หานโม่ให้เวลาตัวนางเองสามเดือน บัดนี้เวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านไปเกินครึ่งทางแล้ว และการฝึกฝนของนางก็มีความก้าวหน้าขึ้นเช่นกัน ป่าไร้ิญญาแห่งนี้ไม่สามารถทำให้นางก้าวหน้าได้ไปมากกว่านี้แล้ว นางคงต้องหาหนทางอื่น
“นายท่านขอรับ ที่เมืองหลิงหยวนมีของอร่อยไหมขอรับ?” โตวโตวเกาะอยู่บนไหล่ของหานโม่ มองนางด้วยสายตากระตือรือร้นแกมประจบเอาใจ
ทว่าหานโม่สนใจเพียงเส้นทางใต้ฝ่าเท้าของตัวเอง นางเร่งรีบเดินทางกลับเมือง ทำให้หานโม่ตอบกลับตามที่ใจนึก "ไม่รู้"
“ฮะ? จะไม่รู้ได้อย่างไรขอรับ? หรือว่าเมืองหลิงหยวนไม่ใช่บ้านของท่านหรือ?” โตวโตวมองหานโม่ด้วยความแปลกใจ
บ้าน?
เมื่อได้ยินคำนี้ดวงตาของหานโม่ก็ปรากฏประกายเย็นวาบ "ศัตรูยังถือว่าเป็ครอบครัวหรือไม่?"
โตวโตวสำลัก
จากมุมที่มันเห็นอยู่ตอนนี้ เค้าโครงใบหน้าด้านข้างของหานโม่นั้นช่างงดงามละเอียดอ่อนและนุ่มนวล ทว่าสันกรามที่ขบกันแน่นก็เป็สิ่งที่บอกแล้วว่าหานโม่นั้นอารมณ์ไม่ดีเป็อย่างยิ่ง
โตวโตวรู้สึกผิดขึ้นมาในทันที แม้ว่าจะลงนามสัญญาข้ารับใช้กันแล้ว แต่หากสตรีที่ดุดันผู้นี้โกรธขึ้นมาอาจจะอยากเอาตัวมันไปย่างอีกครั้งก็เป็ได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้จึงเอ่ยขอโทษเสียงอ่อนเล็กน้อย “ขออภัยนายท่าน ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้ท่านอารมณ์ไม่ดีขอรับ”
“ไม่เป็ไร เ้าเองก็ไม่ได้รู้เื่แย่ๆ พวกนั้นนี่” หานโม่ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิโตวโตว
โตวโตวพลันรู้สึกมีความสุขขึ้นมาในทันที ดวงตาเล็กขยับไปมา ทันใดนั้นมันก็กระพือปีกและเริ่มบินไปรอบๆ หานโม่ "นายท่านขอรับ เช่นนั้นเมื่อไปถึงเมืองหลิงหยวนท่านซื้อขนมให้ข้าด้วยนะ พวกเราไปเดินจับจ่ายซื้อของกันเถอะขอรับ"
มุมปากของหานโม่ขยับไปมาอย่างไร้คำจะเอ่ย “จับจ่าย? นั่นมันคืออะไรหรือ?”
ตลอดชีวิตนี้หากนับรวมการเกิดใหม่ด้วย หานโม่นับว่าได้มีชีวิตอยู่มาสอง่ชีวิตแล้ว แต่กิจกรรมการจับจ่ายแบบนี้ หานโม่ไม่เคยเข้าร่วมมาก่อนเลย
ดวงตาของโตวโตวเบิกกว้าง “จับจ่ายก็คือ...เมื่อพวกเราเห็นของน่าอร่อยอยู่ข้างถนน นายท่านก็สามารถซื้อมันให้กับข้าได้ และถึงตอนนั้นในมือซ้ายของโตวโตวจะมีไก่ ส่วนมือขวาก็จะมีเป็ด ฮิฮิ...”
หานโม่ทำลายความฝันที่สวยงามของโตวโตวอย่างไร้ความปรานี "ไม่มีเงิน"
โตวโตว "..."
“นายท่าน เมื่อครู่นี้ท่านได้ยินเสียงอะไรหรือไม่?”
หูของหานโม่ขยับ
นางเดินไปตามทางอย่างเงียบๆ ภายในป่าไร้ิญญาเองก็เงียบมากเช่นกัน ภยันตรายทั้งหมดได้ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ความเงียบสงบอย่างสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าหานโม่จะฟังสิ่งที่โตวโตวพูดอยู่ตลอด แต่นางก็ไม่เคยปล่อยการเคลื่อนไหวรอบๆ ตัวให้ผ่านไป
เมื่อครู่นี้เสียงแมลงสักตัวก็หาได้มีไม่
“ไม่” หานโม่มั่นใจในความสามารถของตัวนางอย่างยิ่ง
ปีกเล็กๆ ของโตวโตวเปล่งประกายแวววาว "ไม่ขอรับ นายท่าน ท่านน่าจะได้ยินนะขอรับ เมื่อครู่นี้มีเสียงบางสิ่งแตกหัก มันก็คือเสียงหัวใจของข้าที่แตกสลายนั่นเอง..."
หานโม่ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นจึงหลุดหัวเราะคิกออกมา
หานโม่หัวเราะอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงก้มหัวลงเพื่อคุยกับโตวโตว แต่แทนที่จะเห็นโตวโตวไม่พอใจ ทว่าในเวลานี้มุมปากของเ้านกตัวน้อยกลับมีรอยยิ้มหวานราวน้ำผึ้งแต้มอยู่จางๆ นางฉลาดพอที่จะรับรู้ได้ในทันทีว่าโตวโตวเพียงหยอกล้อให้ตัวนางเองมีความสุขและหลุดจากความทุกข์เ่าั้
ความอบอุ่นสายหนึ่งเกิดขึ้นภายในใจของหานโม่
เมื่อครู่นางยังไม่ชอบที่โตวโตวส่งเสียงดังเอะอะโวยวาย แต่บัดนี้หานโม่ต้องยอมรับว่าการได้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตัวหนึ่งร่วมทางมาด้วยกัน ชีวิตก็ดูเหมือนจะมีอะไรที่แตกต่างไปเสียแล้ว
“ขอบคุณเ้า โตวโตว” หานโม่เอ่ยออกมาอย่างจริงใจ
เมื่อถูกหานโม่มองด้วยแววตาอ่อนโยนเช่นนี้ จู่ๆ โตวโตวก็รู้สึกเขินขึ้นมาเล็กน้อย
“อะ...อะไรกัน? ทำไมอยู่ๆ ท่านถึงขอบคุณเยี่ยงนี้เล่า?”
หานโม่มองท่าทางของโตวโตว ในดวงตาฉายแววเ้าเล่ห์ “งั้นหรือ? ไม่จำเป็ต้องขอบคุณหรือ? เดิมทีข้าคิดว่าเมื่อมองดูเ้าที่ตั้งใจปลอบข้าให้อารมณ์ดีขึ้นแล้ว เช่นนั้นข้าจะพาเ้าไปกินของอร่อยที่เมืองหลิงหยวน แต่ในเมื่อเ้าบอกว่าไม่ต้องขอบคุณ งั้นก็ช่างมันแล้วกัน”
“อะไรนะขอรับ?” โตวโตวพลันรู้สึกร้อนรน “ท่านไม่ได้พูดว่าจะพาข้าไปหาของกิน! ท่านโกหกข้า!”
“เ้าหรือข้า ผู้ใดกันที่เป็นาย?” หานโม่ย้อนถามกลับ
โตวโตว "...เป็ท่านขอรับ แต่ว่าท่านต้องหาของอร่อยให้ข้าด้วยนะขอรับ"
ช่างสมกับที่เป็นักกินเสียจริง!
หานโม่โมส่ายหัวไปมาโดยไม่สนใจโตวโตวอีกและรีบเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ในอีกหนึ่งก้านธูปต่อมา สตรีนางหนึ่งและนกตัวหนึ่งก็ได้มาถึงเมืองหลิงหยวนแล้ว