เสียงของพ่อบ้านหวังดังเข้าไปภายในสวน เสียงของเขาไม่ได้ดังมาก แต่สะท้อนไปมาอยู่นาน แม้จะอยู่ห่างไกลมากก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ในขณะที่เข้าไปในสวน จิติญญาของเว่ยหลงนำหน้าลึกเข้าไปแล้ว เขาอยากรู้ว่าจะััได้ถึงไอพลังคล้ายคลึงกับก่อนหน้านี้หรือไม่ ทว่าหลังจากตรวจสอบไปครู่หนึ่งแล้วกลับไม่พบเจอสิ่งใดเลย
“ท่านลุงหวังนี่เอง เข้ามาเลย”
ขณะนั้นเฝิงเป่าเป่าวิ่งเหยาะๆ มาตรงหน้าพ่อบ้านหวัง และเดินนำพ่อบ้านหวังเข้าไปยังโถงใหญ่
“ท่านลุงหวังมีธุระอะไรให้คนมาบอกก็พอแล้ว ทำไมต้องมาด้วยตัวเอง”
เฝิงเป่าเป่าให้ความเคารพต่อพ่อบ้านหวังอย่างมาก เฝิงเป่าเป่าเป็คนนอบน้อมต่อผู้าุโ ให้ความสำคัญกับลำดับาุโเป็อย่างแรก
เฝิงเป่าเป่าและเฝิงเทียน คล้ายว่าเป็คนที่พ่อบ้านหวังเฝ้าดูจนเติบใหญ่ ในใจของเขา พ่อบ้านหวังก็เหมือนกับพ่อคนหนึ่ง
เมื่อเข้ามายังโถงหลัก เฝิงเป่าเป่าให้พ่อบ้านหวังนั่งลงแล้วเดินไปนั่งข้างๆ ไม่สนใจพวกของเว่ยหลงเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่าๆ ต้องมีเื่อยู่แล้ว เพียงแต่ข้าต้องพามาด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่ยอม”
พ่อบ้านหวังเหลือบตามองเว่ยหลงพลางกล่าว
“นี่คือทายาทแห่งเจิ้นกั๋วกง ‘เว่ยหลง’ พวกเ้าน่าจะไม่ค่อยได้เจอกัน”
“นี่คือคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเฝิงของข้า ท่านชาย”
พ่อบ้านหวังแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
“คารวะท่านชาย ไม่ทราบว่าท่านชายมาถึงที่นี่เนื่องด้วยเหตุอันใด”
เฝิงเป่าเป่ากล่าวกับเว่ยหลง
เว่ยหลงเดินเข้าไปนั่งข้างๆ อย่างไม่เกรงใจ เฝิงเป่าเป่าไม่เหมือนกับเฝิงอี้ เขาไม่ได้น่าเกรงขามมากพอที่จะให้ตนเองยืนอยู่ตรงนี้
“ในเมื่อมาถึงแล้ว ข้าไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน เข้ามา”
เว่ยหลงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นผีซานก็เดินเข้ามาในโถง
“บอกไป” เว่ยหลงกล่าวเสียงเรียบ
ผีซานเหลือบตามองเฝิงเป่าเป่าและพ่อบ้านหวังเล็กน้อย เขาในตอนนี้กล้าหาญยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
หนึ่งคือ เว่ยหลงตอบรับให้เขาเข้าจวนอ๋องแล้ว สองคือ เฝิงเป่าเป่าไม่ได้น่าเกรงขามมากจนถึงขั้นที่ทำให้เขาหวาดกลัวได้
ก่อนหน้านี้ที่เขามาที่นี่ โดยไม่สนใจความรู้สึกของเฝิงเป่าเป่าเลย
“อู๋ิถูกสังหารโดยแขกที่คุณชายใหญ่รู้จัก”
ผีซานกล่าวอย่างกล้าหาญ
“เ้าช่างกล้านัก ครั้งก่อนเ้าคิดเข้ามาสังหารคนในสวนข้า ใครให้เ้ากล้าขนาดนี้”
เมื่อเห็นผีซาน เฝิงเป่าเป่าก็โกรธแค้นขึ้นมาทันที โชคดีที่มีคนช่วยไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นจะเป็อันตรายมากขนาดไหน
“ข้า... ข้ารับคำสั่งจากอู๋ิ คุณชายใหญ่จะโทษข้าไม่ได้ และข้ายังโดนโจมตีอีกด้วย”
ผีซานอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นเช่นกัน มีเว่ยหลงคุ้มกันอยู่ทำให้เขายืนตัวตรงอย่างกล้าหาญ
“อู๋ิตายไปแล้ว ไม่ใช่ว่าสมควรแล้วหรอกหรือ”
“ใช่ เขาตายหรือไม่ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย แต่คนที่สังหารเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับบางอย่างของราชวงศ์ ส่งตัวเขาออกมาดีกว่า!” เว่ยหลงเห็นว่ามีบางอย่างจึงกล่าวขึ้น หากหาตัวคนผู้นั้นเจอจริงๆ แม้พ่อบ้านหวังอยู่ที่นี่ก็ขวางเขาไม่ได้
หากพ่อบ้านหวังคิดขัดขวาง ก็ต้องทำให้เขาได้รู้ว่าใครที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงในเมืองชางฉง
“ส่งตัวอะไร” เฝิงเป่าเป่าถามเว่ยหลงด้วยความสงสัย
“เ้ากล่าวอะไร แน่นอนว่าต้องเป็มือสังหารอยู่แล้ว”
“ข้าไม่รู้จักนี่!” เฝิงเป่าเป่าโบกมือ
“ข้ายังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ ทั้งเดือนที่ผ่านมานี้ข้าไม่ได้ออกจากที่นี่เลย พวกเ้าเข้ามาหาข้าเพราะ้าตัวใคร แล้วข้าจะไปหามาจากไหน”
“บังอาจ กล้าดีอย่างไรถึงกล่าวกับข้าเช่นนี้” เว่ยหลงเห็นเฝิงเป่าเป่าไม่ให้ความร่วมมือจึงโกรธขึ้นมา
เขาเกลียดคนที่เล่นตลกกับเขา และยิ่งเป็คนที่ไม่ชอบหน้ามาเล่นตลกกับเขา ปกติคงตายไปนานแล้ว
“คุณชายใหญ่เชิญกล่าว”
ทว่าตอนที่เว่ยหลงกำลังปะทุอารมณ์ พ่อบ้านหวังที่นั่งอยู่ข้างๆ พยักหน้าให้เฝิงเป่าเป่าเล็กน้อย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ
เขา้าจะบอกเว่ยหลงว่า หากแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา แม้เฝิงเป่าเป่าไม่ได้มีอำนาจยิ่งใหญ่เหมือนท่านผู้นำตระกูล แต่เฝิงเป่าเป่าคือคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเฝิง ไม่ใช่ว่าใครก็คิดรังแกเขาได้ตามใจ ก่อนหน้านี้เขารับคำสั่งให้สั่งสอนพวกของเว่ยหลงได้ ตอนนี้เขาก็สามารถสั่งสอนเว่ยหลงเพื่อปกป้องคุณชายใหญ่ได้เช่นกัน
“ท่านลุงหวัง ข้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าท่านชายกล่าวถึงเื่อะไร เข้ามาหาข้าให้ข้าส่งตัวใครให้โดยไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ข้ารู้สึกว่าทำเกินไปหน่อย”
“เ้าเล่าต่อ”
เว่ยหลงเห็นว่ายังทำอะไรไม่ได้ จึงบอกให้ผีซานเล่าต่อไป
ผีซานในตอนนี้ก็ไม่ยอมแล้วเช่นกัน จึงกล่าวต่อ “มือสังหารคนนั้นรู้จักกับแขกของคุณชายใหญ่ ให้พวกเขาออกมาสิ”
“หากว่าไม่รู้จักกันล่ะ” เฝิงเป่าเป่าถามผีซาน
“ต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน” ผีซานกล่าวทันที
“ในเมื่อ้าความเป็ธรรม และราชวงศ์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเื่นี้ อย่างนั้นก็เรียกพวกเขาออกมาเผชิญหน้ากันเลย”
เว่ยหลงเห็นทั้งสองฝ่ายปะทะวาจากัน จึงกล่าวออกมา
“ในเมื่อเป็ความเห็นของท่านชาย ข้าต้องให้ความเคารพอยู่แล้ว”
เฝิงเป่าเป่าปรบมือ
แปะๆๆ
หลังจากปรบมือสามครั้ง เริ่นเสี้ยวเทียน เสิ่นเลี่ยน และเสิ่นเสี่ยวเม่ย จึงพากันเดินออกมาจากด้านหลังห้องโถง
เป็บุรุษสอง สตรีหนึ่ง อายุยี่สิบปี สิบหกปี และสิบสองปีตามลำดับ
เป็บุรุษหนุ่มสองคน และเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
พวกเขาเข้ามายืนอยู่ในห้องโถง ทำให้เว่ยหลงมุมปากกระตุกเล็กน้อย
สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เสิ่นเสี่ยวเม่ย นี่คือเด็กผู้หญิงที่ยังไม่โต ทว่ากลับมีไอพลังขั้นราชันระดับสูงแผ่ซ่านออกมาจากร่าง
“เ้าอายุเท่าไร” เว่ยหลงถามเสิ่นเสี่ยวเม่ย
“ไม่รู้หรือว่าไม่ควรถามอายุหญิงสาว”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวเสียงเย็น และเสิ่นเสี่ยวเม่ยก็ไม่ตอบคำถามเว่ยหลง
“เ้า...”
เว่ยหลงโดนเสิ่นเลี่ยนตอกกลับด้วยวาจา เขายังไม่ทันได้บันดาลโทสะออกมา เฝิงเป่าเป่าที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับกล่าวขึ้นก่อน
“ทั้งสามเชิญนั่ง นี่คือทายาทแห่งเจิ้นกั๋วกง”
พวกเริ่นเสี้ยวเทียนทั้งสามคนนั่งลง ไม่มีใครแสดงความเคารพต่อทายาทแห่งเจิ้นกั๋วกงเลยสักคนเดียว
“คือพวกเขา”
ผีซานมองพวกเสิ่นเสี่ยวเม่ยพลางกล่าว ก่อนหน้านี้เขาโดนเสิ่นเสี่ยวเม่ยโจมตีจนาเ็หนัก
“เ้าโดนนางโจมตีอย่างนั้นหรือ”
เว่ยหลงถามผีซานอย่างไม่อยากเชื่อ เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งสามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งขั้นราชันระดับสูงสุดได้ คิดอย่างไรก็ไม่น่าเป็ความจริง
“ขอรับ พลังของพวกเขาแปลกประหลาดมาก คล้ายกับมือสังหารคนนั้น และอายุของมือสังหารคนนั้นก็ไล่เลี่ยกับพวกเขาด้วย แม้แต่ขั้นจักรพรรดิยังสังหารได้ และเขายังมีผู้ช่วยอีกคนหนึ่งซึ่งมีพลังขั้นจักรพรรดิเช่นกัน”
ผีซานกล่าวทุกอย่างที่คิดไว้ออกมาทั้งหมดแล้ว
“ความจริงอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเ้ามีอะไรอยากบอกอีกไหม”
เว่ยหลงหันไปถามพวกเสิ่นเลี่ยน
“บอกอะไร” เริ่นเสี้ยวเทียนถาม
“ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วก็ส่งตัวเขาออกมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเ้า”
“เ้า? ไว้ชีวิตพวกข้า? มีสิทธิ์อะไร”
เริ่นเสี้ยวเทียนถามต่อ แน่นอนว่าพลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งมาก แต่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับยอดเยี่ยมยิ่งกว่า ทำให้เขาไม่เกรงกลัวอีกฝ่าย ตอนนี้เขาััได้ถึงพลังของตระกูลเฝิงอย่างแท้จริงว่ามิอาจดูถูกได้เลย
“ไม่เข้าใจหรือไร ในเมื่อรู้จักกันก็ส่งตัวเขาออกมา”
เว่ยหลงในตอนนี้พยายามควบคุมเพลิงโทสะของตนเองเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะพ่อบ้านหวังนั่งอยู่ตรงนี้ด้วย เขาคงลงมือสั่งสอนคนเหล่านี้ให้หลาบจำไปนานแล้ว
“เขาบอกอย่างไรก็จะให้เป็อย่างนั้นหรือ พวกข้าไม่รู้จัก”
เริ่นเสี้ยวเทียนส่ายหัวพลางกล่าว
“เ้าอยากตายใช่ไหม”
เว่ยหลงรู้ว่าเริ่นเสี้ยวเทียนไม่ให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน จึงกัดฟันกล่าวอย่างพยายามข่มอารมณ์
หากเป็่เวลาปกติ ต่อให้อีกฝ่ายมีสองชีวิตก็ไม่พอ
แน่นอนว่าหากเป็่เวลาปกติ เริ่นเสี้ยวเทียนคงไม่กล้าเย่อหยิ่งขนาดนี้ กล้ากล่าวเช่นนี้กับผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิระดับสูงคนหนึ่ง น่าตื่นเต้นมากสำหรับเขา
“ท่านชายน่าจะได้ยินชัดเจนแล้ว! พวกเขาไม่รู้จัก”
ขณะนั้น พ่อบ้านหวังที่นั่งอยู่ข้างๆ มาตลอดพลันกล่าวขึ้น ทำให้เว่ยหลงที่เพลิงโทสะกำลังพลุ่งพล่านต้องดับเพลิงโทสะเ่าั้ไปทันที
“เห็นได้ชัดว่าพวกเขาโกหก” เว่ยหลงกล่าวกับพ่อบ้านหวังอย่างไม่ยอมแพ้
“หากข้าบอกว่าเขากำลังโกหกอยู่เช่นเดียวกันจะทำอย่างไร” พ่อบ้านหวังปรายตามองผีซานพลางกล่าวเสียงเรียบ
“ข้า... เ้า...”
“ช่างเถอะ ท่านผู้นำบอกไว้แล้ว หากตรวจสอบแล้วไม่เจอสิ่งใดก็ควรกลับไปได้แล้ว”
พ่อบ้านหวังลุกขึ้นยืนพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไปเถอะ ข้าออกไปส่งพวกท่านเอง”
พ่อบ้านหวังกล่าวพร้อมเดินนำออกไปจากห้องโถง