จากคฤหาสน์หรูหราสามชั้น กลับกลายเป็บ้านเก่าๆ ที่ผนังขึ้นรา เฟอร์นิเจอร์ผุพังเสียจนแทบใช้งานไม่ได้ ชีวิตของเฉินเสวียนเสวียนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือในชั่วข้ามคืน
เมื่อวานเธอยังเป็คุณหนูไฮโซที่อาศัยอยู่ในห้องสุดหรู เต็มไปด้วยของประดับตกแต่งสวยงาม แต่แค่คืนเดียว จากกลิ่นหอมของดอกไม้ที่เคยสูดดม กลับกลายเป็กลิ่นอับชื้นสุดทานทน
เธอยืนอยู่ในห้องรับแขกที่เก่าจนแทบดูไม่ได้ นี่เป็ครั้งแรกที่เธอรู้สึกสับสนและสิ้นหวัง
“ทำไมลูกถึงต้องไปหาเืู่เี่อันด้วย” อดีตประธานเฉินนั่งอยู่บนโซฟาเก่าๆ ผมหงอกของเขาดูเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวเพียงชั่วข้ามคืน “ใครๆ ก็รู้ว่าลู่เป๋าเหยียนรักภรรยาของเขามากแค่ไหน พวกเราควรเอาอกเอาใจูเี่อันมากกว่า แต่นี่ลูกกับแม่ของลูกกลับไปหาเื่เธอถึงที่สถานีตำรวจ...”
“หนูนึกว่าที่รั่วซีพูดจะเป็เื่จริง” เฉินเสวียนเสวียนพูดคอตก “รั่วซีบอกหนูว่าลู่เป๋าเหยียนกับูเี่อันไม่ได้รักกัน อีกปีกว่าๆ พวกเขาก็จะหย่า หนูนึกว่าพวกเขารักกันแค่ในข่าว นึกว่าลู่เป๋าเหยียนจะไม่สนใจใยดีูเี่อันหากเป็เื่ส่วนตัว”
“ลูกบ้าไปแล้วเหรอ ต่อให้ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้รักูเี่อัน แต่เธอก็เป็ภรรยาของเขาถูกต้องตามกฎหมาย เธอเป็คนของเขา คนของลู่เป๋าเหยียนลูกกล้าไปมีเื่ด้วยได้ยังไง? พ่อคงต้องโทษตัวเองที่เลี้ยงลูกมาไม่ดี แถมยังสร้างแรงกดดันให้กับพี่สาวเราแบบนั้น” เขาพูดพลางกุมหน้าน้ำตาคลอ “ตอนนี้นอกจากใช้เงิน ลูกก็ทำอะไรไม่เป็ ที่พี่สาวของลูกต้องมาตายไปแบบนี้ คงเป็ผลกรรมที่พ่อควรได้รับ ...”
เฉินเสวียนเสวียนคุกเข่าลงตรงหน้าพ่อของตน
“พ่อคะ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพ่อ หนูผิดเอง หนู...หนูจะหาคนมาช่วยพวกเรา หนูจะกอบกู้บริษัทของพวกเราคืนมาให้ได้” เธอพูดจบก็รีบวิ่งออกจากบ้าน
เสียงวิ่งของรถไฟฟ้าดังลอดผ่านระเบียงเข้ามา รถบนท้องถนนสัญจรไปมา ผู้คนต่างใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ แสงอาทิตย์เจิดจ้าเสียจนแสบตา...
แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่า ตนถูกแบนออกจากสังคมไฮโซเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไม่มีใครรับโทรศัพท์เธอ พวกผู้ชายที่เคยบอกว่าอยากแต่งงานกับเธอก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง
เธอเคยเป็คนกว้างขวาง มีคนรู้จักมากมาย แต่พอเกิดเื่แบบนี้กลับไม่มีใครยอมช่วยเหลือเธอสักคน
ขณะที่กำลังสิ้นหวัง เธอก็กดโทรศัพท์หาหานรั่วซี เธอฝากความหวังสุดท้ายเอาไว้ที่เพื่อนคนนี้ พวกเธอคือเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดซึ่งกันและกัน แถมหานรั่วซียังสนิทกับลู่เป๋าเหยียนไม่น้อย คงจะช่วยโน้มน้าวให้ลู่เป๋าเหยียนละเว้นตระกูลเฉินไปได้
“เสวียนเสวียน เมื่อกี้ฉันเพิ่งโอนเงินเข้าบัญชีเธอไปสามแสน” หานรั่วซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสารทว่าห่างเหิน “นี่เป็สิ่งเดียวที่ฉันสามารถช่วยเธอได้ในตอนนี้ ส่วนเื่ที่จะให้ฉันไปช่วยพูดกับลู่เป๋าเหยียน ฉันไม่รับปากนะว่าจะทำได้”
“เธอลองดูก่อน!” เฉินเสวียนเสวียนเหนี่ยวรั้งฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้ “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันขอร้องเถอะนะ เธอช่วยฉันสักครั้งได้ไหม บางที...เธออาจจะสำคัญกับลู่เป๋าเหยียนมากกว่าที่เธอคิดก็ได้นะ”
หานรั่วซีนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนตอบ “งั้นฉันจะลองดู แต่ว่าเสวียนเสวียน นี่เป็ครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะช่วยเธอ”
เฉินเสวียนเสวียนนิ่งงัน “รั่วซี เธอหมายความว่ายังไง?”
“หมายความว่าต่อไปนี้เราควรติดต่อกันให้น้อยที่สุด” หานรั่วซีเน้นจุดยืนของตัวเองชัด ในยามนี้เธอคงต้องคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเองเป็หลัก “เธอก็รู้ว่าชื่อเสียงของเธอในแวววงไฮโซตอนนี้เป็ยังไง ไม่มีใครกล้าติดต่อกับเธออีกแล้ว ต่อให้ผู้จัดการไม่ได้สั่ง ฉันก็คงไม่ไปมาหาสู่กับเธออีก เงินสามแสนเธอไม่ต้องหามาคืนฉันหรอก ใช้ชีวิตให้ดีล่ะ”
พูดจบหานรั่วซีก็วางสายทันที เฉินเสวียนเสวียนร้องไห้โฮออกมา
โลกนี้ช่างเ็า เธอถูกโลกทั้งใบทอดทิ้งเสียแล้ว
แต่เธอไม่ยอมให้ชีวิตของเธอต้องมาจบแบบนี้แน่ ูเี่อันทำให้เธอสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ไม่มีเพื่อนคอยช่วยเหลืออีกต่อไป งั้นเธอจะใช้ชีวิตนี้แลกชีวิตของูเี่อันก็แล้วกัน! ถึงอย่างไรการมีชีวิตอยู่ในบ้านโทรมๆ แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการตกนรก!
ณ ห้องผู้อำนวยการเครือลู่
ทุกอย่างยังคงเหมืนเดิม บนโต๊ะของลู่เป๋าเหยียนเต็มไปด้วยกองเอกสาร ตารางงานของเขาแน่นเอี๊ยดจนแทบไม่มีเวลาพัก
เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของเดซี่
“ผอ.คะ โทรศัพท์จากคุณหานรั่วซีค่ะ เธอบอกว่ามีเื่สำคัญต้องคุยกับคุณ”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้ว “โอนสายเข้ามา”
“คุณคงทำงานอยู่ ฉันไม่ได้โทรมารบกวนคุณใช่ไหม” เสียงของหานรั่วซีดูเกรงอกเกรงใจ
ลู่เป๋าเหยียนเซ็นชื่อลงบนเอกสารก่อนตอบ
“เดซี่บอกว่าคุณมีเื่ด่วน”
“คุณเองน่าจะพอเดาได้” หานรั่วซียิ้มแกนๆ “เื่เสวียนเสวียนไงคะ ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจเื่ธุรกิจ แต่ถ้าเป็ไปได้...คุณจะช่วยเหลือทางรอดให้ตระกูลเฉินได้ไหม คิดซะว่าเห็นแก่ฉันเถอะนะคะ”
“พวกเขาสามารถตั้งตัวใหม่ได้” ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “แต่ถ้าคิดจะกู้ชื่อเสียงเครือเฉินกลับคืนมาล่ะก็ ลืมไปได้เลย”
“ทำไมจู่ๆ คุณถึงทำลายตระกูลเฉินแบบนี้” หานรั่วซีถามอย่างข้องใจ “เป็อย่างที่ในอินเทอร์เน็ตพูดกันจริงเหรอคะ ที่ว่าคุณทำไปเพื่อเจี่ยนอัน? ฉันไม่เข้าใจกติกาในเกมของพวกคุณ แต่ฉันมั่นใจว่าการที่คุณทำแบบนี้คงสร้างศัตรูไปไม่น้อย เป๋าเหยียน คุณคิดบ้างหรือเปล่าว่าทำแบบนี้มันคุ้มไหม?”
“ผมไม่เคยคิด และไม่จำเป็ต้องคิด” เสียงของลู่เป๋าเหยียนเย็นเยียบ “ตอนนีู้เี่อันเป็ภรรยาของผม ใครที่กล้าแตะต้องเธอ จะต้องเจอจุดจบแบบนี้”
ที่แท้เขาก็สามารถปกป้องใครสักคนได้ถึงเพียงนี้ แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็ผู้หญิงอีกคน
หานรั่วซีรู้สึกหนาวไปสุดขั้วหัวใจ “พูดแบบนี้ ต่อให้ฉันขอร้องก็คงไม่มีประโยชน์สินะคะ”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ตอบ แต่หานรั่วซีรู้คำตอบดี เธอจึงหัวเราะอย่างเศร้าๆ
“ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไม ก่อนที่คุณกับเธอจะจดทะเบียนกัน คุณบอกฉันว่าจะหย่ากับเธอ แต่ตอนนี้...คุณกลับแคร์เธอ เป็ห่วงเธอมาก”
หลังนิ่งไปสักพัก ลู่เป๋าเหยียนจึงเอ่ยช้าๆ
“ต่อให้ท้ายที่สุดพวกเราต้องหย่ากัน แต่ก่อนหน้านั้น เธอก็คือภรรยาของผม”
หานรั่วซีเข้าใจแล้ว ลู่เป๋าเหยียนอยากจะใช้เวลาก่อนที่จะหย่าปกป้องูเี่อันให้ดีที่สุด ให้ทุกสิ่งที่เขาให้ได้ รวมถึงความอ่อนโยน ความเอาใจใส่ และความรักใคร่ที่เขาไม่เคยมอบให้ใครมาก่อน
คนที่เข้าใจผิดมาโดยตลอดคือเธอ เธอนึกว่าที่ลู่เป๋าเหยียนพูดอย่างเ็าว่าจะหย่า มันหมายความว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับูเี่อัน
แต่ในความเป็จริง ความรู้สึกที่ลู่เป๋าเหยียนมีต่อูเี่อันต่างหาก ที่เธอไม่อาจเข้าใจ
ถ้าเธออยากได้ลู่เป๋าเหยียนมา คงต้องทุ่มเทอย่างหนัก ต้องพยายามยิ่งกว่าที่เคยจินตนาการไว้
เธอถอนหายใจก่อนพูดขึ้นมา “ในเมื่อฉันช่วยเสวียนเสวียนไม่ได้ งั้นฉันขอเตือนคุณเอาไว้อย่าง ในเวลาแบบนี้ไม่ว่าเื่อะไรเฉินเสวียนเสวียนก็ทำได้ทั้งนั้น ต่อให้เธอต้องจ่ายมันด้วยอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นคุณควรระวังไว้หน่อย”
ลู่เป๋าเหยียนวางสาย ก่อนแววตาจะเริ่มเย็นเยียบขึ้นเรื่อยๆ...
ฮึ อะไรก็ทำได้อย่างนั้นเหรอ?
หลังยุ่งกับงานมาทั้งวัน ในที่สุดก็เป็เวลาห้าโมงตรง หนุ่มสาวออฟฟิศเริ่มทยอยกันเลิกงาน การขนส่งสาธารณะทุกช่องทางเต็มไปด้วยผู้คน บนท้องถนนก็มีรถราแน่นเอี๊ยด
ูเี่อันฝ่ารถติดขึ้นทางด่วนได้สำเร็จแล้วจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอบังคับพวงมาลัยอย่างสบายใจพลางคิดว่าวันนี้ลู่เป๋าเหยียนจะกลับบ้านมากินข้าวหรือเปล่า ถ้าเขากลับมาเธอจะทำอะไรให้เขากินดี?
และเมื่อกลับมาถึงบ้าน เธอก็เจอกับลู่เป๋าเหยียนพอดี
“อ้าว ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง” เธอถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นายกลับบ้านก่อนสี่ทุ่มเป็ครั้งแรกของอาทิตย์เลยนะ”
ลู่เป๋าเหยียนรั้งเธอเข้าสู่อ้อมกอด
“คิดถึงฉันเหรอ?”
ูเี่อันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะยิ้มออกมา
“หลงตัวเอง ปล่อยฉันนะคนโรคจิต”
ลู่เป๋าเหยียนกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะจับใบหน้าเธอ
“ไหนดูสิว่ายาที่ให้ไปได้ผลดีหรือเปล่า”
ูเี่อันรีบหันหน้าด้านซ้ายให้เขาดู
“หายแล้วล่ะ”
แผลหายไปแล้วจริงๆ รอยแผลที่เดิมทีต้องใช้เวลารักษาเป็เดือน กลับใช้เวลาไม่ถึงสิบวันก็จางหายไปจนหมด พวงแก้มของเธอขาวใสนวลเนียนราวกับไข่มุก
ลู่เป๋าเหยียนเลิกคิ้วเล็กน้อย
“เธอควรจะขอบคุณฉันหรือเปล่า”
“อื้อ” ูเี่อันเห็นด้วย “งั้นคืนนี้ฉันจะทำของอร่อยให้กินนะ!”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย
“เื่นี้เดิมทีก็เป็หน้าที่เธออยู่แล้วนี่”
“เื่มากชะมัด” ูเี่อันใช้ความคิดก่อนจะเขย่งเท้าจุ๊บแก้มลู่เป๋าเหยียน
“งั้นถือว่าฉันติดหนี้นายหนึ่งครั้งแล้วกัน”
เธอเดินหนีเข้าไปในบ้านทันที ลู่เป๋าเหยียนจึงไม่ทันเห็นพวงแก้มใสที่กลายเป็สีแดงระเรื่อเป็ที่เรียบร้อย เขามองตามแผ่นหลังที่ดูร่าเริงสดใสราวกับลูกกวางตัวน้อย แสงอาทิตย์สีทองยามเย็นส่องสะท้อนกับแผ่นหลังนั้นดูงดงามอ่อนหวานจนเขาอดใจเต้นไม่ได้
แล้วก็เป็อย่างที่เธอพูดไว้ มื้อเย็นของวันนีู้เี่อันโชว์ฝีมืออย่างจัดเต็ม ถึงปริมาณของกับข้าวแต่ละอย่างจะไม่มาก ทว่ารสชาติเป็เลิศ แถมกลิ่นก็ยังหอมยวนใจ หน้าตาก็ดูน่าทานไปหมด
เธอยังไม่ทันถอดผ้ากันเปื้อนก็เรียกลู่เป๋าเหยียนให้มาชิมอาหาร ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาคาดหวัง
“รสชาติเป็ไงบ้าง”
“ไม่เลว” ลู่เป๋าเหยียนพยักหน้า
ูเี่อันยิ้มอย่างโล่งใจ “เพื่อเป็การขอบคุณนาย ฉันตั้งใจทำมากเลยนะ ฉันไม่ได้อยากขอบคุณนายเื่ยาแก้แผลเป็หรอก ฉันอยากขอบคุณในทุกๆ เื่ที่นายทำให้ฉันตลอด่เวลาที่ผ่านมา”
“ฉันทำอะไรไปตั้งหลายอย่าง ใช้สมองวางแผนเทคโอเวอร์เครือเฉินไปตั้งเยอะ แต่เธอกลับ...แค่ทำอาหารให้ฉันเนี่ยนะ?” ลู่เป๋าเหยียนไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
ูเี่อันกะพริบตาปริบๆ “นายเทคโอเวอร์เครือเฉิน...เพื่อฉันจริงๆ งั้นเหรอ”
“ถ้าไม่งั้นฉันจะทำไปทำไมล่ะ? เธอมีวิธีอื่นที่จะสั่งสอนเฉินเสวียนเสวียนให้หลาบจำหรือไง” ลู่เป๋าเหยียนตอบเสียงเนือย
ูเี่อันรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ แค่้าสั่งสอนเฉินเสวียนเสวียน ลู่เป๋าเหยียนถึงกับทำเื่ใหญ่ขนาดนี้?
จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าลู่เป๋าเหยียนหล่อเป็บ้าเลย!
เธอส่ายหัวพลางเอ่ยปากชม
“วิธีของนายเด็ดขาดสุดๆ”
เด็ดขาด? มันจะเด็ดขาดกว่านี้ถ้าทำให้เฉินเสวียนเสวียนออกไปจากเมืองนี้ได้ แต่เท่าที่ลู่เป๋าเหยียนรู้มา เฉินเสวียนเสวียนกับพ่อยังอาศัยอยู่ในบ้านเก่าหลังหนึ่งย่านจงหวน
“จากนี้ไปเธอต้องนั่งรถไปทำงานกับฉัน” จู่ๆ ลู่เป๋าเหยียนก็เอ่ยปาก
“หา?” ูเี่อันตามไม่ทัน เธอนิ่งไปก่อนถาม “ทำไมล่ะ”
“ตอนนี้เฉินเสวียนเสวียนถูกบีบจากหลายทาง ฉันไม่มั่นใจว่าเธอจะลงมือทำเื่บ้าๆ อะไรกับเธออีกหรือเปล่า” ลู่เป๋าเหยียนอธิบาย “เธอไปทำงานและกลับบ้านพร้อมฉันจะปลอดภัยกว่า”
พูดแบบนี้ แสดงว่าเธอจะได้กลับไปนั่งรถของเขาอีกแล้วสินะ เธอพยายามซ่อนความดีใจเอาไว้ แสร้งทำเป็นิ่ง
“งั้นถ้านายหรือฉันต้องทำโอทีล่ะจะทำยังไง”
“อาเฉียนจะไปรับเธอเอง”
“เอางั้นก็ได้” ูเี่อันยิ้มตอบก่อนจะคีบเนื้อผัดซอสแดงให้ลู่เป๋าเหยียน “บอสใหญ่แห่งเครือลู่จะเป็คนขับรถส่วนตัวให้ทั้งที่ ถ้าฉันปฏิเสธคนคงหาว่าสมองฉันผิดปกติ”
ลู่เป๋าเหยียนแค่ยิ้มรับคำพูดนั้น
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ูเี่อันถึงเข้าใจว่ารอยยิ้มของลู่เป๋าเหยียนในตอนนั้นหมายความว่าอย่างไร บอสใหญ่ของเครือลู่ไม่ได้เป็คนขับรถส่วนตัวให้เธอ บางครั้งเวลาเขาต้องตรวจเอกสาร หรือคุยโทรศัพท์กับผู้ช่วย คนที่มาขับรถให้คืออาเฉียน
เฉพาะวันที่อากาศดีหรือวันที่เขาอารมณ์ดีมีเวลาเหลือเท่านั้น ที่เขาจะลากเธอให้ออกจากบ้านก่อนเวลาปกติสิบนาที เขาตั้งใจขับรถช้าๆ เพื่อให้เธอได้ชื่นชมดอกไม้ในเขตหมู่บ้านที่กำลังบานสะพรั่งอย่างสวยงาม
ทว่าตอนเลิกงานส่วนใหญ่ลู่เป๋าเหยียนมักจะเป็คนขับ เขาไม่ค่อยทำโอทีสักเท่าไร พอดีกับที่่นีู้เี่อันเองก็ไม่ได้มีคดีใหญ่อะไร ทุกครั้งที่ ONE 77 มาจอดอยู่หน้าสถานีตำรวจ ูเี่อันมักจะได้รับสายตาเคารพนับถือจากเพื่อนร่วมงานเป็ประจำ
ผ่านไปได้สักระยะ การที่เธอไปทำงานและกลับบ้านพร้อมกันกับลู่เป๋าเหยียน ก็กลายเป็ความเคยชินเื่ใหม่อีกเื่ของูเี่อันไปเสียแล้ว
