แม้ว่าแส้เหล็กจะทำให้มู่เฟิงได้รับาเ็ แต่โชคดีที่มันไม่ใช่อาการาเ็ภายในเป็เพียงแค่แผลภายนอกเท่านั้น หากเขาใช้พลังเืจากหยกเทพชูร่าออกมาหล่อเลี้ยงร่างกาย วันรุ่งขึ้นเขาก็คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
วันถัดมา เมื่อาแดีขึ้นมู่เฟิงก็ออกไปเยี่ยมไป๋จื่อเยว่อีกครั้ง และวันนี้ก็เป็วันที่หมอโอสถเหลิ่งสามารถกลั่นยาแก้พิษออกมาได้เช่นกัน
หลังจากไป๋จื่อเยว่ได้รับยาแก้พิษ หมอโอสถเหลิ่งก็ส่งพลังชีวิตเข้าไปช่วยกลั่นตัวยาภายในร่างของไป๋จื่อเยว่ เพื่อกระตุ้นการขับพิษ
กลางฝ่ามือของเด็กหนุ่มถูกกรีดเพื่อขับเืพิษสีดำให้ไหลออกมา เวลานี้ใบหน้าของไป๋จื่อเยว่เริ่มมีเืฝาดขึ้นเล็กน้อย
มู่เฟิง มู่ขวง ว่านเอ๋อร์ มู่หลิงเอ๋อร์และศิษย์ตระกูลมู่ต่างก็กำลังเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดหมอโอสถเหลิ่งก็ถอนพลังออก
“แค่ก แค่ก...!”
ทันใดนั้นไป๋จื่อเยว่ก็ไออย่างรุนแรง เขาพ่นเืสีดำออกมาก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“จื่อเยว่!”
“จื่อเยว่!”
เมื่อทุกคนเห็นว่าไป๋จื่อเยว่ได้สติแล้ว พวกเขาก็เผยสีหน้ายินดีออกมาทันที
“พี่เฟิง เสี่ยวขวง พี่หญิงหลิงเอ๋อร์ พี่สะใภ้ เหตุใดพวกท่านถึงมาอยู่ที่นี่กันหมด? ข้าเป็อะไรไป”
ไป๋จื่อเยว่ถามอย่างอ่อนแรง
“ฮ่าๆ เ้าเด็กนี่ ข้านึกว่าเ้าจะนอนหลับไปชั่วชีวิตแล้วเสียอีก”
มู่ขวงต่อยลงไปบนขาของไป๋จื่อเยว่ก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“เ้าถูกวางยา แต่ตอนนี้ไม่เป็อะไรแล้ว เ้าไม่เป็ไรแล้ว”
มู่เฟิงช่วยประคองไป๋จื่อเยว่ให้ลุกขึ้นนั่ง เขาสวมกอดไป๋จื่อเยว่ขณะกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เ้ารู้หรือไม่ว่าตอนที่เ้าถูกพิษ พี่เฟิงต้องเดินทางไปยังวังโบราณจิ่วซานที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อหาสมุนไพรมาแก้พิษให้เ้าโดยเฉพาะเลยนะ”
มู่ขวงยกมือขึ้นเช็ดดวงตาที่เปียกชื้นพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เขานึกว่าชีวิตนี้ของเขาจะไม่มีโอกาสได้เห็นสหายผู้นี้ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว
“พี่เฟิง...แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ข้ารู้ว่าท่านคงต้องเป็ห่วงข้ามากแน่ ขอบคุณท่านมาก”
ไป๋จื่อเยว่กล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ
“เ้าเป็พี่น้องของข้า ตราบใดที่ยังมีข้าอยู่ ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยให้เ้าเกิดเื่แน่ มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มู่ชิงเป็คนวางยาใช่หรือไม่ แล้วเขาเล่า?”
ไป๋จื่อเยว่เอ่ยถาม
“เ้ารู้ได้อย่างไร?”
มู่เฟิงประหลาดใจ
“พวกท่านบอกว่าข้าถูกวางยาพิษ พิษนั่นคงมาจากจอกสุราในตอนนั้นที่มู่ชิงนำมาให้ท่านดื่มเป็แน่”
ไป๋จื่อเยว่ไม่ได้โง่เขลา ดังนั้นเขาจึงสามารถเดาได้ทันที
“มู่ชิง...”
มู่เฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
ณ อาณาจักรหนานหลิง ภายในโถงใหญ่ของตระกูลมู่
เวลานี้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเทากำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางห้องโถง ส่วนมู่เฉิน มู่เยี่ย มู่หวาและผู้าุโคนอื่นๆ ของตระกูลต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
“บัดซบ เ้าลูกทรพี! เ้ารู้ความผิดของเ้าหรือไม่?”
มู่เยี่ยตบโต๊ะพร้อมตวาดออกมาอย่างเดือดดาล ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ
“ท่านพ่อ ลูกรู้ผิดแล้ว เวลานั้นิญญาร้ายครอบงำลูก ทำให้ลูกหลงผิดไป แต่ลูกไม่เคยคิดจะสังหารมู่เฟิงเลยนะขอรับ”
มู่ชิงคุกเข่าลงบนพื้น ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“เ้าเองก็รู้ดีว่าหนานหลิงเป็คนของจวนเป่ยอ๋อง นึกไม่ถึงเลยว่าเ้าจะยังหลงเชื่อคำพูดของเขา แล้วนำยาพิษนั่นไปทำร้ายน้องชายของเ้า เขาคือญาติผู้น้องที่มาจากสายเืของท่านลุงของเ้านะ เหตุใดข้ามู่เยี่ยถึงได้ให้กำเนิดลูกที่มีจิตใจชั่วช้าอย่างเ้ามาออกมากัน! โชคดีที่เฟิงเอ๋อร์ยังสบายดี หากว่าเขาเป็อะไรไป ข้าจะกลบฝังเ้าไปพร้อมกับร่างญาติของผู้น้องเสีย!”
มู่เยี่ยตวาดออกมาอย่างเดือดดาล สีหน้าของมู่เฉินและผู้อสาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็มืดครึ้มไม่น่ามอง
คิดไม่ถึงเลยว่าเื่การเข่นฆ่ากันเองในสายเืจะเกิดขึ้นกับตระกูลมู่ แน่นอนว่าเื่นี้ได้สร้างความอัปยศขึ้นภายในตระกูลเป็อย่างมาก
“มู่เยี่ย เื่นี้เ้าก็จัดการเอาเองเถอะ ถึงแม้เฟิงเอ๋อร์จะไม่เป็อะไร แต่ไป๋จื่อเยว่ก็เป็คนได้รับพิษแทน หากตอนนี้เ้าไม่ลงโทษเขาให้เหมาะสม ต่อไปจะใช้กฎระเบียบปกครองคนในตระกูลได้อย่างไร?”
มู่หวากล่าวอย่างเ็า
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นใบหน้าของมู่ชิงก็พลันซีดเผือดลง ส่วนใบหน้าของมู่เยี่ยก็มีร่องรอยของความเสียใจ เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้พลางหลับตาลง ไม่นานเขาก็ะโออกมาว่า “เข้ามา!”
ศิษย์ตระกูลมู่สองคนเดินเข้ามาในห้องโถงอย่างรวดเร็ว
“ลากตัวเ้าเด็กเนรคุณนี่ออกไป ทำลายวรยุทธ์และตัดแขนข้างหนึ่งของเขา จากนั้นขังเขาเอาไว้ในคุกของตระกูล”
มู่เยี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา น้ำตาไหลของเขาแทบจะไหลหยดออกมา
“ไม่นะ ท่านพ่อ ข้าผิดไปแล้ว ท่านพ่อ อย่าทำลายวรยุทธ์ของข้า ข้าผิดไปแล้ว ท่านพ่อ...”
มู่ชิงใจนหน้าถอดสี เขาะโขอร้องอ้อนวอนออกมาเสียงดัง ศิษย์สองคนของตระกูลมู่เดินเข้ามาลากตัวมู่ชิงที่กำลังหวาดกลัว
“ช้าก่อน!”
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้นเสียก่อน
ศิษย์ผู้หนึ่งของตระกูลมู่รีบวิ่งเข้ามาในห้องโถง เขาคุกเข่าลงบนพื้นและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านผู้นำตระกูล นายน้อยส่งจดหมายด่วนมาด้วยเื่การตัดสินโทษของมู่ชิงขอรับ โปรดอ่านจดหมายก่อนตัดสินใจใหม่อีกครั้งด้วยขอรับ”
หลังจากกล่าวจบ ศิษย์ผู้นั้นก็ส่งมอบจดหมายที่เขียนโดยมู่เฟิงออกมา
มู่เฉินหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาเปิดอ่าน เขาพบว่าในจดหมายมีเพียงบทกวีหนึ่งบทและคำพูดสั้นๆ เท่านั้น
เมื่ออ่านจบมู่เฉินก็ถอนหายใจ ก้อนที่เขาจะส่งต่อจดหมายนั่นให้มู่เยี่ยและมู่หวา
หลังจากมู่เยี่ยได้อ่านจดหมายฉบับนั้นเขาก็ไม่อาจควบคุมน้ำตาได้อีกต่อไป หยดน้ำตาของเขาไหลลงมาทันที
“เฟิงเอ๋อร์...”
หลังจากมู่หวาอ่านจบ เขาก็มองไปทางมู่ชิงที่กำลังถูกกดให้นอนราบอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าผิดหวัง เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป แต่ก่อนไปเขาก็ทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้ว่า “เคารพความตั้งใจของเฟิงเอ๋อร์เถอะ”
“ขอบคุณผู้าุโใหญ่”
มู่เยี่ยกล่าวพร้อมคำนับมู่หวา
จากนั้นมู่เยี่ยก็มองไปทางมู่ชิงและเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย เขาดึงร่างของมู่ชิงขึ้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “เ้าลูกทรพี เ้าดูสิ่งที่น้องของเ้าเขียนมาด้วยตาตัวเองเถอะ”
มู่ชิงรับจดหมายฉบับนั้นมาอย่างมึนงงระคนสิ้นหวัง ภายในใจของเขาคิดว่าจดหมายฉบับนี้จะต้องเขียนขึ้นมาเพื่อไม่ให้ยกโทษให้เขาอย่างแน่นอน
แต่หลังจากได้อ่านเนื้อความในจดหมาย มู่ชิงก็รู้สึกตกตะลึงจนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น น้ำตาแห่งความเสียใจและความรู้สึกผิดไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขา
เนื้อหาภายในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า
ต้มถั่วไว้ทำแกง คั้นถั่วเป็น้ำสกัด
ใต้หม้อมีต้นถั่วไหม้ ในหม้อถั่วร้องไห้
เกิดมาจากรากเดียวกัน ไฉนจึงรีบเร่งต้มกัน
ท่านลุงใหญ่ ท่านปู่ใหญ่ ท่านอาสาม เื่นี้ช่างมันเถิด ถึงอย่างไรเขาก็เป็ญาติผู้พี่ของข้า ในวัยเยาว์ไม่ว่าใครก็ล้วนเคยทำผิดกันทั้งนั้น ข้าไม่้าเห็นท่านอาสามของข้าต้องร้องไห้ด้วยความเ็ปใจ
มู่เฟิง
“มู่เฟิง...มู่เฟิง...น้องชายข้า ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว...”
ชั่วพริบตานั้นเหมือนกับว่ามู่ชิงเพิ่งจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาร้องไห้คร่ำครวญน้ำตาไหลอาบหน้า
“จำเอาไว้ ครั้งนี้ถือว่าเ้าเป็หนี้ชีวิตเฟิ่งเอ๋อร์ จากนี้ไป หากเ้ากล้าทำสิ่งใดผิดต่อตระกูลมู่และน้องชายของเ้าอีก ข้ามู่เยี่ยจะสังหารเ้าด้วยตัวของข้าเอง เ้าลูกทรพี”
มู่เยี่ยกล่าวออกมาด้วยความเ็ป
“ท่านพ่อ ข้ารู้ผิดแล้ว ฮือๆ...ท่านลุงใหญ่ ข้ารู้ผิดแล้ว...”
มู่ชิงคุกเข่าลงบนพื้น ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้...
เมื่อมีคนทำผิด การจะให้อภัยใครสักคนนั้นจำเป็ต้องใช้ความกล้าหาญมากกว่าการเกลียดชังเสียอีก
ครอบครัวสิ่งใด? ไม่ว่าเ้าจะทำผิดในเื่ใดก็ตาม ขอเพียงเ้าสำนึกผิดและกลับตัว คนผู้นั้นก็พร้อมจะอ้าแขนรับเ้าเสมอ นั่นคือครอบครัว แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่จะทนรับความผิดพลาดของเ้าไปได้ตลอด ฉะนั้นจงถนอมผู้คนเหล่านี้เอาไว้ให้ดี...
ณ สำนักศึกษาเทียนอวิ๋น ภายในเรือนโอสถ
“จื่อเยว่ เ้าเข้าใจในเหตุผลของการกระทำของพี่เฟิงหรือไม่?”
มู่เฟิงเอ่ยถาม
ไป๋จื่อเยว่นอนอยู่บนเตียงโดยวางมือเอาไว้หลังท้ายทอย เขากล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “หากให้พูดกันตามตรง ข้าก็อยากจะสังหารเขาอยู่หรอก ไม่ใช่เพราะเขาทำร้ายข้า แต่เพราะเขา้าทำร้ายท่าน
“แต่ในเมื่อท่านยกโทษให้เขาแล้ว ข้าจะสามารถกล่าวโทษอะไรเขาได้อีกเล่า ถึงอย่างไรข้าก็ยังไม่ตายเสียหน่อย”
มู่ขวงกล่าวว่า “เมื่อก่อนข้าก็เคยไม่เข้าใจพี่เฟิง แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว"
มู่เฟิงลุกขึ้นยืน เขาเหม่อมองไปทางดอกหลีฮวาที่อยู่นอกหน้าต่าง ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “แม้ว่าข้าจะไม่ได้รักใคร่ผูกพันกับเขา แต่ข้ารู้ซึ้งถึงความเ็ปของการสูญเสียผู้คนอันเป็ที่รักดีว่ามันเป็เช่นไร และข้าไม่้าให้อาสามของข้าต้องทนทุกข์ทรมานกับความเ็ปนี้
“ดาบในมือมีไว้เพื่อป้องกันเท่านั้น เอาไว้ปกป้องตัวเอง ญาติมิตร คนรักและสหาย ไม่ได้มีไว้เพื่อการเข่นฆ่าผู้อื่น บิดาของข้าเคยบอกเอาไว้ว่าทหารไม่กลัวา แต่ไม่อาจเป็ผู้เริ่มาได้”
หลังจากได้ฟังคำพูดนี้ ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็มองเด็กหนุ่มด้วยความชื่นชม...