“รวดเร็วดีนี่”
เสิ่นเสวียนใเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปรวบกำปั้นของหยวนก่อกำเนิดตัวน้อยเอาไว้และทำลายพลังของอีกฝ่ายไป
ตอนนี้เพียงแค่อานุภาพของหยวนก่อกำเนิด ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหยวนก่อกำเนิดขั้นเปิดทวารสักเท่าไร
แต่อย่าลืมว่าเขาเพิ่งหลอมรวมหยวนก่อกำเนิดมาเพียงเดือนกว่าๆ หากใช้เวลานานกว่านี้ หยวนก่อกำเนิดคงเติบโตได้อย่างน่าประทับใจ
หยวนก่อกำเนิดตัวน้อยโดนรวบกำปั้นเอาไว้แล้ว จากนั้นทั่วทั้งร่างของเขาก็โดนจับ เสิ่นเสวียนใช้มือตีลงไปที่จุดลมปราณเจ็ดแห่งบนร่างของเขา ทำให้เขาสงบนิ่งลงได้
แม้หยวนก่อกำเนิดจะเป็ส่วนหนึ่งในร่างกายของเสิ่นเสวียน แต่ความจริงแล้วมันคือร่างพลังงานที่อยู่นอกเหนือจากร่างกายของเสิ่นเสวียน
หยวนก่อกำเนิดเป็เพียงร่างพลังงาน ไร้จิตสำนึก ไม่มีจิติญญา ในการฝึกฝนเพียงใช้จิติญญาของตนเองเข้าควบคุมก็พอแล้ว แต่หยวนก่อกำเนิดหกธาตุที่อยู่ตรงหน้านี้ จัดการได้ยากกว่าหยวนก่อกำเนิดก่อนหน้านี้ของเขามาก
เ้าหนูนี่มีความคิดเป็ของตนเอง!
อีกทั้งมีความคิดที่ไม่ธรรมดา ทำให้เขารู้สึกว่าหยวนก่อกำเนิดตัวนี้ร้ายกาจมาก!
ร้ายกาจจนอาจชั่วร้ายได้ง่าย หลังจากนี้หากเขาเข้าควบคุม มันอาจทำให้เขาจิตใจชั่วร้ายได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งนี่ไม่ใช่เื่ดีสักเท่าไร
หากควบคุมได้ใน่แรกยังพอไหว แต่ถ้าหากควบคุมไม่ได้อาจสร้างความเดือดร้อนได้ง่าย
“ฟังให้ดี ข้าไม่สนใจว่าเ้าจะเข้าใจข้าหรือไม่ เ้าคือสิ่งที่ข้าสร้างขึ้น ภายหน้าต้องเชื่อฟังข้า หากไม่เชื่อฟังข้าสามารถทำลายเ้าได้ทุกเมื่อ เข้าใจไหม”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับหยวนก่อกำเนิดตัวน้อย ในน้ำเสียงของเขาแฝงความโเี้เอาไว้ด้วย
เ้าหนูนี่เหมือนเด็กคนหนึ่ง หากว่าตอนเด็กๆ ไม่สั่งสอนให้ดี โตไปคงสอนไม่ได้แล้ว
ทว่าสิ่งที่ทำให้เสิ่นเสวียนประหลาดใจยิ่งกว่าคือ หยวนก่อกำเนิดตัวน้อยพยักหน้าให้เสิ่นเสวียน ขาดไปเพียงแค่เขาพูดไม่ได้เท่านั้น
“ให้ตายสิ ช่างเป็เด็กเลี้ยงง่ายจริงๆ!”
เห็นอย่างนี้แล้วเสิ่นเสวียนไม่รู้จะกล่าวอะไรเลย
หยวนก่อกำเนิดหกธาตุอยู่นอกเหนือจากห้าธาตุไปแล้ว แม้แต่เขายังไม่รู้เลยว่าต่อจากนี้จะเป็ไปอย่างไร หากก้าวเดินไปอย่างดีคงยิ่งใหญ่ในไม่ช้า หากก้าวพลาดอาจตกลงเหวลึกเลยก็ได้
“จากนี้ไปตั้งใจฝึกฝนอยู่ภายในร่างของข้า แล้วอย่าสร้างปัญหาล่ะ”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับหยวนก่อกำเนิดตัวน้อย ดูแบบนี้แล้วไม่เหมือนเขาฝึกฝนหยวนก่อกำเนิดเลย เหมือนกำลังเลี้ยงเด็กคนหนึ่งมากกว่า
“หยวนก่อกำเนิดของเ้าช่างน่าสนใจ แต่เ้าต้องระวังเขาให้ดี เขาอาจทำให้จิตใจเ้ามุ่งสู่ความชั่วร้ายได้”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังเข้าในหูของเสิ่นเสวียนพอดี
“ท่านมีวิธีแก้ไขหรือไม่”
“ไม่มี”
“ต้องเดินไปด้วยตนเองอย่างนั้นสินะ”
เสิ่นเสวียนเหลือบตามองหยวนก่อกำเนิดเล็กน้อย จากนั้นร่างจิติญญาก็สลายกลับคืนสู่ร่างเดิม
ขณะนี้เสวียนหลิงเอ่อร์สวมชุดแดงปรากฏตัวอยู่ในมิติเดียวกับเสิ่นเสวียนแล้ว
“เ้ามีผังเมืองซานเหอใช่ไหม”
นี่คือคำถามแรกของเสวียนหลิงเอ่อร์ทันทีที่ปรากฏตัวออกมา
ผังเมืองซานเหอคือศาสตราเทพท่ามกลางศาสตราเทพที่มิอาจเอื้อม แม้แต่จักรพรรดิเซียนยังมิอาจต้านทานความหลงใหลที่มีต่อมันได้ ทว่าเสวียนหลิงเอ่อร์กลับเปิดเผยความลับนี้ออกมา
“ท่านเป็ใครกันแน่”
เสิ่นเสวียนหรี่ตามอง เขารวบรวมพลังทั่วทั้งร่างกายไว้เพื่อป้องกันตัว
หากตอนนี้เสวียนหลิงเอ่อร์เกิดความคิดอยากสังหารเขา เขารู้สึกว่ามีความเป็ไปได้ ไม่มีใครสามารถป้องกันตัวได้ภายใต้แรงดึงดูดที่มีต่อศาสตราเทพ
เขาทำไม่ได้ จักรพรรดิเซียนเ่าั้ทำไม่ได้ เสวียนหลิงเอ่อร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ก็ยังทำไม่ได้
หลังจากเสิ่นเสวียนถามกลับไป เสวียนหลิงเอ่อร์ไม่ได้ตอบกลับ และเสิ่นเสวียนก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก
ตอนนี้บรรยากาศค่อนข้างอึดอัดเลยทีเดียว
ผ่านไปครู่ใหญ่ เสวียนหลิงเอ่อร์กลับยิ้มออกมา
“อย่าตื่นตระหนกไปเลย ในเมื่อข้ากล้าถามออกมาแสดงว่าข้าไม่ใส่ใจ”
“ในเมื่อไม่ใส่ใจแล้วเหตุใดถึงถาม” เสิ่นเสวียนกำหมัดแน่น ตั้งท่าพร้อมโจมตี
เสวียนหลิงเอ่อร์และเขาเป็พันธมิตรร่วมสู้ ตอนนี้อยู่ใน่พักรบ ระแวดระวังไว้เสมอนับเป็เื่ที่ดี
“เ้ากลัวหรือ”
“ข้าไม่ได้กลัว” เสิ่นเสวียนส่ายหัว
“ไม่หรอก เ้ากลัว” เสวียนหลิงเอ่อร์มองตาเสิ่นเสวียน คล้ายจะมองเห็นทะลวงเข้าไปถึงตัวตนแท้จริงของเสิ่นเสวียน
“แล้วอย่างไร” เสิ่นเสวียนมองเสวียนหลิงเอ่อร์กลับไป
“ข้าถามเพียงเพราะอยากยืมผังเมืองซานเหอของเ้าฝึกฝนสักระยะหนึ่ง จะไม่ยึดครองของรักของหวงของเ้าแน่”
เสวียนหลิงเอ่อร์เดินไปนั่งบนหินก้อนหนึ่ง ร่างจิติญญาของนางในตอนนี้เหมือนกับคนจริงๆ มาก นางนั่งอยู่อย่างนั้นเหมือนเด็กผู้หญิงแถวบ้านมาก
“ตัวตนของท่านช่างทำให้ข้าสงสัยยิ่งนัก”
เสิ่นเสวียนคลายหมัดออกช้าๆ คนที่สามารถทำให้เซียนพเนจรเก้าด่านเคราะห์อย่างเขารู้สึกกดดันมากขนาดนี้ ตัวตนแท้จริงของนางต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เขาคิดไว้
มิน่าล่ะ ผู้ที่้าเป็เทพยุทธ์จิติญญาจะมีพลังอย่างนี้ก็ไม่แปลก
“้าฝึกฝนตรงไหน” เสิ่นเสวียนถาม
“เสี่ยวต้งเทียน ต้นสือฮวา”
เสวียนหลิงเอ่อร์บอกชื่อสถานที่ที่มีเฉพาะในผังเมืองซานเหอออกมา
เสิ่นเสวียนได้ยินเสวียนหลิงเอ่อร์กล่าวอย่างนั้น เขาก็มั่นใจได้ทันทีว่าเสวียนหลิงเอ่อร์รู้จักผังเมืองซานเหอ หรือกระทั่งเคยเข้าไปที่เสี่ยวต้งเทียนมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าไปที่เสี่ยวต้งเทียนมาแล้ว ที่นั่นเป็สถานที่ยอดเยี่ยมเหมาะแก่การฝึกฝน โดยเฉพาะจอมยุทธ์ิญญา
“ท่านไม่กลัวว่าข้าจะขังท่านไว้หรือ”
เสิ่นเสวียนถามเสวียนหลิงเอ่อร์ ผังเมืองซานเหอยอมรับเขาเป็นายแล้ว เมื่อศาสตราเทพยอมรับนาย คนอื่นจะไม่มีทางคลายผนึกออกได้นอกเสียจากว่าผู้เป็นายตายไป และเมื่อยอมรับนายแล้ว แสดงว่าเสิ่นเสวียนสามารถควบคุมผังเมืองซานเหอได้ดั่งใจ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ เข้าไปในผังเมืองซานเหอ เขาจะกำหนดชีวิตได้ทั้งหมด
สำหรับสิ่งมีชีวิตภายในผังเมืองนั้น เขาคือจักรพรรดิ เขาคือเทพ
“ข้าเชื่อในสายตาของข้า เ้าไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก ว่าอย่างไร ตกลงไหม”
เสวียนหลิงเอ่อร์ถามเสิ่นเสวียน
เสิ่นเสวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องด้วยมันเกี่ยวข้องกับผังเมืองซานเหอจึงต้องคิดให้รอบคอบ แต่เขาก็ตอบตกลงไป
“ตกลง”
“ขอบใจมาก เ้าวางใจได้เลย ข้าขอสาบานด้วยิญญาเทพ จะไม่มีวันยึดครองผังเมืองซานเหอเด็ดขาด”
เสวียนหลิงเอ่อร์้าให้เสิ่นเสวียนวางใจจึงกล่าวสาบานออกมา นางสาบานด้วยิญญาเทพ หากผิดคำสาบานิญญาเทพของนางจะแตกสลาย
“ความจริงแล้ว บางครั้งข้าก็เลื่อมใสท่านมาก นี่คือเื่จริง”
เสิ่นเสวียนมองเสวียนหลิงเอ่อร์ด้วยความเลื่อมใส เขารู้ว่านางอาจเป็อุปสรรคได้ แต่นางกลับกล้าสาบานเช่นนี้ เพียงเื่นี้เขาก็เลื่อมใสนางมากแล้ว
“ข้าไปพักก่อน เ้าจัดการธุระของเ้าต่อไปเถอะ”
เสวียนหลิงเอ่อร์ส่งยิ้มให้เสิ่นเสวียน แล้วนางก็หายตัวไป
“ใช่แล้ว อย่าไปยุ่งกับงูจิ่นเมี่ยนล่ะ และอย่าให้มันโดนคลื่นพลังด้วย”
เสวียนหลิงเอ่อร์หายตัวไปแล้ว แต่ไม่ลืมที่จะส่งกระแสจิตมาบอกเสิ่นเสวียน
ในมุมหนึ่งของมิติที่เสิ่นเสวียนยืนอยู่ งูจิ่นเมี่ยนยังคงอยู่ในกรง
“รู้แล้ว ข้าจะเก็บไว้ให้ท่าน”
เสิ่นเสวียนพยักหน้า เขาไม่หันไปมองงูจิ่นเมี่ยนตัวนั้นเลย ตอนที่มาถึงเขาสังเกตงูจิ่นเมี่ยนอย่างละเอียดแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลย จึงวางมันไว้ข้างๆ แบบนั้น
หลังจากสงบจิตใจ เสวียนหลิงเอ่อร์เข้าไปพักผ่อนแล้ว เขาก็ควรเริ่มธุระของตนเองสักที
หยวนก่อกำเนิดกำลังดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่งอยู่ภายในตันเถียน ตัวเขาก็มิอาจเพิกเฉยได้ จึงเตรียมสร้างหุ่นเชิด
“ออกมา”
หลังจากเสิ่นเสวียนกล่าวไป ร่างไร้ิญญาทั้งหลายที่รวบรวมไว้ภายในมิติก่อนหน้านี้ถูกดึงออกมา รวมแล้วมีทั้งหมดเก้าร่าง
พลังต่ำที่สุดคือขั้นราชันระดับสูงสุด และในจำนวนนั้นยังมีแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิอีกด้วย
เมื่อพลังยุทธ์ของเขาถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดแล้ว เขาไม่พอใจเพียงแค่หุ่นเชิดขั้นราชันเท่านั้นแล้ว
ต่อให้หุ่นเชิดขั้นราชันมีมากมายเพียงใด แต่สุดท้ายก็เป็หุ่นเชิดขั้นราชันอยู่ดี มันยังคงเปราะบางมากเมื่อต้องเผชิญกับขั้นจักรพรรดิ
ในเมื่อมีแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิอยู่ด้วย ไม่สู้รวบรวมทรัพยากรทั้งหมดเพื่อสร้างหุ่นเชิดขั้นจักรพรรดิขึ้นมา
“เลือกเ้าแล้วกัน”
เสิ่นเสวียนชี้ไปทางแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิ นิ้วมือของเขาขยับเล็กน้อย จากนั้นร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิก็เดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเสิ่นเสวียน
ร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิถูกเก็บรักษาไว้สมบูรณ์ที่สุด เนื่องจากเขาโดนเสิ่นเลี่ยนสังหารในกระบวนท่าเดียว เพียงแค่แทงทะลุหน้าผากไป ส่วนอื่นจึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก่อนสร้างหุ่นเชิดก็คือ กลืนกินร่างไร้ิญญาอื่นๆ เพื่อทะลวงเลื่อนขั้นให้ได้
แม่ทัพเทพผู้นี้มีพลังอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นจักรพรรดิระดับต้น
เขาต้องใช้ร่างไร้ิญญาเหล่านี้เพื่อเลื่อนขั้นแม่ทัพเทพเป็ขั้นจักรพรรดิระดับกลาง
ต่อมาร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียนก็ปรากฏออกมาจากร่างของเขา เรียกว่าจิติญญาออกจากร่าง
และต่อมาร่างจิติญญาก็พุ่งเข้าไปภายในร่างของแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิ