หลังจากจ้าวเหม่ยหลินทำธุระของตนเองเสร็จเรียบร้อย โดยมีกงเจวี๋ยยืนเฝ้าดูต้นทางให้จากด้านนอก ก็ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มสร่างเมาแล้ว
ยามนี้ทั้งสองคนยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้นชั้นสองของหอ กงเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพียงแค่คว้ามือของจ้าวเหม่ยหลินแล้วจูงก้าวเดินขึ้นไปยังชั้นสอง
ทว่าการกระทำของเขากลับทำให้จ้าวเหม่ยหลินหัวใจเต้นแรงขึ้นมา ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงไม่ขัดขืน ไม่ดึงมือของตนเองออกเหมือนทุกครั้ง
ร่างเล็กกลับรู้สึกปลอดภัย อาจจะเป็เพราะที่ผ่านมาพูดคุยถูกคอกับบทสนทนาของชายหนุ่ม ความรู้สึกนี้อาจจะเป็การต้อนรับสหายคนสนิทคนแรกนับั้แ่ข้ามมายังโลกนี้กระมัง
กงเจวี๋ยหยุดฝีเท้าลงหน้าห้องหนึ่งทำให้จ้าวเหม่ยหลินที่เดินตามมาต้องหยุดฝีเท้าลงเช่นกัน ร่างเล็กเหลือบมองหมายเลขหน้าประตูห้องยี่สิบเอ็ด ซึ่งเป็ห้องที่นางเลือกที่จะเดินผ่าน
“ท่านอยู่ห้องนี้หรือ?” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย พลางก้มมองมือที่ยังประสานกันแน่น
“ใช่” กงเจวี๋ยหันมามองคนข้างกาย
เพียงสิ้นเสียงคำตอบของกงเจวี๋ย จ้าวเหม่ยหลินก็ขมวดคิ้ว ใบหน้างามแปรเปลี่ยนเป็ไม่พอใจ “อย่าบอกนะว่าท่าน…กับนางในห้องมีอะไรกัน?” ร่างเล็กดึงมือของตนเองกลับทันที
เสียงหวานของสาวงามที่นางได้ยินเมื่อตอนเดินผ่านยังดังก้องอยู่ในหัว ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูก
กงเจวี๋ยทำหน้าฉงนเล็กน้อย ก่อนจะยกนิ้วชี้แตะริมฝีปากเป็สัญญาณให้นางลดเสียงลง จากนั้นก็ผลักประตูห้องหมายเลขยี่สิบเอ็ดเปิดออก
ภายในห้องมีสาวงามในชุดสีขาวถูกมัดมือและปิดปากไว้ นางนั่งอยู่มุมห้องอย่างหมดหนทาง
กงเจวี๋ยหันมากล่าวเสียงเรียบ “นางเป็ฝ่ายเข้าหาข้าเอง ข้าไม่อยากวุ่นวายเลยจับมัดไว้แบบนี้จะได้ไม่มาก่อกวน” พร้อมกล่าวอย่างภาคภูมิ “เสน่ห์ของหญิงงาม ก็ยังทำอะไรข้าไม่ได้”
ร่างสูงยังเสริมเหตุผลอีกว่าที่มาหอเมิ่งฮวาบ่อยครั้ง ไม่ใช่เพราะหญิงงาม หากแต่เป็สุราเลิศรสของที่นี่ กงเจวี๋ยอยากได้สูตรสุราไปเปิดโรงเตี๊ยมเป็ของตนเองต่างหาก
จ้าวเหม่ยหลินฟังแล้วก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนเอ่ยเบาๆ “งั้นก็สมกับเป็ท่านจริงๆ”
“เช่นนั้น ข้าจะช่วยท่านเอง” ร่างเล็กยิ้มกว้าง ในที่สุดเวลาที่ได้ดื่มสุราก็มาถึงแล้ว
จ้าวเหม่ยหลินก้าวเข้าไปหาหญิงสาวในชุดสีขาว ก่อนจะคุกเข่าลงแก้มัดให้นาง จากนั้นก็คว้าถุงเงินที่ห้อยอยู่ข้างตัวกงเจวี๋ยโยนให้อีกฝ่ายพลางยิ้มมุมปาก
“ช่วยรินสุราให้พวกข้าสักไหสองไหสิ” ร่างเล็กกล่าวพร้อมยักคิ้วเล็กน้อย ท่าทางคล้ายหนุ่มน้อยเ้าเสน่ห์
หญิงงามพยักหน้ารับ นางหยิบถุงผ้าขึ้นมาเปิดออก แล้วค่อยๆ นับเงินจากด้านในด้วยสีหน้าพึงพอใจ
เมื่อแน่ใจว่าจำนวนเงินครบตามที่้าแล้ว นางก็หันมายิ้มบางให้จ้าวเหม่ยหลินเป็เชิงขอบคุณ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะไม้กลางห้อง แล้วบรรจงรินสุราลงจอกอย่างเชี่ยวชาญ
ทว่าไม่นานความสุขของจ้าวเหม่ยหลินก็ถูกขัดจังหวะโดยผู้มาเยือนคนใหม่
“พี่” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก ใบหน้าของเขาเบะคล้ายเด็กน้อยใกล้จะร้องไห้เต็มที
จ้าวเหม่ยหลินจึงหันไปมองตามต้นเสียง ก็เห็นว่ามีชายหนุ่มคุ้นตามายืนอยู่หน้าห้อง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าคือคนที่นางเพิ่งใช้สันมือทุบคอจนสลบไปก่อนหน้านี้ จึงยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
กงเจวี๋ยหันมองคนตัวเล็กข้างตัวด้วยความสงสัย ก่อนจะเอ่ย “เขาชื่อกงซุนเป็ลูกพี่ลูกน้องของข้าเอง ลูกของท่านน้า” น้ำเสียงนั้นเจือความไม่เข้าใจว่าทั้งสองรู้จักกันได้อย่างไร
กงซุนดูเหมือนจะจำจ้าวเหม่ยหลินได้เช่นกัน เขายิ้มกว้างรีบสาวเท้าเข้ามาแล้วคล้องแขนนางอย่างสนิทสนม “ข้าไม่ได้โกรธหรอกนะ ที่แท้ก็เป็เ้าที่ช่วยพาข้าไปพักในห้องนั้น ขอบคุณมาก ข้าคงเป็ลมไปเอง ฮ่าๆ”
“ไม่เป็ไรๆ” จ้าวเหม่ยหลินกล่าวตอบ
ขณะที่ทั้งสองดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี กงเจวี๋ยกลับทำสีหน้าไม่พอใจนัก ก่อนจะเดินเข้าแทรกกลางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แล้วดึงร่างเล็กของจ้าวเหม่ยหลินกลับมายืนข้างตนเองแสดงความเป็เ้าของโดยไม่พูดอะไร กงเจวี๋ยสนใจจ้าวเหม่ยหลินั้แ่หลิงเซียนแล้ว
“ข้าไม่ได้เจอกับเ้ามาหลายวัน อย่าเพิ่งไปผูกมิตรกับผู้อื่นเสียจนลืมข้า” กงเจวี๋ยเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ แล้วเดินนั่งลงเบาะผ้า ประคองสุราเข้าปาก
กงซุนเห็นท่าทางของลูกพี่ลูกน้อง แล้วก็หัวเราะเบาๆไม่ถือโทษอะไร ก่อนจะเดินตามเข้าไปนั่งลงเบาะผ้าเช่นกัน “มื้อนี้ข้าเลี้ยงเอง ถือว่าเป็การฉลองที่ได้รู้จักกันอย่างเป็ทางการ”
กงซุนยกจอกสุรา กล่าวต่อ “ตอนข้ายังเด็กเคยคิดจะหนีออกจากบ้านไปเป็จอมยุทธ์ แต่ดันหลงป่าอยู่สามวัน สุดท้ายต้องให้บ่าวตามไปลากกลับมา”
จ้าวเหม่ยหลินหัวเราะจนตาเป็สระอิ “ข้าว่าเ้าดูท่าทางเหมือนจะเอาตัวรอดเก่งเสียอีก ไม่นึกว่าจะมีเื่เช่นนี้ด้วย”
กงซุนยิ้มกว้างภูมิใจ “ก็เพราะอย่างนี้ ข้าถึงรู้ว่าการดื่มสุราสบายใจกว่าวิชายุทธ์ตั้งเยอะ” ชายหนุ่มหันมาทางจ้าวเหม่ยหลิน พลางแกล้งทำหน้าครุ่นคิด “ว่าแต่เ้าทุบคอข้าได้นี่ อย่าบอกนะว่าเคยฝึกวรยุทธ์”
จ้าวเหม่ยหลินยกจอกสุราขึ้นจิบ “เปล่า ข้าแค่ลองทำตามในซีรีส์”
“ซีรีส์? ของใช้หรือ” กงซุนเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะ “แปลกจริงๆ เ้าเป็หนุ่มน้อยที่ข้าคาดเดาไม่ได้เลย”
กงเจวี๋ยที่นั่งเงียบอยู่นานก็พลันหัวเราะออกมาเบาๆ ชายหนุ่มมองร่างเล็กข้างกายด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะเอื้อมมือมาเกลี่ยปอยผมที่ปรกแก้มของจ้าวเหม่ยหลินอย่างแ่เบา
“เ้าชอบทำอะไรแปลกๆ ตลอดเวลา แต่ก็เป็ตัวเ้าแบบที่ข้าชอบ” กงเจวี๋ยเอ่ยเสียงนุ่ม
จ้าวเหม่ยหลินชะงักนิ่งไปชั่วครู่ แก้มขึ้นสีระเรื่อความร้อนวูบวาบแล่นผ่านใบหน้า
จ้าวเหม่ยหลินรีบยกจอกขึ้นอีกครั้ง นางจิบสุราเพื่อกลบเกลื่อน แล้วเบือนหน้าหนีสายตาคมของกงเจวี๋ย นึกคิดในใจเขาคงจะเมามากแล้ว