เซียวเฉินกอดเสิ่นเล่ยไว้แล้วมองทุกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาเ็า ไอสังหารจางๆ ค่อยๆ แทรกซึมออกมา ทำให้สายตาของทุกคนจับนิ่ง
สีหน้าเปลี่ยนเป็หนักอึ้ง
ไอสังหารแบบนี้คือสิ่งที่เซียวเฉินฝึกฝนในหนึ่งเดือนนี้ ถือเป็การเก็บเกี่ยวอย่างหนึ่ง ท่วงท่าเช่นนี้มิใช่ใครๆ ก็มีได้ บวกกับเซียวเฉินมีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าสองชั้นฟ้า รังสีที่เปล่งออกมาจึงยิ่งแข็งแกร่ง
เสิ่นเล่ยในอ้อมกอดร่างกายอ่อนแอ ได้แต่พิงอยู่ในอกของเซียวเฉิน แม้จะไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนี้แต่กลับไม่มีทางเลือก แขนอันแข็งแรงของเซียวเฉินกอดนางไว้กับอก ยามเขาหายใจบางครั้งยังถูกแก้มของนาง กลิ่นอายบุรุษเพศ ทำให้ร่างกายที่อ่อนแอของนางยิ่งระทวย
ไม่รู้ว่ามือทั้งสองข้างกอดเอวของเซียวเฉินไว้ั้แ่เมื่อใด
ยามนี้ เสิ่นเล่ยสับสนในใจ
เด็กหนุ่มตรงเบื้องหน้าช่วยนางไว้อีกครั้ง เหตุใดทุกครั้งที่ตนเองเจออันตรายจะพบกับเขานะ บังเอิญหรือ...
สายตาของเซียวเฉินจับจ้องทุกคนฝั่งตรงข้าม
“ฉวยโอกาสที่ข้ายังไม่มีความคิดสังหารแล้วไสหัวไปเสีย”
น้ำเสียงของเซียวเฉินกังวานเปี่ยมพลัง แฝงด้วยรังสีแข็งแกร่ง ทำให้ซงเยี่ยผู้นำฝ่ายตรงข้ามมีสีหน้าไม่น่ามอง
“สหาย เหตุใดเ้าต้องมาเกลือกกลั้วกับเื่นี้ด้วย มอบนางให้ข้าแล้วเื่ทุกอย่างพวกเราคุยกันได้ ไม่เช่นนั้น แม้แต่เ้าก็ต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
ซงเยี่ยก็มีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าสองชั้นฟ้าเช่นกัน จึงไม่กริ่งเกรงเซียวเฉินมากนัก เพียงแต่เขาไม่คิดจะเพิ่มความลำบากที่ไม่จำเป็ให้ตนเอง แต่ถ้าเซียวเฉินหัวช้า เขาก็ไม่รังเกียจที่จะลงมือให้คนทั้งสองทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ เขามั่นใจว่าตนเองมีความสามารถนั้น
เซียวเฉินยิ้มให้ซงเยี่ย
แต่น้ำค้างแข็งบนใบหน้ากลับหนาขึ้น
“ข้าให้พวกเ้าไสหัวไป ท่าทางพวกเ้าคงไม่ใส่ใจเลยสินะ ในเมื่อเป็เช่นนี้ ทุกคนก็ไม่ต้องไป ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่” ระหว่างที่พูดจา เบิกฟ้าก็กลับมาอยู่ในมือของเซียวเฉิน รัศมีกระบี่ฟันลง เงาร่างสองสายตรงเบื้องหน้าก็ถูกฆ่าตาย
กระบี่เดียวฆ่าสองคน!
ซงเยี่ยเอ่ยอย่างเดือดดาล “เ้าหนู ในเมื่อเ้ายืนกรานจะทำเช่นนี้ ก็อย่าตำหนิข้า พวกเ้าสองคนต้องตายทั้งคู่!”
ตูม!
ซงเยี่ยใช้ฝ่าเท้ากระทืบพื้น กล้ามเนื้อบนร่างนูนขึ้นทันที เหมือนทั่วร่างเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง เซียวเฉินยิ้ม ถึงกับมาในรูปแบบของพละกำลัง น่าสนใจ
เซียวเฉินวางเสิ่นเล่ยไว้ด้านข้าง จากนั้นยิ้มกล่าว “พวกเราคงมีวาสนาต่อกันจริงๆ เจอกันสองครั้ง ข้าก็ช่วยเ้าไว้ทั้งสองครั้ง คราวนี้เ้าติดหนี้น้ำใจข้าแล้วนะ”
เสิ่นเล่ยมองเซียวเฉินด้วยแววตาเป็ห่วง
“เขาร้ายกาจมาก เ้าระวังตัวหน่อย...”
ว่าแล้วก็เบือนหน้าไป ใบหน้างามปรากฏสีแดงก่ำ ดวงตาของเซียวเฉินฉายประกายหยอกเย้า
“ไม่ต้องเป็ห่วงข้า เ้าน่าจะต้องเป็ห่วงเ้าอัปลักษณ์ฝั่งตรงข้ามมากกว่า”
คำว่าอัปลักษณ์ทำให้ซงเยี่ยมีโทสะสุดขีด ซงเยี่ยหน้าตาไม่ค่อยดีนัก เรือนร่างล่ำสัน ผิวสีเข้ม ดูแล้วเหมือนหมีดำตัวใหญ่
“หมีดำใหญ่ ข้าจะเล่นสนุกเป็เพื่อนเ้าเอง”
สีหน้าของเซียวเฉินเรียบเฉย ทว่าแฝงการล้อเลียนสนุกสนาน
“ฮึ้ย...” ซงเยี่ยส่งเสียงร้องตลอดอย่างเดือดดาล “เดรัจฉานน้อย ข้าจะฉีกเ้าทั้งเป็”
ตูม!
โจมตีหนึ่งหมัด แสงเสวียนแล่นพล่าน เซียวเฉินยิ้มหยัน ลอบโคจรพลังเสวียน ชั่วพริบตา สภาวะของเซียวเฉินเพิ่มขึ้น ปะทุความสามารถขั้นเสวียนฟ้าสองชั้นฟ้าออกมาอย่างดุดันดุจหินหนืดอันร้อนระอุ จากนั้น เซียวเฉินก็กำมือทั้งสองข้างเป็หมัดและโจมตีด้วยกำปั้นเช่นกัน ในเวลาเดียวกับที่เรี่ยวแรงมหาศาลสองขุมปะทะกัน เซียวเฉินและซงเยี่ยก็ล่าถอยโดยพร้อมเพรียง เซียวเฉินมีสีหน้าหนักใจ
“กำปั้นแข็งแกร่งนัก” ไม่ด้อยไปกว่าตนเองเลย ต้องรู้ก่อนว่า ต่อให้ตนเองไม่ได้ใช้แรงัเถื่อนยุคาก็มีเรี่ยวแรงเกินหมื่นชั่ง ซงเยี่ยถึงกับต้านรับได้ เห็นได้ชัดว่ากล้ามเนื้อของเขาแข็งแกร่งเช่นกัน
ส่วนซงเยี่ยก็เช่นเดียวกัน
หมัดของตนเองสามารถต่อยสัตว์ปิศาจระดับหกตาย ต่อให้เป็สัตว์ปิศาจระดับเจ็ดก็ไม่กล้าปะทะด้วยกำลังกับตนเอง ทว่าเด็กหนุ่มตรงเบื้องหน้าถึงกับแข็งแกร่งสูสีตนเอง หรือว่าฝึกศาสตร์ร่างกาย?
เสิ่นเล่ยที่อ่อนแออยู่ก็ใเช่นกัน
ความสามารถขั้นเสวียนฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าอย่างตนเองยังเอาชนะซงเยี่ยไม่ได้ แต่เซียวเฉินถึงกับแข็งแกร่งสูสีเขา!
หรือว่าเซียวเฉินจะแข็งแกร่งกว่าตนเอง?
แต่เมื่อครั้งที่แล้วตนเองเหนือกว่าเขาหลายระดับ ตอนนี้ถึงกับถูกเขาทิ้งไว้ข้างหลัง หากเป็เช่นนี้จริงๆ พร์ของเขาก็วิปริตเกินไปแล้ว
ทันใดนั้น ภาพตนเองที่อยู่ในอ้อมอกของเซียวเฉินเมื่อครู่ก็ปรากฏขึ้นในห้วงสมองอีกครั้ง ตนเองไม่ผลักไส แถมยังกอดเขาด้วย ใบหน้าซีดขาวของเสิ่นเล่ยปรากฏสีแดงระเรื่ออีกครั้งดุจสาวงามขี้โรคเช่นไซซี ทำให้คนรักและสงสาร
จากนั้น แววตาก็จับจ้องการต่อสู้ตรงเบื้องหน้า
เซียวเฉินปะทะซงเยี่ย
“หมีดำใหญ่ เมื่อครู่ข้าใช้กำลังแค่หกส่วน คราวนี้เ้าลองรับหมัดข้าดูอีกที?” ว่าแล้ว เซียวเฉินก็ลอบเร่งเร้าแรงัเถื่อนยุคกำเนิดโลกให้เพิ่มขึ้นผ่านเคล็ดวิชา ระหว่างที่ไม่รู้ตัว กำลังของเขาเพิ่มถึงระดับน่าสะพรึง เขาไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อกลุ่มคนตรงเบื้องหน้า เพียงคิดจะรีบสู้รีบจบ เท้าทั้งสองข้างกระทืบพื้น พื้นดินปรากฏรอยแตก จากนั้นต่อยออกหนึ่งหมัด ลมรุนแรงแหวกอากาศ เหมือนลมงวงช้างพวยพุ่งจากดินขึ้นสู่ฟ้า ทรงอานุภาพยิ่งขึ้น ก้อนหินที่อยู่บนพื้นถูกบดขยี้แหลกลาญ
ซงเยี่ยยิ้มหยัน
“ไม่กลัวว่าจะคุยโวเกินไปหรือ รับก็รับ ดูสิว่าเ้าจะทำอะไรข้าได้?” ซงเยี่ยมั่นใจตนเองในเื่พละกำลังเป็อย่างยิ่ง ถึงอย่างไรเขาก็เดินในแนวทางวิชายุทธ์ร่างกาย มีพละกำลังเหนือผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดา ในสายตาของเขา เซียวเฉินก็แค่ผู้ฝึกวิชาที่มีเรี่ยวแรงเยอะหน่อยเท่านั้น
ตูม!
ปึก!
แต่เมื่อปะทะกับหมัด ซงเยี่ยก็รู้ว่าตนคิดผิดแล้ว
พลังมหาศาลยกเขาลอยไปในพริบตา ยามลอยคว้างถึงขั้นได้ยินเสียงกระดูกข้อมือของเขาหักและแขนมีโลหิตไหล
“อ๊า...” ซงเยี่ยร้องอุทานอย่างเ็ป สีหน้าอำมหิต
สายตาที่มองเซียวเฉินมีเจตนาสังหาร
“ลุย สับมันเป็ชิ้นๆ ้าสตรีตัวเป็ๆ ส่วนบุรุษฆ่าทิ้งเสีย!” คนสี่สิบห้าสิบคนบุกเข้าไปพร้อมกัน ส่วนมากมีความสามารถขั้นตานฟ้าหกชั้นฟ้าขึ้นไป และมีขั้นเสวียนฟ้าอยู่ด้วย
เซียวเฉินใช้เบิกฟ้าในมือจู่โจมด้วยแสงเสวียน
สิบปีเป็ตายไร้ขอบเขต จักรวาลทอดแสงทอง!
คัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์กระบวนท่าที่สามโจมตีใส่ อัสนีเป็สายๆ ดุจแสงศักดิ์สิทธิ์ร่วงลงมาจากนภา เซียวเฉินทะยานเข้าสังหาร แทงกระบี่ออกเป็ต้องเห็นเื เสียงกรีดร้องค่อยๆ ดังขึ้น ถึงขั้นมีแขนปนโลหิตปลิดปลิว
ที่นั่นทำให้คนกลัวจนตัวสั่น
ระหว่างที่คนหลายสิบคนกำลังหายใจก็มีคนถูกสังหารไปสิบกว่าคน
ทุกคนไม่กล้าขึ้นหน้า
เซียวเฉินมองทุกคนแล้วเอ่ยเสียงเ็า “ข้าไม่ฆ่าพวกเ้า จะฆ่าแต่เขา ถอยไป ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เซียวเฉินชี้ซงเยี่ย คนอื่นๆ พากันหลีกทางให้
ซงเยี่ยขลาดเขลาอยู่บ้าง
คนผู้นี้คือสัตว์ป่าตัวเป็ๆ โหดร้ายขนาดนี้
ตนเองตอนอยู่ในสภาพสุดยอดก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา ตอนนี้ยิ่งเป็ไปไม่ได้ ดังนั้น ซงเยี่ยจึงถอยหลังติดต่อกัน เซียวเฉินยิ้มหยัน
“เมื่อครู่เ้าเหิมเกริมมิใช่หรือ? เ้าจะสังหารข้านี่? ทำไมตอนนี้ถอยหลัง? ไม่กล้าแล้ว?”
เซียวเฉินเข้ามาใกล้ทุกที ซงเยี่ยสีหน้าเขียวคล้ำ
“สหาย เหลือทางถอยให้บ้าง ต่อไปจะได้มีหน้ามาเจอกัน อย่าหักหาญเกินไปนัก” ซงเยี่ยกล่าวพลางถอยหลัง แต่เซียวเฉินกลับดูแคลน
“ตอนนี้เพิ่งคิดได้หรือว่าต้องเหลือทางถอยให้?” เซียวเฉินสีหน้าอึมครึม ชี้ไปที่เสิ่นเล่ย “ตอนไล่ล่านางเ้าเคยคิดจะเหลือทางถอยให้หรือไม่? ตอนเ้าจะหยามเกียรตินางเคยคิดจะเหลือทางถอยให้หรือไม่ แล้วตอนเ้าจะฆ่าข้าเล่าเคยคิดบ้างหรือไม่? เ้าไม่คู่ควรจะเหลือทางถอยให้”
สิ้นเสียง รังสีกระบี่ก็กวาดไปทางซงเยี่ย
“อ๊า...”
ซงเยี่ยยกมือขึ้นกัน แต่แขนกลับถูกฟันขาดไปด้วย โลหิตสดฉีดพุ่ง เซียวเฉินไม่หยุดมือ สืบเท้าหนึ่งก้าว แทงคอหอยซงเยี่ย ร่างของซงเยี่ยร่วงพื้น
ชั่วขณะ ไร้สรรพสำเนียง
เซียวเฉินกลับมาที่เดิม อุ้มเสิ่นเล่ยที่ร่างกายอ่อนแอขึ้นและเหินจากไป…