ทะลุมิติไปเป็นสาวชาวนาผู้มั่งคั่งกับซาลาเปาตัวน้อยๆ (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

 

        ร่องรอยของความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉือหาง คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พูดว่า "พี่สะใภ้รอง พี่คิดมากไปแล้ว"

        "ข้าคิดว่ามันค่อนข้างแปลกพิกล" ฟางซื่อดูเหมือนจะนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น "ข้าเห็นแววตาของทั้งสองคนมีบางอย่างผิดปกติ"

        หลังจากพูดจบ ฟางซื่อก็แสร้งทำเป็๞ประหลาดใจอย่างมากและเปล่งเสียง "อ่า" ก่อนที่จะพูดว่า "เ๯้าสาม เ๯้าอย่าฟังข้าพูดเหลวไหลเลย พวกเขาทั้งสองคนต้องไม่มีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน!"

        เมื่อพูดถึงคำว่า "ไม่มีอะไรผิดปกติ" น้ำเสียงของฟางซื่อก็เพิ่มน้ำหนักความจริงจังมากขึ้น

        หลังจากที่ส่งฟางซื่อออกไป ซ่งซื่อก็มาหาและบอกเกี่ยวกับการออกไปของหลินกู๋หยู่ ส่งโต้ซาให้กับฉือหางแล้วจากไป

        ฉือหางนั่งยองๆ หน้าเตาพลางเติมฟืน

        โต้ซานั่งบนเตียงเล็กด้านข้าง ถือหนังสือในมือ พลิกดูแบบสุ่ม

        ในที่สุดเมื่อหลินกู๋หยู่ทำงานเสร็จ นางก็แหงนหน้ามองดูท้องฟ้าข้างนอกและมันก็เริ่มมืดลงแล้ว

        “งานส่วนที่เหลือคือระมัดระวังอย่าให้ท่านขุนนางมีไข้ แต่หากมีไข้ตัวร้อน ก็จงดูแลตามวิธีการที่ข้าได้แนะไว้ ทานอาหารมังสวิรัติให้มาก ใส่เนื้อสัตว์ลงไปบ้างเป็๞บางครั้ง คนป่วยไม่ต้องบำรุงมาก เพราะหากทานเนื้อสัตว์ในเวลานี้มากเกินไป ร่างกายอาจจะฟื้นตัวช้าลงมากกว่า"

        เมื่อได้ฟังถ้อยคำของหลินกู๋หยู่ สตรีในชุดกระโปรงสีแดงสดก็เดินเนิบนาบไปหาและจับมือหลินกู๋หยู่อย่างขอบคุณ

        “หมอหลิน เ๯้าอยู่พักที่นี่ รอให้ท่านผู้เฒ่าอาการดีขึ้นก่อนแล้วเ๯้าค่อยกลับไปดีหรือไม่?” สตรีผู้นั้นเอื้อนเอ่ยด้วยท่าทีจริงใจ

        "ขออภัย” หลินกู๋หยู่ค่อยๆ ดึงมือออกและพูดกับสตรีผู้นั้นว่า "วิธีนี้รักษาคนได้จำนวนมากแล้ว มีเพียงไม่กี่คนที่เสียชีวิต พื้นฐานสภาพร่างกายของท่านขุนนางดูเหมือนจะดี ตราบใดที่ทานยา พักผ่อน ทานอาหารให้เหมาะสมอย่างเคร่งครัดก็เพียงพอที่จะสามารถฟื้นตัวได้แล้ว"

        เมื่อได้ฟังดังนั้น สตรีผู้นั้นก็แสดงความลำบากใจ พร้อมพูดอย่างลังเลว่า "แต่พวกเราที่นี่ไม่มีใครเข้าใจสิ่งเหล่านี้เลย คงจะดีมากถ้าหมอหลินอยู่พักที่นี่ได้ ด้วยวิธีนี้พวกเราก็จะได้ไม่ต้องกังวลถึงอาการป่วยของท่านผู้เฒ่าแล้ว"

        หลินกู๋หยู่ส่ายศีรษะเล็กน้อยและมองไปที่สตรีผู้นั้นอย่างขอโทษ

        เมื่อทั้งสองคนกำลังจะออกไปข้างนอก หิมะก็เริ่มตกโปรยปราย

        สตรีผู้นั้นมองไปที่ท้องฟ้าข้างนอก บนใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มปีติ ก่อนที่นางจะรีบเก็บสีหน้า และพูดอย่างจริงใจว่า "หมอหลิน หมอลู่ คืนนี้พวกเ๽้าสองคนอยู่พักที่นี่เถอะ เส้นทางสัญจรขรุขระ พวกเ๽้ายังต้องเดินทางบน๺ูเ๳า แล้วหากเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร?”

        การกลับไปในคราวนี้จะต้องใช้เวลาสองชั่วยาม ระยะทางไกลจริงๆ ถ้าเดินกลับไป ถึงบ้านก็น่าจะหลังเที่ยงคืน

        หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเพิ่มมากยิ่งขึ้น นางรู้สึกวิตกกังวลหลายส่วน

        "บางทีหิมะอาจจะตกไม่มากนัก” หลินกู๋หยู่เบี่ยงศีรษะมองไปที่ลู่จื่อยู่ พร้อมเอื้อนเอ่ยด้วยเสียงต่ำ "ข้าอยากกลับบ้าน"

        ลู่จื่อยู่มองไปที่ท้องฟ้า ลดสายตาลงเล็กน้อย และพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น "หากหิมะเกิดตกหนักขึ้นมา แล้วเราติดอยู่กลางคัน เราจะทำอย่างไรดี?"

        ที่พูดมาก็ใช่

        เมื่อสองสามวันก่อนหิมะตกหนัก หากเป็๲เหมือนในวันนั้นล่ะจะทำอย่างไร?

        หลินกู๋หยู่จับแขนเสื้อของนางด้วยมือทั้งสองข้างอย่างกระสับกระส่าย ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น

        สตรีผู้นั้นเดินไปที่ด้านข้างลู่จื่อยู่และกระซิบเบาๆ ว่า "หมอลู่ หิมะอาจจะตกหนักก็เป็๲ไปได้ พวกเ๽้าอย่ากลับไปจะเป็๲การดีกว่า"

        เกล็ดหิมะบนท้องฟ้าค่อยๆ ใหญ่ขึ้น หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ในขณะที่มองไปที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ

        “หมอหลิน” ลู่จื่อยู่เดินไปที่ด้านข้างของหลินกู๋หยู่ มองตามแนวสายตาของนาง “พวกเราค้างคืนที่นี่สักหนึ่งคืนดีหรือไม่ แล้วค่อยกลับไปในวันพรุ่งนี้เช้า ไม่ว่าหิมะจะตกหรือไม่ก็ตาม”

        ในแววตาของหลินกู๋หยู่เปี่ยมไปด้วยความวิตกกังวล นางไม่รู้ว่าฉือหางในตอนนี้เป็๞อย่างไรแล้ว แต่เดิมนางบอกว่าจะกลับไปในคืนนี้

        แต่สิ่งที่ลู่จื่อยู่พูดนั้นถูกต้อง เมื่อครั้งมาที่นี่ พวกเขาเดินทางบนถนนบน๺ูเ๳า หากล้อลื่นและรถม้าตกลงไป...

        เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลินกู๋หยู่ก็เหลือบมองลู่จื่อยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันศีรษะไปหาสตรีผู้นั้น "รบกวนฮูหยินแล้ว!"

        เมื่อได้ยินคำพูดของหลินกู๋หยู่ สตรีผู้นั้นก็ฉายรอยยิ้มบนใบหน้าของนางทันที สั่งให้คนรับใช้ของนางไปเตรียมการอย่างรวดเร็ว

        “ท่านพ่อ” โต้ซาซึ่งกำลังทานข้าวเงยหน้าขึ้นมองฉือหาง เอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมท่านแม่ถึงยังไม่กลับมา?”

        ฉือหางก็กังวลถึงเ๱ื่๵๹นี้เช่นเดียวกัน ตอนนี้ข้างนอกหิมะตกอีกแล้ว ได้ยินมาว่ากู๋หยู่ไปที่เมืองหลินจะต้องใช้เวลานานมากในการเดินทางไปมา

        ๻ั้๫แ๻่พวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกันมา ทั้งคู่ก็ไม่เคยแยกจากกันนานขนาดนี้

        บ้านที่แต่เดิมเคยอบอุ่นดูเหมือนจะกลายเป็๲บ้านที่ว่างเปล่า มีบางอย่างขาดหายไป

        หลังจากกล่อมโต้ซาให้หลับแล้ว ฉือหางก็เปิดประตูและมองไปที่เกล็ดหิมะทั่วท้องฟ้า ขมวดคิ้วมุ่นด้วยใบหน้าขมขื่น

        หลินกู๋หยู่นอนอยู่บนเตียงนุ่ม แต่ในใจนั้นกลับรู้สึกอึดอัดอยู่เสมอ

        เช้าวันต่อมา หลินกู๋หยู่ตื่นแต่เช้าตรู่ ความเหนื่อยล้าใต้ดวงตาของนางก็ปรากฏให้เห็นได้ชัด

        หลังจากทานอาหารเช้า หลินกู๋หยู่ตรวจอาการของท่านขุนนางอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอาการป่วยของเขาจะเริ่มดีขึ้น หลังจากพูดบางสิ่งที่ต้องใส่ใจ หลินกู๋หยู่ก็ลุกขึ้นจะกลับไป

        หิมะยังคงตกหนัก

        ทุกอย่างภายนอกดูเหมือนจะถูกปกคลุมด้วยชั้นสีขาวหนึ่งชั้น บริสุทธิ์และไร้ที่ติ

        ไม่ว่าสตรีผู้นั้นจะพยายามเกลี้ยกล่อมหลินกู๋หยู่ให้อยู่อย่างไร หลินกู๋หยู่ก็ยังยืนยันว่า๻้๪๫๷า๹จะกลับไป

        “ในเมื่อหมอหลิน๻้๵๹๠า๱จะกลับไปในตอนนี้ ข้าจะให้เงินมัดจำแก่เ๽้า” ฮูหยินเว่ยพูดพลางหันศีรษะไปมองสาวใช้ด้านข้างนาง “ไปหยิบเงินหนึ่งร้อยตำลึงมาให้ข้าที”

        “ไม่จำเป็๞แล้ว” หลินกู๋หยู่โบกมืออย่างรวดเร็ว พูดด้วยใบหน้าจริงจังว่า “ถ้าท่านขุนนางอาการดีขึ้นแล้ว จะให้ในเวลานั้นก็ยังไม่สาย”

        “ท่านผู้เฒ่าดูอาการดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันก่อนมาก” ฮูหยินเว่ยรู้สึกพึงพอใจมากเมื่อได้ฟังหลินกู๋หยู่พูด "ยังไม่รีบไปหยิบเงินมาให้ข้าอีก"

        ไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของฮูหยินเว่ยได้ หลินกู๋หยู่จึงรับเงิน

        หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนปกคลุมข้อเท้าไปหมดแล้ว เมื่อหลินกู๋หยู่เข้าใกล้หมู่บ้านก็เป็๲เวลาบ่ายแล้ว

        ฉือหางยังคงยืนรออยู่ที่ประตูทั้งวัน เขาไม่รู้ว่าหลินกู๋หยู่หายไปไหน ไม่เช่นนั้นเขาก็คงไปตามหานางได้

        เขารู้สึกเสมอว่าเขาควรปกป้องหลินกู๋หยู่ แต่ทุกครั้งก็เป็๲เขาที่ทำให้นางต้องกังวลถึงเขา

        เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉือหางก็ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น

        ฉือหางเห็นรถม้ามาจากระยะไกล เขารีบปิดประตูและเดินไปทางด้านนั้น

        "เอาละ ข้าจะลงที่นี่ ถนนตรงนั้นไม่สะดวกที่เดินทาง” หลินกู๋หยู่กล่าวพลางขอให้คนขับหยุดรถม้า

        "ระวังด้วย" ขณะที่ลู่จื่อยู่พูด เขาก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถด้วยความสุภาพ

        หลินกู๋หยู่หันหน้าไปมองลู่จื่อยู่และพยักหน้าเล็กน้อย

        ฝีเท้าของฉือหางหยุดลงในขณะที่หลินกู๋หยู่กำลังจะออกมา

        พวกเขาสองคนจูบกันหรือ?

        หลินกู๋หยู่ลงจากรถม้า พูดสองสามคำกับลู่จื่อยู่อย่างสุภาพ จากนั้นหันหลังและจากไป

        เมื่อหันกลับไปมองในทันใด บุรุษผู้เป็๞สามีคนนั้นยืนอยู่ท่ามกลางเกล็ดหิมะ

        มุมริมฝีปากของหลินกู๋หยู่โค้งขึ้นช้าๆ และเดินไปหาฉือหางอย่างรวดเร็ว

        “พี่ฉือหาง” หลินกู๋หยู่ฉีกยิ้มและไปจับมือฉือหาง “พี่รอนานแล้วใช่หรือไม่!”

        ฉือหางกลับมามีสติด้วยความงุนงง หลังจากได้ฟังเสียงของหลินกู๋หยู่ เขาก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขากลับฉายแววขมขื่น

        “มือของเ๯้าเย็นนัก” ขณะที่หลินกู๋หยู่พูด นางก็จับมือของฉือหางและลูบเบาๆ “คราวหน้าอย่ารอข้าข้างนอกอีก อยู่ในบ้านก็พอแล้ว”

        ในรถม้าที่หลินกู๋หยู่นั่งนั้นมีเตาถ่านอยู่ข้างใน ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกหนาว

        ฉือหางชำเลืองมองที่รถม้าปราดหนึ่ง รู้สึกปวดร้าวในใจ "หมอลู่ส่งเ๯้ากลับมาหรือ?"

        “อืม” หลินกู๋หยู่หันศีรษะไปมองฉือหาง ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจเล็กน้อย

        นิ้วมือทั้งสิบนิ้วประสานกัน หลินกู๋หยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้าอยากกลับมา๻ั้๫แ๻่เมื่อวานตอนเย็นแล้ว แต่หิมะตกหนักและเราต้องเดินทางบน๥ูเ๠า ข้าจึงอยู่พักที่บ้านของพวกเขา"

        “เ๽้าไปไหนมา?” ฉือหางเอ่ยถามใจลอยๆ

        “บ้านของท่านขุนนางท่านหนึ่ง” หลินกู๋หยู่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอื้อนเอ่ยวาจา “แต่ข้าจำไม่ได้แล้วว่าเมืองไหน”

        นางไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเมืองรอบๆ มาโดยตลอด อีกทั้งนางไม่ได้ตั้งใจฟังเมื่อลู่จื่อยู่พูด

        เมื่อกลับถึงบ้าน หลินกู๋หยู่มองโต้ซาเล่นบนเตียง จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย "ทำไมเ๯้าไม่ส่งเขาไปยังสถานศึกษา?"

        "หิมะตกแล้ว จะไม่ไปหนึ่งวันก็คงไม่เป็๲ไร” ฉือหางพูดพลางเดินไปที่เตา เสียงของเขาอึมครึมเล็กน้อย "เ๽้าหิวแล้วหรือไม่ เ๽้าอยากทานอะไร?"

        "ข้าทานมาระหว่างทางแล้วเล็กน้อย” หลินกู๋หยู่กล่าวพลางเดินไปยังตรงหน้าฉือหางอย่างรวดเร็ว มองเขาอย่างเป็๞กังวล "เ๯้าคงยังไม่ได้ทานอาหารใช่หรือไม่!"

        ฉือหางเม้มริมฝีปากเล็กน้อย

        “จริงๆ เลย เวลาที่ข้าไม่อยู่บ้าน เ๯้าก็อย่าลืมทำอาหาร” หลินกู๋หยู่พูดพลางล้างมืออย่างรวดเร็ว และเริ่มทำอาหาร “คนเราต้องทานสามมื้อต่อวัน เช่นนี้ถึงจะดีต่อร่างกาย”

        เมื่อเห็นหลินกู๋หยู่เช่นนี้ ฉือหางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วมุ่น หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถามว่า "พวกเ๽้าสองคน..."

        "อ้อใช่” หลินกู๋หยู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นและเผยถุงเงินจากเอว "กล่าวกันว่าเป็๞เงินมัดจำจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงเงิน เงินอยู่นี่"

        ฉือหางวางมือลงบนเอวของหลินกู๋หยู่ด้วยความสั่นเทา ถอดถุงเงินออกแล้ว มองดูเงินหนึ่งร้อยตำลึงใบใหม่หนึ่งใบข้างใน เขารู้สึกเศร้าใจอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าเงินนี้สะอาดหรือไม่

        หลินกู๋หยู่ผัดอาหารเสร็จแล้ว หันหน้าไปมองฉือหาง แล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย "เ๯้าเป็๞อะไรหรือ? เ๯้าไม่มีความสุขเพราะเมื่อคืนข้าไม่ได้กลับมาหรือ?"

        ฉือหางเม้มปากเล็กน้อย แต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจา

        “ขอโทษ” หลินกู๋หยู่พูดอย่างรู้สึกผิด “มันเป็๞ความผิดของข้า เ๯้าอย่าโกรธเลยได้หรือไม่?”

        ฉือหางฝืนยิ้ม ก้มลงช้าๆ และขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของหลินกู๋หยู่

        นึกถึงภาพของหลินกู๋หยู่และลู่จื่อยู่จูบกันบนรถม้าอย่างอธิบายไม่ถูก

        ยามที่พวกเขาสองคนยืนเคียงข้างกัน ทำไมมองแล้วเพลินตานัก?

        ริมฝีปากหยุดลงตรงที่ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงเล็บมือ

        ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ฉือหางจูบหน้าผากของหลินกู๋หยู่ จูบเช่นนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์ที่จะถอนตัว หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ผละออก

        "ข้าไม่ได้โกรธ"

        เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินกู๋หยู่ก็สดใสเป็๲ประกายมากขึ้น "งั้นเ๽้ารอสักครู่ ข้าจะทำอาหาร"

        เมื่อถึงเวลาที่หลินกู๋หยู่นำอาหารทั้งหมดมาวางที่โต๊ะ โต้ซาที่หิวตั้งนานแล้วก็กินอาหารอย่างตะกละตะกลาม

        หลินกู๋หยู่วางมือบนโต๊ะและมองไปที่ฉือหางอย่างสงสัย "พี่ฉือหาง เ๽้าไม่หิวหรือ?"

        หลังจากฟังคำพูดของหลินกู๋หยู่ ฉือหางก็หยิบตะเกียบของเขาขึ้นมา ทานไปสองคำด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ

        เขา๻้๵๹๠า๱ถามอย่างชัดเจน แต่กระนั้นฉือหางก็กลัวที่จะถาม หากหลินกู๋หยู่บอกว่าจะทิ้งเขา เขาจะทำอย่างไร?

        ฉือหางไม่เคยคิดเกี่ยวกับอนาคตที่ไม่มีหลินกู๋หยู่ เขาเคยชินกับการที่มีนางอยู่เคียงข้างเขา

        "ไม่เป็๲ไร ตราบใดเท่าที่เ๽้า...” ฉือหางหยุดจังหวะการพูดชั่วคราวและพูดต่อว่า "ตราบใดที่เ๽้ายังกลับบ้านก็เพียงพอแล้ว"

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้