หลังจากที่หยางซีกลับนครหลวงไปแล้ว
ไป๋เยว่ซินเองก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า นางใช้เวลาทั้งหมดไปกับการเรียนรู้สูตรอาหารต่างๆในตำราลับพิเศษเล่มนั้นอย่างใจเย็น เพียงไม่นานก็เข้าใจหลายๆอย่างขึ้นมาก
ของพิเศษในตำราเล่มนี้แม้นางจะสามารถใช้มันได้อย่างไม่มีขีดจำกัดก็จริง แต่ไป๋เยว่ซินกลับไม่ได้ใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย หลังจากที่นำปุ๋ยหมักสูตรพิเศษไปรดน้ำผักตามที่เ้าแมวอาซานบอก สามวันต่อมาพืชผักของนางก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนสามารถเก็บเกี่ยวได้ อีกทั้งรสชาติของผักที่เก็บมายังหวานกรอบมากอีกด้วย คนตระกูลไป๋ถึงกับอึ้งงันจนเอ่ยวาจาใดไม่ออก ไป๋ชวนชี้มือไปยังแปลงผัก ก่อนจะหันมาเอ่ยกับไป๋เยว่ซิน
"เยว่เอ๋อร์ นั่นคือปุ๋ยจากแดน์หรือไรกัน ลุงใหญ่ไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย ไม่คิดเลยว่าในโลกนี้จะมีปุ๋ยที่ทำให้ผักเติบโตรวดเร็วเช่นนี้"
ไป๋จง นางหลี่ และนางเกาก็พยักหน้าเห็นด้วย แม้แต่ไปเซียงกับอาหลิงยังตื่นตระหนก ไป๋ฟานมองผักเ่าั้ แล้วจึงหันมาเอ่ยกับไป๋เยว่ซิน
"น้องเล็ก นับวันเ้าจะทำให้พวกข้าแปลกใจมากขึ้นทุกวันแล้ว"
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของไป๋ฟาน ไป๋เยว่ซินยิ้มตาหยีพลางเอ่ยตอบ
"รับรองว่าพวกท่านจะได้เจอเื่แปลกใจมากกว่านี้แน่นอน ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ต้องลำบากแล้ว เร็วเข้ารีบเก็บผักกลับบ้านกันเถอะเ้าค่ะ"
ทุกคนพยักหน้าและรีบช่วยกันเก็บผักใส่กระบุงและขนกลับบ้าน เหล่าชาวบ้านที่เห็นเช่นนั้นก็ใไปตามๆกัน ผักของพวกเขาเพิ่งปลูกยังไม่ทันเติบโต แต่ผักของบ้านตระกูลไป๋กลับเก็บเกี่ยวได้แล้ว นี่มันเื่วิเศษอันใดกัน
เมื่อเอ่ยถามก็ได้ความว่าพวกเขาเพียงขยันรดน้ำและใส่ปุ๋ยบ่อยๆเท่านั้น เหล่าชาวบ้านต่างรู้สึกแปลกใจ อีกทั้งยังครุ่นคิดว่ามันเป็ไปได้จริงหรือ
เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวัน ข่าวคราวที่ผักบ้านตระกูลไป๋เติบโตรวดเร็วก่อนกำหนดก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งอำเภอเซียงถง มีผู้คนมากมายมาที่บ้านและไถ่ถามเื่การดูแลและสูตรปุ๋ย แต่กลับได้คำตอบเหมือนกันทุกครั้ง ทำให้บางคนเกิดความไม่พอใจบอกว่าคนตระกูลไป๋แล้งน้ำใจ
ไป๋เยว่ซินสั่งให้ทุกคนปิดบ้านไม่ต้อนรับแขก นางคิดเอาไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดเื่เช่นนี้ เพราะคงไม่สามารถหนีพ้นจากสายตาของคนพวกนั้นได้ แต่นางไม่คิดว่าจะวุ่นวายมากมายถึงเพียงนี้ นี่ขนาดพวกเขายังไม่รู้ว่านางมีปุ๋ยสูตรพิเศษยังแห่มาถามกันขนาดนี้ หากพวกเขารู้นางไม่อยากจะคิดถึงปัญหาที่จะตามมาเลย
ไป๋เยว่ซินนำผักที่ถูกเก็บไปล้างจนสะอาดคราหนึ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยกับทุกคนในบ้าน
"พวกท่านแบ่งผักส่วนหนึ่งไปขายที่ตลาด ให้พวกเขาลองชิมก่อนสักหน่อย หากพวกเขาถูกใจก็ขายในราคาจินละสิบอีแปะ ส่วนข้าจะไปทำอาหารสักสามสี่อย่าง จากนั้นจะไปที่ภัตตาคารตระกูลหม่า พวกท่านต้องจำให้ขึ้นใจ หากมีคนมาถามเื่ผักที่โตเร็วก็บอกไปเช่นเดิม ห้ามเอ่ยถึงปุ๋ยสูตรพิเศษเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?"
ทุกคนต่างพยักหน้าหงึกหงัก และรีบไปทำตามที่ไป๋เยว่ซินบอก ไป๋จงและไป๋ชวน ช่วยกันขนผักขึ้นเกวียนให้นางเกาและนางหลี่นำไปขายที่ตลาด ส่วนไป๋เซียงและอาหลิง ไป๋ฟานก็มาช่วยไป๋เยว่ซินทำอาหาร
ไป๋เยว่ซินบอกให้พวกเขาไปรอที่โรงครัว ก่อนที่นางจะกลับเข้าไปในห้อง เลือกวัตถุดิบหลายอย่างออกมาจากตำราโดยมีเ้าอาซานคอยช่วยเหลือ ก่อนจะกลับมายังโรงครัว ไป๋ฟาน ไป๋ซียงและอาหลิงที่เห็นว่าไป๋เยว่ซินนำเครื่องปรุงหน้าตาแปลกประหลาดหลายอย่างมาด้วยก็มองหน้ากันไปมา เป็ไป๋ฟานที่ทนกับความสงสัยไม่ไหวจึงเอ่ยถามขึ้น
"น้องเล็ก เ้าไปเอาเครื่องปรุงหน้าตาประหลาดพวกนี้มาจากที่ใดกัน มันกินได้จริงหรือ"
ไป๋เยว่ซินยิ้มตาหยี พลางเอ่ยตอบ
"ได้แน่นอน พวกท่านเชื่อข้า ไว้จัดการเื่อื่นๆเรียบร้อยแล้ว ข้ามีความลับหนึ่งจะเล่าให้พวกท่านฟัง"
เอ่ยจบนางก็บอกให้พวกเขาช่วยเป็ลูกมือเตรียมวัตถุดิบให้นางและยังอธิบายพวกเขาว่าของแต่ละอย่างมีอะไรบ้าง เท่าที่นางศึกษามาหลายวัน พบว่าเครื่องปรุงพวกนี้เป็ของจากแดนพิเศษที่น่าสนใจ อาซานบอกว่าคนในแดนพิเศษนิยมใช้กันมาก มีทั้งซีอิ๊ว น้ำมันงา ซอสหอยนางรม น้ำส้มสายชู เหล้าจีน ผงห้าเครื่องเทศและอีกสารพัดชนิด เมื่อลองนำพวกมันมาปรุงอาหารกลับมาพบว่ารสชาติเยี่ยมยอดยิ่งนัก
หญิงสาวทำอาหารหลายอย่าง ก่อนจะจัดการแบ่งใส่กล่องอาหารและบอกให้ไป๋เซียงและไป๋ฟานตามนางไปที่ภัตตาคารตระกูลหม่า ส่วนอาหลิงให้อยู่เฝ้าบ้านเอาไว้ ด้านเ้าอาซานก็นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไม่สนใจใครสักนิด
สามพี่น้องช่วยกันถือกล่องอาหารเดินมุ่งหน้าไปยังภัตตาคารตระกูลหม่า ตลอดทางมีคนเอ่ยทักทายพวกนางเป็ระยะ เมื่อมาถึงหน้าภัตตาคาร ไป๋เซียงก็เริ่มลังเลขึ้นมา
"น้องเล็ก เ้าแน่ใจหรือว่าเ้าของภัตตาคารจะชื่นชอบอาหารของพวกเรา"
ไป๋ฟานเมื่อได้ยินที่ไป๋เซียงเอ่ยก็เริ่มคล้อยตาม
"นั่นสิ ไม่ใช่เื่ง่ายเลยนะที่ภัตตาคารใหญ่โตเช่นนี้จะสนใจพวกเรา มิสู้รีบกลับบ้านกันดีหรือไม่?"
ไป๋เยว่ซินหันมามองพี่ใหญ่และพี่รองของตนคราหนึ่ง พร้อมเอ่ยปลุกใจด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เราจะกลัวั้แ่ก้าวแรกไม่ได้ ยังไม่ลงมือทำก็สรุปผลลัพธ์เสียแล้ว เช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกันพวกท่านตามข้ามา เพียงรอดูฝีมือข้าก็พอ"
เอ่ยจบนางก็เดินนำคนทั้งสองเข้าไปในภัตตาคารทันที เสี่ยวเอ้อร์ผู้ดูแลร้านเมื่อเห็นว่ามีลูกค้าเข้าร้านก็รีบเข้ามาทักทายพวกนางอย่างเป็มิตร
"พวกท่านได้จ้องโต๊ะไว้หรือไม่ขอรับ?"
ไป๋เยว่ซินยิ้มให้เสี่ยวเอ้อร์ ก่อนจะเอ่ย
"ข้ามาพบเถ้าแก่หม่า ช่วยไปบอกเขาทีว่า หยางซีเป็คนบอกให้ข้ามาพบเขา"
เสี่ยวเอ้อร์เมื่อได้ฟังก็เกิดความสงสัยในใจ อีกทั้งยังแอบพิจารณาดูคนตรงหน้าที่แต่งกายซอมซ่อคราหนึ่ง ก่อนจะบอกให้พวกเขารอสักครู่
หม่าต้วนกำลังนั่งตรวจสอบบัญชีอยู่ในร้าน เมื่อได้ยินว่ามีคนมาขอพบ ซ้ำหยางซียังเป็คนแนะนำมา ก็รีบออกมาต้อนรับพร้อมทั้งบอกว่าตนคือเถ้าแก่หม่า อีกทั้งยังยิ้มให้พวกนางอย่างเป็มิตร
“พวกท่านคือ?"
"ข้าชื่อไป๋เยว่ซิน ส่วนสองคนนี้คือพี่ใหญ่และพี่รองของข้า ชื่อไป๋ฟานและไป๋เซียงเ้าค่ะ ก่อนหน้าที่หยางซีจะกลับนครหลวง ได้บอกให้ข้ามาพบท่านเพื่อขอความช่วยเหลือ"
หม่าต้วนเมื่อได้ฟังก็ถึงบางอ้อ ก่อนหน้านี้นายท่านได้กำชับเขาเอาไว้แล้วจริงๆว่าหากคนตระกูลไป๋มาขอความช่วยเหลืออะไรให้รีบดำเนินการโดยเร็วและห้ามบิดพริ้วเป็อันขาด เมื่อคิดได้เช่นนั้นเถ้าแก่หม่าจึงรีบเชื้อเชิญคนให้รีบเข้าไปยังห้องรับรองบนชั้นสองทันที
เมื่อเดินเข้ามาในภัตคาคารไป๋เยว่ซินก็พบว่ามีการตกแต่งที่งดงามไม่น้อยเลย ของบางชิ้นก็ดูหรูหรามีราคาค่างวด แต่นางไม่ได้ตื่นเต้นเท่าใดนัก เพราะชีวิตนี้ของนางพบเจอของมีค่ามานักต่อนัก ต่างจากไป๋ฟานและไป๋เซียงที่ตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด
เถ้าแก่หม่าเชิญพวกนางทั้งสามเข้ามานั่งในห้อง พร้อมกับให้คนนำชามารับรอง
“นี่คือชาชั้นดีของภัตตาคารเรา พวกท่านลองดื่มดู"
เอ่ยจบเถ้าแก่หม่าก็ให้เสี่ยวเอ้อร์รินชาให้พวกนางและบอกให้เสี่ยวเอ้อร์ออกไปเฝ้าหน้าประตู ไป๋เยว่ซินยกถ้วยชาขึ้นมา นางใช้มือจับฝาถ้ายชาพลางเกลี่ยไล่ควันที่พวกพุ่งขึ้นมาราวม่านหมอกให้สลายหายไป ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นดื่มอย่างไม่รีบไม่ร้อน พบว่าเป็ชาชั้นดีอย่างที่เถ้าแก่หม่าบอกจริงๆ รสชาติหวานหอมอีกทั้งยังไม่ขมฝาด เถ้าแก่หม่าลอบมองดูนางพลางครุ่นคิด สตรีตรงหน้าท่วงท่าดูงามสง่าสูงส่งเหมือนคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ในนครหลวง การจิบชาก็ดูละเมียดละไมยิ่งนัก ต่างจากพี่น้องอีกสองคนราวฟ้ากับเหว หากนางไม่บอกแต่แรกว่าเป็พี่น้องกันเขาก็คงไม่เชื่อ
เมื่อดื่มชากันพอแล้ว ไป๋เยว่ซินจึงบอกให้ไป๋ฟานและไป๋เซียงนำอาหารที่เตรียมมาจัดวางลงบนโต๊ะ เถ้าแก่หม่าที่ได้เห็นอาหารหลากหลายตรงหน้าซึ่งบางจานก็ดูแปลกตายิ่งจึงรีบเอ่ยถามทันที
"นี่คือ?"
"เถ้าหม่าแก่ ข้าทำอาหารเหล่านี้มาให้ท่านลองชิมดูเ้าค่ะ ยังมีผักสดมาเป็เครื่องเคียงด้วย ข้าขอเอ่ยตามตรงอย่างไม่ออมค้อม หากท่านลองชิมอาหารเหล่านี้แล้วพบว่ารสชาติถูกปาก ข้ายินดีขายสูตรอาหารให้ท่านในราคากันเอง อีกทั้งยังจะขายเครื่องปรุงล้ำค่าที่เป็สูตรลับให้กับท่านในราคาถูกอีกด้วย ท่านลองชิมดูก่อนแล้วค่อยมาเจรจาเื่การค้าขายร่วมกัน"
เถ้าแก่หม่าพบเจอคนมามาก มีทั้งคนที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง พวกต้มตุ๋นช่างเจรจา เขาจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่นางเอ่ย ไป๋เยว่ซินเองก็ไม่ได้รีบร้อน นางค่อยๆแนะนำอาหารแต่ละจานให้เถ้าแก่หม่าอย่างใจเย็น
"จานนี้คือยำแตงกวา เดิมทีก็เป็อาหารที่มีให้กินบ่อยๆอยู่แล้วใน่ฤดูร้อน แต่ข้าเพิ่มส่วนผสมบางอย่างลงไปทำให้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ส่วนนี่คือแกงฟักเขียวใส่กระดูกหมู ซุบเห็ด โจ๊กข้าว ข้าวต้มปลา หมี่เย็น และสลัดผัก ท่านลองชิมดูว่ารสชาติถูกปากหรือไม่"
เถ้าแก่หม่ามองอาหารตรงหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ บางเมนูเขารู้จัก แต่บางเมนูชื่อของมันกลับแปลกหูยิ่งนัก เขาใช้ตะเกียบคีบอาหารขึ้นมาชิมทุกจาน ก่อนที่ดวงตาจะเป็ประกายแวววาว ไป๋เยว่ซินที่เห็นเช่นนั้นก็ลอบยกยิ้มมุมปาก
อาหารรสชาติเยี่ยมยอดมาก อร่อยกว่าที่แม่ครัวเขาทำเสียอีก อีกทั้งผักที่ใช้กินแกล้มก็หวานฉ่ำ ยังมีโจ๊กข้าวนั่นอีก ข้าวเนียนนุ่มหอมหวานกลมกล่อมมาก อีกจานที่มีชื่อว่าสลัดก็อร่อยแปลกลิ้นเหลือเกิน น้ำราดสีขาวที่มีรสชาติเปรี้ยวนิดๆมันหน่อยๆก็เพิ่มความอยากอาหารดับกลิ่นเหม็นเขียวของผักได้อย่างน่าอัศจรรย์
เถ้าแก่หม่ายิ่งกินยิ่งหยุดไม่ได้
"เยี่ยมมาก เยี่ยมมากแม่นางน้อย ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเ้าจะมีฝีมือเยี่ยมยอดเช่นนี้"
ไป๋เยว่ซินเมื่อได้ฟังก็ยิ้มด้วยความดีใจ
"ขอบคุณมากเ้าค่ะ อาหารเหล่านี้ล้วนทำตามผักในฤดูกาลนั้นๆ เมื่อฤดูอื่นมาเยือนพวกเราก็สามารถพลิกแพลงเมนูได้ หากท่านชอบและพอใจ เช่นนั้นข้าขออนุญาตยื่นข้อเสนอและเงื่อนไขได้หรือไม่เ้าคะ"
"ว่ามาเถอะ"
เถ้าแก่หม่าไม่มีท่าทีหยั่งเชิงเช่นคราแรกที่พบกันอีก เขากลับตอบรับรวดเร็วยิ่ง ไป๋เยว่ซินยิ้มและรีบเอ่ยอธิบายวัตถุประสงค์ของตนในทันที
"ข้ามีข้อเสนอสี่ข้อเพียงเท่านั้นเ้าค่ะ ข้อแรก ข้าจะมอบเครื่องปรุงและพืชผักของข้าให้ท่านนำมาปรุงอาหารเพื่อทดลองขายก่อน หากขายดีและได้กำไรงาม ข้าจะขายสูตรอาหารให้ท่านในราคาสองพันตำลึง
ข้อสองเครื่องปรุงของข้าเป็สูตรลับของตระกูลไป๋ต้องเก็บเป็ความลับห้ามแพร่งพราย หากท่านผิดสัญญาข้าจะไม่ส่งเครื่องปรุงสูตรลับให้ท่านอีก ข้ากล้าพูดได้เลยว่าแม้ท่านจะได้สูตรอาหารไปแต่หากท่านไม่ใช้เครื่องปรุงของข้าก็จะไม่สามารถปรุงอาหารรสชาติดีเช่นวันนี้ออกมาได้อย่างแน่นอน
ข้อสาม เมื่อตกลงการค้าร่วมกันแล้ว ข้าขอส่วนแบ่งสามสิบส่วน ให้ท่านเจ็ดสิบส่วน ผักและวัตถุดิบข้าจะขายให้ในราคาต้นทุนไม่เอาเปรียบท่านแน่นอน
และข้อสุดท้ายข้อที่สี่ ทุกอย่างต้องเป็ความลับ หากท่านแพร่งพรายหรือคิดไม่ซื่อข้าจะยกเลิกสัญญาทันที ว่าอย่างไร ท่านตกลงหรือไม่?"
เถ้าแก่หม่าเมื่อได้ฟังก็ลอบยินดีในใจ แม่นางน้อยคนนี้ใช้ได้เลย คราแรกก็ยินดีร่วมลงทุนโดยไม่คิดจะรับเงิน ให้เขานำสูตรอาหารไปขายก่อนโดยไม่กลัวว่าเขาจะเอาเปรียบนาง อีกทั้งยังวางแผนเป็ระเบียบชัดเจน เถ้าแก่หม่ายิ้มอย่างพอใจ เขาเชื่อว่าอาหารพวกนี้จะต้องขายดีและทำเงินมหาศาลแน่นอน
“ตกลง ข้าจะให้คนนำกระดาษและพู่กันมาให้แม่นาง เ้าเขียนสัญญาการร่วมลงทุนมาได้เลย หากได้กำไรงามข้าเองก็ไม่คิดจะเอาเปรียบเ้าเช่นเดียวกัน”
“ได้เ้าค่ะ”
หลังจากเขียนสัญญาการร่วมลงทุนเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงลงนามประทับในสัญญาโดยมีนายอำเภอเจี่ยงเป็พยาน โชคดีที่วันนี้นายอำเภอเจี่ยงมากินอาหารที่นี่พอดี ไป๋เยว่ซินจึงให้เขามาช่วยเป็พยานให้ เมื่อทุกอยางราบรื่นด้วยดีนางจึงบอกเถ้าแก่หม่าว่าพรุ่งนี้จะนำผักและเครื่องปรุงมาที่ภัตตาคารแต่เช้า เถ้าแก่หม่าพยักหน้าและยังขอร้องให้ไป๋เยว่ซินช่วยสอนแม่ครัวของเขาไปก่อนสักระยะ เขาจะจ่ายค่าแรงให้นางตามจริงไม่หมกเม็ดแน่นอน ไป๋เยว่ซินพยักหน้า อีกทั้งยังบอกว่าขอพาพี่สาวมาทำงานด้วย เถ้าแต่หม่าเองก็ตอบตกลง
เถ้าแก่หม่าเป็คนดีมาก เขามอบเงินให้นางเป็ค่ามัดจำก่อนหนึ่งพันตำลึง แรกเริ่มไป๋เยว่ซินจะไม่รับ แต่เถ้าแก่หม่ากลับบอกว่าเขาอยากให้นางสบายใจและเขาชอบที่นางเป็คนตรงไปตรงมา ไป๋เยว่ซินจึงรับมาและเอ่ยขอบคุณเถ้าแก่หม่าอย่างเกรงอกเกรงใจ
เมื่อออกมาจากภัตตาคารตระกูลหม่า ไป๋ฟานและไป๋เซียงก็จ้องตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงในมือไป๋เยว่ซินด้วยความใและดีใจในคราเดียวกัน
ั้แ่เกิดมาพวกเขาก็เพิ่งจะเคยเห็นตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงนี่เป็ครั้งแรก!