เมื่อเห็นท่าทางของโจวซื่อ ฉือหางก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็ห่วง "ท่านแม่ ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ?"
ก่อนที่มือของเขาจะแตะแขนของโจวซื่อ เขาก็ถูกโจวซื่อปัดมือออกไปแล้ว
"ข้าไม่้าให้เ้าประคอง!" โจวซื่อะโเสียงดังใส่ฉือหางด้วยความโกรธ ท่าทีของนางเต็มไปด้วยความโมโห
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วแน่น พูดง่ายๆ ก็คือ โจวซื่อมาที่นี่เพียงเพื่อขอเงิน
“์ของข้า ข้าเลี้ยงลูกจะมีประโยชน์อะไร” โจวซื่อพูดโดยจับกรอบประตูข้างตัว น้ำเสียงสำลัก “ลูกชายของข้าไม่ยอมอยู่ฝ่ายเดียวกับข้า ข้าคงใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
ฟางซื่อวิ่งเข้ามาจากข้างนอก ยื่นมือออกไปประคองร่างที่โคลงเคลงของโจวซื่อ มองไปที่ฉือหางด้วยสายตาเ็า "น้องชายสาม เ้าจะทำให้ท่านแม่ขุ่นเคืองเจียนตายให้ได้หรืออย่างไร?"
ฉือหางยืนอยู่ข้างๆ มองดูโจวซื่อด้วยอาการปวดศีรษะ คิดอย่างไรก็ยากที่จะเข้าใจ ท่านแม่ที่เมื่อก่อนพูดเสียงดัง ร่างกายแข็งแรงคนนั้นหายไปไหนแล้ว
“พี่สะใภ้รอง พี่กำลังพูดถึงอะไร?” หลินกู๋หยู่ก้าวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สายตามองที่คิ้วขมวดของฟางซื่อด้วยความเฉยเมย “พี่ฉือหางทำให้ท่านแม่ขุ่นเคืองอย่างไรหรือ?”
"ท่านแม่เป็เช่นนี้ไม่ใช่เพราะพวกเ้า..." ฟางซื่อพูดตรงนี้ จู่ๆ ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จากนั้นนางก็เงียบไป ‘ไม่ใช่เพราะพวกเ้าหาเงินมาได้มากมายถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่ส่งเงินมาทางนี้แม้แต่แดงเดียว’ ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่ได้พูดถ้อยคำนี้ออกมา
"เพราะพวกเราทำไมหรือ?" หลินกู๋หยู่มองไปที่ร่างของฟางซื่อ "ใช่แล้ว พี่หญิงหลี่บอกว่าแม่สามีของนางดูเหมือนจะล้มป่วยอีกหนแล้ว วันนี้พี่หญิงหลี่จึงถามข้าว่าเป็เพราะตอนนั้นหรือไม่ที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ?"
"เ้า..." เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด แผ่นหลังของฟางซื่อก็มีเหงื่อเย็นซึมออกมา
ถ้าแม่สามีของพี่หญิงหลี่ซื่อสบายดี ทุกอย่างก็ไม่เป็ไร แต่ตราบใดที่่นี้แม่สามีของนางมีปัญหา ปัญหาทุกอย่างก็ถูกสาดลงบนศีรษะของนาง
นั่นเป็เื่ร้ายแรงที่สามารถเกี่ยวโยงไปถึงการฆาตกรรม แม้กระทั่งคนเช่นฟางซื่อก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นกลัว
“เ้า พูดพล่ามอะไร!” ฟางซื่อจ้องเขม็งที่หลินกู๋หยู่อย่างเ็า พูดอย่างโกรธเคืองว่า “เ้าอย่าพูดไร้สาระ มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
ดวงตาของหลินกู๋หยู่มองใบหน้าของฟางซื่อด้วยความสงบ
ฟางซื่อจับมือของโจวซื่อ ในท้องของนางเต็มไปด้วยความโกรธ
วันนี้นางบังเอิญเห็นฉือหางแบกหมาป่ากลับมา จากนั้นนางก็เห็นเขาไปยืมรถที่บ้านสกุลหวัง นงก็เข้าใจทันทีว่าฉือหางกำลังจะไปขายหมาป่า
หมาป่ามีค่ามากแค่ไหน?
ฟางซื่อคิดคำนวณว่าหมาป่าตัวนั้นสามารถขายได้เงินเป็จำนวนมาก เงินเ่าั้จะให้ฉือหางเก็บเงินไว้คนเดียวได้อย่างไรหรือ?
ด้วยเหตุนี้ นางจึงพูดถึงเื่นี้ต่อหน้าโจวซื่ออย่างลอยๆ คล้ายไม่ตั้งใจ นางรู้ถึงนิสัยใจคอของโจวซื่อมาเนิ่นนานแล้ว
โจวซื่อยืนตัวตรง ชี้หน้าฉือหาง พูดอย่างเ็าว่า "ข้าทำงานอย่างยากลำบากเพื่อเลี้ยงเ้าให้โตถึงเพียงนี้ เ้าจะไม่ให้เงินข้าเลยงั้นหรือ ลูกอกตัญญูเช่นนี้ ไม่มีก็ไม่เป็ไร วันข้างหน้าข้าจะคุยกับสมาชิกในตระกูล"
ฉือหางมองไปที่โจวซื่ออย่างกระวนกระวาย คิ้วของเขาขมวดด้วยความวิตกกังวล "ท่านแม่ ท่านกำลังพูดถึงอะไรหรือ?"
หลินกู๋หยู่หมุนตัวหันหลังกลับและเดินกลับไปที่ห้อง หยิบถุงเงินออกมา นางหยิบเงินสิบตำลึงออกมาแล้วเดินออกไปข้างนอก
“ท่านแม่ นี่คือเงินที่ได้จากการขายหมาป่า” หลินกู๋หยู่ยื่นถุงเงินให้โจวซื่อโดยตรง “เงินทั้งหมดสิบตำลึง แม้ว่าหมาป่าจะหายาก แต่อย่างไรเสีย หมาป่าก็ตัวเล็กเกินไป จึงไม่มีค่ามากมาย”
เมื่อโจวซื่อได้รับถุงเงิน สีหน้าของนางก็ผ่อนคลายเล็กน้อย และพยักหน้าให้หลินกู๋หยู่ด้วยความพึงพอใจ "แค่นี้หรือ?"
“หมูตัวหนึ่งก็มีราคาเพียงหกตำลึงเงินเท่านั้น” หลินกู๋หยู่กล่าวเสริมในเวลาที่เหมาะสม
โจวซื่อคิดคำนวณสักพัก นางพยักหน้า ก่อนที่จะหมุนตัวหันมองหลินกู๋หยู่ด้วยความพึงพอใจ "เช่นนี้สิถึงจะถูกต้อง เ้าพูดสิว่าพวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน ถ้ามีอะไรก็ต้องแบ่งปันทุกอย่างให้กับข้าหนึ่งส่วน"
"ท่านแม่หมายความว่า ของของท่าน ท่านแม่ก็้าแบ่งสันปันส่วนอีกครึ่งหนึ่งกับพวกเรางั้นหรือ?" หลินกู๋หยู่ยืนอย่างสงบใบหน้าของนางอ่อนโยน
การแสดงออกทางสีหน้าของโจวซื่อเปลี่ยนไป กำเงินในมือแน่น
“เป็ไปได้อย่างไร?” ฟางซื่อพึมพำด้วยริมฝีปากหนา พูดอย่างไร้ยางอาย “จะให้พวกเราอดตายหรืออย่างไร?”
"ข้าคิดเสมอว่าถ้าพวกเราให้เงินกับท่านแม่ ท่านแม่ก็จะเลี้ยงดูพวกเรา" หลินกู๋หยู่จ้องมองฟางซื่อด้วยสีหน้างุนงง ความเสียใจปรากฏบนใบหน้าของนางอย่างชัดเจน
ฉือหางยืนอยู่ข้างๆ แม้รู้ว่าในบ้านยังมีเงินอีกมาก แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาก้มหน้าลง
จุดประสงค์ของการมาที่นี่ในครั้งนี้ของโจวซื่อได้บรรลุแล้วจึงลากฟางซื่อออกไปทันที
หลินกู๋หยู่ปิดประตูด้วยความขยาดแขยง จากนั้นก็ปิดสลัก จากนั้นจูงมือฉือหางเดินเข้าไปในห้อง
“กู๋หยู่” ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างไม่สบายใจนัก พูดด้วยเสียงต่ำว่า “เ้าอย่าโกรธท่านแม่ของข้า”
“ทำไมข้าต้องโกรธท่านแม่ของเ้าด้วย?” หลินกู๋หยู่เดินไปที่กล่องไม้ นำเอาเสื้อผ้าออกมา มองฉือหางเดินตามนางทีละก้าว “สิ่งที่นางทำไม่เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าเป็แค่คนนอกเท่านั้น"
ฉือหางมองไปที่ด้านหลังของหลินกู๋หยู่ด้วยความรู้สึกผิดหวัง เฝ้าดูหลินกู๋หยู่ลดผ้าม่านลง ฝีเท้าที่เดินตามนางก็หยุด
“ข้าจะไปอาบน้ำแล้ว” เสียงของหลินกู๋หยู่ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของผ้าม่าน
แม้ว่าจะเป็เพียงม่านบางๆ แต่เขาก็สามารถฉีกม่านชั้นนั้นออกได้ตราบเท่าที่เขา้า เขารู้ว่า แม้ว่าหลินกู๋หยู่จะยังอยู่ที่นี่ แต่นางไม่เคยมองว่าตัวเองเป็สมาชิกของสกุลฉือ
หลินกู๋หยู่ออกมาจากที่อาบน้ำ ขณะเช็ดผม นางมองฉือหางนั่งอยู่บนขอบเตียง จึงห่อผมเปียกด้วยผ้าขนหนู เดินไปที่ด้านข้างกล่องไม้และหาเสื้อผ้าสะอาดสำหรับฉือหาง
"นี่?" ฉือหางมองไปที่เสื้อผ้าในมือของเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างสงสัย
"เสื้อตัวนี้ ข้าทำเมื่อบ่ายวันนี้เอง" หลินกู๋หยู่พูดพลางสวมเสื้อคลุมอาบน้ำบนร่างกายของตนเอง "เ้าใส่เช่นนี้ แล้วก็คาดที่คาดเอวด้วย"
ฉือหางพยักหน้า ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็สีแดงอย่างควบคุมไม่ได้
หลินกู๋หยู่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ด้วยการเคลื่อนไหวเมื่อครู่ คอเสื้อที่หน้าอกเปิดกว้างเกินไป
ฉือหางเทน้ำเย็นลงบนร่างกายอย่างรวดเร็ว หันศีรษะไปมองคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของม่าน ภายใต้แสงเทียน ภาพเงาของนางยังคงอยู่บนผ้าม่าน
หลังจากอาบน้ำด้วยใบหน้าสีแดงระเรื่อ ใส่เสื้อผ้าที่กู๋หยู่ทำให้เขา ร่างกายของเขาก็รู้สึกเบาหวิว
"ผมแห้งช้ามาก" หลินกู๋หยู่มองดูฉือหางที่กำลังเดินใกล้เข้ามา โดยยังคงเช็ดผมตนเองไม่หยุด "ข้าไม่รู้ว่าจะแห้งเมื่อไร เ้าก็ควรเช็ดผมให้แห้งโดยเร็วเถอะ"
"อืม" ขณะที่นั่งอยู่ข้างๆ สายตาของฉือหางตกอยู่ที่แขนที่เปิดออกมาให้เห็นครึ่งหนึ่งของหลินกู๋หยู่ ดวงตาของเขาก็เหม่อลอยเล็กน้อย
เขานอนบนเตียงเดียวกันกับหลินกู๋หยู่ทุกคืน หัวใจของฉือหางก็มักจะอยู่เหนือการควบคุมเสมอ แต่กระนั้นเขาก็ไม่มีความกล้าที่จะเข้าหานาง
เมื่อผมเกือบแห้งแล้ว หลินกู๋หยู่ก็ปล่อยผมลง เมื่อมองไปที่ท่าทางเหม่อลอยของฉือหาง นางก็หยิบผ้าขนหนูจากมือของฉือหาง
"ถ้าเ้าจะเช็ดเอื่อยๆ ถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าผมของเ้าจะแห้งได้เมื่อไร" หลินกู๋หยู่ช่วยฉือหางเช็ดผมอย่างง่าย
ฉือหางนั่งถัดจากหลินกู๋หยู่ มองดูการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่เงียบๆ
เขานั่งกระสับกระส่ายอยู่บนม้านั่ง จิตใจของเขาฟุ้งซ่าน ราวกับว่าเขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นเร็วเป็พิเศษ
"เสร็จแล้ว" หลังจากที่หลินกู๋หยู่เช็ดผมให้ฉือหางแห้งแล้ว นางก็พูดว่า "เ้านอนบนเตียงสักครู่ ข้าจะช่วยดูเอวให้"
เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนหลินกู๋หยู่เช็ดตัวให้เขา ถอดเสื้อผ้าออกโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
"อืม" ฉือหางขึ้นไปนอนอยู่บนเตียง
หลินกู๋หยู่ก็ขึ้นไปด้วย
ใน่เวลาที่ผ่านมา หลินกู๋หยู่ไม่ได้นวดให้ฉือหางนานแล้ว เขาเป็เช่นนี้ ดังนั้นนางจึงควรนวดให้มาก
“เมื่อก่อนเ้าไปล่าสัตว์บนูเาบ่อยหรือไม่?” หลินกู๋หยู่ถามอย่างเป็กันเอง ขณะนวด
"อืม การล่าสัตว์ทำเงินจำนวนมากกว่า บางครั้งข้าก็อยู่บนูเาเป็เวลาหลายวัน" ฉือหางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ใน่หลายปีที่ผ่านมา เขาหาเงินได้หลายร้อยตำลึง แต่ตัวเขากลับไม่มีเงินในมือแม้สักแดงเดียว
แยกครอบครัวกันแล้ว แต่โจวซื่อก็ยังมาขอเงินถึงบ้าน
ฉือหางรู้สึกอึดอัดมาก เขาหันไปมองหลินกู๋หยู่ และพูดเบาๆ ว่า "วันนี้เ้าให้ท่านเงินแม่มากถึงเพียงนั้น"
“ถ้าให้เงินแล้ว ก็จะไม่เป็ไรแล้ว” มือของหลินกู๋หยู่ยังคงเคลื่อนไหวต่อไป ยื่นมือออกไปและตบที่แผ่นหลังของฉือหาง “เ้านอนคว่ำให้ดี ไม่เช่นนั้นข้าจะนวดให้เ้าไม่ได้”
"อืม" ฉือหางนอนคว่ำบนเตียงอย่างเชื่อฟัง
อันที่จริง นางเองก็รู้สึกเห็นใจฉือหาง เขาเหนื่อยมาทั้งชีวิต ตอนที่เขากำลังจะตาย แม่ของเขากลับขับไสไล่ส่งเขาออกจากครอบครัวโดยไม่คำนึงว่าเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่
ในเวลานั้นหัวใจของเขาเ็าแล้ว วันนี้โจวซื่อมาที่นี่ก็ไม่ได้ถามเขาว่ามีธุระอะไร แต่นางมาถึงก็เปิดปากขอแค่เงินทันที
“ถ้าเราจะสร้างบ้าน เราสร้างบ้านให้ห่างจากที่นี่สักหน่อยดีหรือไม่?” ฉือหางขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาโดดเดี่ยวอย่างสุดจะพรรณนา
"เช่นนั้นก็ดี" หลินกู๋หยู่ช่วยฉือหางนวดอย่างสุดแรง วางเข่าลงบนตัวของฉือหาง "จะช่วยลดปัญหาได้มาก"
เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินกู๋หยู่พูด มุมปากของฉือหางก็อดไม่ได้ที่จะยกขึ้น
เดิมทีร่างกายของฉือหางค่อนข้างร้อนระอุ แต่หลังจากได้รับการนวดจากหลินกู๋หยู่ ร่างกายของเขาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เขารู้สึกสบายใจไม่น้อย
“นวดเสร็จแล้ว” หลินกู๋หยู่พูดพลางนั่งลงด้านข้างเตียง จากนั้นทิ้งตัวลงนอนอย่างเกียจคร้าน
ฉือหางมองไปด้านข้างของหลินกู๋หยู่ คิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปด้านข้าง
ตะเกียงน้ำมันก๊าดยังคงให้แสงสว่าง ภายในความมืดมีแสงสลัวๆ ริบหรี่จากตะเกียง
ฉือหางขยับตัวเข้าใกล้หลินกู๋หยู่เล็กน้อย
หลินกู๋หยู่เพิ่งห่มผ้านวม หันศีรษะไปมองฉือหาง "มีอะไรหรือ?"
"เอ่อ" ฉือหางเม้มปากเล็กน้อย มองหลินกู๋หยู่ด้วยดวงตาที่ลุกเป็ไฟ แล้วพูดเบาๆ ว่า "ปกติเ้าชอบทำอะไรหรือ?"
เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดเช่นนี้เลย เขาแค่อยากจับมือของนาง แต่สุดท้าย เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงกลายเป็เช่นนี้
"ไม่มีอะไรที่ข้าชอบ"
หัวใจเต้นไม่เป็จังหวะ
เขายกมือขึ้นช้าๆ พยายามดิ้นรนเพื่อควบคุมตัวเองทุกวิถีทาง
มองคนตรงหน้าคนนี้ ดูอย่างไรก็ไม่รู้สึกเบื่อ นางหลับตาลง ราวกับว่านางเหนื่อยล้า
ฉือหางเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง ใช้ศอกยันตัวขึ้น ลดศีรษะลงทีละน้อย จูบที่พวงแก้มของนางอย่างแ่เบาด้วยความกล้าหาญ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้