ชายวัยกลางคนผู้นี้มีท่าทีไม่ต้อยต่ำไม่ยโส “นายท่านบ้านข้าเดินทางมาถึงตำบลจินจีเมื่อวาน วันนี้จึงทราบว่าบ้านท่านมีเื่มงคล ได้บุตรชายเพิ่มอีกสองคน จึงให้ข้านำของขวัญมาแสดงความยินดีเสียก่อน ในนี้มีผ้าไหมสองพับ เป็ของที่น้องสาวของนายท่านมอบให้ท่านขอรับ”
คนผู้นี้ชื่อจางหยวน เป็ผู้ดูแลประจำบ้านของหม่าซง
หม่าซงเป็พี่ชายของหม่าซื่อภรรยาของจางซิ่วไฉ เขารับซื้อเต้าหู้จากตระกูลหลี่ไปขายที่เมืองทางเหนือสามครั้งแล้ว ทำเงินได้จำนวนหนึ่ง
เมื่อคืนหม่าซงมาที่บ้านจางซิ่วไฉในตำบลจินจี เพื่อพักระหว่างเดินทาง คิดว่าวันนี้จะมาซื้อเต้าหู้ตระกูลหลี่แต่เช้า ผลกลับกลายเป็ว่า ได้ทราบเื่ที่บ้านหลี่มีลูกชายเพิ่มอีกสองคนจากปากสี่พี่น้องแต่เช้า คิดว่ายามนี้ที่บ้านหลี่คงยุ่งวุ่นวาย อาจไม่มีเวลาทำเต้าหู้มาขายให้ เขาจึงส่งผู้ดูแลมาถามไถ่เสียก่อน ทั้งยังถือโอกาสนำของขวัญมาแสดงความยินดีอีกด้วย
จางซิ่วไฉและหม่าซื่อเคยได้รับของมากมายจากบ้านหลี่ ทั้งยังคิดว่าเด็กชายทั้งสี่ของบ้านหลี่มีอนาคตไกล คราวนี้จึงนำผ้าไหมสองพับมามอบให้เป็ของขวัญแสดงความยินดี และให้จางหยวนนำมามอบให้ด้วยตนเองด้วย
หลี่ซานและหลี่หรูอี้รู้จักจางหยวนดี พวกเขารับของขวัญไว้แล้วบอกให้อีกฝ่ายนำคำขอบคุณไปบอกต่อหม่าซง จางซิ่วไฉ และภรรยาด้วย
จางหยวนนั่งจิบชาไปครึ่งถ้วย จึงค่อยพูดเข้าประเด็น “เถ้าแก่หลี่ นายท่านของข้าจะเดินทางไปทางเหนืออีกสามวันให้หลัง คราวนี้อยากซื้อเต้าหู้จากพวกท่านสามพันชั่ง ไม่ทราบว่าได้หรือไม่ขอรับ”
หลี่ซานมองไปทางหลี่หรูอี้ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่านางมีสีหน้าปกติจึงรีบตอบไปว่า “ได้ ได้แน่นอนขอรับ” ที่บ้านมีเด็กชายเพิ่มขึ้นอีกสองคน ค่าใช้จ่ายย่อมเพิ่มขึ้น ขายเต้าหู้ได้เพิ่มย่อมเป็เื่ดี
จางหยวนกล่าวอย่างดีใจ “เช่นนั้นก็ดียิ่ง”
หลี่หรูอี้เอ่ยถามไปว่า “กิจการขายเต้าหู้ที่เมืองทางเหนือดีหรือไม่เ้าคะ”
จางหยวนเผยรอยยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบไปด้วยแววตาจริงใจ “ขอกล่าวโดยไม่ปิดบัง พวกเราขายเต้าหู้ที่เมืองทางเหนือชั่งละสิบสองทองแดง นายท่านของข้ากล่าวว่า รอบนี้จะขึ้นราคาอีกขอรับ”
หลี่ซานตื่นตะลึงหาใดเปรียบ “ขายได้เงินมากเพียงนี้เชียวหรือ!” พวกเขาขายเต้าหู้ให้หม่าซงชั่งละสามทองแดงครึ่ง หม่าซงขายได้ชั่งละสิบสองทองแดง ได้กำไรชั่งละแปดทองแดงครึ่ง เขาจำได้ว่าคราวที่แล้วหม่าซงซื้อเต้าหู้จากพวกเขาไปสองพันหกร้อยชั่ง ทำกำไรไปได้หลายหมื่นชั่งเลยทีเดียว
ทว่าหลี่หรูอี้กลับพูดขึ้นว่า “เมืองทางเหนืออากาศหนาว เมื่อเต้าหู้ไปถึงทางเหนือก็จะกลายเป็เต้าหู้แช่แข็ง ทำให้ น้ำหนักลดลงเล็กน้อย เมื่อรวมกับระยะทางที่ค่อนข้างไกล รวมถึงค่าใช้จ่ายเื่คนเื่ม้า ขายชั่งละสิบสองทองแดงก็ไม่นับว่าแพง”
ในโลกก่อนของนางมีเทคโนโลยีการขนส่งเจริญรุ่งเรืองเป็อย่างมาก แม้จะเป็เช่นนั้นเมื่อถึงฤดูหนาวผักสดในตลาดก็ยังขายราคาแพง ในชีวิตนี้เต้าหู้มีเพียงตระกูลหลี่ที่ทำได้ ทั้งยังต้องอาศัยรถม้าในการเดินทาง อีกทั้งในฤดูหนาวภาคเหนือจะไม่มีผักชนิดอื่น หากจะขายเต้าหู้เท่าราคาเนื้อหมูก็นับว่าเป็เื่ปกติ
“คุณหนูหลี่กล่าวได้ถูกต้องแล้ว อากาศหนาวจนดินแข็ง ถนนก็กลายเป็น้ำแข็งไปหมด การที่พวกเราจะขนส่งเต้าหู้ไปยังเมืองทางภาคเหนือย่อมใช้เงินทุนไปไม่น้อย หากขายถูกก็จะขาดทุน” จางหยวนเห็นหลี่หรูอี้มีท่าทางสงบนิ่ง ในใจก็รู้สึกประหลาดใจนัก เขาติดตามหม่าซงขึ้นเหนือลงใต้มานานหลายปี ยังไม่เคยเห็นเด็กหญิงที่ฉลาดและมากไหวพริบเช่น หลี่หรูอี้มาก่อน
หลี่หรูอี้ถามขึ้นว่า “นายท่านของพวกท่านขายใบชาและผ้าไหมใช่หรือไม่ ข้าว่าเต้าหู้ของพวกข้าเป็ของติดไปขายตามสะดวกกระมัง?”
สำหรับบ้านหลี่ ทำการค้าครั้งหนึ่งได้เงินยี่สิบกว่าตำลึงก็นับว่ามากแล้ว แต่สำหรับหม่าซงที่เป็พ่อค้าระดับกลางย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตา
ในความคิดของนาง นางเดาว่าหม่าซงขายเต้าหู้ก็เพื่อสร้างชื่อเสียงและสายสัมพันธ์ให้ตนเอง
พ่อค้าที่ขายใบชาและผ้าไหมมีมากมาย แต่เต้าหู้มีเพียงบ้านหลี่แห่งหมู่บ้านหลี่ที่ทำได้ หม่าซงนำเต้าหู้ไปขายยังเมืองทางเหนือ ทั้งยังมีเขาที่เป็คนขายเพียงผู้เดียว คนร่ำรวยหรือขุนนางอยากซื้อหาก็ต้องมาติดต่อเขา ไปมาหาสู่จนรู้จักกัน สุดท้ายก็ขายใบชาและผ้าไหมได้ด้วย
“เมื่อก่อนเป็ของที่ถือโอกาสติดไปด้วยตามสะดวก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วขอรับ เมื่อกลุ่มการค้าของพวกเราไปถึงเมืองทางเหนือ ลูกค้าก็พากันมาซื้อเต้าหู้แล้ว” จางหยวนคิดในใจว่า ของที่ถือโอกาสติดไปขายด้วยกลับกลายเป็ใบชา ผ้าไหม เครื่องประทินผิว และเครื่องประดับเสียมากกว่า
ส่วนหลี่หรูอี้คิดในใจว่า หากนางเดาถูก และหากขายเต้าหู้ได้ดี สินค้าอื่นของอีกฝ่ายก็จะขายดีตามไปด้วย เมื่อเป็เช่นนั้นย่อมได้ประโยชน์และยินดีกันทั้งสองฝ่าย คิดได้ดังนั้นก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “่ก่อนปีใหม่พวกท่าน้าซื้อเต้าหู้เป็จำนวนมากใช่หรือไม่เ้าคะ”
“มากแน่นอนขอรับ เมื่อถึงเวลานั้นขอให้พวกท่านช่วยขายเต้าหู้ให้นายท่านของข้าด้วยนะขอรับ” จางหยวนเปิดเผย อย่างจริงใจว่า้าซื้อเต้าหู้จำนวนมากจากบ้านหลี่ใน่ก่อนปีใหม่
หลี่ซานกล่าวอย่างยินดี “เช่นนั้นก็ดีเหลือเกิน”
หลี่หรูอี้แอบกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ คิดว่าบิดาของตนเพียงอยากหาเงินให้ได้ แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า เต้าหู้จำนวนมากมายเพียงนั้นจะทำออกมาได้หรือไม่ นางมองไปยังจางหยวนแล้วเอ่ยอย่างเนิบช้า “่ก่อนปีใหม่ นอกจากบ้านพวกท่านแล้ว บ้านอื่นก็คงมาสั่งซื้อเต้าหู้จากบ้านเราเป็จำนวนมากเช่นกัน ข้ากลัวว่าจะยุ่งจนรับไม่ไหว คิดว่าอีกสองสามวันคงต้องหาคนมาช่วย”
จางหยวนกล่าวอย่างสงสัย “ตอนนี้พวกท่านยังไม่ซื้อคนอีกหรือ” คราวที่แล้วได้ยินหลี่หรูอี้บอกว่า จะซื้อคน
“เื่นี้ไม่อาจอธิบายได้เป็คำพูดสั้นๆ หรอกเ้าค่ะ” นางไม่อยากนำความทุกข์ระทมไปพูดต่อหน้าคนนอก “่ก่อนปีใหม่พวกท่าน้าเต้าหู้ประมาณกี่ชั่งหรือเ้าคะ กล่าวให้ข้าฟังดูก่อนเถิด ข้าจะได้คำนวณในใจ”
จางหยวนหารือเื่นี้กับหม่าซงมาก่อนแล้ว จึงตอบไปทันที “อย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นชั่งขอรับ”
หลี่หรูอี้ปรายตามองไปทางหลี่ซานครู่หนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “พวกเรามีคนเพียงเท่านี้ ทำไม่ไหวหรอกเ้าค่ะ”
จางหยวนเป็คนชนชั้นสูง เพียงมองปราดเดียวก็ดูออกแล้ว จึงรีบหันไปกล่าวกับหลี่ซานว่า “เถ้าแก่หลี่ บ้านท่านมีคนไม่พอ หากจะให้นายท่านส่งคนมาช่วยเหลือพวกท่าน ท่านจะคิดเห็นอย่างไรขอรับ”
หลี่ซานย่อมไม่อาจปล่อยให้คนนอกมาเรียนรู้การทำเต้าหู้ได้ จึงส่ายหัวแล้วตอบไปว่า “ไม่ขอรับ จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร”
“่ก่อนปีใหม่ต้องขายเต้าหู้ให้นายท่านของข้าหนึ่งหมื่นชั่งนะขอรับ” จางหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ชั่งละห้าทองแดงก็ได้ขอรับ”
หลี่ซานได้ยินดังนั้นก็แย้มยิ้มขึ้นมาโดยพลัน “นี่…”
“ท่านลุงจาง ท่านนั่งรอสักครู่นะเ้าคะ ประเดี๋ยวข้าจะไปนำร่างสัญญาเข้ามาให้ท่าน” หลี่หรูอี้เดินไปหยิบสัญญาที่เขียนไว้ล่วงหน้ามาจากในห้องนอน สัญญาแบ่งออกเป็สองฉบับ หลี่ซานประทับรอยนิ้วมือและลงชื่อให้เรียบร้อยก่อนส่งให้จางหยวน ให้จางหยวนนำกลับไปให้หม่าซงลงชื่อและประทับรอยนิ้วมือ
ครอบครัวหลี่อยากรั้งให้จางหยวนอยู่กินข้าวด้วยกันก่อน แต่จางหยวนต้องรีบกลับไปรายงานหม่าซง อีกทั้งยังไม่อยากรบกวนบ้านหลี่จึงขอตัวกลับไป
หลี่ซานยิ้มจนตาหยี “ลูกสาวข้า เมื่อครู่ข้ารับปากเถ้าแก่หม่าแล้วว่าจะขายเต้าหู้ให้เขาหนึ่งหมื่นชั่ง เ้าว่าหากตอนนั้นข้าหาคนงานมาช่วยอีกสองสามคนจะพอทำได้หรือไม่”
หลี่หรูอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ท่านไม่กลัวว่าสูตรทำเต้าหู้จะหลุดลอดไปสู่คนนอกหรอกหรือ หากท่านคิดจ้างคนงาน จะจ้างคนงานมากเพียงใดข้าย่อมไม่คัดค้าน”
หลี่ซานกระซิบบอก “ข้าจะให้พวกเขาทำเพียงโม่ถั่วเหลือง ไม่ปล่อยให้พวกเขาเห็นตอนพวกเราทำเต้าหู้แน่”
“ตามใจท่านเถิด” หลี่หรูอี้ถูกแิชาวบ้านของหลี่ซานกดทับจนรู้สึกหายใจไม่ออก
ในมือของนางมีเงินมากพอที่จะให้ครอบครัวมีชีวิตที่ดีและมีเงินเพียงพอที่จะซื้อบ่าวไพร่ ทว่าบ้านนี้นางไม่ได้เป็คนตัดสินใจในเื่ราวต่างๆ จำเป็ต้องให้ความเคารพหลี่ซานที่เป็หัวหน้าตระกูลด้วย
หลี่ซานเห็นหลี่หรูอี้มีสีหน้าเรียบเฉย ในใจก็รู้สึกไม่สงบ แต่หากจะให้ฟังคำพูดของลูกสาวเื่ซื้อคน เช่นนั้นในบ้านย่อมต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น การใช้ชีวิตย่อมกดดันมากขึ้น “ลูกสาวข้า เ้าคิดดูเถิด หากพวกเราซื้อคนเพียงเพราะงานก่อนปีใหม่ไม่กี่วัน หลังจากนั้นย่อมไม่มีอะไรให้เขาทำแล้ว”
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้ใดกล่าวว่าไม่มีเื่อะไรให้ทำเ้าคะ หลังจากผ่านปีใหม่ไปแล้ว เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ท่านก็จะพาท่านอารองของข้าไปทำนา ที่บ้านจะมีผู้ใดทำเต้าหู้อีก?”
หลี่ซานถึงกับตะลึงพรึงเพริด ระยะนี้กิจการขายเต้าหู้รุ่งเรืองมาก จนทำให้เขาลืมเื่ทำนา่ต้นฤดูใบไม้ผลิไปจนสิ้นแล้ว
“นอกจากนี้ท่านคิดว่า่ปีใหม่จะมีเพียงเถ้าแก่หม่าที่้าซื้อเต้าหู้หมื่นชั่งหรือ” หลี่หรูอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงกดดัน “ใต้เท้าหลิว นายอำเภอห่าว และจวนเยี่ยนอ๋องเล่า? หากพวกเขาสั่งเต้าหู้พร้อมกันคนละหลายพันชั่งหรือเกือบหมื่นชั่ง การค้าขนาดใหญ่เช่นนี้พวกเราจะรับหรือไม่ หากรับแล้วทำไม่ไหวจะทำอย่างไร นั่นเป็คนของจวนขุนนาง กล่าวเพียงประโยคเดียวก็ทำให้ครอบครัวเราล่มสลายได้แล้ว”
การค้าเป็งานที่อันตรายแต่รายได้ดี ยิ่งกำไรมากก็ยิ่งอันตรายมาก
ครอบครัวหลี่ทำการค้ากับคนของจวนขุนนาง ได้ทั้งหน้าตาและได้เงินมากมาย แต่หากส่งสินค้าไม่ตรงเวลาเพียงครั้งเดียว ก็อาจทำให้เกิดความวิบัติได้เช่นกัน
หลี่ซานเผยสีหน้าหวาดหวั่นออกมา เขาคิดเพียงว่าจะรับงานให้มากเพื่อทำงานให้มาก คิดเพียงว่าจะไม่ซื้อคนเพื่อประหยัดเงิน แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า วิธีการจ้างคนงานมาช่วยจะทำให้สูตรหลุดออกไป ทั้งยังไม่เคยคิดเลยว่า หากส่งเต้าหู้ไม่ทันเวลาจะมีจุดจบเช่นไร
ขณะนี้เองด้านนอกก็มีเสียงบุรุษผู้หนึ่งดังก้อง “สหายหลี่อยู่หรือไม่”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้