“ท่านอ๋องรู้แล้วหรือพ่ะย่ะค่ะว่าเป็ใคร?” ปกติแล้วนิสัยของจิ่งฉือนั้นเป็คนตรงๆ ทั้งใจร้อน ทั้งขี้โวยวาย “เช่นนั้นกระหม่อมจะไปจับเขามาตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ”
จี๋โม่หานยกมือขึ้นห้ามเขา “ตอนนี้ทำได้แค่จับตามองอยู่เงียบๆ”
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
หลิงชวนกำด้ามกระบี่ที่อยู่ตรงเอว หลังมือมีเส้นเืปูดขึ้นมา
จี๋โม่หานไม่ได้ตอบกลับ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบออกมา “ไปกันเถิด หลิงชวน เข็นข้าออกไปรับแขกที่โถงด้านหน้า”
ทั้งสี่มองตากัน ไม่ได้พูดอะไรอีก หลิงชวนก็เข็นรถเข็นของจี๋โม่หานไปตามคำสั่ง
คนของฮ่องเต้มาไวกว่าที่เขาคิด พวกเขาเพิ่งจะมาถึงที่โถงด้านหน้า ที่หน้าประตูก็มีการเคลื่อนไหวแล้ว
องครักษ์ของจวนองค์ชายสามต่างเตรียมตัวปะทะตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ยังเทียบกับฐานะสูงส่งของอีกฝ่ายไม่ได้
“่นี้เ้าเป็อย่างไรบ้าง?”
ฮ่องเต้เข้ามาจากทางประตู ด้านหลังมีคนติดตามเขามาเป็กลุ่มใหญ่ องค์ชายห้ากับซูโม่สกุลซูก็เป็หนึ่งในนั้น หยางจาวราชองครักษ์รักษาพระองค์ก็นำทหารม้าจำนวนร้อยกว่าคนมาปิดล้อมจวนอ๋องไว้
ทหารม้าทั้งสองฝ่ายต่างหยุดชะงักค้าง
จี๋โม่หานนั่งอยู่บนรถเข็น สีหน้าเรียบนิ่ง “ทำให้ฝ่าาต้องเป็ห่วงแล้ว กระหม่อมไม่เป็อะไรพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของพวกจื๋อหลันที่อยู่ด้านหลังย่ำแย่กันมาก ท่าทางเตรียมพร้อมจะลงมืออยู่ตลอดเวลา
ฮ่องเต้เองก็ไม่ได้แสร้งทำเป็ไม่รู้เื่อีกแล้วตรงเข้าประเด็น “คิดว่าเื่เมื่อเช้าเ้าก็คงจะได้ยินมาแล้วใช่หรือไม่?”
“ฝ่าามีความคิดว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ? เวลากระหม่อมลงมือทำอะไรก็ไม่เคยมีเื่ที่ต้องมารู้สึกผิดต่อตนเอง ฝ่าาโปรดพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
สองมือของฮ่องเต้ไพล่หลังเอาไว้ แววตาไม่เป็มิตรมองไปที่จี๋โม่หานเพื่อหาความผิดปกติบนใบหน้า แต่อีกฝ่ายก็มีท่าทางบริสุทธิ์ใจ ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจจริงๆ
“เื่นี้ เจิ้นเองก็ไม่สามารถสรุปได้ ตอนนี้ประชาชนด้านนอกต่างหวาดกลัว เจิ้นที่เป็กษัตริย์ของแคว้น จะอยู่เฉยๆ แล้วไม่สนใจก็ไม่ได้ จะต้องค้นหาความจริงให้ประชาชนได้รับรู้”
“พ่ะย่ะค่ะ” จี๋โม่หานเอ่ยเสริม “ดังนั้นฝ่าาจะทำเช่นไรกระหม่อมก็ไม่โกรธพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อเป็เช่นนี้ก็ดี” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าไม่ดี หากจี๋โม่หานต่อต้าน เขาก็จะไม่ตรวจสอบแล้วจับอีกฝ่ายไปเลย แต่ว่าเขาทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะจี๋โม่หานนั้นให้ความร่วมมือเป็อย่างมาก ตอนนี้จึงทำให้อารมณ์โกรธของเขาไม่มีที่ระบาย
“เช่นนั้นกระหม่อมขอล่วงเกินท่านอ๋องแล้ว” หยางจาวเดินขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “รบกวนให้กระหม่อมได้พาคนไปตรวจสอบจวนอ๋องด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“เชิญตามสบาย” เสียงจี๋โม่หานเย็นเฉียบ พูดไปก็ให้หลิงชวนเข็นเขาไปด้านข้างอย่างใส่ใจเพื่อเปิดทางให้
หยางจาวโบกมือเรียกราชองครักษ์ร้อยกว่าคนด้านหลังให้บุกเข้าไปในจวนและตรวจสอบทั่วทุกที่ทันที การกระทำของพวกเขาหยาบคาย แม้แต่ดอกไม้ในสวนก็ยังไม่ปล่อยไว้ ถูกพลิกหาทั้งหมด ทุกๆ ที่ที่เดินผ่าน แจกันก็จะถูกคว่ำจนดอกไม้หัก
พวกหลิงชวนสี่คนยืนอยู่ด้านหลังจี๋โม่หาน ขอบตาพวกเขาแดงก่ำและจ้องไปยังกลุ่มคนที่บุกเข้ามาด้วยสายตาเกลียดชัง กำหมัดแน่นจนหลังมือมีเส้นเืปูดขึ้น
มีเพียงจี๋โม่หานคนเดียวที่สีหน้ายังไม่เปลี่ยน ั้แ่ต้นจนจบก็ทำท่าทางนิ่งเฉย
จี๋โม่หานให้หลิงชวนยกเก้าอี้มาให้ฮ่องเต้กับพวกองค์ชายห้า ทั้งยังสั่งให้ไปต้มชาอย่างดีมาหนึ่งกาเพื่อดื่ม ราวกับไม่มีอะไรให้กังวลว่าจะเจออะไรภายในจวน
จี๋โม่หานเหมือนกับคนที่ไม่ได้เป็อะไรเลย แต่ว่าฮ่องเต้กับองค์ชายห้านั้นกลับไม่พอใจขึ้นมาแล้ว
ทั้งสองคนนั่งขมวดคิ้วแน่นอยู่ตลอด แล้วคอยสังเกตสถานการณ์ของทางด้านราชองครักษ์
จวนขององค์ชายสามนั้นใหญ่มาก การตรวจสอบครั้งนี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องประมาณครึ่งชั่วยามถึงจะจบลง หยางจาวพาทหารหลายคนเดินออกมาจากเรือนหลังด้วยสีหน้าย่ำแย่ ก่อนจะส่ายหน้าให้ฮ่องเต้
“ฝ่าา ไม่มีจุดที่ผิดปกติเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เพิ่งจะยกแก้วชาไปที่ริมฝีปาก พอได้ยินที่หยางจาวรายงาน มือที่ยกแก้วก็หยุดชะงักไป สีหน้าขรึมขึ้นมาทันที ปลายนิ้วออกแรงกดจนแก้วในมือแทบแตก
เขาหันหน้าไปมองจี๋โม่หาน ซึ่งอีกฝ่ายก็หน้านิ่ง
คนที่ไม่อยากจะเชื่อมากกว่าฮ่องเต้ก็คือองค์ชายห้า แผนการใส่ร้ายจี๋โม่หานในครั้งนี้เขามีความมั่นใจมาก เพราะรู้ว่าในจวนของจี๋โม่หานได้มีการฝึกฝนกองกำลังของตนเองขึ้นมา
นี่เป็ข่าวที่เขาสืบมาได้จากหอเชียนจี้ ข่าวที่ขายออกมาจากหอเชียนจี้นั้นปกติแล้วไม่มีความเท็จ แต่ตอนนี้เหตุใดถึงได้ตรวจสอบแล้วไม่พบอะไรเลย เป็ไปไม่ได้
องค์ชายห้ากำหมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“หัวหน้าหยาง” ดวงตาองค์ชายห้าขุ่นมัวจ้องไปที่หยางจาวนิ่ง “ได้ตรวจสอบทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด ไม่มีจุดที่เล็ดลอดไปใช่หรือไม่?”
หยางจาวสบตาเข้ากับดวงตาขององค์ชายห้าก็หดตัวเข้าหากัน เขารีบก้มหน้าลง “องค์ชายห้า กระหม่อมได้ตรวจสอบทุกซอกทุกมุมแล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ไม่มีจุดที่เล็ดลอดไปแม้แต่น้อย”
จะเป็ไปได้อย่างไร สีหน้าขององค์ชายห้าตกตะลึง เขาไม่เชื่อ สายตาของเขาไปอยู่ที่ใบหน้าของจี๋โม่หาน พยายามจะหาอะไรจากในนั้น แต่ก็ต้องผิดหวัง
จี๋โม่หานผ่อนคลายแล้วนั่งพิงเก้าอี้ท่าทางสบายๆ สองมือกอดอก “ฝ่าา ตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง?”
ฮ่องเต้วางแก้วในมือลงอย่างแรงดัง “ปัง” จนน้ำกระเซ็นออกมาตามแรงที่เขาวาง
“ในจวนของเ้าไม่มีอะไรผิดปกติ เช่นนั้นก็ดี”
เขาพูดจบก็ยืนขึ้น ดวงตากวาดไปมองกลุ่มทหารองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังหยางจาว “แต่ว่าตอนนี้การตรวจสอบเื่ราวยังไม่ชัดเจน เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นอีก เจิ้นจะส่งทหารราชองครักษ์มาอยู่ด้านนอกจวนอ๋อง ่นี้เ้าก็อย่าเพิ่งออกจากจวน”
เมื่อเอ่ยคำนี้ออกมา เส้นเืที่ขมับของพวกหลิงชวนก็ปูดออกมาพร้อมกับกำหมัดแน่น
จี๋โม่หานรับคำ “พ่ะย่ะค่ะฝ่าา”
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นเจิ้นขอตัวก่อน”
ฮ่องเต้พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อแรงๆ แล้วสาวเท้ายาวๆ เดินออกไปด้านนอกโดยที่ไม่หันกลับมาอีก องค์ชายห้าเองก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่จ้องจี๋โม่หานอย่างไม่พอใจแล้วเดินออกไปด้วย
“โปรดอภัยที่กระหม่อมไม่สามารถไปส่งได้”
ทหารม้าด้านนอกประตูเพียงครู่เดียวก็ออกไปจนหมด เหลือแค่คนของทหารราชองครักษ์หลายสิบคนเอาไว้ คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกจวนของจี๋โม่หานก่อนหน้านี้ก็พากันเข้ามา ด้านนอกจวนก็ถูกคนของวังเฝ้าเอาไว้อย่างแ่า
เมื่อคาดว่าคนในวังต่างเดินกันไปไกลแล้ว จิ่งฉือถึงได้วิ่งเหยาะๆ ไปปิดประตูใหญ่ของจวน
“องค์ชาย พวกเขากำลังกักบริเวณพวกเรา” จื๋อหลันกัดฟันแน่น ั้แ่ต้นเขาก็อดทนมาตลอด
“ใช่” จิ่งฉือเองก็พูดเสริมทับ “รอจับคนที่ใส่ร้ายท่านอ๋องได้ ข้าจะต้องทำให้เขาไม่ตายดีแน่”
“เ้าโมโหอะไร?”
จี๋โม่หานเลิกคิ้วแล้วเอ่ยปากอย่างเตรียมพร้อม “เื่เป็แบบนี้ก็ดีไม่ใช่หรือ พวกเราอยู่แต่ในจวน ไม่ได้ออกไปไหน ก็ไม่ต้องเจอปัญหาอีกมากมาย”
“แต่ว่าพวกเราจะรออยู่เช่นนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” จื๋อหลันพูดอย่างไม่พอใจ “ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้ว่าฮ่องเต้นั้นไม่สบาย..”
จี๋โม่หานยกมือขึ้นหยุดไม่ให้เขาพูดต่อ “ติดตามเปิ่นหวังออกจากจวน จื๋อหลัน หลังจากออกจากจวนแล้วเ้าไปหาเชียนซวินจือ พาเขาไปเจอข้าที่จิ่นชางเก๋อ”