัวเอง
ระบบพวกนี้ มันจะมีอยู่จริงได้ไง?
อย่าเชื่อฝันแปลกๆ เกี่ยวกับระบบเพียงเพราะมันดูเหมือนจริง
ณ เวลานี้ เหล่านักศึกษาภายในร้านอาหารต่างพร้อมใจกันดูฉากตรงหน้า
ทุกคนจ้องมองเฉินเฟิงกับหลิ่วอีอีจูบกันต่อหน้าธารกำนัลอย่างยาวนาน
ทุกคนรู้เื่เฉินเฟิงถูกรางวัลใหญ่มากกว่าห้าล้านหยวน จากนั้นเขาจองร้านมิชลินสามดาวให้เหล่านิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยโม๋ตูเป็เวลาหนึ่งสัปดาห์ แต่ความจริงคือพวกเขายังไม่รู้เื่ว่าเฉินเฟิงซื้อที่ดินโรงแรมทั้งหมดรวมถึงร้านอาหารมิชลินนี้ด้วย
มีเพื่อนร่วมชั้นปีใกล้ตัวเฉินเฟิงเพียงหยิบมือเท่านั้นที่รู้เื่นี้ หลิ่วอีอียังคงตั้งสติจากจูบสไตล์ฝรั่งเศสของเฉินเฟิงนี้ไม่ได้
ในด้านหนึ่งเฉินเฟิงจูบเธออย่างดูดดื่มจนแทบหายใจไม่ทัน ในอีกด้านหนึ่ง เธอไม่คิดว่าเฉินเฟิงจะกล้าจูบเธอต่อหน้านักศึกษาเกือบร้อยคนเช่นนี้
“อยู่ดีๆ ทำอะไรน่ะ”
หลิ่วอีอีซึ่งหายใจไม่ทัน ในที่สุดก็ผลักเฉินเฟิงออกได้ในที่สุด
ไม่อย่างนั้น เฉินเฟิงที่เพิ่งเคยได้ลิ้มลองรสจูบนี้คงจะจูบต่ออีกเป็นาที
“เมื่อคืนฉันฝันถึงเธอ ตอนนี้ฉันจำเื่ทั้งหมดได้แล้ว!” เฉินเฟิงอธิบายอย่างจริงจัง
“คงไม่ใช่ฝันเปียกอะไรทำนองนี้ใช่ไหม? นายทำเื่ ‘อย่างว่า’ กับพวกเธอสองคนหนิ”
หลิ่วอีอีหน้าแดงด้วยความเขินอาย แต่เธอก็ยังเค้นเสียงด้วยความคับแค้นใจ
“ฉันฝันเกี่ยวกับตอนที่เธอชวนฉันไปพักที่บ้าน มีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างไปบ้าง แล้วก็มีเื่แปลกๆ ปนอยู่ด้วย ส่วนเื่ลามก ก็ใช่ มีอยู่ฝันหนึ่งจริงๆ ฝันที่ว่าคือฝันที่ฉันเมาแล้วก็มีอะไรบางอย่างที่ไม่ชัดเจนกับสองคนนั้น” เฉินเฟิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม แต่ฟังยังไงก็ราวกับเป็คำแก้ตัว
จางหลิงเจี๋ยกับหลินชิวหยุนทั้งคู่เป็ภรรยาของลูกน้องที่เขาเชื่อใจมากในชาติก่อน
เขาจึงไม่คิดมาก่อนเลยว่าหลังจากมีโอกาสกลับมาเกิดใหม่ เขาจะได้นอนกับทั้งคู่ก่อน
เมื่อคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้น เฉินเฟิงเลยรู้สึกว่าหลังอาหารมื้อนี้ เขาควรตามหาลูกน้องมากความสามารถสองคนที่ว่านี้
ไม่อย่างนั้นบริษัทเฟิงฮวาเจว๋ต้ายคงจะขาดมือดีไปถึงสองคน
“ยังมีหน้ามาพูดอีกนะ คืนก่อนนั้นที่นายเมายังไม่ทำอะไรฉันเลย”
หลังจากการจูบอันเร่าร้อนของเฉินเฟิง ความเศร้าเสียใจและรู้สึกสูญเสียในจิตใจของหลิ่วอีอีค่อยๆ ถูกลบหายไป เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
ในขณะที่เหล่านิสิตนักศึกษาในร้านที่เงียบไปนานก็เริ่มแสดงความตื่นเต้นขึ้นมา
พวกเขาวางช้อนส้อมในมือลงก่อนจะพากันปรบมือให้กับเฉินเฟิงและหลิ่วอีอีอย่างอบอุ่น เพื่อเป็การแสดงความยินดี
เมื่อเห็นเช่นนี้ เฉินเฟิงจึงคว้ามือของหลิ่วอีอี แล้วมองรอบๆ ก่อนกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“รสชาติอาหารของร้านนี้เป็ยังไงบ้าง? ร้านนี้เป็ถึงร้านมิชลินระดับสามดาว! มันเกินกว่าอาหารที่โรงอาหารมหาลัยจะเทียบได้ ในหนึ่งสัปดาห์นี้ ขอเพียงแค่แสดงบัตรนักศึกษา ทุกคนก็สามารถมากินฟรีได้ และฉันมีข่าวดีอยากประกาศให้ทุกคนฟัง พรุ่งนี้ฉันจะไปสำนักงานกิจการพลเรือนเพื่อจดทะเบียนสมรสกับหลิ่วอีอี สาวสวยของมหาลัยของเรา หวังเป็อย่างยิ่งว่าจะได้พบกับเหล่าเพื่อนนักศึกษา ทั้งศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบันที่ร้านมิชลินแห่งนี้มากขึ้น มาเพื่อร่วมเป็สักขีพยานในงานวิวาห์ที่ไม่เหมือนใครของเรา”
เนื่องจากเฉินเฟิงและหลิ่วอีอียังไม่สำเร็จการศึกษา พรุ่งนี้จึงเป็แค่การจดทะเบียนสมรส
งานแต่งงานของจริงต้องรอเชิญครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหายหลังจบการศึกษา
สำหรับตอนนี้ เฉินเฟิงวางแผนที่จะจดทะเบียนกับหลิ่วอีอีเพื่อความสบายใจของเธอก่อน
จากนั้นจึงฉวยโอกาสที่ร้านอาหารมิชลินสามดาวแห่งนี้ที่จะมีเหล่านักศึกษามากินตลอดทั้งอาทิตย์ เพื่อทำเสมือนว่าเขากำลังเลี้ยงงานแต่งกลายๆ
เชิงอรรถ
[1] แม้เป็ผู้หญิงมากความสามารถเพียงใด ก็ไม่สามารถหุงข้าวโดยปราศจากข้าวสาร เป็วลีที่มีความหมายว่า ไม่ว่าจะมีความสามารถขนาดไหน หากไร้เงื่อนไข หรือสิ่งจำเป็ก็ไม่สามารถทำสิ่งนั้นๆ ให้สำเร็จได้