จิตสมาธิจ้านอู๋มิ่งจมดิ่งอยู่ท่ามกลางพลังเคล็ดวิชาเทพอนัตตาที่มีต่อปฏิกิริยาของฟ้าดิน มีความเข้าใจโดยทั่วไปเกี่ยวกับองค์หญิงเชียนเชียนส่วนหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งลอบถอนหายใจ ถึงแม้จะทราบสาเหตุแล้ว แต่การแก้ไขยากลำบากยิ่งนัก ความบกพร่องของธาตุแห่งชีวิต มีเพียงพลังแก่นแท้จิติญญาของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิเท่านั้นที่สามารถเสริมเติมขึ้นได้ บางทีอาจสามารถชะลอการขยายตัวของหลุมดำในจิติญญาชีวิตขององค์หญิงเชียนเชียน แต่แผ่นดินนี้ไม่มีพลังแก่นแท้จิติญญาเลย แม้แต่อาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน ก็มีลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาจำนวนน้อยนัก ลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาที่แท้จริงมีเพียงที่สมรภูมิรบต่างแดนในอาณาจักรเร้นลับเท่านั้นที่สามารถผลิตได้จำนวนมาก แต่สถานที่นั้นในรอบร้อยปีจะเปิดแค่ครั้งเดียว
เื่เล่าขานว่าไว้ แผ่นดินต่างๆ ก็เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อแย่งชิงลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญา การต่อสู้ดุเดือดเืพล่านยิ่งนักจนเป็โศกนาฏกรรม ดังนั้นหาก้าใช้ลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาเพื่อช่วยองค์หญิงเชียนเชียน แม้แต่เ้าเมืองวันสิ้นโลกก็ยังไม่สามารถทำได้
จ้านอู๋มิ่งเกิดความชื่นชมในองค์หญิงเชียนเชียนขึ้นมาแล้ว เสียงดนตรีขององค์หญิงเชียนเชียนกลับสามารถทำให้จิติญญาชีวิตของผู้คนร่วมขับขาน ถึงแม้นางไม่สามารถฝึกฌานบ่มเพาะพลัง แต่ความเข้าใจในมรรคาแห่งฟ้าดินนั้นช่างน่าทึ่งยิ่งนัก หากหญิงสาวผู้นี้สามารถฝึกฌานบ่มเพาะพลัง นางจะต้องบรรลุความสูงส่งล้ำเลิศสุดหยั่งคาด เทียบกับตนแล้วมีแต่จะเหนือกว่ามิมีด้อยกว่า กลับมีหญิงสาวแปลกพิสดารเช่นนี้นางหนึ่ง!
“เจิง…” เสียงสดใสกังวานดังขึ้นครั้งหนึ่ง เสียงบรรเลงหยุดลง บทเพลงสิ้นสุดแล้ว ขณะเสียงบรรเลงสุดท้ายดังขึ้น พลังเที่ยงแท้อนัตตาเกิดการเปลี่ยนแปลงคราหนึ่ง พลังแก่นแท้จิติญญาที่ัักับจิติญญาแห่งชีวิตขององค์หญิงเชียนเชียนกลับถูกดูดกลืนโดยหลุมดำแห่งชีวิตของนาง จ้านอู๋มิ่งใอย่างใหญ่หลวง พลังเที่ยงแท้อนัตตาโคจรรวดเร็วยิ่งขึ้น แข็งขืนถอยกลับออกมาจากพลังอำนาจแห่งการกลืนกิน
ท่ามกลางหลุมดำที่เกิดขึ้นในจิติญญาชีวิตขององค์หญิงเชียนเชียนกลับกอปรด้วยยันต์ค่ายกลลึกลับ หลุมดำนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ!
กลับเป็หลุมดำที่คนสร้างขึ้น!
มันเป็ผู้ใดกันแน่ กลับมีขอบเขตพลังสูงส่งน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ถึงกับสามารถจัดวางหลุมดำภายในจิติญญาชีวิตของผู้คน คนผู้นั้นสามารถหยั่งรู้เข้าใจจำนวนตัวเลขชีวิตสูงส่งถึงระดับใดแล้ว? มันบรรลุขอบเขตการควบคุมชะตาชีวิตหรือเหนือกว่าจนหลุดพ้นแล้ว? วัตถุประสงค์ของคนผู้นั้นที่สร้างรูปแบบค่ายกลประหลาดเช่นนี้ในจิติญญาชีวิตขององค์หญิงเชียนเชียนคือสิ่งใด? จ้านอู๋มิ่งััรับรู้ว่า ชั่วขณะหนึ่งของเมื่อครู่นั้น ชะตาชีวิตของตนดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับจิติญญาชีวิตขององค์หญิงเชียนเชียนอย่างแยกกันไม่ออก ท่ามกลางความมืดมิดมีดวงตาคู่หนึ่ง เหลือบมองชะตาชีวิตของเขาคราหนึ่ง ในขณะที่เขาหลุดพ้นจากหลุมดำในจิติญญาชีวิตขององค์หญิงเชียนเชียนด้วยพลังเที่ยงแท้อนัตตา ทำให้จิติญญาชีวิตของเขาสะท้านคราหนึ่ง ความรู้สึกเช่นนั้นไม่สามารถสลัดออก แต่ว่าเขามีความเชื่อมั่นต่อเคล็ดวิชาเทพอนัตตายิ่งนัก มหาอนัตตา ชะตาชีวิตหวนคืนอนัตตาสู่ความว่างเปล่า จึงมองไม่เห็นอย่างเด็ดขาด
……
ผ่านไปเนิ่นนาน เสียงหายใจหนักๆ ค่อยๆ ดังขึ้นภายในห้องโถง ผู้คนต่างทยอยตื่นจากภวังค์ตามลำดับก่อนหลัง ร่างกายของคนจำนวนมากเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ แต่ดูเหมือนทุกคนจะพึงพอใจอย่างยิ่ง คล้ายดั่งจิตสมาธิของทั้งหมดล้วนได้รับการผ่อนคลายครั้งหนึ่งก็ปาน
“เสียงอันยอดเยี่ยมขององค์หญิงเชียนเชียนเหมือนดั่งนั่งสมาธิระดับลึกล้ำ จิตใจข้าสงบเหมือนดั่งได้รับการชะล้างบาป มรรคากว้างใหญ่แห่งฟ้าดินท่ามกลางเสียงดนตรีช่างแช่มชื่นราวกับสายธารา มู่หรงชิ่นยอมรับนับถืออย่างยิ่งแล้ว!” เสียงหนึ่งทำลายความเงียบเป็คนแรก ความรู้สึกดีของจ้านอู๋มิ่งที่มีต่อคนผู้นี้เพิ่มขึ้นมาก เงยหน้าขึ้นมอง พบว่าเป็คนแรกที่ตื่นจากภวังค์ สติหวนคืนกลับมาต่อจากเขา
“สามารถได้รับคำชมจากคุณชายมู่หรง เชียนเชียนรู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก ล้วนทราบกันว่าขลุ่ยหยกเลาหนึ่งของคุณชายมู่หรง ในใต้หล้าขอบเขตระดับเดียวกันไร้ผู้เทียมทาน มิเพียงแต่สร้างทักษะการต่อสู้เองจนไร้ผู้ทัดเทียม เสียงเพลงยังหาฟังยากยิ่งในโลกหล้า เพียงแต่ไม่ทราบว่าเมื่อใดเชียนเชียนจะสามารถได้ฟังเสียงขลุ่ยของคุณชาย” องค์หญิงเชียนเชียนดูเหมือนจะเข้าใจมู่หรงชิ่นเป็อย่างดี
“หลังจากได้ยินเสียงพิณขององค์หญิงเชียนเชียน มู่หรงชิ่นมิกล้าแสดงความอัปลักษณ์แล้ว อา อีกสักครู่ค่อยขอคำแนะนำจากองค์หญิงเชียนเชียนในเื่อื่นเถอะ!” มู่หรงชิ่นพูดขึ้นด้วยจิตใจกว้างขวาง
องค์หญิงเชียนเชียนก็ไม่บังคับแข็งขืน ยามนี้เอง หนานกงชิงเอ่ยปากพูดขึ้น “ผู้น้อยหนานกงชิง ได้ยินเสียงพิณบทหนึ่งขององค์หญิงเชียนเชียนแล้ว ััรู้สึกถึงิญญาบริสุทธิ์กระจ่างใส เศษฝุ่นผงธุลีล้วนมลายสูญหายจนหมดสิ้น ดุจดั่งเมฆากระจัดกระจายออก ท้องฟ้าเปิดโล่งจนปลอดโปร่ง ประเสริฐล้ำเลิศเหนือกว่าเสียงใดๆ ของธรรมชาติทั้งมวลจริงๆ”
……
จากนั้น ทุกคนต่างพากันออกความเห็นของตนทีละคน ล้วนแล้วแต่ยกย่องบูชาและคำพูดสรรเสริญ ต้วนหลิวฉางผู้หลงใหลในรักผู้นี้แค้นที่มิอาจคุกเข่าลงกับพื้นและร้องเพลงสรรเสริญเสียงดังขึ้นมา ทำให้จ้านอู๋มิ่งถึงกับเหงื่อตก คนพวกนี้ล้วนเป็คนเช่นไรกัน ราวกับร้องเพลงสรรเสริญยกย่องคุณธรรมความสำเร็จก็มิปาน
สุดท้าย สายตาทุกคนต่างจ้องไปที่จ้านอู๋มิ่ง จ้านอู๋มิ่งจึงได้ตระหนักว่าตนเองยังมิได้กล่าววาจาใดๆ พูดอย่างเคอะเขินว่า “ทุกคนล้วนต้องกล่าววาจาหรือ?”
ทุกคนตะลึงงัน นี่คือวาจาอันใดกัน? จ้านอู๋มิ่งพูดจาไร้มันสมองออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นนี้ ทุกคนล้วนคิดว่าช่างขบขันยิ่งนัก แต่ก็ได้ถามขึ้นมาจริงๆ ว่าทุกคนต้องแสดงความคิดเห็นเื่เสียงพิณนี้ใช่หรือไม่? เื่นี้ไม่ได้มีการกำหนดเป็ระเบียบแต่อย่างไร ในเมื่อไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์เช่นนั้นแล้ว ผู้อื่นไม่แสดงความคิดเห็น ทุกคนย่อมมิควรไปจับจ้องมองเขาแบบนี้ จึงทำให้ทุกคนขวยเขินขึ้นมาแล้ว
“ไม่มีรสนิยมเอาเสียเลย ยังกล้ามาทำลายบรรยากาศที่นี่ น่าอับอายขายหน้านัก!” หนานกงชิงเห็นโอกาสดีที่จะทำให้จ้านอู๋มิ่งต้องอับอายขายหน้าต่อฝูงชน เมื่อจ้านอู๋มิ่งถามคำถามนี้ พลันเขานึกขึ้นมาได้ คนผู้นี้มาจากตระกูลเล็กๆ ในเมืองมู่เหย่ และดำเนินชีวิตหาเลี้ยงชีพด้วยการออกล่าสัตว์อสูรในถิ่นฐานอันดื้อรั้นป่าเถื่อนและห่างไกล คาดว่าไม่น่าจะรู้จักดนตรีใดๆ ทั้งสิ้น มีโอกาสที่ดีเช่นนี้ ไม่ทำร้ายจ้านอู๋มิ่งสักหลายคำก็จะรู้สึกผิดต่อหนานกงฉู่ที่เสียชีวิตไป
จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว เขารู้สึกว่าสิ่งที่หนานกงชิงพูดมานั้นช่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ยามนี้องค์หญิงเชียนเชียนเอ่ยปากแล้ว ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “พี่หนานกงกล่าวหนักไปแล้ว ท่านผู้นี้คือคุณชายจ้านแห่งสำนักบริบาลเดรัจฉานและก็เป็แขกรับเชิญที่เชียนเชียนเชิญมา ความจริงเสียงพิณของเชียนเชียนก็แค่บรรเลงอย่างง่ายๆ ตามอำเภอใจเท่านั้นเอง ยังไม่ถึงขั้นประณีตมีรสนิยมสูงส่งแต่ประการใด ไม่จำเป็ที่ทุกคนจะต้องออกความเห็นวิจารณ์ ขอเพียงคุณชายจ้านยินยอมรับฟัง เชียนเชียนก็รู้สึกเบิกบานใจยิ่งนักแล้ว”
จ้านอู๋มิ่งรู้สึกสงสารเสียดายในใจขึ้นมาวูบหนึ่ง คนที่ประเสริฐเช่นนี้ กลับต้องมามีชะตากรรมเช่นนี้ อดที่จะทอดถอนใจคำหนึ่งมิได้
“ไฉนคุณชายจึงทอดถอนใจ หรือว่าการต้อนรับของเชียนเชียนขาดตกบกพร่อง?” องค์หญิงเชียนเชียนได้ยินจ้านอู๋มิ่งทอดถอนใจ อดถามด้วยความประหลาดใจมิได้ คนอื่นๆ ก็มองจ้านอู๋มิ่งอย่างงวยงง อยู่ดีๆ ไฉนจึงทอดถอนใจขึ้นมา ถึงอย่างไรบทเพลงขององค์หญิงเชียนเชียนก็สมควรได้รับการชื่นชมยกย่องจากทุกคน พวกเขาไม่เข้าใจว่าจ้านอู๋มิ่งหมายความเช่นไร
ทุกคนเห็นจ้านอู๋มิ่งอวดดีกับตระกูลหนานกงเมื่อตอนเข้าสู่เมืองวันสิ้นโลก อีกทั้งระหว่างทางมาตำหนักองค์หญิงเชียนเชียน ได้ต่อสู้และทำร้ายหวางป้าเหอแห่งสำนักกระบี่ิญญาจนกลับบ้านไป แล้วแย่งรถเทียมสัตว์อสูรขับมาถึงที่นี่อย่างสง่าผ่าเผย จะเห็นได้ว่าเ้าหมอนี้ไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาอย่างเด็ดขาด กลับมิมีผู้ใด้าไปล่วงเกินเขา
จ้านอู๋มิ่งตกตะลึง เมื่อครู่เพียงทอดถอนใจตามความรู้สึกในใจ คิดไม่ถึงว่าทำให้ทุกคนได้ยินแล้ว รู้สึกเคอะเขินยิ่งนัก แต่ว่าในเมื่อองค์หญิงเชียนเชียนถามแล้ว เขาไม่พูดก็จะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาแล้ว ครุ่นคิดแล้วจึงพูดว่า “ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าฟ้าช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย มอบพร์มากความสามารถ สติปัญญาสูงส่งเลิศล้ำเช่นนี้ให้องค์หญิงแล้ว แต่ไม่ได้มอบชะตาชีวิตที่ดีให้องค์หญิง หากว่าไม่นานหลังจากนี้ องค์หญิงจากไปแล้ว จะทำให้ชั่วชีวิตนี้ของเหล่าชายหนุ่มผู้หลงใหลฝันใฝ่จำนวนมากมายเพียงใดในใต้หล้ารู้สึกเบื่อหน่ายเพียงไหน!”
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งพอพูดออกมา บรรยากาศในห้องโถงแปรเปลี่ยนไปแล้วอย่างกะทันหัน สายตาดุร้ายหลายคู่จับจ้องเขม็งที่จ้านอู๋มิ่ง ต้วนหลิวฉางเองก็ขุ่นข้องแค้นเคืองใจยิ่งนัก ศิษย์น้องเล็กที่พูดจาไม่เก่งผู้นี้! หากเ้าไม่สามารถกล่าววาจาเอ่ยคำชมได้ ถามศิษย์พี่สิ ศิษย์พี่สามารถสอนให้เ้าพูดจาไพเราะน่าฟังสักหลายๆ คำก็ได้ เ้าจะได้ไม่ต้องมาพูดจาสาปแช่งองค์หญิงเชียนเชียนแบบนี้
องค์หญิงเชียนเชียนไฉนชะตาชีวิตไม่ดี? ผู้อื่นเป็ถึงบุตรีของท่านเ้าเมืองวันสิ้นโลกเชียวนะ สตรีผู้ภาคภูมิแห่ง์ ศักดิ์ฐานะสูงส่ง ประเสริฐสุดเปรียบปาน ชายหนุ่มเปี่ยมพร์ทั่วหล้าทุกคนล้วนชื่นชมและต้องแหงนหน้ามอง ไฉนชะตาชีวิตจึงไม่ดีเล่า? ยังบอกว่าหากไม่นานหลังจากนั้น องค์หญิงจากไปแล้วอะไรนั่นอีก นี่ยังมิใช่สาปแช่งให้ผู้อื่นอายุสั้นอีกหรือ? ข้าเป็ศิษย์พี่ของเ้าสามารถให้อภัยในความเขลาของเ้า แต่องค์หญิงเชียนเชียนมีผู้คลั่งไคล้นับพันนับหมื่น หากถูกพวกเขาทราบแล้ว แน่ใจได้ว่าจะตามล่าเ้าตลอดไปมิตายไม่ยอมเลิกรา
จ้านอู๋มิ่งไม่สนใจสายตาของทุกคน ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคน เขาคงตายไปหลายสิบครั้งเนิ่นนานแล้ว หนานกงชิงและมู่หรงชิ่นมองไปทางองค์หญิงเชียนเชียน ้าดูท่าทีการแสดงออกขององค์หญิงเชียนเชียน แต่พวกเขาต้องผิดหวังแล้ว องค์หญิงเชียนเชียนมีสีหน้าเงียบสงบ ยังคงยิ้มน้อยๆ เช่นเดิม คล้ายดั่งคำพูดเมื่อครู่นี้ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อนางเลย
“ไฉนคุณชายจึงพูดเช่นนี้?” อารมณ์องค์หญิงเชียนเชียนเรียบสงบอย่างยิ่ง ดวงตาคู่งามเปล่งประกายที่สังเกตแทบไม่ออกขึ้นวูบหนึ่ง
“ชีวิตผู้คนในโลกิยะ พรหมลิขิตมีสามประการแบ่งเป็จิติญญาชีวิต ธาตุแห่งชีวิตและชะตาชีวิต หากปราศจากชะตาชีวิตที่ดี ไม่อาจบรรลุปณิธานของคนมากความสามารถ เมื่อครู่ได้เห็นพรหมลิขิตขององค์หญิงแล้ว ธาตุแห่งชีวิตมีความบกพร่อง จิติญญาชีวิตมีตำหนิ ชะตาชีวิตได้รับความเสียหาย ความเสียหายของผู้คน อายุขัยอาจเป็ร้อยปี ความเสียหายของดินอายุขัยนับรอบหกสิบปี ความเสียหายของฟ้าอายุขัยไม่เกินสิบปี ชะตาชีวิตขององค์หญิงคือชะตาชีวิตความเสียหายของฟ้า หากไม่มีดวงชะตาที่ย้อนทวนฝืนลิขิตฟ้า ยากลำบากที่จะเกินสิบปี ดังนั้น อู๋มิ่งจึงรู้สึกเสียดายอย่างลึกซึ้งยิ่งนัก”
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งทำให้ผู้คนโดยรอบตื่นตระหนกทันที แม้แต่มู่หรงชิ่นก็สองตาเบิกกว้าง แก้มทั้งสองข้างขององค์หญิงเชียนเชียนใบหน้าแดงระเรื่อ พึมพำขึ้น “ชะตาชีวิตความเสียหายของฟ้า กลับเป็ชะตาชีวิตความเสียหายของฟ้า…”
ดวงตาของสาวใช้หลายคนรอบๆ องค์หญิงเชียนเชียนเปล่งประกายเจิดจ้า ทุกคนในห้องโถงพากันตกตะลึง สาวใช้เหล่านี้ล้วนมีฐานบ่มเพาะระดับขอบเขตจักรพรรดิาทั้งสิ้น ก่อนหน้านี้ซ่อนเร้นงำประกาย และเนื่องเพราะฐานบ่มเพาะสูงกว่าคนอื่นๆ มาก ทุกคนจึงมองไม่ออก ยามนี้รู้สึกใกับคำกล่าวของจ้านอู๋มิ่ง จึงลืมตัวมิได้งำประกายซ่อนพลัง ทุกคนรู้สึกทอดถอนสะท้อนใจ นางเป็ถึงบุตรสาวของเ้าเมืองวันสิ้นโลก แม้แต่สาวใช้ก็ยังเป็ยอดฝีมือจักรพรรดิา สาวใช้เหล่านี้ต้องได้รับการจัดสรรเป็พิเศษโดยเ้าเมืองเพื่อปกป้ององค์หญิงเชียนเชียนอย่างแน่นอน
“คิดไม่ถึงว่าคุณชายนอกจากฐานบ่มเพาะสูงส่งแล้ว กลับยังเชี่ยวชาญศาสตร์พยากรณ์ทำนายชะตาชีวิตของสำนักเร้นลับ สิ่งที่คุณชายกล่าวมาเชียนเชียนทราบมานานแล้ว แต่เชียนเชียนคิดเสียว่าชีวิตผู้คนต่อให้ต้องกระชั้นอย่างเช่นดาวหาง ขอเพียงสว่างเจิดจ้าไร้สิ้นสุด ความเป็ตายก็เพียงคล้อยตามวิถีแห่ง์ อย่างเช่นที่คุณชายพูดมา ฟ้ามอบสติปัญญาสูงส่งเลิศล้ำให้ข้า ทั้งมอบรูปโฉมงามสะคราญและพร์มากความสามารถให้แล้ว จะต้องทำให้เกิดสมดุลมีความเสมอภาคกับผู้อื่น มิอาจสมบูรณ์เพียบพร้อมในทุกด้าน คำพูดคุณชายใช่หมายความเช่นนี้หรือไม่?” องค์หญิงเชียนเชียนยิ้มเรียบๆ คราหนึ่ง คล้ายดั่งชืดชาต่อความเป็ตายเนิ่นนานแล้ว
“องค์หญิงกล่าวผิดแล้ว!” สีหน้าจ้านอู๋มิ่งดูใ พูดเรื่อยเฉื่อย สบายๆ
“ถ้าเช่นนั้นคุณชายคิดว่าควรทำเช่นไร?” องค์หญิงเชียนเชียนถามอย่างประหลาดใจ
“คนธรรมดาสามัญอาจต้องคล้อยตามพรหมลิขิต แต่การฝึกฌานบ่มเพาะบำเพ็ญเพียรคือการต่อสู้ย้อนทวนฝืนฟ้า่ชิงชะตาชีวิต แล้วจะคล้อยตามวิถีแห่ง์ได้อย่างไร? ชะตาชีวิตกำเนิดมาบกพร่อง ข้าก็ฝึกฌานบำเพ็ญเพียรเสริมเติมเต็มชะตาชีวิต จิติญญาชีวิตกำเนิดมาบกพร่อง ข้าก็ฝึกฌานบำเพ็ญเพียรเสริมเติมเต็มเช่นกัน โชคชะตากำเนิดมาบกพร่อง ข้าจะต่อสู้บุกบั่นฝ่าฟันทั่วสี่ทิศเพื่อ่ชิงมันมา การฝึกฌานบำเพ็ญเพียรก็เพื่อบรรลุความสมบูรณ์เพียบพร้อม หากมิใช่เพื่อบรรลุความสมบูรณ์เพียบพร้อม แล้วไยต้องไปปรับปรุงแก้ไขด้วยเล่า?” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
“คำวิจารณ์พี่จ้านสูงส่ง ฝึกฌานบำเพ็ญเพียร ย่อมเป็การย้อนทวนฝืนฟ้า่ชิงชะตาชีวิต ่ชิงโชคชะตากับฟ้า พวกข้าย้อนทวนฝืนฟ้าฝึกฌานบ่มเพาะพลัง เป็อาจารย์นักยุทธ์เพิ่มอายุขัยห้าสิบปี บรรลุปรมาจารย์นักยุทธ์อายุขัยสามารถเพิ่มสองร้อยปี สำเร็จราชันาอายุยืนยาวเพิ่มสามร้อยปี จักรพรรดิาสามารถอยู่ได้ถึงห้าร้อยปี ขอบเขตมหาจักรพรรดิาอายุขัยยาวนานถึงหนึ่งพันปี จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์สามพันปี เส้นทางการบ่มเพาะพลังความจริงก็คือกระบวนการ่ชิงชะตาชีวิตกับฟ้านั่นเอง พวกข้าไม่สามารถยอมแพ้ละทิ้งง่ายๆ” มู่หรงชิ่นเห็นด้วยกับคำพูดของจ้านอู๋มิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาพบส่วนที่ไม่ธรรมดาของจ้านอู๋มิ่ง ชายหนุ่มลักษณะเช่นนี้ควรค่าแก่การคบหา ดังนั้นเขาจึงเป็คนแรกที่แสดงความเห็นดีเห็นงาม สีหน้าของหนานกงชิงไม่ค่อยน่าดูแล้ว ตระกูลมู่หรงเป็ตระกูลสูงศักดิ์เทียบเท่าระดับเดียวกับตระกูลหนานกง นอกจากนี้อิทธิพลของมู่หรงชิ่นนั้นยิ่งใหญ่กว่าเขามากมายนัก
จ้านอู๋มิ่งส่งยิ้มให้กับมู่หรงชิ่นครั้งหนึ่ง
“ไม่ทราบว่าคุณชายมีวิธีการต่อสู้ย้อนทวนฝืนฟ้าเพื่อ่ชิงชะตาชีวิตให้องค์หญิงของข้าหรือไม่?” สาวใช้ข้างๆ องค์หญิงเชียนเชียนผู้หนึ่งชิงถามขึ้นก่อน
จ้านอู๋มิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มิว่าสตรีผู้นี้กับหลินซีรั่วจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เขารู้สึกชื่นชมในความสามารถและสติปัญญาสูงส่งของหญิงสาวผู้นี้ ชาติภพที่แล้วไม่ได้พบกันก็แล้วกันไป ชาตินี้ได้พบกันแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะเพิกเฉยไม่ยุ่งเกี่ยว ดังนั้นจ้านอู๋มิ่งพยักหน้าอย่างหนักๆ กล่าวว่า “ยากยิ่งนัก แต่โชคชะตาฟ้า ขอเพียงมีเส้นทางรอดสายใยเดียว วิธีการหาทางออกนั้นย่อมยังคงมีอยู่ แต่ว่าด้วยความสามารถของข้าในตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าองค์หญิงเชียนเชียนค่อยๆ เพิ่มขึ้น สีหน้าสาวใช้ข้างหลังนางกลับดูผิดหวัง วันนี้กลับมีคนพูดถึงชะตากรรมขององค์หญิงออกมาอย่างชัดเจน สามารถดูอายุขัยของนางออก สิ่งนี้ทำให้นางมีความหวังริบหรี่ขึ้นมา แต่จ้านอู๋มิ่งยังเยาว์วัยเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าสิ่งที่จ้านอู๋มิ่งพูดนั้นไม่แปลกปลอม ด้วยความสามารถในปัจจุบันของเขา เกรงว่าจะไม่มีความสามารถช่วยองค์หญิงได้
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยวิเคราะห์ดวงชะตาให้เชียนเชียน เชียนเชียนพึงพอใจชีวิตในชาติภพนี้มากแล้ว หากคุณชายมีเวลาว่าง อีกสักครู่เชียนเชียน้าสนทนากับคุณชายเพิ่มเติม ไม่ทราบคุณชายมีความเห็นเช่นไร?” องค์หญิงเชียนเชียนกล่าวเสียงเรียบๆ น้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีความทุกข์ใจใดๆ ที่วันเวลาของชีวิตเหลือไม่มากแล้ว
“ความเมตตาขององค์หญิง อู๋มิ่งจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร!” จ้านอู๋มิ่งครุ่นคิดแล้ว จึงตอบตกลงรับปาก ในเมื่อตัดสินใจช่วยเหลือแล้วก็จะไม่ลังเลอีกต่อไป
“คุณชายเรียกชื่อของเชียนเชียนก็พอแล้ว เชียนเชียนก็เรียกขานคุณชายว่าพี่จ้านก็แล้วกัน?” องค์หญิงเชียนเชียนยิ้มๆ
จ้านอู๋มิ่งได้แต่ยิ้มพลางผงกศีรษะ
พลันทุกคนในห้องโถงต่างก็พากันอิจฉายิ่งนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้