ร่องรอยของความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉือหาง คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดว่า "พี่สะใภ้รอง พี่คิดมากไปแล้ว"
"ข้าคิดว่ามันค่อนข้างแปลกพิกล" ฟางซื่อดูเหมือนจะนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น "ข้าเห็นแววตาของทั้งสองคนมีบางอย่างผิดปกติ"
หลังจากพูดจบ ฟางซื่อก็แสร้งทำเป็ประหลาดใจอย่างมากและเปล่งเสียง "อ่า" ก่อนที่จะพูดว่า "เ้าสาม เ้าอย่าฟังข้าพูดเหลวไหลเลย พวกเขาทั้งสองคนต้องไม่มีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน!"
เมื่อพูดถึงคำว่า "ไม่มีอะไรผิดปกติ" น้ำเสียงของฟางซื่อก็เพิ่มน้ำหนักความจริงจังมากขึ้น
หลังจากที่ส่งฟางซื่อออกไป ซ่งซื่อก็มาหาและบอกเกี่ยวกับการออกไปของหลินกู๋หยู่ ส่งโต้ซาให้กับฉือหางแล้วจากไป
ฉือหางนั่งยองๆ หน้าเตาพลางเติมฟืน
โต้ซานั่งบนเตียงเล็กด้านข้าง ถือหนังสือในมือ พลิกดูแบบสุ่ม
ในที่สุดเมื่อหลินกู๋หยู่ทำงานเสร็จ นางก็แหงนหน้ามองดูท้องฟ้าข้างนอกและมันก็เริ่มมืดลงแล้ว
“งานส่วนที่เหลือคือระมัดระวังอย่าให้ท่านขุนนางมีไข้ แต่หากมีไข้ตัวร้อน ก็จงดูแลตามวิธีการที่ข้าได้แนะไว้ ทานอาหารมังสวิรัติให้มาก ใส่เนื้อสัตว์ลงไปบ้างเป็บางครั้ง คนป่วยไม่ต้องบำรุงมาก เพราะหากทานเนื้อสัตว์ในเวลานี้มากเกินไป ร่างกายอาจจะฟื้นตัวช้าลงมากกว่า"
เมื่อได้ฟังถ้อยคำของหลินกู๋หยู่ สตรีในชุดกระโปรงสีแดงสดก็เดินเนิบนาบไปหาและจับมือหลินกู๋หยู่อย่างขอบคุณ
“หมอหลิน เ้าอยู่พักที่นี่ รอให้ท่านผู้เฒ่าอาการดีขึ้นก่อนแล้วเ้าค่อยกลับไปดีหรือไม่?” สตรีผู้นั้นเอื้อนเอ่ยด้วยท่าทีจริงใจ
"ขออภัย” หลินกู๋หยู่ค่อยๆ ดึงมือออกและพูดกับสตรีผู้นั้นว่า "วิธีนี้รักษาคนได้จำนวนมากแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่เสียชีวิต พื้นฐานสภาพร่างกายของท่านขุนนางดูเหมือนจะดี ตราบใดที่ทานยา พักผ่อน ทานอาหารให้เหมาะสมอย่างเคร่งครัดก็เพียงพอที่จะสามารถฟื้นตัวได้แล้ว"
เมื่อได้ฟังดังนั้น สตรีผู้นั้นก็แสดงความลำบากใจ พร้อมพูดอย่างลังเลว่า "แต่พวกเราที่นี่ไม่มีใครเข้าใจสิ่งเหล่านี้เลย คงจะดีมากถ้าหมอหลินอยู่พักที่นี่ได้ ด้วยวิธีนี้พวกเราก็จะได้ไม่ต้องกังวลถึงอาการป่วยของท่านผู้เฒ่าแล้ว"
หลินกู๋หยู่ส่ายศีรษะเล็กน้อยและมองไปที่สตรีผู้นั้นอย่างขอโทษ
เมื่อทั้งสองคนกำลังจะออกไปข้างนอก หิมะก็เริ่มตกโปรยปราย
สตรีผู้นั้นมองไปที่ท้องฟ้าข้างนอก บนใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มปีติ ก่อนที่นางจะรีบเก็บสีหน้า และพูดอย่างจริงใจว่า "หมอหลิน หมอลู่ คืนนี้พวกเ้าสองคนอยู่พักที่นี่เถอะ เส้นทางสัญจรขรุขระ พวกเ้ายังต้องเดินทางบนูเา แล้วหากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?”
การกลับไปในคราวนี้จะต้องใช้เวลาสองชั่วยาม ระยะทางไกลจริงๆ ถ้าเดินกลับไป ถึงบ้านก็น่าจะหลังเที่ยงคืน
หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเพิ่มมากยิ่งขึ้น นางรู้สึกวิตกกังวลหลายส่วน
"บางทีหิมะอาจจะตกไม่มากนัก” หลินกู๋หยู่เบี่ยงศีรษะมองไปที่ลู่จื่อยู่ พร้อมเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงต่ำ "ข้าอยากกลับบ้าน"
ลู่จื่อยู่มองไปที่ท้องฟ้า ลดสายตาลงเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น "หากหิมะเกิดตกหนักขึ้นมา แล้วเราติดอยู่กลางคัน เราจะทำอย่างไรดี?"
ที่พูดมาก็ใช่
เมื่อสองสามวันก่อนหิมะตกหนัก หากเป็เหมือนในวันนั้นล่ะจะทำอย่างไร?
หลินกู๋หยู่จับแขนเสื้อของนางด้วยมือทั้งสองข้างอย่างกระสับกระส่าย ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
สตรีผู้นั้นเดินไปที่ด้านข้างลู่จื่อยู่และกระซิบเบาๆ ว่า "หมอลู่ หิมะอาจจะตกหนักก็เป็ไปได้ พวกเ้าอย่ากลับไปจะเป็การดีกว่า"
เกล็ดหิมะบนท้องฟ้าค่อยๆ ใหญ่ขึ้น หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่มองไปที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ
“หมอหลิน” ลู่จื่อยู่เดินไปที่ด้านข้างของหลินกู๋หยู่ มองตามแนวสายตาของนาง “พวกเราค้างคืนที่นี่สักหนึ่งคืนดีหรือไม่ แล้วค่อยกลับไปในวันพรุ่งนี้เช้า ไม่ว่าหิมะจะตกหรือไม่ก็ตาม”
ในแววตาของหลินกู๋หยู่เปี่ยมไปด้วยความวิตกกังวล นางไม่รู้ว่าฉือหางในตอนนี้เป็อย่างไรแล้ว แต่เดิมนางบอกว่าจะกลับไปในคืนนี้
แต่สิ่งที่ลู่จื่อยู่พูดนั้นถูกต้อง เมื่อครั้งมาที่นี่ พวกเขาเดินทางบนถนนบนูเา หากล้อลื่นและรถม้าตกลงไป...
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินกู๋หยู่ก็เหลือบมองลู่จื่อยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันศีรษะไปหาสตรีผู้นั้น "รบกวนฮูหยินแล้ว!"
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินกู๋หยู่ สตรีผู้นั้นก็ฉายรอยยิ้มบนใบหน้าของนางทันที สั่งให้คนรับใช้ของนางไปเตรียมการอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ” โต้ซาซึ่งกำลังทานข้าวเงยหน้าขึ้นมองฉือหาง เอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมท่านแม่ถึงยังไม่กลับมา?”
ฉือหางก็กังวลถึงเื่นี้เช่นเดียวกัน ตอนนี้ข้างนอกหิมะตกอีกแล้ว ได้ยินมาว่ากู๋หยู่ไปที่เมืองหลินจะต้องใช้เวลานานมากในการเดินทางไปมา
ั้แ่พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันมา ทั้งคู่ก็ไม่เคยแยกจากกันนานขนาดนี้
บ้านที่แต่เดิมเคยอบอุ่นดูเหมือนจะกลายเป็บ้านที่ว่างเปล่า มีบางอย่างขาดหายไป
หลังจากกล่อมโต้ซาให้หลับแล้ว ฉือหางก็เปิดประตูและมองไปที่เกล็ดหิมะทั่วท้องฟ้า ขมวดคิ้วมุ่นด้วยใบหน้าขมขื่น
หลินกู๋หยู่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม แต่ในใจนั้นกลับรู้สึกอึดอัดอยู่เสมอ
เช้าวันต่อมา หลินกู๋หยู่ตื่นแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าใต้ดวงตาของนางก็ปรากฏให้เห็นได้ชัด
หลังจากทานอาหารเช้า หลินกู๋หยู่ตรวจอาการของท่านขุนนางอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอาการป่วยของเขาจะเริ่มดีขึ้น หลังจากพูดบางสิ่งที่ต้องใส่ใจ หลินกู๋หยู่ก็ลุกขึ้นจะกลับไป
หิมะยังคงตกหนัก
ทุกอย่างภายนอกดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยชั้นสีขาวหนึ่งชั้น บริสุทธิ์และไร้ที่ติ
ไม่ว่าสตรีผู้นั้นจะพยายามเกลี้ยกล่อมหลินกู๋หยู่ให้อยู่อย่างไร หลินกู๋หยู่ก็ยังยืนยันว่า้าจะกลับไป
“ในเมื่อหมอหลิน้าจะกลับไปในตอนนี้ ข้าจะให้เงินมัดจำแก่เ้า” ฮูหยินเว่ยพูดพลางหันศีรษะไปมองสาวใช้ด้านข้างนาง “ไปหยิบเงินหนึ่งร้อยตำลึงมาให้ข้าที”
“ไม่จำเป็แล้ว” หลินกู๋หยู่โบกมืออย่างรวดเร็ว พูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า “ถ้าท่านขุนนางอาการดีขึ้นแล้ว จะให้ในเวลานั้นก็ยังไม่สาย”
“ท่านผู้เฒ่าดูอาการดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันก่อนมาก” ฮูหยินเว่ยรู้สึกพึงพอใจมากเมื่อได้ฟังหลินกู๋หยู่พูด "ยังไม่รีบไปหยิบเงินมาให้ข้าอีก"
ไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของฮูหยินเว่ยได้ หลินกู๋หยู่จึงรับเงิน
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนปกคลุมข้อเท้าไปหมดแล้ว เมื่อหลินกู๋หยู่เข้าใกล้หมู่บ้านก็เป็เวลาบ่ายแล้ว
ฉือหางยังคงยืนรออยู่ที่ประตูทั้งวัน เขาไม่รู้ว่าหลินกู๋หยู่หายไปไหน ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไปตามหานางได้
เขารู้สึกเสมอว่าเขาควรปกป้องหลินกู๋หยู่ แต่ทุกครั้งก็เป็เขาที่ทำให้นางต้องกังวลถึงเขา
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉือหางก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
ฉือหางเห็นรถม้ามาจากระยะไกล เขารีบปิดประตูและเดินไปทางด้านนั้น
"เอาละ ข้าจะลงที่นี่ ถนนตรงนั้นไม่สะดวกที่เดินทาง” หลินกู๋หยู่กล่าวพลางขอให้คนขับหยุดรถม้า
"ระวังด้วย" ขณะที่ลู่จื่อยู่พูด เขาก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถด้วยความสุภาพ
หลินกู๋หยู่หันหน้าไปมองลู่จื่อยู่และพยักหน้าเล็กน้อย
ฝีเท้าของฉือหางหยุดลงในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังจะออกมา
พวกเขาสองคนจูบกันหรือ?
หลินกู๋หยู่ลงจากรถม้า พูดสองสามคำกับลู่จื่อยู่อย่างสุภาพ จากนั้นหันหลังและจากไป
เมื่อหันกลับไปมองในทันใด บุรุษผู้เป็สามีคนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางเกล็ดหิมะ
มุมริมฝีปากของหลินกู๋หยู่โค้งขึ้นช้าๆ และเดินไปหาฉือหางอย่างรวดเร็ว
“พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่ฉีกยิ้มและไปจับมือฉือหาง “พี่รอนานแล้วใช่หรือไม่!”
ฉือหางกลับมามีสติด้วยความงุนงง หลังจากได้ฟังเสียงของหลินกู๋หยู่ เขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับฉายแววขมขื่น
“มือของเ้าเย็นนัก” ขณะที่หลินกู๋หยู่พูด นางก็จับมือของฉือหางและลูบเบาๆ “คราวหน้าอย่ารอข้าข้างนอกอีก อยู่ในบ้านก็พอแล้ว”
ในรถม้าที่หลินกู๋หยู่นั่งนั้นมีเตาถ่านอยู่ข้างใน ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกหนาว
ฉือหางชำเลืองมองที่รถม้าปราดหนึ่ง รู้สึกปวดร้าวในใจ "หมอลู่ส่งเ้ากลับมาหรือ?"
“อืม” หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองฉือหาง ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจเล็กน้อย
นิ้วมือทั้งสิบนิ้วประสานกัน หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้าอยากกลับมาั้แ่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว แต่หิมะตกหนักและเราต้องเดินทางบนูเา ข้าจึงอยู่พักที่บ้านของพวกเขา"
“เ้าไปไหนมา?” ฉือหางเอ่ยถามใจลอยๆ
“บ้านของท่านขุนนางท่านหนึ่ง” หลินกู๋หยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอื้อนเอ่ยวาจา “แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่าเมืองไหน”
นางไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเมืองรอบๆ มาโดยตลอด อีกทั้งนางไม่ได้ตั้งใจฟังเมื่อลู่จื่อยู่พูด
เมื่อกลับถึงบ้าน หลินกู๋หยู่มองโต้ซาเล่นบนเตียง จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย "ทำไมเ้าไม่ส่งเขาไปยังสถานศึกษา?"
"หิมะตกแล้ว จะไม่ไปหนึ่งวันก็คงไม่เป็ไร” ฉือหางพูดพลางเดินไปที่เตา เสียงของเขาอึมครึมเล็กน้อย "เ้าหิวแล้วหรือไม่ เ้าอยากทานอะไร?"
"ข้าทานมาระหว่างทางแล้วเล็กน้อย” หลินกู๋หยู่กล่าวพลางเดินไปยังตรงหน้าฉือหางอย่างรวดเร็ว มองเขาอย่างเป็กังวล "เ้าคงยังไม่ได้ทานอาหารใช่หรือไม่!"
ฉือหางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“จริงๆ เลย เวลาที่ข้าไม่อยู่บ้าน เ้าก็อย่าลืมทำอาหาร” หลินกู๋หยู่พูดพลางล้างมืออย่างรวดเร็ว และเริ่มทำอาหาร “คนเราต้องทานสามมื้อต่อวัน เช่นนี้ถึงจะดีต่อร่างกาย”
เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เช่นนี้ ฉือหางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมุ่น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถามว่า "พวกเ้าสองคน..."
"อ้อใช่” หลินกู๋หยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นและเผยถุงเงินจากเอว "กล่าวกันว่าเป็เงินมัดจำจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงเงิน เงินอยู่นี่"
ฉือหางวางมือลงบนเอวของหลินกู๋หยู่ด้วยความสั่นเทา ถอดถุงเงินออกแล้ว มองดูเงินหนึ่งร้อยตำลึงใบใหม่หนึ่งใบข้างใน เขารู้สึกเศร้าใจอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าเงินนี้สะอาดหรือไม่
หลินกู๋หยู่ผัดอาหารเสร็จแล้ว หันหน้าไปมองฉือหาง แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย "เ้าเป็อะไรหรือ? เ้าไม่มีความสุขเพราะเมื่อคืนข้าไม่ได้กลับมาหรือ?"
ฉือหางเม้มปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจา
“ขอโทษ” หลินกู๋หยู่พูดอย่างรู้สึกผิด “มันเป็ความผิดของข้า เ้าอย่าโกรธเลยได้หรือไม่?”
ฉือหางฝืนยิ้ม ก้มลงช้าๆ และขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของหลินกู๋หยู่
นึกถึงภาพของหลินกู๋หยู่และลู่จื่อยู่จูบกันบนรถม้าอย่างอธิบายไม่ถูก
ยามที่พวกเขาสองคนยืนเคียงข้างกัน ทำไมมองแล้วเพลินตานัก?
ริมฝีปากหยุดลงตรงที่ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงเล็บมือ
ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ฉือหางจูบหน้าผากของหลินกู๋หยู่ จูบเช่นนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ที่จะถอนตัว หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ผละออก
"ข้าไม่ได้โกรธ"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินกู๋หยู่ก็สดใสเป็ประกายมากขึ้น "งั้นเ้ารอสักครู่ ข้าจะทำอาหาร"
เมื่อถึงเวลาที่หลินกู๋หยู่นำอาหารทั้งหมดมาวางที่โต๊ะ โต้ซาที่หิวตั้งนานแล้วก็กินอาหารอย่างตะกละตะกลาม
หลินกู๋หยู่วางมือบนโต๊ะและมองไปที่ฉือหางอย่างสงสัย "พี่ฉือหาง เ้าไม่หิวหรือ?"
หลังจากฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่ ฉือหางก็หยิบตะเกียบของเขาขึ้นมา ทานไปสองคำด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ
เขา้าถามอย่างชัดเจน แต่กระนั้นฉือหางก็กลัวที่จะถาม หากหลินกู๋หยู่บอกว่าจะทิ้งเขา เขาจะทำอย่างไร?
ฉือหางไม่เคยคิดเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่มีหลินกู๋หยู่ เขาเคยชินกับการที่มีนางอยู่เคียงข้างเขา
"ไม่เป็ไร ตราบใดเท่าที่เ้า...” ฉือหางหยุดจังหวะการพูดชั่วคราวและพูดต่อว่า "ตราบใดที่เ้ายังกลับบ้านก็เพียงพอแล้ว"