องค์หญิงใหญ่ชิงเหอกล่าวถึงตรงนี้ก็ไม่ได้พูดต่อแต่ทุกคำที่นางพูดออกมา ทำให้หัวใจของฮ่องเต้หยวนเต๋อเต้นแรง
ฮ่องเต้หยวนเต๋อหลับตาซุกซ่อนความคิดขัดแย้งในดวงตา
ครู่หนึ่ง ยามที่ดวงตาคู่นั้นเปิดอีกครั้งดวงตาของเขาแน่วแน่ “ทหาร จุดไฟ!”
ภายในวังหลวง ฉับพลันนั้นก็มีควันหนาทึบเกิดขึ้นตามทิศทางของตำหนักชีอู๋ควันขยายตัวและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดดูเหมือนจะมีเปลวเพลิงที่ตรงนั้นแม้แต่ในตอนกลางวันก็ยังเห็นได้ชัดเจน
ในสวนร้อยสัตว์ เหนียนยวี่ ฉู่ชิงและฮองเฮาอวี่เหวินเพิ่งมาถึงนอกป่าพุ่มหนามเห็นเพียงควันหนาทึบลอยขึ้นมาฉับพลัน
"ป่าถูกเผาแล้ว!ดูเหมือนว่าเราไม่จำเป็ต้องเข้าไปในป่าพุ่มหนามนี้ต่อแล้ว"มุมปากเหนียนยวี่ยกยิ้มเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่ฉู่ชิงพลาดโอกาสที่จะสำรวจส่วนลึกของป่า
แต่เมื่อฮองเฮาอวี่เหวินเห็นควันหนาทึบร่างกายของนางสั่นไหวในทันที มีบางอย่างกะพริบในดวงตานาง "เขา...ครานี้เขายอมออกคำสั่งงั้นหรือ?"
ความหมายของคำไม่ชัดเจน แต่ทว่าเหนียนยวี่สามารถเข้าใจความหมายได้
เขา? ฮ่องเต้หยวนเต๋อ?
ครานี้...
ในใจนางคิดถึงองค์หญิงจี้เยวี่ยอีกครั้งหรือ?
ความประชดประชันในคำพูดนั้นเหนียนยวี่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นข้างนอกสวนร้อยสัตว์เมื่อคืนได้ยินถึงความขุ่นเคืองต่อฮ่องเต้หยวนเต๋อในคำพูดของฮองเฮาอวี่เหวินนางอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าปีนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ควันหนาทึบมาพร้อมกับเปลวเพลิงไม่เพียงแต่ในวังเท่านั้น แต่ยังรวมถึงที่อื่นๆ นอกประตูวัง ต่างล้วนเห็นควันและเปลวเพลิงปกคลุมทั่วท้องนภาพากันคาดเดาว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นในวังหลวง
จวนเหนียน
เมื่อวาน ณ งานเลี้ยงในสวน ข่าวที่ว่าคนทั้งสี่ได้รับจี้หยกเกล็ดับัดนี้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองชุ่นเทียนแล้ว
ในบรรดาคนทั้งสี่คน ยังรวมถึงเหนียนยวี่ คุณหนูรองจวนเหนียนเมื่อเหนียนเย่าได้ยินข่าว ยามรุ่งเช้าจึงเรียกให้ทุกคนในจวนเหนียนมารวมตัวกันแม้แต่จ้าวอิ้งเสวี่ยที่ไม่ค่อยออกมาก็นั่งอยู่ในห้องโถงด้วยสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวโดดเด่นสะดุดตา
"ยวี่เอ๋อร์เล่า?" เหนียนเย่าเข้าประตูมา และกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว
ยามนี้ ในสายตาเขาดูจะมีแค่เหนียนยวี่เมื่อไม่เห็นเหนียนยวี่ พื้นที่กลางระหว่างคิ้วก็ดูจะย่นเข้าหากันเล็กน้อย
“ผู้ใดรู้บ้าง? คุณหนูรองสร้างหน้าสร้างตาให้จวนเหนียนของเรานะเ้าคะนายท่านได้ยินว่ามีค่าระดับที่เป็รองแค่ตราแผ่นดินหยกเท่านั้น...จริงหรือไม่”อนุสองลู่ซิวหรงกล่าวถึงจี้เกล็ดั ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นทว่าคนอื่นๆ ในนั้นต่างก็มีแววตาเป็ประกายอย่างอดไม่ได้
เพราะเื่นี้ เหนียนเย่าถึงได้มีความสุขมาก เขาหัวเราะร่าออกมา“แน่นอน อดีตจักรพรรดิได้ทรงมอบสมบัติสองชิ้น จี้หยกเกล็ดัก็เป็หนึ่งในนั้นฮ่าๆ ยวี่เอ๋อร์ช่างเป็หน้าเป็ตาให้ตระกูลเหนียนของเราจริงๆ พ่อบ้าน ที่ข้าสั่งให้ไปสร้างหอสูงให้คุณหนูรองได้เื่ไปถึงไหนแล้วเล่า?”
เมื่อพ่อบ้านถูกถามคำถามนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหันจึงผงะไปครู่หนึ่ง "นายท่าน ท่านมิได้หมายถึงเื่ที่ให้ไปสร้างที่ลาน..."
เมื่อพ่อบ้านเอ่ยถึงตรงนี้แล้วเห็นสีหน้าของเหนียนเย่าก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ รีบเปลี่ยนคำพูดทันที เขาคุกเข่าลงกับพื้นเอ่ยอย่างตื่นตระหนกว่า "บ่าวได้สั่งให้คนเตรียมตัวแล้วขอรับวันนี้น่าจะเริ่มงานได้เลย"
สีหน้าเหนียนเย่ายังคงฉายแววพะอืดพะอมและวางตัวไม่ถูกจึงกระแอมไอออกมาเบาๆ "ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็เร่งดำเนินการเื่นี้ให้เร็วขึ้น"
คนอื่นๆ ที่ฟัง ในใจเองก็เข้าใจดีตอนแรกพวกเขาคิดว่าคุณหนูรองสูญเสียความโปรดปรานจากองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ เพราะเหตุนั้น นายท่านจึงสั่งยกเลิกเื่ที่จะสร้างหอสูงทว่าไม่มีผู้นึกเลยว่า ไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณหนูรองจะได้รับจี้หยกเกล็ดัถ้าหากว่าเื่ราวกลับพลิกผันอีกเล่า?
“จี้หยกเกล็ดันั่นมีค่าขนาดนั้นเลยหรือ?เช่นนั้น…เช่นนั้นคุณหนูรองของพวกเราก็มีสมบัติที่มีค่าเหลือคณาอย่างนั้นหรือ?”สวีหว่านเอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อนึกถึงของกำนัลที่นางเคยมอบให้คุณหนูรองก่อนหน้านี้ อดไม่ได้ที่จะปรายตามองลู่ซิวหรงอย่างโอ้อวด "ข้าก็บอกแล้วว่าคุณหนูรองของพวกเรามีสูงส่งกว่าที่คิด"
คิดถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นั้แ่พิธีบรรลุนิติภาวะไม่รู้ว่าเหนียนยวี่ผู้นั้นมีโชคอะไร? พลาดจากคนสูงส่งอย่างองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ทว่ายังมีคนสูงส่งท่านอื่นอีกมิใช่หรือ?
ดูเหมือนว่า ตนคงต้องเข้าหานางหน่อยแล้ว
ลู่ซิวหรงจะไม่เข้าใจความหมายในสายตาที่ปราดมองของสวีหว่านเอ๋อร์ได้อย่างไร?
ปากบูดบึ้งอย่างขุ่นเคือง ครานี้นางคงมองผิดไปจริงๆไม่ได้การแล้ว สวีหว่านเอ๋อร์จะต้องมีจุดประสงค์ที่ได้สนิทสนมกับเหนียนยวี่ นางจะชักช้าตามหลังไม่ได้
“หึทว่ามันก็เป็แค่จี้หยกที่แตกแล้ว แล้วมันแปลกอย่างไร จี้หยกเกล็ดันั่นมีค่าก็จริงทว่าแตกก็คือแตก อีกอย่างชิ้นที่เหนียนยวี่ได้รับ ก็เป็แค่เศษเสี้ยวชิ้นหนึ่งนายท่านเ้าคะ พวกเราทุกคนในจวนเหนียน ค่าใช้จ่ายแต่ละปีก็ไม่น้อย จะเกินกำลังไปหรือไม่ที่จะสร้างหอสูงให้ยวี่เอ๋อร์ มิใช่เื่สิ้นเปลืองเกินไปหรือ ท่านแม่ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
หนานกงเยวี่ยค่อยๆ จิบชา พ่นลมหายใจเบาๆเหนียนยวี่...
เมื่อนึกถึงเหนียนยวี่ ในใจหนานกงเยวี่ยเองก็อัดอั้นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ราวกับมีหินก้อนใหญ่กั้นขวางไว้ รู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง
เมื่อวานหลังจากมือของอีหลานได้รับาเ็นางก็คอยดูแลอีหลานและไม่ได้กลับไปงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวอีก
นางคิดว่าต่อให้เหนียนยวี่เล่นฉินได้นางก็ไม่มีทางที่จะคว้าที่หนึ่งมาได้ แต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเหนียนยวี่และท่านอ๋องมู่พวกเขาจะได้ที่หนึ่งร่วมกัน แล้วยังได้รับจี้หยกเกล็ดัอะไรนั่นอีก
ยามนี้ นอกจากความสงสัยในใจนางแล้ว ก็ยังมีความรู้สึกไม่พอใจด้วย
เมื่อหนานกงเยวี่ยพูดเยี่ยงนั้น สีหน้าเหนียนเย่าก็มืดมนขึ้นมาเล็กน้อยแน่นอนว่าฮูหยินผู้เฒ่าเหนียนเข้าใจหนานกงเยวี่ยที่ไม่ชอบเหนียนยวี่กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาก่อน...
“หึ แค่เศษชิ้นส่วนแตกๆธรรมดาเท่านั้นหรือ? เปิ่นกงจู่ได้ยินว่าเมื่อรวมเศษสี่ชิ้นนั่นเข้าด้วยกันฝ่าาจะยอมให้คำมั่นหนึ่งข้อ ข้ากลับคิดว่าคำมั่นนั่นเป็แค่เื่รอง ผู้คนต่างก็พูดกันว่าคนที่เก่งกาจฉินในแคว้นเป่ยฉีของพวกเราในหมู่บุรุษ ตำแหน่งที่หนึ่งเป็ของท่านอ๋องหลี ในหมู่สตรี หลังจากฉินชู ก็เป็คุณหนูใหญ่สกุลเหนียนที่เชี่ยวชาญที่สุดทว่าเมื่อวาน...ข้าอย่างไรก็ได้ยินว่าในการแข่งฉิน คุณหนูใหญ่พ่ายแพ้ไปั้แ่แรกไม่ใช่แค่นั้น ยังได้ยินอีกว่า...มือก็าเ็? ข้าคิดว่าไม่ใช่แค่ธรรมดามากที่แท้ก็แค่ยังไม่ดีพอ!”
จ้าวอิ้งเสวี่ยไม่แม้แต่ปิดบังการประชดถากถางด้วยน้ำเสียงแหบห้าวนั้น ยิ่งทำให้ผู้คนหน้าชาและยังทำให้หนานกงเยวี่ยอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก
จ้าวอิ้งเสวี่ยพูดออกมาเช่นนั้น ยามนี้บรรยากาศในห้องโถงก็ดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที
ลู่ซิวหรงสวีหว่านเอ๋อร์ต่างเหลือบมองไปที่หนานกงเยวี่ยอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อเห็นใบหน้าที่มืดมนของนาง พวกนางอดไม่ได้ที่จะลอบหัวเราะ
หึ ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยผู้นี้สมเป็ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยจริงๆแม้พวกนางจะได้ยินเื่พวกนี้มาเช่นกัน แต่ก็ทำได้แค่พูดคุยกันเป็การส่วนตัวไม่กล้าเผชิญหน้ากับหนานกงเยวี่ย
ต้องรู้ว่า เหนียนอีหลานเป็สมบัติที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของหนานกงเยวี่ยนึกไม่ถึงเลยว่าท่านหญิงอิ้งเสวี่ยจะตบหน้าหนานกงเยวี่ยต่อหน้าผู้คนมากมาย
ตามคาด หนานกงเยวี่ยเดิมก็รู้สึกหายใจไม่ออก ด้วยเพราะเหตุการณ์เมื่อวานยามนี้หนานกงเยวี่ยนั่งไม่ติด นางวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรงและลุกยืนขึ้นทันที จับจ้องจ้าวอิ้งเสวี่ยอย่างดุร้าย
ไม่ดีพอหรือ? ไม่นึกเลยว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยจะพูดว่าเหนียนอีหลานของนางไม่ดีพอ