“ถ้าพี่วาใจร้ายได้ครึ่งหนึ่งของพี่วินก็คงดีสิคะ พิชญ์จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจกับการจากไปแบบนี้” หยดน้ำตาหล่นร่วงลงพื้น หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มด้วยความผิดหวังอย่างถึงที่สุด
“พิชญา” ธาวินกัดฟันเรียกชื่อหญิงสาว พลางเลื่อนมือขึ้นมาบีบคอ จนเธอหายใจไม่ออก สองมือน้อยๆ ตะเกียกตะกายจับมือหนาเอาไว้ ครู่หนึ่งชายหนุ่มจึงยอมปล่อย แล้วหันไปทุบกำแพงหนึ่งครั้งเพื่อระบายอารมณ์
“โธ่โว้ย”
“พี่วินจำไว้เลยนะคะ นับจากวันนี้ พี่วินไม่ใช่พี่ชายของพิชญ์อีก” หญิงสาวพูดจบจึงเบี่ยงตัวเดินออกไป ทิ้งให้คนใจร้ายก้มหน้านิ่งอยู่ตรงนั้น
ธาวินจมดิ่งในความรู้สึกหลายร้อยอารมณ์ ดวงตากลอกกลิ้งไปมาด้วยความสับสน ก่อนจะเลื่อนมือไปเปิดน้ำจนสุด เขาใช้น้ำอำพรางน้ำตาของตัวเอง สิ่งที่หญิงสาวควรได้รับ นั่นคือความเ็ปเฉกเช่นเดียวกับพี่ชายของเขา
พิชญาพุ่งตัวลงบนเตียงนอนแสนนุ่มของตัวเอง ก้มหน้าร้องไห้อย่างหนัก พลางนึกถึงคำพูดของมารดาที่เคยสั่งเสียไว้ ว่าให้เธอเข้มแข็ง หากแต่ใครจะเข้มแข็งอย่างไรไหว เมื่อธาวินในวัยเด็กที่ว่าร้ายกาจ มาวันนี้เขากลับร้ายกาจกว่าเดิมเป็สิบเท่า หญิงสาวลุกขึ้นนั่งปัดน้ำตาของตัวเองออก
แล้วพุ่งตัวไปยังตู้เสื้อผ้า ดึงกระเป๋าใบใหญ่ออกมาแล้ว รีบพับเสื้อผ้าทั้งหมดยัดใส่ด้วยความรีบร้อนมือเล็กพัลวันก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และกวาดข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดจับยัดใส่รวมกัน แล้วหอบหิ้วกระเป๋าสีฟ้าอ่อนใบใหญ่เดินดุ่มๆ ออกจากบ้านปัญญาพิพัฒน์ ก่อนจะเรียกแท็กซี่มารับไป
“คิดว่าจะหนีพ้นหรือ คุณยังไม่ได้ชดใช้ให้พี่ชายผมเลย” ธาวินยืนกอดอก มองลงมาจากชั้นสองของบ้าน ด้วยแววตาเจ็บแค้น
“พี่เร็วหน่อย เดี๋ยวผมไปสัมภาษณ์งานไม่ทัน” ภีมพลบอกคนขับวินมอเตอร์ไซค์ด้วยน้ำเสียงเร่งรีบท่ามกลางการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักหนาสาหัส แม้แต่รถใหญ่ยังไม่สามารถขยับได้ หัวใจเขาเต้นระทึกดังกลองร้อยตัวด้วยเพราะกลัวไม่ทันสัมภาษณ์งาน นาฬิกาปลุกดันมาเสียเอาเวลาสำคัญ จึงเกิดเหตุการณ์วิบัติเช่นนี้
“โอย น้องรถมันติดไม่เห็นหรือไง”
“โห พี่แทรกให้ผมหน่อยสิ อีกห้านาที จะไม่ทันแล้ว” ชายหนุ่มยังคงเร่งเร้า อย่างต่อเนื่องแข้งขาอยู่ไม่เป็สุขเพราะมัวแต่โยกตัวไปมา
“ฮ่วย งั้นมาขับเอง” พี่วินมอเตอร์ไซค์จอดรถ แล้วเรียกให้ภีมพลมาขับด้วยตัวเอง เผื่อเขาจะใจเย็นลงบ้าง หากไม่เป็เช่นนั้นพี่วินมอเตอร์ไซค์คิดผิดถนัด จะขอคืนรถในตอนนี้คงไม่ทันการณ์ ชายหนุ่มโชว์สกิลด้วยการซิกแซ็กไปมาอย่างหวาดเสียว
“น้องๆ ใจเย็น” พี่วินมอเตอร์ไซค์ตบไปที่บ่าของเขารัวๆ ด้วยความกลัวพลางนั่งตัวแข็งทื่อ
“เย็นไม่ไหวแล้วพี่ เย็นอีกนิดผมตกงานแน่” เขาบิดมุ่งตรงไปยังสถานที่สัมภาษณ์งานทันที ครู่หนึ่งเมื่อขับมาถึงจุดหมาย จึงทำการจ่ายเงินเสร็จสรรพ ก่อนจะหันหน้าเข้ามายังโรงงานที่ว่า ป้ายเขียนชื่อติดชัดว่า “ปัญญาพิพัฒน์” เขายิ้มให้กำลังใจตัวเองหนึ่งครั้งแล้วก้าวเดินไปยังห้องสัมภาษณ์งาน
ใช้เวลาสัมภาษณ์ไม่นานนัก ทางผู้จัดการฝ่ายผลิตก็ตอบรับเข้าทำงานทันทีเช่นเดียวกัน ก่อนจะพาเดินสำรวจโรงผลิต ที่มีเครื่องจักรจำนวนมาก เรียงต่อกันเป็แถวยาวสุดสายตา
“เครื่องจักรพวกนี้ มีการชำรุดบ่อยครั้ง คุณเห็นแล้วคิดว่าตัวเองไหวไหม” ผู้จัดการหันมาถามด้วยน้ำเสียงจริงจังผ่านเสียงเครื่องจักรหลายตัวที่กำลังทำงานอยู่ ภีมพลหันมองดูรอบๆ เขารู้สึกตะลึงและเป็การเปิดโลกเป็อย่างมาก เครื่องจักรหลายร้อยตัวทำงานต่อเนื่องกันเพื่อผลิตชิ้นส่วนจำพวกโลหะ
“ไหวครับ” เขาตอบด้วยความมั่นใจก่อนอีกฝ่ายจะพยักหน้ารับแล้วมีคำสั่งให้เปลี่ยนเสื้อผ้า และเริ่มงานในทันที
