ร่องรอยจากแผ่นรองวงแหวนในสมัยราชวงศ์หยวน ก้นเครื่องเคลือบในสมัยราชวงศ์ิที่จะเห็นเนื้อเครื่องเคลือบจริงๆจนปรากฏเป็ “สีแดงหินเหล็กไฟ” จากสิ่งเหล่านี้ทำให้ผลงานจากเตาเผาหลงเฉวียนใน่แรกจะหาเครื่องเคลือบที่มีสภาพสมบูรณ์ได้ยากมากเพราะมักจะมีรอยตำหนิมากบ้างน้อยบ้างอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงส่วนก้นของเครื่องเคลือบด้วยเหตุนี้คนที่ผลิตของเลียนแบบจึงมักจะใช้วิธีการ “ปรับเปลี่ยนส่วนก้นหรือรอยแตกตรงขอบ”หรือนำเศษที่ได้จากเตาเผามาติดทับเพื่อตบตาคนอื่น
หลินเยว่จึงอ้างอิงจากวิธีการเหล่านี้เพื่อใช้ในการพิสูจน์เครื่องเคลือบโดยการพลิกแจกันด้านล่างขึ้นมาดูเมื่อเห็นตรงส่วนก้นที่ดูไม่ค่อยได้มาตรฐาน อีกทั้งยังปรากฏเป็สีแดงเหล็กตรงก้นแจกันก็ให้ความรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้ากันกับตัวรูปทรงแจกันเดิมทีรูปทรงแจกันนี้ก็ไม่ค่อยได้มาตรฐานอยู่แล้ว เมื่อประกอบกับมีปัญหาส่วนตรงก้นเพิ่มขึ้นมาอีกจึงทำให้รู้สึกเหมือนเป็การลอกเลียนแต่กลับทำได้ไม่ดีจนดูน่าเกลียดเป็ที่สุด
อีกทั้งหลินเยว่มองเพียงแวบเดียวก็มองออกว่าตรงส่วนก้นที่เป็วงกลมนั้นเป็ส่วนที่เลียนแบบขึ้นมาใหม่เพราะไม่มีลักษณะของความเรียบง่ายแบบโบราณเลย
การพิสูจน์เครื่องเคลือบจะสังเกตตรงส่วนที่ปลอมแต่ไม่ได้สังเกตส่วนที่จริงดังนั้น แค่จุดปลอมตรงจุดนี้ก็สามารถลบล้างข้อสรุปที่มีก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด
หลินเยว่วางเครื่องเคลือบในมือลงด้วยความรู้สึกเสียดายเขาถอนหายใจเล็กน้อย
มิน่า...แจกันใบนี้ถึงได้ถูกวางอยู่ตรงนี้ไม่มีใคร้า เพราะมันเป็ของปลอมนั่นเอง
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เลียนแบบสีเครื่องเคลือบได้ดีขนาดนี้แต่ทว่าแจกันใบนี้ก็เป็ของปลอมอย่างแน่นอน
แต่แล้ว หลินเยว่จึงหลุดขำตัวเองออกมา
เขาตั้งใจจะมาทดสอบการใช้พลังพิเศษว่าสามารถใช้ได้ผลจริงๆหรือเปล่า แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงคิดจะเก็บตกอย่างเดียวล่ะ เขาเกือบลืมวัตถุประสงค์หลักที่เขามาจริงๆเสียแล้ว
หลินเยว่จึงหยิบแจกันเคลือบขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเ้าของแผงเห็นหลินเยว่พลิกแจกันเพื่อดูส่วนก้นแจกันด้านล่างเขาก็รู้สึกกดดันอยู่ในใจ เมื่อเห็นหลินเยว่ถอนหายใจและวางแจกันลง เ้าของแผงจึงรู้สึกผิดหวังแต่เมื่อหลินเยว่หยิบแจกันใบนั้นขึ้นมาอีกครั้งในใจของเขาก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
เขาจึงเดินเข้าไปหาหลินเยว่แล้วส่งยิ้มพร้อมพูดขึ้น“สหายหนุ่ม คุณสนใจแจกันใบนี้มากใช่ไหม? คุณคิดว่ามันเป็อย่างไรบ้าง?”
“ก็พอไหว แต่ว่าผมยังต้องสำรวจต่ออีกสักหน่อย”
หลินเยว่พูดตอบอย่างสุภาพและหากมีความสุภาพมากเท่าไรก็ยิ่งแสดงว่าแจกันใบนี้มีปัญหาบางอย่างเพราะว่าความสุภาพที่แสดงออกมาก็ทำเพื่อเป็ทางออกอื่นๆ สำหรับตนเอง
เมื่อเ้าของแผงเห็นท่าทีเช่นนี้ของหลินเยว่เขาก็รู้ว่าเขาไม่สามารถพูดจาหว่านล้อมให้อีกฝ่ายซื้อแจกันใบนี้ได้อย่างแน่นอนดังนั้น เขาจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา และก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอีกหลังจากนั้นจึงหมุนตัวกลับไปบริการลูกค้าคนอื่นๆ และนี่จึงเป็การเปิดโอกาสให้หลินเยว่ได้ทำในสิ่งที่ตนเอง้า
การเดินจากไปของเ้าของแผงทำให้หลินเยว่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเขามองไปยังรอบๆ ตัว เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครสังเกตมาที่ตัวเขา เขาจึงรีบเดินเข้าไปพิงต้นไม้ซึ่งต้นไม้ต้นนี้ก็สามารถบดบังสายตาจากคนอื่นได้อย่างเป็ธรรมชาติ
หลินเยว่ตั้งสติเพื่อให้สามารถใช้พลังพิเศษตาทิพย์ในการพิสูจน์ได้ดีมากยิ่งขึ้น เขาจึงจำเป็ต้องเข้าสู่สภาวะจิตสงบนิ่งไม่ว่อกแว่กเนื่องจากการอยู่ในสภาวะนี้ถึงจะทำให้เขามีการตัดสินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หลินเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆเขารวบรวมสมาธิเข้าด้วยกัน และจดจ่อไปยังดวงตาทั้งสองข้างของตนเอง จังหวะลมหายใจของเขามีความสม่ำเสมอ
หนึ่งนาทีผ่านไป อากัปกิริยาของหลินเยว่กลายเป็ความเมินเฉยสีหน้าของเขาไร้อารมณ์ความรู้สึก ไม่ยินดียินร้าย ราวกับว่าเขาไม่เคยยิ้มมาก่อนและไม่รู้จักว่าความสุขบนโลกใบนี้เป็อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นก็ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยร้องไห้มาก่อนราวกับว่าเขาไม่เคยเผชิญกับความทุกข์ทรมานของมนุษย์
หากใช้คำหนึ่งคำในการบรรยายลักษณะสีหน้าท่าทางของหลินเยว่ในตอนนี้นั่นก็คือ ความเ็า
มันเป็ความเ็าจนถึงที่สุด
หลินเยว่มองคนรอบๆ ตัวด้วยหางตาอีกครั้งเมื่อเขามั่นใจว่าไม่มีใครหันมาสังเกตเขาเขาจึงใช้ดวงตาทั้งคู่มองไปยังแจกันเคลือบ คิ้วขมวดเล็กน้อยแล้วจดจ่อไปยังเบื้องหน้า
เมื่อมีการเปิดใช้พลังพิเศษตาทิพย์สีเคลือบด้านนอกจึงเหมือนกับน้ำแข็งบริสุทธิ์ที่เผชิญกับแสงอาทิตย์จนทำให้น้ำแข็งค่อยๆหลอมละลายไป แต่ทว่ากลับหลอมละลายเป็พื้นที่เล็กๆ เท่านั้น เพราะตรงส่วนอื่นๆยังคงแข็งแรงมั่นคงเหมือนเดิม
แต่ทว่า ส่วนเล็กๆจุดนี้กลับทำให้หลินเยว่รู้สึกว่าตนเองก็หลอมละลายลงไปด้านในด้วยเช่นกันเขารู้สึกราวกับว่าได้ััสิ่งนี้ด้วยมือของตนเองจนทำให้เขารู้สึกว่าตัวเคลือบนี้ให้ความรู้สึกอย่างไร
เครื่องเคลือบภายนอกมีความบางมาก หลินเยว่จดจ่อเพียงชั่วครู่ก็สามารถมองทะลุตรงส่วนภายนอกนี้ได้แล้วทำให้สายตาของเขาจึงเห็นถึงความว่างเปล่าภายในแจกัน ด้วยสภาพเช่นนี้ หลินเยว่จึงค่อยๆถอนสายตาออกมาอย่างจำใจ เขาต้องพยายามควบคุมสายตาของตนเองให้อยู่ตรงส่วนเนื้อเครื่องเคลือบภายนอกแต่ไม่ใช่การมองทะลุทั้งหมด เพราะเครื่องเคลือบมีเนื้อบางหากต้องควบคุมไว้เช่นนี้เขาจึงจำเป็ต้องขยายพื้นที่ออกไปทางด้านกว้างแทน
หลินเยว่ถอนสายตากลับมายังสีเคลือบรูม่านตาขยายออก สายตาของเขาเริ่มแผ่กระจายไปทางด้านข้าง
เพียงไม่นานหลินเยว่จึงจดจ่อสายตาทั้งหมดไปยังตรงตัวเครื่องเคลือบ ครั้งนี้นอกจากเขาจะไม่ได้มองทะลุตัวเครื่องเคลือบแล้วเขากลับสามารถใช้สายตามองรอบตัวเครื่องเคลือบทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หลังจากนั้น หลินเยว่จึงค่อยๆดื่มด่ำกับความงามของแจกันใบนี้
ในเครื่องเคลือบจะมีหินพอร์ซเลนเป็ส่วนประกอบถึงแม้ว่าจะต้องมีปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดจากการผลิตในอุณหภูมิสูงอยู่บางส่วนแต่ความรู้สึกภาพรวมย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
สภาวะจิตสงบนิ่งทำให้คนสามารถพัฒนาขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดหลินเยว่จึงััได้กับความหนืดของเครื่องเคลือบอย่างรวดเร็ว
ความหนืดนี้......
หลินเยว่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นเมื่อเขาััได้กับความหนืดของแจกันเคลือบใบนี้ยุคสมัยที่สอดคล้องกับความหนืดนี้จึงปรากฏขึ้นในสมองของหลินเยว่
จักรพรรดิซ่งหลี่จงจ้าวหยุนแห่งซ่งใต้!
เป็ไปได้อย่างไรล่ะ?
จะเป็เครื่องเคลือบในสมัยซ่งใต้ได้อย่างไรแจกันใบนี้เป็ของปลอมไม่ใช่หรือ?
หลินเยว่ขมวดคิ้วเป็ร่องลึก
หรือว่าเขาจำผิดไป?
เป็ไปไม่ได้หรอก!
หลินเยว่จดจำความหนืดของหินพอร์ซเลนแต่ละยุคแต่ละสมัยได้อย่างแม่นยำอีกทั้งความหนืดของหินพอร์ซเลนในสมัยซ่งใต้มีระดับต่ำกว่าปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด เป็ความแตกต่างที่ต่างกันอย่างชัดเจนหากเขาจำผิดขึ้นมาจริงๆ แต่ความหนืดในปัจจุบันก็มีระดับสูงกว่าความรู้สึกที่เขาััได้ในตอนนี้มากยิ่งนักเมื่อวานหลินเยว่เพิ่งได้ััความหนืดระดับสูงเป็ครั้งแรก เขาย่อมจดจำมันได้เป็อย่างดี
ทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างมากจนเกินไปไม่มีทางอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน
ไม่ใช่ของสมัยปัจจุบันแต่เป็การเลียนแบบขึ้นมาใหม่?
หลินเยว่รู้สึกข้องใจเป็อย่างยิ่ง เพื่อเป็การยืนยันถึงความรู้สึกนี้หลินเยว่จึงค่อยๆ ััความหนืดอย่างช้าๆ
ไม่ผิดแน่! นี่คือความหนืดของหินพอร์ซเลนในสมัยจักรพรรดิซ่งหลี่จงจ้าวหยุนแห่งซ่งใต้
เป็อย่างนี้ได้อย่างไรล่ะ?
หลินเยว่ถอนสายตากลับมา สภาวะจิตสงบนิ่งก็ค่อยๆหายไป
เครื่องเคลือบชิ้นนี้เป็ของเลียนแบบอย่างชัดเจนแต่ทำไมถึงให้ความรู้สึกว่าเป็ผลงานในสมัยซ่งใต้จริงๆ?
หรือว่าการเผาเครื่องเคลือบท่ามกลางอุณหภูมิสูงทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีกับส่วนประกอบอื่นๆจนทำให้ความหนืดของหินพอร์ซเลนเกิดความเปลี่ยนแปลง?
หลินเยว่พลันคิดถึงความเป็ไปได้ขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าจะเป็ไปได้ และความเป็ไปได้นี้ก็ดูสมเหตุสมผลหากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาจริงๆ มันก็เป็ข่าวร้ายสำหรับหลินเยว่อย่างแท้จริงเพราะไม่มีใครรู้ว่าปฏิกิริยาเคมีเช่นนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเป็อย่างไรบ้าง
สัดส่วนการผสมวัตถุดิบต่างๆ ในการเผาสมัยโบราณมีความเข้มงวดมากซึ่งจุดนี้จะเป็ผลดีต่อหลินเยว่แต่ทว่าส่วนที่ส่งผลไม่ดีต่อหลินเยว่ก็คือคนสมัยโบราณไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำพวกเขาควบคุมได้แค่ภาพรวมเท่านั้น การเผาเครื่องเคลือบชิ้นหนึ่งจะใช้อุณหภูมิอยู่ที่1,100 - 1,200 องศาบางทีอาจจะดูเหมือนว่าไม่มีความแตกต่างสักเท่าไร แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็อาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
เราอาจจะไม่จำเป็ต้องให้ความสนใจเื่ความแตกต่างในการเผาเครื่องเคลือบแต่ละครั้งในเตาเผาแห่งหนึ่งการเผาครั้งก่อนหน้าหรือครั้งถัดไปก็อาจจะไม่ได้มีความแตกต่างกันแต่ทว่าภายในอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้อีกทั้งการเผาด้วยอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ผู้ที่ทำการเผาเปลี่ยนคน...... ถึงจะเป็เครื่องเคลือบในยุคสมัยเดียวกันความหนืดที่ััได้ก็อาจจะไม่เหมือนกันก็ได้
หลินเยว่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดสมองเดิมทีเขาคิดว่าเขาเจอตัวแปรสำคัญในการใช้พลังพิเศษตาทิพย์เพื่อการพิสูจน์เครื่องเคลือบแต่คาดไม่ถึงว่าตัวแปรนี้กลับไม่มีความหมายอะไรเลย แล้วยังทำให้การตัดสินของเขาเกิดความสับสนอีกด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้