ใต้เวหาเยียบเย็นในเมืองปีศาจ ปักษาที่จมปลักในบ่อโคลน เงยหน้าขึ้นมองหางสีนิลตัดกับสีชาดทั้งเก้าพลิ้วไหวลู่ลมเื้ัร่างสูงกำยำ อาภรณ์สีเดียวกันนั้นปักทอด้วยด้ายทองแลดูสง่างามเยี่ยงบุรุษผู้สูงศักดิ์ รองเท้าผ้าหุ้มด้วยกำมะหยี่ล่องลอยอยู่เหนือพสุธา
“พวกเ้ากลับไปก่อน ข้ามีธุระต้องจัดการ” เสียงเข้มออกคำสั่ง ลูกสมุนจิ้งจอกทั้งสามพลันอันตรธานไปในพริบตา
ร่างเปื้อนโคลนกะพริบปริบปรือั์ตาอ่อนล้าด้วยท่าทางน่าเวทนา หลังจากที่พยายามดิ้นรน ส่งเสียงร้องโวยวายจนหมดสิ้นฤทธิ์แรง ไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้าช่วยเหลือแม้มองเห็นตัวอะไรสักอย่างขยับดิ้นขลุกขลัก สำลักดินขมบาดคอ น้ำโคลนกระเด็นเข้าตาจนเหลือการมองเห็นเพียงดวงตาข้างซ้ายข้างเดียว
“เ้าปักษาตัวน้อยมาติดอยู่ในโคลนพิษได้ยังไงกัน?”
ใบหน้าหล่อเหลาแลดูฉงนสงสัย ‘ฮุ่ยเฟิน’ เพียงพลิกฝ่ามือเบา ๆ ปรากฏไอหยินครอบคลุมผืนโคลน เขาดึงร่างปักษาเล็กเท่าฝ่ามือขึ้นมาจับกุม กรงเล็บสีนิลจิกลงบนขนคอเปรอะเปื้อนดินโคลน จนโลหิตไหลซึม
ร่างปักษาลอบกลืนน้ำลายลงคอ ขณะสบมองั์ตาทอประกายใต้แสงจันทราสีชาด ทั้งเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากหนาหยักได้รูป รอยยิ้มเล่ห์ร้ายบนใบหน้าหล่อเหลาทำให้ตระหนักรู้ได้ว่าโอกาสรอดชีวิตช่างริบหรี่
ต่อให้รอดพ้นจากการจมลงไปในโคลนพิษ น่าจะกลายเป็อาหารมื้อค่ำของจิ้งจอกอยู่ดี
ปักษาผู้น่าสงสารมิได้ล่วงรู้ว่าบุรุษจิ้งจอกกำลังให้ความสนใจแววตาหวาดหวั่นพรั่นพรึงของนาง ด้วยความคิดเป็ตรงกันข้าม เขาว่านางน่าสนใจนัก
“เ้าตัวนี้น่าเอ็นดู ปีกสีขาวสะอาด ั์ตาสีมรกต ชั่วชีวิตข้ามิเคยพบเห็นปักษางดงามเช่นนี้มาก่อน” ในน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ฮุ่ยเฟินสะบัดมือซ้ายตีลงบนอากาศ กลุ่มเมฆาสีนิลห้อมล้อมรอบกาย นำพาสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เดินทางสู่สถานที่ห่างไกลในชั่วอึดใจ
นครอันมืดมิดปกคลุมด้วยไอหยิน เรือนสี่ประสานใหญ่โตโอ่อ่าดังพระราชวังบนโลกมนุษย์ ตั้งตระหง่านเหนือพสุธาเขียวชอุ่ม โดยรอบบริเวณเรือนไม้รโหฐานมีสุนัขจิ้งจอกในร่างบุรุษอาภรณ์สีนิลสนิท คอยสลับเปลี่ยนหน้าที่กันเฝ้าเวรยาม บางตนกำลังคาบเหยื่อซึ่งเป็นกตัวเล็ก ๆ มากัดกินในโพรงหินเล็กแคบ บริเวณสวนหย่อมด้านหลังเรือน ที่พำนักอาศัยระหว่างการทำงาน
ฮุ่ยเฟินไม่ชอบกิริยาเช่นนั้น จึงมักว่ากล่าวตักเตือนบรรดาลูกสมุน มิให้ประพฤติตนเช่นเดรัจฉาน ส่งเสียงดังระหว่างการทำงานด้วยวิสัยเยี่ยงสุนัข ขอให้รักษาเกียรติของการเป็ปีศาจจิ้งจอก ในเมื่อพวกเขาต่างมีร่างของบุรุษสตรี
“ทหาร พวกเ้าเฝ้าเวรยามให้ดี สถานการณ์นอกเมืองไม่ค่อยสงบนัก” พูดพลางสอดส่องสายตาไปสุดท้องนทีกว้างใหญ่ ซึ่งกั้นกลางระหว่างอาณาเขตปีศาจราตรี ถึงพบเพียงความนิ่งสงบ ไม่อาจไว้วางใจ
การสู้รบระหว่างเผ่าพันธุ์ไม่เคยสงบลงสักราตรีหนึ่ง ด้วยนิสัยของสุนัขจิ้งจอก มักกัดกันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสิ้นลมหายใจ ปีศาจราตรีและปีศาจอื่น ๆ ไม่ใคร่รักสันติ หากชอบการทะเลาะวิวาทเป็นิจ
“ขอให้นายท่านไว้วางใจเื่ความปลอดภัย พวกพ้องของเรามีมากมายเหลือประมาณเทียบเท่ากองทัพาาแห่ง์ กำลังพลจิ้งจอกต่างร่วมใจเป็หนึ่ง รัชสมัยของท่านฮุ่ยเฟินเข้มแข็ง เกรียงไกร!”
าาฮุ่ยเฟิน! าาฮุ่ยเฟิน! เสียงจิ้งจอกเห่าหอนตามกัน จากตัวหนึ่งไปอีกตัว ราวกับว่าเป็ธรรมเนียมการส่งเสียงของสุนัข ด้วยความเคยชินของพวกเขาชื่นชอบการเยินยอหัวหน้าฝูง จวบจนนายท่านยกฝ่ามือข้างที่เหลืออยู่จากการจับคอปักษาขึ้นปัดป่ายไปมา
“พวกเ้าอย่าเห่าหอนเสียงดังมากนัก จะเป็ที่เอิกเกริกในยามวิกาล”
“พวกข้าขออภัยที่ทำให้ท่านฮุ่ยเฟินรำคาญใจ” บุรุษร่างกำยำยกมือประสานไว้ข้างหน้าด้วยความเคารพยำเกรง “เพียงแต่การปกครองของเ้านครปีศาจ าาจิ้งจอกผู้รวบรวมดินแดนให้เป็ปึกแผ่นเนิ่นนานนับสามหมื่นปีทำให้ข้าอดใจมิได้ ที่จะยกย่องสรรเสริญท่าน”
“ข้าไม่ถือสา ถึงพวกเ้าจะส่งเสียงน่ารำคาญหูอยู่เป็ประจำ”
ทหารปีศาจคุ้มกันประตูหินสูงเสียดฟ้าเข้ามาคำนับเ้าแห่งปีศาจ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามนี้บ้านเมืองสงบสุขนัก มิได้เกิดศึกาครั้งใหญ่ มีเพียงการทะเลาะวิวาทของปีศาจทั่วไป
ขณะสายตาหลายคู่เลื่อนมองไปยังปักษาเปื้อนโคลนในกรงเล็บสีนิลทั้งห้า ลมหายใจค่อย ๆ แ่เบาลง จะตายแหล่มิตายแหล่ ทหารยามยกมุมปากขึ้น ปรากฏเขี้ยวคมอย่างปีศาจ หางทั้งสามโบกไหวไปมา อีกตนหนึ่งเป็หัวหน้าทหารยาม นับเป็จิ้งจอกห้าหาง เจ็ดหาง ปีศาจนับสิบตนถึงกับน้ำลายสอ
“นางไม่ใช่เหยื่อ กินไม่ได้ ครั้นจะยกให้พวกเ้าไปกัดแทะเล่น ข้าเกรงว่าไม่เหมาะสม...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้