“ข้าไม่พูดจาที่ใดกัน? เพียงแต่ก่อนท่านแม่ทัพไปได้สั่งเอาไว้ว่าทุกเื่ในจวนล้วนมอบให้ฮูหยินเอกดูแลเื่ที่เกิดขึ้นยามนี้เกี่ยวพันถึงความเป็ความตายของฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินเอกยังถูกดึงเข้าไปพัวพันด้วยเสี่ยวหลี่จื่อตายไปแล้วจึงยันพยานกันไม่ได้ แล้วข้าจะกล้าพูดจาส่งเดชได้ที่ใด?”
“พี่หญิงกำลังท้องเห็นเสี่ยวหลี่จื่อตายยังไม่กลัวสักนิดคงเป็ลูกในท้องทำให้พี่หญิงมีความกล้ามากขึ้นกระมัง!” อาหนูว่าพลางปิดปากหัวเราะเบาๆแต่เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าถลึงตามองตนอย่างโมโหนักจึงรีบปิดปากนั่งนิ่งไม่กล้าพูดอีกแม้สักครึ่งคำ
“เอาล่ะ! ยามนี้คนตายไม่สามารถเอ่ยปาก คนเป็ก็พูดจาส่งเดช!พวกเ้านี่มันดีนักนะ! ถึงกับไม่เห็นหัวผู้เฒ่าเช่นข้าเช่นนั้นก็รอให้อี้เอ๋อร์กลับมาสอบสวนเื่นี้เองก็แล้วกัน!”
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะอายุมากแล้ว แต่ก็เป็คนที่ผ่านโลกมามากนางจึงรู้อยู่แก่ใจว่าเื่ในวันนี้ ตนไม่มีทางสอบถามหาความเป็มาได้อย่างแน่นอนยามนี้เหล่าฮูหยินในจวนต่างต่อสู้กันทั้งในทางแจ้งและทางลับเื่หึงหวงชิงดีชิงเด่นยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ให้หั่วอี้จัดการให้ดีๆสักหน เกรงแต่ว่าวันหน้าจะเกิดเื่ถึงชีวิตเป็แน่!
คิดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็อดถอนหายใจยาวไม่ได้นางจับจ้องไปยังฮูหยินทั้งสามคนคราวหนึ่ง สายตาไปหยุดอยู่ที่ตัวหลิ่วจิ้ง“นับแต่วันนี้ไป แม้ข้าจะเชื่อว่าเื่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเ้าแต่ของว่างเป็เ้านำมาจริงๆ จึงเกี่ยวพันกับเ้าอย่างยิ่ง ก่อนอี้เอ๋อร์จะกลับมาเ้าก็จงอย่าออกจากเรือน!”
“ฮูหยินผู้เฒ่าหลักแหลมมีคุณธรรม ข้าย่อมไม่กล้าขัดคำสั่งเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งพูดจบ คิดเพียงไม่อยากจะอยู่ในที่ที่มีความผิดและมีความคลุมเครือเช่นนี้ต่ออีกจึงรีบพาอิ๋งเหอและอวี้จิ่นจากไป
ยามนี้ตะวันลับฟ้าลงทางตะวันตกแล้ว ตะวันสายันต์เจียนค่ำทอดแสงระยิบระยับเต็มสระ กิ่งหลิวพลิ้วลม แต้มแต่งสระแสนละมุน
รอจนหลิ่วจิ้งกลับไป นางจ้าวจึงอ้างว่าตนเองไม่ค่อยสบาย ก่อนจะรีบจากไปเช่นกันอาหนูอยู่ต่อเป็เพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าและคอยเอ่ยคำปลอบโยนคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็คนที่มองโลกทะลุปรุโปร่งจะจับพิรุธในเื่นี้ไม่ได้ได้อย่างไร จึงไม่ได้พูดสิ่งใดอีก
แรกอรุณเบิกฟ้า นอกหน้าต่างฝนร่ำ แสงฝนคลุมทึบดังซ่าๆยามเช้ากลับยิ่งสงัดเงียบ ลมอ่อนฝนพรม เงาไม้โบกหนักกลางไพร ส่งเสียง ‘ซู่...ซู่…’ ทิ้งเศษซากไปทั่ว
แสงบนผิวน้ำเคลื่อนไป ระลอกน้ำกระเพื่อมเบาปลาทองหลายตัวเย้าหยอกกลางสายวารี แสงวิบวับเงาเดียวดายทอดตัวบนผิวน้ำ ปลากระโจนเหนือน้ำส่งเสียง ‘จ๋อม’ คราวหนึ่งกระแทกจนเงาสะท้อนแตกสลาย
“ฮูหยิน แย่แล้วเ้าค่ะ” ร่มแต้มลายคันหนึ่งรี่เข้ามากลางสายฝนมองเห็นชายกระโปรงของคนใต้ร่ม มือกุมกอดเสื้อผ้าสีสดใสไว้แน่นในอกสายฝนเอียงสาดเข้าหา ชายกระโปรงจึงเปียกโชกฝนในทันตาเห็นเพียงคนผู้นั้นสีหน้าซีดขาว แววตาร้อนรนดังสีเขียวที่มีเต็มสวนใบหน้างามอาบโชกด้วยฝน
“เชอะ ฮูหยินแย่แล้วอันใดกัน ฮูหยินยังอยู่ดี”
อิ๋งเหอได้ยินเสียงร้องเข้ามารายงาน จึงถอนหายใจเบาๆ ไปหนหนึ่งมองออกนอกหน้าต่างไปยังซีชิวที่เดินเข้ามาจากลานบ้านพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
หลิ่วจิ้งที่อยู่ข้างๆ กำลังนอนหลับสบายอิ๋งเหอรีบวางสะดึงผ้าปักในมือลงบนโต๊ะ เปิดม่านประตูเดินออกไปดึงตัวสาวใช้รุ่นเล็กที่กำลังหุบร่มให้เข้ามาในห้อง
“เ้าเด็กนี่ บอกเ้ากี่ครั้งกี่หนแล้ว ความเคยชินแย่ๆของเ้านี่แก้ไม่หายสักที” อิ๋งเหอสอนนางเหมือนสอนน้องสาว ทั้งถลึงตาใส่เด็กหญิงเดิมทีก็เป็พี่น้องในเรือนเดียวกัน จึงไม่จำเป็ต้องทำตัวเหินห่าง
เห็นในมือนางถือชุดเสื้อผ้าที่ตัดมาใหม่ จึงโค้งมุมปากขึ้นพร้อมแววตายินดีในดวงตา เอ่ยว่า “ให้เ้าไปเอาเสื้อผ้าเ้าต้องร้องแร่แห่กระเชิงเพียงนี้ด้วยรึ”
“ข้าร้องแร่แห่กระเชิงที่ใด เมื่อครู่นี้ข้าผ่านเรือนของฮูหยินจ้าวมีคนห้อมล้อมอยู่ที่นั่นเต็มไปหมดเลย” ซีชิวเอ่ยทั้งหอบหายใจหนัก
นางมองดูหลิ่วจิ้งที่กำลังหลับสบายอยู่บนเตียงคราวหนึ่งแล้วพูดเสียงเบาต่อไปว่า “ข้าแปลกใจจึงเข้าไปมุงดูสักหน่อย เ้ารู้หรือไม่เกิดเื่ใดขึ้น?”
อวี้จิ่นเห็นว่าซีชิวทำตัวลึกลับ ทำให้เกิดความอยากรู้ขึ้นมาเอ่ยทั้งแววตาสงสัยว่า “เรือนฮูหยินจ้าวเกิดอะไรขึ้นอีกหรือ?”
เดิมทีหลิ่วจิ้งก็ไม่ได้นอนหลับลึกจึงถูกเสียงเอะอะของซีชิวปลุกให้ตื่น เวลานี้ได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกัน จึงจงใจแสร้งทำเป็เพิ่งตื่นนอนลุกขึ้นมาหาว
“พวกเ้าพึมพำอะไรกันอยู่ตรงนั้น?” หลิ่วจิ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน มองตาปรือมาที่ทั้งสองคน
ซีชิวเห็นว่าหลิ่วจิ้งตื่นแล้วจึงรีบเข้าไปหาหยดน้ำไหลลงมาจากหน้าผากนางจึงเอาผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บอยู่ที่เอวขึ้นมาเช็ดค่อยนั่งลงที่ข้างเตียง กล่าวว่า “ฮูหยินเ้าค่ะ ท่านไม่ทราบเมื่อครู่ข้าเดินผ่านเรือนของฮูหยินจ้าวเห็นว่ามีคนห้อมล้อมเต็มไปหมด จึงเข้าไปดูกลับได้ยินคนบอกว่าต้นไผ่ที่มีอยู่ทั่วเรือนนางผลิดอกแล้วเ้าค่ะ!”
“อะไรนะ?” อวี้จิ่นและอิ๋งเหอล้วนตื่นใยกใหญ่กับสิ่งที่ซีชิวพูด
หลิ่วจิ้งเอ่ยเสียงเบาว่า “ไผ่ผลิดอก [1] มิใช่เื่ดีอันใด”
ดวงตานางขยับ รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาวานนี้เพิ่งเกิดเื่ที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าเหตุใดวันนี้ไผ่ในเรือนของฮูหยินจ้าวก็มาผลิดอกอีก?
เห็นหลิ่วจิ้งไม่พูดจา อิ๋งเหอจึงขยิบตาให้ซีชิวอย่างรู้ความ
ซีชิวตบหัวตัวเองกล่าวว่า “ดูความจำข้าสิ!” ว่าพลางล้วงเอาขวดดินเผาวาดลายบนพื้นสีน้ำเงินประดับดอกไม้ทองฝังมุกออกมาจากกระเป๋าในเสื้อ
หลิ่วจิ้งเห็นว่าขวดดินเผามีลวดลายวิจิตรประณีตมุขสีชมพูแต่ละเม็ดส่งแสงแวววาวก็รู้ว่าเป็ของล้ำค่า จึงถามว่า“เป็ของมาจากที่ใดอีกล่ะนี่?”
“ตอนข้ามาเมื่อครู่นี้พี่สาวเรือนฮูหยินอาหนูฝากให้ข้านำมาให้ฮูหยินเ้าค่ะบอกเพียงว่าตอบแทนบุญคุณที่ฮูหยินช่วยเหลือในวันนั้นเ้าค่ะ
หลิ่วจิ้งเห็นซีชิวพูดอย่างมีความสุขออกรสออกชาติ จึงค่อยๆเปิดฝาออก ทันใดนั้นกลิ่มหอมของดอกไม้พร้อมกับไอเย็นเป็สายก็พุ่งขึ้นมาปะทะจมูก ก่อนจะค่อยๆกระจายไปทั่วห้อง ทำให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย จิตใจปลอดโปร่งยิ่งนัก
“เป็ของดีจริงๆ ด้วย!”ดวงตาแวววางดังดวงดาวของอิ๋งเหอโค้งขึ้นดังจันทร์เสี้ยวประดับอยู่บนใบหน้ายิ้มมองหลิ่วจิ้งพลางเอ่ย
หลิ่วจิ้งปิดขวดเสียแล้วส่งให้อิ๋งเหอ ให้นางเอาไปเก็บไว้ในชั้นเก็บของ
อิ๋งเหอเอาของไปเก็บเดินกลับมาเห็นหลิ่วจิ้งไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าคิดว่าจะต้องเป็เพราะเื่ที่ซีชิวพูดไปรบกวนจิตใจนางเข้า จึงถามว่า “ฮูหยินจะไปดูที่เรือนฮูหยินจ้าวหรือไม่เ้าคะ?”
ได้ยินอิ๋งเหอพูดดังนี้ หลิ่วจิ้งหัวเราะออกมาคำหนึ่ง กล่าวว่า“เวลานี้เกรงว่าที่ใดก็คงจะวุ่นวายไปหมด พวกเรามีแต่จะไปหาเื่ใส่ตัวเสียเปล่า”
อิ๋งเหอได้ยินแล้วพยักหน้าหงึกหงัก จึงนั่งลงกลับไปหยิบสะดึงขึ้นมาปักผ้าต่อ
อวี้จิ่นอยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำเห็นหลิ่วจิ้งเอาแต่มองไปนอกหน้าต่างไม่ได้สนใจนางจึงขยับเข้าไปหน้าโต๊ะและปักผ้ากับอิ๋งเหอ
ดูคล้ายว่าใบหน้าของหลิ่วจิ้งกำลังสงบแต่ในใจกลับอดรู้สึกกังขาไม่ได้ ไผ่เกล็ดั [2] นี้ ครั้นจะตายเหตุใดจึงได้มาตายไปเป็ทิวแถว? ในขณะที่นางกำลังสงสัยอยู่นั้น ก็เห็นว่าพ่อบ้านหวังกำลังกางร่มและเร่งเดินเข้ามาทางกลางสายฝน
หลิ่วจิ้งคลุมเสื้อคลุมออกไปรับที่หน้าประตูเมื่อเปิดประตูมาก็เห็นพ่อบ้านหวังกำลังเก็บร่มและกำลังจะเคาะประตู
“พ่อบ้านหวัง ข้าเห็นว่าท่านฝ่าฝนมาจากข้างนอก มีเื่ใดเร่งรีบเช่นนั้นหรือ?”
พ่อบ้านหวังเห็นว่าหลิ่วจิ้งมีสีหน้าสดใส จึงพยักหน้าและกล่าวว่า“ไผ่ลายัในเรือนฮูหยินจ้าวผลิดอก ฮูหยินผู้เฒ่าห่วงว่าเพราะเทศกาลผี [3] จวนจะมาถึง เกรงว่าจะมีภัยร้ายใดจึงบอกว่าวันพรุ่งจะเชิญนักพรตมาทำพิธีที่โถงใหญ่เพื่อปัดเป่าเคราะห์ร้ายขอรับ”
หลิ่วจิ้งฟังพ่อบ้านหวังพูดเช่นนี้ จึงพยักหน้า กล่าวว่า“ข้าจำได้แล้ว”
เมื่อบอกกล่าวเสร็จเรียบร้อย พ่อบ้านหวังจึงคำนับนางก่อนจะหันหลังกางร่มเดินตามทางเดินมีหลังคาจากไป
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ไผ่ผลิดอก ถือว่าเป็เื่อัปมงคลเพราะปกติแล้วไผ่จะขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อถ้าวันใดมีดอกแสดงว่าดินฟ้าอากาศหรือดินผิดปกติจนต้นจะตายจึงเร่งออกดอกออกมาและถือว่าบ้านที่มีไผ่ออกดอกจะโชคร้ายไปด้วย
[2] ไผ่เกล็ดั เป็ไผ่หายากที่ปล่องพาดเอียงไปมาสลับกันเหมือนลายเกล็ดัต่างกับไผ่ทั่วไปที่เป็ปล่องยาวๆ ตรงๆ
[3] เทศกาลผี หรือ วันสารทจีน中元节(จงหยวนเจี๋ย) ภาษาแต้จิ๋วว่า"ตงหง่วงโจ่ย" เป็วันที่ไหว้ภูตผี