หนึ่งเดือนหลังจากนั้น
หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ เฉียวรุ่ยมาฝึกหมัดอยู่ในลาน แม้ก่อนหน้านี้เขาจะมีวิชาหมัดเท้าอยู่บ้าง แต่เพราะเป็วิชาข้างถนน กระบวนท่าอะไรก็ไม่อาจเทียบเท่ากระบวนท่าเพลงหมัดเล่มที่หลิ่วเหอมอบให้ แตกต่างราวฟ้ากับดินอย่างสิ้นเชิง!
เมื่อเพลงหมัดขั้นสองเล่มนี้ถูกส่งถึงมือ หลังจากนั้นเขาถือติดมือไม่วาง ตรากตรำฝึกฝนหนึ่งเดือนจนสำเร็จวิชา ใช้หมัดทั้งชุดได้อย่างสมบูรณ์
เห็นเฉียวรุ่ยฝึกมาสองชั่วยาม ในที่สุดก็เก็บกระบวนท่า หลิ่วถงที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงยิ้มแล้วส่งผ้าขนหนูเปียกกับชาทิพย์ที่ชงเสร็จแล้วให้
“นายน้อยเฉียว พักสักครู่เถอะขอรับ!”
“ขอบคุณลุงถง ข้าไม่เหนื่อยสักนิด!” เฉียวรุ่ยเช็ดเหงื่อ ดื่มชาเล็กน้อยก็ต่อยวิชาหมัดออกมาอีกสองรอบแล้วถึงกลับมาหยุดพัก
“นายน้อยเฉียว วิชาหมัดของท่านใช้ได้ดีขึ้นทุกทีแล้วนะขอรับ!” หลิ่วถงหยิบพัดขึ้นมา พัดวีให้กับเขา
“ยังไม่ชำนาญพอ ข้ายังต้องฝึกฝนมากขึ้นอีกสักหน่อย ท่านอาหลิ่วมอบวิชาหมัดดีเช่นนี้ให้ข้า ข้าไม่อาจปล่อยให้เสียเปล่าได้!”
“ฮ่าๆๆ นายน้อยเฉียวพูดถูกต้องขอรับ!” หลิ่วถงพยักหน้า เอ่ยว่าถูกต้องหลายหน
“ลุงถง ท่านอาหลิ่วจะเก็บตัวนานไหม?” หลายวันก่อน ท่านอาหลิ่วก็เข้าเก็บตัวฝึกฝนแล้วเช่นกัน เวลาไม่นานในเรือนเหลือเพียงตน ทำให้เขารู้สึกหงอยเหงาอยู่บ้าง
“ไม่หรอกขอรับ นายท่านสามเก็บตัวเพื่อเร่งทำยันต์วิเศษขั้นสามชุดหนึ่ง หอหมื่นสมบัติที่นั่นซื้อขาดสินค้าไว้ ที่ผ่านมาก็เร่งมาหลายครั้ง นายท่านสามจึงได้เก็บตัว แต่ก่อนหน้านั้นได้กล่าวกับข้าน้อยว่า เมื่อทำยันต์วิเศษเสร็จจะรีบออกมา นี่ก็หลายวันแล้ว คงใกล้ออกมาแล้วกระมัง” นายน้อยเก็บตัวฝึกฝนอยู่ นายท่านสามย่อมไม่มีทางเก็บตัวนานเป็แน่ อย่างไรนายน้อยเฉียวก็ยัง้านายท่านสามดูแลอยู่นี่นะ!
“โอ้ เป็เช่นนี้เอง!” เฉียวรุ่ยพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“นายน้อยเฉียวโปรดวางใจขอรับ นายท่านสามไม่มีทางเก็บตัวนาน ทิ้งท่านไว้ในบ้านคนเดียวหรอกขอรับ!”
ได้ยินคำปลอบของหลิ่วถง เฉียวรุ่ยก็ยิ้ม ใช่แล้ว ท่านอาหลิ่วคงไม่วางใจปล่อยตนไว้ที่บ้านคนเดียวเหมือนกันหรอก?
“ใช่แล้วลุงถง วันนี้ข้าเหมือนได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากข้างนอกราวกับมีใครกลับมางั้นแหละ?” เช้าตรู่ของวันนี้ เฉียวรุ่ยรู้สึกว่าในจวนไม่ปกติ มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจอยู่มาก
“อ้อ นายท่านใหญ่กับนายท่านรองกลับมาแล้วน่ะขอรับ!”
“ท่านลุงใหญ่กับท่านลุงรองหรือ? พวกเขาไปไหนกันมาหรือ?” เฉียวรุ่ยมองหลิ่วถง เอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“อ้อ เป็เช่นนี้ขอรับ ก่อนหน้านี้หลิ่วเทียนลู่ นายน้อยหกของบ้านนายท่านรองออกไปฝึกวิชา แต่โชคไม่ดีจบชีวิตลง นายท่านรองเสียใจมาก เรียกรวมผู้คุ้มกันในบ้านออกไปค้นหาศพของนายน้อยหกบนเขาสัตว์อสูรใกล้ๆ หวังจะแก้แค้นให้นายน้อยหก แต่ตามหามาหลายวันก็ยังไม่พบ นายท่านใหญ่จึงพาคนตามนายท่านรองไปค้นหาด้วยกันน่ะขอรับ!”
“อ้อ เป็แบบนี้นี่เอง” เฉียวรุ่ยพยักหน้ารับ
พี่หกของเทียนฉีจบชีวิตลงหรือ? ไม่เคยได้ยินเทียนฉีพูดถึงมาก่อนเลย? ดูท่าว่าคงเป็เวลาที่เทียนฉีออกไปฝึกวิชา ตอนที่อีกฝ่ายจบชีวิต เทียนฉีคงไม่รู้สินะ?
“หลิ่วถง!” ทันใดนั้น ที่ประตูเรือนก็มีเสียงสตรีเสียงหนึ่งดังขึ้น
เฉียวรุ่ยกับหลิ่วถงหันมองไปตามเสียง
ผู้มาเยือนเป็สตรีอายุไม่มาก หน้าตาแม้ไม่งามล่มเมือง แต่ก็มีความสะสวย สวมเสื้อกับกระโปรงสีฟ้าอ่อน ขับเน้นให้อีกฝ่ายดูสูงศักดิ์เป็พิเศษ
“อ่า คุณหนูห้า!” หลิ่วถงรีบร้อนก้าวเข้าไปคำนับอย่างนอบน้อม
“อาสามเล่า? ท่านลุงใหญ่กับท่านพ่อให้ข้ามาเชิญ!”
“อ่า โชคไม่ดีเสียเลยคุณหนูห้า ตอนนี้นายท่านสามกำลังเก็บตัวเร่งทำยันต์วิเศษชุดหนึ่งให้หอหมื่นสมบัติขอรับ”
หลิ่วอู่ได้รับคำตอบเช่นนี้ก็ขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้น เ้าขยะน้อยเล่า? เ้าขยะน้อยอยู่หรือไม่? ท่านลุงใหญ่้าพบเขา!”
“อ่า นี่...”
“ในเรือนของพวกเราไม่มีคนชื่อเ้าขยะน้อย!” ไม่รอให้หลิ่วถงตอบกลับ เฉียวรุ่ยก็ลุกจากเก้าอี้มายืนอยู่ข้างกาย
ลุงถงเป็ผู้เฒ่าผู้แก่ในเรือน เลี้ยงเทียนฉีั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่ว่าท่านอาหลิ่วหรือเทียนฉีล้วนนับถือและพึ่งพาเขายิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรไม่เคยชี้นิ้วเรียกสั่งเฉกเช่นคนรับใช้ แต่แม่สาวคนนี้มาถึงก็เรียกชื่อจริงของลุงถงตรงๆ ท่าทางตอนเอ่ยวาจาก็จองหองพองขน ทำให้เฉียวรุ่ยไม่ชอบใจเป็อย่างยิ่ง
นอกจากนี้ เฉียวรุ่ยอยู่ในจวนมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว คนรับใช้ในเรือนหลังนี้ชื่ออะไรบ้าง เขาย่อมรู้ชัด ไม่มีใครชื่อ ‘เ้าขยะน้อย’ แน่นอน ดังนั้นคำเรียกนี้เห็นได้ชัดว่าดูถูกผู้อื่น
“เ้า? เ้าเป็ใคร?” หลิ่วอู่ชำเลืองมองเฉียวรุ่ยที่ทั้งร่างสวมชุดขาว ประเมินหัวจรดเท้ารอบหนึ่ง
แปลก ในเรือนท่านอาสามมีบุรุษสองเพศที่งดงามเช่นนี้อยู่เมื่อไรกัน?
“อ่า ท่านนี้คือคู่หมั้นของนายน้อย นามว่าเฉียวรุ่ย” หลิ่วถงรีบเอ่ยปากแนะนำ
“ลุงถง นางเป็ใคร?” เฉียวรุ่ยหันมาถามตัวตนของอีกฝ่ายจากหลิ่วถง
“อ่า ท่านนี้คือคุณหนูห้าของบ้านนายท่านรองขอรับ เป็พี่สาวฝั่งพ่อคนที่ห้าของนายน้อย นามว่าหลิ่วอู่”
ได้ยินหลิ่วถงแนะนำ เฉียวรุ่ยก็พยักหน้าน้อยๆ ที่แท้ก็พี่สาวฝั่งพ่อของเทียนฉีหรอกหรือ?