แม่นางน้อยสามสี่คนนั่งอยู่ในห้อง สีหน้าที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละคนสามารถมองออกได้
ิเยว่สุขุมอ่อนโยน เป็ห่วงน้องสาว หรงเยว่แม้จะพูดจาไม่เสนาะหู แต่ก็มีความห่วงใยอย่างแท้จริง คุณหนูรองเฉิงเยว่เป็คนขาดความมั่นใจ จึงไม่พูดอะไรมาก ส่วนเฉี่ยวเยว่ ั้แ่ถูกเฉียวเยว่ฉีกหน้าคราก่อน ก็เฉยชากับเรือนสามมาโดยตลอด แต่เพราะเห็นแก่หน้าถึงต้องมา นางอายุมากกว่า เก็บสีหน้าค่อนข้างเก่ง ไม่แสดงอารมณ์ทุกอย่างทางสีหน้า เว้นแต่ชิงเยว่คนเดียว ไม่รู้ว่าเพราะอายุน้อยหรือโง่งมจนไร้ทางเยียวยาจริงๆ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เห็นอิ้งเยว่ได้รับาเ็ สีหน้าแววตากลับยิ้มอย่างมีความสุขโดยไม่แม้แต่จะปิดบังซ่อนเร้น
เฉียวเยว่ทนเห็นผู้อื่นรังแกคนในครอบครัวของตนเองไม่ได้ จึงพูดตอกหน้าออกไปโดยตรง "พี่หญิงชิงเยว่มีเื่น่ายินดีอันใดหรือ แบ่งปันให้ข้าบ้างได้หรือไม่?"
นางนั่งบนเก้าอี้ตัวเล็ก ขาสั้นๆ แกว่งไปมา แม้ใบหน้าจะแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มน่ารัก แต่ทุกคนต่างมองเห็นความเฉียบคมของนาง
พูดตามตรง ชิงเยว่ก็รู้สึกกลัวเฉียวเยว่ แต่ยังคงตอบไปว่า "ข้ามีเื่น่ายินดีที่ไหนกัน"
"ข้าเห็นพี่หญิงชิงเยว่อมยิ้ม ก็นึกว่าเมื่อเช้าท่านเก็บเงินได้เสียอีก"
"เ้าพูดเหลวไหลอันใด ข้ามิใช่คนละโมบเงินทองเยี่ยงนั้นเสียหน่อย"
พูดถึงเื่นี้ สายตาก็เต็มไปด้วยความริษยา ถึงแม้ไท่ไท่รองจะเป็บุตรสาวจากตระกูลพ่อค้าวาณิช แต่กลับเข้มงวด และจุกจิกเื่เงินทองอย่างยิ่ง ไม่ปล่อยให้เงินหลุดไปถึงบุตรที่เกิดจากอนุเช่นพวกนางแม้แต่อีแปะเดียว แม้แต่เบี้ยรายเดือนที่ในจวนส่งมาก็อ้างสถานะไปรับมาเอง ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้พวกนางจะเป็คุณหนูในจวน นอกจากเครื่องประดับที่ได้มาเป็รางวัล ก็ไม่เคยมีสมบัติส่วนตัวแม้แต่ชิ้นเดียว
ตรงข้ามกับเฉียวเยว่ซึ่งมีทุกอย่างเพียงเพราะนางเป็คุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอก
ไท่ไท่รองมักดุด่านางอยู่เสมอ หากเ้าอยากไปเกิดใหม่ ก็ให้ไปเกิดเป็บุตรสาวของเรือนสาม แต่ในเมื่อตอนนี้เป็บุตรสาวของเรือนสองของพวกเราก็ต้องยอมรับให้ได้ ต่อให้เ้าวางแผนทั้งชีวิตก็ไร้ประโยชน์
เวลาผ่านไปนานเข้า ทั้งเฉี่ยวเยว่และชิงเยว่ต่างได้รับผลกระทบอย่างมาก ดังนั้นจึงชิงชังบุตรสาวของเรือนสามเข้ากระดูก
แต่ชิงเยว่พบว่าเพียงแค่ตนเองทำตัวเป็ศัตรูกับคนของเรือนสาม ไท่ไท่รองก็จะมีสีหน้าชื่นบาน ถึงกับเพิ่มอาหารการกินให้กับตนเองมากขึ้น
เมื่อเป็เช่นนี้ นางก็ยิ่งอยากเป็ศัตรูกับเฉียวเยว่
ไท่ไท่รองพูดถูก นางถือสิทธิ์อันใดมาทุกสิ่งทุกอย่าง
หรือเพราะนางเก่งเื่กลับชาติมาเกิด?
เฉียวเยว่เป็เพียงเด็กอายุน้อย แต่กลับได้สวมใส่อาภรณ์ผ้าไหมหรูหราตามสมัยนิยมของแต่ละฤดูกาล เสื้อผ้าที่สวมใส่ครึ่งเดือนถึงหนึ่งเดือนแทบจะไม่ซ้ำแบบ ยังมีเครื่องประดับแบบต่างๆ เช่นกุญแจหรูอี้กับปิ่นไข่มุกบนมวยผมที่ประดับมาวันนี้ นางก็เพิ่งเคยเห็นเป็ครั้งแรก คิดว่าต้องเป็ของใหม่แน่ๆ
นางอิจฉาจะตายอยู่แล้ว
อันที่จริงปิ่นปักผมไม่นับว่าพิเศษอะไร แต่ไข่มุกสีชมพูกลับเป็ของหายาก
"ข้าไม่ใช่คนมั่งมีที่จะโอ้อวดความร่ำรวยของตนเองทุกเมื่อเชื่อวัน ไร้รสนิยม" ชิงเยว่เพิ่งอายุหกขวบ พูดจาอ้อมค้อมอันใดไม่เป็ ความริษยาย่อมแสดงออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้น
"ข้ามีทุกอย่างที่ตนเองชอบ ของที่ผู้อื่นมีข้าก็มี ของที่ผู้อื่นไม่มีข้าก็มี" เฉียวเยว่จงใจยั่วโทสะ ตามเหตุผลแล้วนางไม่ควรถือสาหาความกับเด็กน้อยคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรทุกคนล้วนเป็ลูกพี่ลูกน้องกัน เห็นคนในครอบครัวล้มขาหักยังหน้าชื่นตาบานเช่นนี้อยู่อีกหรือ?
เพราะท่าทางริษยาชิงชังราวกับเป็ศัตรูคู่แค้นเยี่ยงนี้ถึงปล่อยไปไม่ได้
นางไม่ใช่คนดีหรือแม่พระ แต่เป็ "คนถ่อย" ดังนั้นย่อมสามารถแสดงตัวเป็คนใจแคบได้
"เ้า เ้ามันไร้รสนิยมที่สุด" ชิงเยว่ลุกขึ้นอย่างโมโหโทโส
"อยู่ดีๆ เหตุใดพี่หญิงชิงเยว่ถึงบันดาลโทสะเล่า ท่านมาเยี่ยมพี่สาวข้ามิใช่หรือ เหตุใดต้องโกรธด้วย?" เฉียวเยว่ถามอย่างไร้เดียงสา
ราวกับว่าคนยั่วโทสะผู้อื่นไม่ใช่ตัวนาง
ชิงเยว่กระทืบเท้า พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาทันที "ข้าชอบปิ่นไข่มุกของเ้า เ้าเอามันให้ข้า"
เฉียวเยว่มองนางอย่างคาดไม่ถึง ค่อนแคะในใจว่าสมองของนางเพี้ยนไปหรือเปล่า
"เหตุใดข้าต้องยกให้เ้า? คนหน้าไม่อาย" นางโพล่งออกมาตรงๆ
"เ้า"
ชิงเยว่ไม่รู้ว่าเอาความกล้ามาจากไหน เพียงวูบเดียวก็วิ่งพุ่งเข้าไปแล้ว
"เ้าจะทำอันใด!"
ขณะที่ทุกคนยังไม่มีการตอบสนอง ก็ได้ยินคนตวาดเสียงดัง
ฉีอันปราดเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับรถไฟน้อยๆ พุ่งชนจนชิงเยว่จนล้มลงไปอย่างโกรธจัด "ห้ามรังแกพี่สาวข้า"
เขายืนขวางด้านหน้าของเฉียวเยว่ "พวกเ้า ไม่ว่าใครก็ห้ามรังแกพี่สาวข้า
ชิงเยว่ถูกชนจนล้มก็ร้องไห้ออกมาทันที "ฮึกๆ พวกเ้าบ้านสามไม่มีใครดีสักคน ล้วนแต่เป็คนเลว ล้วนแต่เป็คนเลว ฮึกๆ สมน้ำหน้าอิ้งเยว่โดนผลักตกบันได"
"เพียะ!"
...
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจากการไปเยี่ยมไข้กันดีๆ จะกลายเป็เช่นนี้ไปได้ ฮูหยินผู้เฒ่ามองเด็กสี่ห้าคนแล้วกล่าวขึ้น "ิเยว่ พวกนางล้วนยังเด็ก เ้าออกมาพูด แท้จริงแล้วเื่เป็อย่างไรกันแน่"
เฉียวเยว่สุดแสบจดจ้องชิงเยว่ตลอดเวลา พอเห็นชิงเยว่จ้องกลับ ก็พูดออกไปทันที "หากมองอีก ข้าจะตบเ้ากลับ"
"เฉียวเยว่!" ฮูหยินผู้เฒ่าปรามเสียงเข้ม
เด็กผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะลงไม้ลงมือกันเยี่ยงนี้
"ตอนนี้ยังทำตัวร้ายกาจอีกหรือ เ้าตบหน้าพี่สาวได้อย่างไร พวกเ้าสองคนพี่น้องเก่งนักใช่หรือไม่ หรือไปเรียนรู้ความป่าเถื่อนจากข้างนอกกลับมา ถึงกล้าแม้แต่จะตีคน"
เฉียวเยว่ทำแก้มป่อง ดวงหน้าน้อยเต็มไปด้วยความดื้อรั้น
ตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากพูดอะไรมาก เพียงแค่บอกว่า "ิเยว่ เ้าออกมาเล่า"
ิเยว่สงบอารมณ์ ก่อนเอ่ยอย่างจริงจัง "ข้าจะเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียด หากพวกเ้ารู้สึกว่าตรงไหนไม่ถูกก็สามารถเสริมขึ้นมาได้ ตอนนั้นน้องสาวคนอื่นๆ ล้วนอยู่กันทุกคน ย่อมสามารถช่วยเสริมเื่นี้ให้ครบถ้วนได้"
นางค่อยๆ เล่าทุกอย่างออกมา โดยไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไม่ตกแม้แต่หนึ่งอักษร
ฮูหยินผู้เฒ่าฟังจบก็หันมาถาม "พวกเ้ามีใครมีความคิดเห็นอื่นหรือไม่?"
ทุกคนต่างส่ายหน้า
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจัด "เื่นี้พวกเ้าล้วนมีความผิด แต่ชิงเยว่ ความผิดของเ้าหนักสุด พวกเราจวนซู่เฉิงโหวเคยให้เ้าขาดแคลนของกินของใช้ด้วยหรือ ถึงมาแย่งของของน้องสาวเช่นนี้ อีกอย่าง พวกเ้าล้วนเป็พี่น้องคนกันเอง เหตุใดเ้าถึงใจร้ายใจดำเยี่ยงนี้ อิ้งเยว่ล้มขาหัก เดิมทีก็เสียใจมากอยู่แล้ว เ้ายังมาสาดน้ำมันเข้ากองไฟ เลี้ยงกันมาอย่างไรถึงจิตใจโหดร้ายเช่นนี้"
ความคิดต่ำทรามซ้ำยังใจคอคับแคบเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อาจทนได้
หากเป็การทะเลาะเบาะแว้งเล็กน้อยของเด็กๆ นางยังพอตักเตือนได้ แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้วกลับไม่ใช่
เดิมทีชิงเยว่ก็รู้สึกไม่เป็ธรรมมากพออยู่แล้ว นางถูกฉีอันชนล้ม ถูกเฉียวเยว่ตบปาก จึงร้องไห้โฮออกมาทันที
“นางมีสิทธิ์อะไร ถึงได้ดีไปหมดทุกอย่าง มีสิทธิ์อะไร"
ผู้อื่นอาจไม่รู้สึก แต่นางไม่เหมือนกัน นางกับเฉียวเยว่อายุห่างกันเพียงครึ่งปี ต่างก็เป็เด็กผู้หญิงเหมือนกัน ทุกคนล้วนแต่พูดถึงเฉียวเยว่อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่เคยมีใครสนใจหรือชื่นชมนางเลยสักคน
ซูเฉียวเยว่เพียงแค่อาศัยรูปร่างจ้ำม่ำแสร้งทำตัวน่ารักเท่านั้น มีสิ่งใดควรค่าแก่การชื่นชม มีสิ่งใด!
"นี่เ้ายังกล้าเถียงอีกรึ ข้าว่านับวันเ้าก็ยิ่งไร้มารยาท ชุยหมัวมัว ตบปากให้ข้า" สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าบึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆ หากนางยอมรับผิดแต่โดยดี ก็อาจลงโทษเพียงแค่คัดอักษร แล้วให้นางกล่าวขอขมาเสีย เื่นี้ก็จะได้จบๆ ไป แต่ตอนนี้เห็นทีจะทำไม่ได้เสียแล้ว เด็กคนนี้ช่างโง่งมสิ้นดี
หมัวมัวก้าวเข้ามาจัดการ เพราะเป็เด็กผู้หญิง จึงต้องควบคุมแรงให้พอเหมาะ ไม่นับว่าเจ็บปาก แค่เพียงขายหน้าผู้อื่นเท่านั้น
ชิงเยว่ยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ "ฮึกๆ นางตบผู้อื่น เรือนสามของพวกนางล้วนไม่มีใครดีสักคน เหตุใดไม่ลงโทษนาง ลงโทษแต่ข้าคนเดียว ข้าไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอม! ท่านย่าลำเอียง ลำเอียงเป็ที่สุด"
นางกระทืบเท้า
ยามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนแทบทนไม่ไหว ส่งเสียงตวาดออกไป "เ้าเด็กไม่รู้ดีชั่ว หากข้าลำเอียงจริงๆ คงตีเ้าตายไปแล้ว จะปล่อยให้กำเริบเสิบสานเยี่ยงนี้รึ"
เดิมทีเพียงแค่อยากสั่งสอนด้วยความหวังดี แต่นางนอกจากจะไม่เก็บมาใส่ใจ ยังคิดว่าตนเองไม่ผิดแม้แต่น้อย
"เ้าพูดมา ที่เ้าปากร้ายสาปแช่งอิ้งเยว่ที่ขาาเ็ กับแย่งสิ่งของของน้องสาวคือถูกต้องแล้วหรือ เ้าบอกว่าข้าลำเอียง ก็จงอธิบายทั้งสองเื่นี้ให้แจ้งชัด หากไม่มีสองเื่นี้จะเกิดเื่ราวต่อมาได้อย่างไร พูดมาให้ข้าฟัง!"
ฮูหยินผู้เฒ่าตบโต๊ะโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
แม่นางน้อยทุกคนไม่เคยเห็นฮูหยินผู้เฒ่าโกรธเคืองเช่นนี้มาก่อน ล้วนแต่ปิดปากเงียบไม่กล้าพูด
"ท่านย่าอย่าโกรธเลย เป็ความผิดของข้าเอง ไม่ควรทำให้ท่านโมโห ท่านอย่าอารมณ์เสียเลย" เฉียวเยว่คอตกม้วนชายเสื้อของตนเอง พลางเอ่ยเสียงเบาด้วยความเป็ห่วง "สุขภาพของท่านสำคัญนะเ้าคะ"
เห็นเฉียวเยว่ไม่หวาดกลัว แต่กลับเป็ห่วงสุขภาพของตนเอง อารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าจากเดิมที่โกรธจนะเิก็สงบลงในชั่วพริบตา หลังจากสงบจิตใจแล้วก็เอ่ยว่า "เ้าพูดมา ตนเองผิดตรงไหน"
เฉียวเยว่ยังคงบิดชายเสื้อของตนเองต่อ กล่าวเสียงเบา "ข้าไม่ควรทำให้ท่านย่าวิตกกังวล คราวหน้าหากมีใครมาพูดว่าร้ายพี่สาวข้าอีก ข้าจะลากนางไปที่ที่ไม่มีคนเห็นแล้วค่อยจัดการ"
"พรืด" ฮูหยินผู้เฒ่าถึงกับกลั้นไม่อยู่
"ผิดที่ไม่ได้ตบคนลับหลัง อ้อ นี่หรือความผิดของเ้า?" ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เฉียวเยว่เงยหน้าเอ่ยอย่างจริงจัง "ท่านย่า ข้าตบคนไม่ถูกต้องน่ะใช่ แต่หากนางว่าพี่สาวของข้า แล้วข้าต้องทน เช่นนั้นไม่สู้ให้ข้าตบหน้าของตนเองดีกว่า ต่อให้ครั้งนี้ถูกท่านลงโทษ ข้าก็ยินดีและเต็มใจ แม้พูดไปแล้วท่านจะโมโห แต่หากมีครั้งต่อไป ข้าก็ยังจะตบนางเหมือนเดิม ไม่เพียงแค่ในบ้าน ถึงแม้จะเป็ข้างนอกก็เหมือนกัน ไม่เพียงแต่อิ้งเยว่พี่สาวข้าคนเดียว หากมีคนพูดว่าร้ายพี่ิเยว่หรือพี่หรงเยว่ข้างนอก หรือแม้แต่มีใครพูดว่าร้ายชิงเยว่ ข้าก็จะตบคนผู้นั้นเหมือนกัน ข้าไม่อาจให้ผู้อื่นมารังแกคนข้างกายข้าได้ หากข้าได้ยินคนปากพล่อยแล้วไม่สั่งสอน อีกฝ่ายก็จะคิดว่าจวนซู่เฉิงโหวของพวกเรารังแกง่าย นึกว่าสตรีของจวนซู่เฉิงโหวรังแกง่าย ต่อไปก็จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น"
นางก้าวเข้ามาจับมือฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าถลึงตาใส่นาง
เฉียวเยว่ถูกบิดาถลึงตาใส่จนชินนานแล้ว นางบีบมือของฮูหยินผู้เฒ่าไว้แน่น "ท่านย่า ข้าจะปกป้องทุกคน ครั้งนี้ความผิดของข้ามิใช่เพราะตบตีคน แต่เพราะทำให้ท่านย่าเสียใจ แม้ท่านจะไม่ลงโทษ แต่ข้ากลับไปก็จะลงโทษตนเองอยู่ดี ข้าจะลงโทษตนเองด้วยการคัดคัมภีร์กตัญญุตาธรรมดีหรือไม่?"
ฮูหยินผู้เฒ่าถูกนางพูดจนหัวใจละลายไปแล้ว แต่ยังต้องทำเป็เคร่งขรึม "ใครบอกว่าข้าจะไม่ลงโทษลิงน้อยอย่างเ้า?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้