แคว้นจิน เมืองเปียนจิน
ตอนนี้ เกาเซียนจือกำลังนั่งอ่านรายงานการรบที่ถูกส่งมาจากทั่วสารทิศ ภายในห้องโถงใหญ่ของจวนอ๋อง โดยมีผู้ใต้บังคับบัญชาบางคนยืนอยู่ข้างๆ ด้วยท่าทีเคร่งขรึม
ดูเหมือนว่าจะเป็เวลานานแล้ว ที่เขาไม่ได้หยุดพักเพื่อดื่มชาสักถ้วย
ขณะนี้ เ้าหน้าที่าุโคนหนึ่งได้มองไปยังเกาเซียนจือ “ท่านแม่ทัพ ตอนนี้กองทัพของเรามีขวัญกำลังใจดั่งสายรุ้ง ทำไมไม่ไล่ตามไปบดขยี้ เพื่อเอาชนะเล่า?”
“จุดประสงค์ของกองทัพสกุลกู่ของเรา คือการยึดครองแผ่นดิน ไม่ใช่เพื่อทำลาย การต่อสู้ครั้งนี้คือชัยชนะครั้งใหญ่ ที่สามารถทำลายศักดิ์ศรีและสั่นคลอนแคว้นทั้งสี่ ด้วยความน่าเกรงขามของกองทัพเรา แต่เพราะกำลังพลของเรามีจำกัด จึงไม่ควรละโมบจนเกินไป มิฉะนั้นอาจจะเสียหายหนัก จนล้มเหลวและพ่ายแพ้ได้” เกาเซียนจืออธิบาย
“ขอรับ!”
“นอกจากนี้ ในค่ายทหารอีกหลายที่ นายพลหลายคนก็ยังปฏิเสธที่จะอยู่ใต้อำนาจของเรามิใช่หรือ?” เกาเซียนจือมองไปที่เ้าหน้าที่าุโ
“แท้จริงพวกเขานั้นต่างจากเรา คนเหล่านี้ได้รับการแต่งตั้งและย้ายไปยังกองทัพอย่างกะทันหัน แต่พวกเรานั้นกลับติดตามท่านแม่ทัพมานานหลายสิบปีแล้ว
เดิมที เมื่อท่านแม่ทัพเข้าสังกัดหออี้ผิน พวกเราก็คิดว่าจะไม่ได้พบท่านอีกแล้ว คาดไม่ถึงว่าท้ายที่สุดท่านแม่ทัพก็กลับมา” เ้าหน้าที่าุโกล่าวพลางยกยิ้ม
“หนทางสู่การเป็เซียนอย่างนั้นหรือ? หึ! มันเป็เพียงการฝึกตนเพื่อก้าวสู่ความเป็ะเท่านั้น พวกเ้าติดตามข้ามานาน ครั้งนี้ข้าและพวกเ้า เราจะก้าวเข้าสู่ชีวิตอันเป็นิรันดร์พร้อมกัน” เกาเซียนจือเอ่ย พลางยกยิ้ม
“หืม?” กลุ่มทหารและเหล่าเ้าหน้าที่ที่กำลังวุ่นวาย ต่างหยุดทุกอย่างในมือลง ก่อนจะยกมือถาม
“ท่านแม่ทัพกำลังพูดถึงอะไร? ไม่ใช่ว่านายท่านกู่กำลังจะ...” เ้าหน้าที่าุโถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ต้องห่วง นายท่านได้เตรียมการที่จะสร้างแคว้นขึ้นมา และท่านก็ถือว่าเป็คนใจกว้างพอสมควร สามารถนำพาผู้ใต้บังคับบัญชาไปยังทิศทางที่ดีได้แน่
พวกเ้าก็อาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้เช่นกัน แต่จะได้รับโอกาสมากเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของพวกเ้าเอง” เกาเซียนจือตอบเสียงเรียบ
“จริงหรือ? ข้าเองก็มีโอกาสเช่นกันอย่างนั้นหรือ?” เ้าหน้าที่าุโตื่นเต้น
“นายท่านเป็ผู้ร่ำรวยที่สุดในห้าแคว้น ตอนนี้พวกเ้าควรจะได้รับยาวิเศษจากนายท่านแล้ว แม้ว่าจะไม่อาจยืดอายุขัยได้ แต่อย่างน้อย มันก็จะทำให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัยจากทุกโรค ทั้งช่วยเสริมสร้างพลังในการฝึกตน และในอนาคต พวกเ้ายังจะได้รับสิ่งตอบแทนอีกมากมาย” เกาเซียนจืออธิบาย
เหล่าทหารต่างตกตะลึงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“พวกเ้าสามารถแพร่กระจายข่าวนี้ ไปถึงผู้ที่ไม่พอใจในการกระทำของนายท่าน หากใครยังคิดหนักอยู่อีก ก็จงถอนตัวไปเสีย!” เกาเซียนจือกล่าวเสียงทุ้ม
“ขอรับ! ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำงานอย่างหนักเพื่อนายท่าน” ทุกคนตอบรับอย่างกระตือรือร้นทันที
“ในการเกณฑ์ผู้คนมา ย่อมต้องมีคนหลากหลายประเภท ทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป อีกไม่นาน หลังจากที่ข้าได้รับภารกิจ นายท่านคงจะส่งคนมาคอยติดตามข้า ให้ไปปฏิบัติงานตามแคว้นต่างๆ เพื่อสร้างวินัยทหาร ผู้ใดที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม ให้ลงโทษตามกฎทหาร” เกาเซียนจือบัญชาเสียงเรียบ
“ขอรับ!” หนึ่งในผู้ตรวจการตอบรับ
…
ด่านหู่เหลา จวนสกุลกู่ ณ หอคอยทะยาน์
ยามนี้ กู่ไห่กำลังนั่งอ่านรายงานการศึกในแคว้นต่างๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยใจที่จดจ่อ สักพัก กู่ฉินก็เข้ามาพร้อมรายงานฉบับหนึ่ง
“พ่อบุญธรรม มีข่าวจากแคว้นไช่ ตอนนี้ฮ่องเต้ได้ขอยอมแพ้ และหวังว่าท่านพ่อจะปฏิบัติต่อเขาด้วยความกรุณา” กู่ฉินรายงานเสียงเรียบ
“แคว้นไช่? เคยเป็แคว้นใต้การปกครองของสำนักซ่งเจี่ยในอดีตมิใช่หรือ? คงจะหวั่นเกรงต่ออำนาจของเราไม่น้อย จึงได้ยอมจำนนแต่โดยดี” กู่ไห่วางรายงานในมือลง พลางหัวเราะ ถ้วยชาที่วางอยู่ใกล้ๆ ถูกยกดื่มด้วยความพึงพอใจ
“พ่อบุญธรรมจะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?”
“มอบศักดินาให้แก่ป๋ายหลี่ และให้รางวัลแก่หนานเจวี๋ย ในส่วนของทรัพย์สินในท้องพระคลัง ให้เขาเก็บเอาไว้เพียงส่วนหนึ่ง ข้า กู่ไห่ให้คำมั่นสัญญา ว่าจะมอบความมั่นคงและปลอดภัยให้แก่สมาชิกในราชวงศ์ของเขา และในอนาคต หากยอมร่วมมือกับเรา แคว้นไช่ก็จะได้รับการยอมรับจากสกุลกู่เช่นกัน” กู่ไห่บัญชาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอรับ! นอกจากนี้ยังมีข่าวจากหัวหน้าพ่อค้าถัง และหัวหน้าพ่อค้าหลี่ ว่าราชวงศ์จินแห่งแคว้นต้าจิน และราชวงศ์ลู่ ดูเหมือนจะไม่อาจต้านทานต่อแรงกดดันได้ คาดว่ามีแนวโน้มที่จะยอมจำนนต่อเรา” กู่ฉินรายงานอย่างจริงจัง
“ฮ่องเต้จิน? ฮ่องเต้ลู่? อืม... ภาวนาให้หัวหน้าพ่อค้าทั้งสองสามารถกดดันพวกเขาได้ ข้าไม่อยากจะรอนานไปกว่านี้ อีกทั้งให้เกาเซียนจือทำการ ‘ถล่มูเาะเืเสือ[1]’ เพื่อมอบความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ ให้กับฮ่องเต้จินและฮ่องเต้ลู่สักหน่อย” กู่ไห่กล่าวอย่างจริงจัง
“ขอรับ! เดี๋ยวข้าจะส่งจดหมายให้เขา”
“พ่อบุญธรรม ยังเหลือเพียงหนึ่งเดียวที่ต่อต้านเรา ก็คือแคว้นเจ่า ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของสำนักหมู่ตาน ถึงตอนนี้ พวกเขาก็ยังคงยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่ยอมจำนน” กู่ฉินรายงานอย่างกังวล
“แคว้นเจ่า? เช่นนั้นเราก็ยืมมือแคว้นเจ่า ในการฝึกฝนเกาเซียนจือเถอะ หลังจากแคว้นต้าจินและแคว้นลู่ เต็มใจที่จะจำนนต่อกองทัพของเราแล้ว ก็มอบหมายให้เขาไปจัดการกับแคว้นเจ่าทันที” กู่ไห่พูดเสียงเรียบ
“ขอรับ!”
““แจ้งเกาเซียนจือ ให้รักษาวินัยทหารอย่างเคร่งครัด อย่ารังแกประชาชน จากนี้ไป คนในแคว้นเหล่านี้จะเป็พลเมืองของสกุลกู่” กู่ไห่สั่งการอย่างจริงจัง
“พ่อบุญธรรมโปรดวางใจ ก่อนที่เกาเซียนจือจะจากไป ข้าก็ได้กำชับไว้แล้ว” กู่ฉินพยักหน้าตอบรับ
“พ่อบุญธรรม ท่านจะก่อตั้งแคว้นเมื่อใดหรือขอรับ?” กู่ฉินถามด้วยความคาดหวัง
“รอไปก่อน! ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” กู่ไห่ตอบ พลางส่ายหน้าปฏิเสธ
“โอ้!” กู่ฉินพยักหน้าอย่างผิดหวัง
“ในส่วนของเฉินเทียนซาน การรับสมัครกำลังพลใหม่เป็อย่างไรบ้าง?”
“มีผู้ฝึกตนห้าสิบคน เต็มใจที่จะเข้าร่วมกับสกุลกู่ของเรา ทว่า การที่จะเข้าไปป่าวประกาศให้ถึงทุกพื้นที่ในทะเลพันเกาะ คงจะต้องทำแบบค่อยเป็ค่อยไป แม้จะยากลำบาก แต่พวกเราก็จะจัดการอย่างสุดความสามารถขอรับ”
“เริ่มต้นได้ดี!” กู่ไห่ยกยิ้ม พลางยกถ้วยชาขึ้นดื่ม
“พ่อบุญธรรม ท่านไม่สนใจสำนักหมู่ตานหรือขอรับ?”
“สำนักหมู่ตาน? ตอนนี้ ข่าวที่ว่าชีพจรัซ่อนอยู่ที่นั่น ถูกแพร่กระจายไปทั่วสารทิศแล้ว ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนไปรวมตัวกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ... สิ่งที่ข้ากังวลก็คือ สถานที่แห่งนั้น น่าจะไม่ต่างอะไรกับลานปะา” กู่ไห่พูด พลางส่ายหน้า
“ขอรับ!” กู่ฉินตอบ พร้อมยิ้มอย่างขมขื่น
...
ในเวลาเดียวกัน
บนยอดเขาสูง ณ พื้นที่ห่างไกลจากจวนสกุลกู่
เกาหลิวเซิงจากเฉินจีหยิง ได้นำชายห้าคนที่สวมหมวกปกปิดใบหน้า มายืนอยู่บนยอดเขาแห่งนี้ เพื่อลอบสังเกตจวนสกุลกู่ ที่บัดนี้ ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆหมอกหนา
“ค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น?” หนึ่งในกลุ่มชายสวมหมวกกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“เกาหลิวเซิง ท่านคงจะไม่ให้พวกข้าบุกเข้าไปข้างในนั้น เพื่อลอบสังหารกู่ไห่ใช่หรือไม่?”
“อันที่จริงทั้งลั่วเทียนเกอ าาโจรสลัดแห่งทะเลตะวันออก และพวกเรา ก็เคยพ่ายแพ้กู่ไห่เมื่อนานมาแล้ว แม้ว่าในยามนั้น ระดับพลังของเราจะถูกจำกัดไว้ให้อยู่เพียงระดับก่อ์ก็เถอะ... แต่เ้าจะให้เราไปสู้กับค่ายกลเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าให้เราไปตายหรอกหรือ?”
“สมบัติที่เ้าสัญญาว่าจะมอบให้ ทำให้ใจเต้นก็จริง แต่เราควรจะมีชีวิตอยู่รอด เพื่อให้หัวใจยังคงเต้นต่อไปได้ มิใช่หรืออย่างไร?”
ชายสวมหมวกทั้งห้า มองเกาหลิวเซิงด้วยสายตาเรียบเฉย
“าาปีศาจทั้งห้า การฝึกตนนั้นเป็เื่ยาก ข้าคิดว่าพวกเ้าคงจะรู้ดีกว่าใคร ว่าหากไม่มีอาวุธวิเศษในการฝึกฝน การก้าวเข้าสู่ดินแดนแรกสาบสูญนั้น จะยากเย็นเพียงใด?
อยากได้ก็ต้องเสี่ยง... สมบัติทั้งห้าชิ้นนี้ ข้าได้รับมาจากท่านผู้บัญชาการ ภารกิจนี้เสี่ยงมาก แต่ถ้าไม่ยอมเสี่ยง ก็จะพลาดเื่ดีๆ ไป พวกเ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่?” เกาหลิวเซิงกล่าวกลั้วหัวเราะ
ชายสวมหมวกทั้งห้านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนสั่นศีรษะ “แต่ที่นั่นมีค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น พวกข้าไม่กล้าแตะต้องมันหรอก”
“กู่ไห่อยู่ข้างในนั้น หากพวกเ้าไม่ไปฆ่ามัน สมบัติทั้งห้าชิ้นนี้ ก็จะตกเป็ของข้าทันที” เกาหลิวเซิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ทำให้ปีศาจทั้งห้าตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง
“แน่นอนว่าการจัดการกับกู่ไห่นั้น ไม่จำเป็ต้องทำแบบซึ่งหน้าเพียงอย่างเดียว” เกาหลิวเซิงชี้แนะ พลางยิ้มเย็น
“หืม...?”
“หลอกล่อกู่ไห่ออกมา าาปีศาจทั้งห้าเช่นพวกเ้า ที่แม้แต่จะอยู่ในดินแดนแรกสาบสูญ ก็ยังสามารถแปลงร่างได้ จะจัดการกับกู่ไห่ไม่ได้เชียวหรือ?” เกาหลิวเซิงถาม พร้อมหัวเราะ
ได้ยินเช่นนั้น าาปีศาจทั้งห้าต่างก็มองตากันและกัน
...
ในจวนสกุลกู่
ขณะที่กู่ไห่กำลังพูดคุยกับกู่ฉินอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งะโขึ้น
“อา! สัตว์ประหลาดๆ!”
“พวกสัตว์ประหลาดกำลังกินคน!”
“นายท่าน... ช่วยด้วย!”
“เ้าสัตว์ร้าย กล้ามาสร้างปัญหาที่จวนสกุลกู่เชียวหรือ?”
“ยิงธนู!”
จู่ๆ พื้นที่ภายนอกก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมา พร้อมกันนั้น เสียงคำรามของสัตว์อสูรก็ดังขึ้น
“หือ?” กู่ไห่หรี่ตาลง ก่อนลุกขึ้น แล้วเร่งเดินไปยัง้าสุดของหอคอย
หอคอยทะยาน์นี้ เป็แหล่งกำเนิดของค่ายกลหมากยี่สิบแปดเส้น กู่ไห่ที่ยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จึงสามารถมองเห็นทุกสิ่งทั้งภายในและภายนอกของพื้นที่รอบบริเวณ
เห็นได้ชัด ว่าตอนนี้ที่เมืองเล็กๆ นอกจวนสกุลกู่ เฉินเทียนซานและซ่างกวนเหิน กำลังนำกลุ่มคนโฉดซึ่งถืออาวุธครบมือ เข้าไปจัดการกับสัตว์ร้ายทั้งห้า ที่อยู่ดีๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา
เสือดาวั์สองตัว หมาป่าั์สองตัวและหมีั์ตัวหนึ่ง แต่ละตัวมีความสูงราวสิบฉื่อ[2] ไอปีศาจรุนแรงพุ่งออกจากร่างของพวกมัน ก่อนจะะเิเป็พลังปราณ ที่ทำให้เกิดพายุพัดกระหน่ำในเมืองเล็กๆ ซึ่งยังคงมีชาวบ้านวิ่งหนีตายกันอลหม่าน
“โฮก!”
สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ห้าตัวระดมพลัง เพื่อทำลายอาคารบ้านเรือน ทันทีที่พวกมันอ้าปากกว้าง ก็สูบเอาร่างของผู้คน และสิ่งปลูกสร้างเข้าไป
“ยิงธนูๆ!” เฉินเทียนซานออกคำสั่งด้วยความโกรธเกรี้ยว
กลุ่มคนโฉดยิงลูกศรออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกต้านและทำร้ายโดยพลังปราณร้าย ที่อยู่รอบกายปีศาจทั้งห้า
“หยวนอิง?” กู่ไห่เอ่ยพึมพำกับตัวเอง
“โฮกๆ!”
สัตว์ร้ายทั้งห้าคำรามก้อง ก่อนที่จะไล่ตะครุบกลุ่มคนโฉด
เหล่าคนโฉดต่างวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปอย่างรวดเร็ว เพื่อเอาชีวิตรอด ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนที่ยังคงอยู่ให้ความร่วมมือ และยิงลูกศรออกไป เพื่อต้านอสูรร้ายทั้งห้า
ด้วยการทำลายล้างอันทรงพลัง เมืองเล็กๆ แห่งนี้ จึงถูกทำลายไปเสียครึ่งหนึ่งในชั่วพริบตา ผู้คนต่างรู้สึกสิ้นหวัง จึงเอาแต่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
“เ้าสัตว์ร้าย!” กู่ไห่ะโอย่างโกรธแค้น
เสียงของเขาดังลั่นราวกับฟ้าร้อง
“นายท่าน! นายท่านช่วยด้วย!” คนกลุ่มใหญ่รอบด้าน ต่างก็วิ่งกรูเข้ามาหา ด้วยความพรั่นพรึง
สัตว์ร้ายทั้งห้าดูเหมือนเจาะจงลงมือกับคนกลุ่มนี้ โดยเจตนาสกัดกั้นผู้คนที่กำลังวิ่งหนี และไล่ฆ่าผู้คนเ่าั้
“พ่อบุญธรรม สัตว์ประหลาดพวกนี้มาเพื่อเผชิญหน้ากับท่าน พวกมัน้าหลอกล่อให้ท่านออกไป” กู่ฉินกล่าวอย่างกังวล
“กู่ฉิน เ้าคงต้องร่วมมือกับข้า เพื่อออกไปต่อสู้” กู่ไห่พูดอย่างจริงจัง
“พ่อบุญธรรม อย่าออกไปขอรับ!” กู่ฉินเอ่ยห้าม พร้อมแสดงสีหน้ากังวล
ตูม!
กู่ไห่ก้าวออกจากค่ายกลใหญ่ ทันทีที่เขาทะยานร่างออกไป กระบี่โลหิตก็ปรากฏขึ้นในมือ พร้อมกับพลังแห่งโลหิตที่ไหลเวียนทั่วร่าง
“โฮก!”
“กู่ไห่ออกมาแล้ว!”
“ฮ่าๆๆ!”
สัตว์ร้ายทั้งห้าะเิเสียงหัวเราะ หยุดกินผู้คน และอ้าปากกว้าง พลางพุ่งเข้าหากู่ไห่ ในความคิดของพวกมัน กู่ไห่ในตอนนี้ ก็เป็แค่ผู้ฝึกตนระดับก่อ์เท่านั้น เช่นนี้แล้วจะแข็งแกร่งได้มากเพียงใด? ต่อให้แกร่งกล้าขนาดไหน ก็ย่อมมีความอ่อนแอซ่อนอยู่... จริงหรือไม่?
“กรร!”
ปีศาจเสือดาววิ่งไปข้างหน้าเต็มฝีเท้า หมายจะตะครุบกู่ไห่
“รนหาที่ตายจริงๆ!” ดวงตาของกู่ไห่จ้องมองสัตว์ประหลาดอย่างไม่ละสายตา ก่อนที่กระบี่โลหิตในมือจะฟาดฟันใส่ร่างตรงหน้า
ตูม!
กระบี่กรีดลงไปเป็ทาง โลหิตพุ่งกระฉูดออกจากาแสด ราวกับสายธารสีเื ท้องฟ้าครึ่งหนึ่งถูกย้อมเป็สีแดงฉานทันที ปีศาจเสือดาวที่ยังไม่ทันจะได้เผ่นโผนร่างขึ้น ก็ถูกถอดเขี้ยวเล็บเสียแล้ว
ตูม!
เสียงะเิดังสนั่น พร้อมกับหยาดเืที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ช่างเป็ภาพที่น่าสะพรึงกลัวแก่ผู้พบเห็นจริงๆ
กู่ไห่ไม่ได้รับาเ็ใดๆ แต่ปีศาจเสือดาวตัวใหญ่ กลับถูกเฉือนจนเกือบสิ้นชีวี โล่คุ้มกันแตกออกเป็เสี่ยงๆ าแทะลุหน้าอกนั้น มีโลหิตมากมายหลั่งริน
“เป็ไปไม่ได้!” ปีศาจเสือดาวที่ถูกฟันจนลอยกระเด็น กระอักเื พร้อมมองดูกู่ไห่ด้วยความหวาดหวั่น
“อะไรกัน?” สัตว์ประหลาดร่างั์อีกสามตัว ที่กำลังกินผู้คนอยู่ต่างก็นิ่งอึ้ง พากันจ้องมองกู่ไห่อย่างตกตะลึง
กู่ไห่กระชับกระบี่โลหิต พลังแห่งโลหิตที่ไหววนทั่วตัว ทำให้ทั้งร่างกลายเป็สีแดงเื เมื่อยามที่ต้องกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา จึงดูน่ากลัว ราวกับปีศาจที่คลานออกมาจากบ่อเืก็ไม่ปาน
--------------------------------------
[1] ถล่มูเาะเืเสือ เป็สำนวนจีน หมายถึง การข่มขวัญ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้อีกฝ่ายกลัว โดยไม่ได้ลงมือทำร้ายเขาโดยตรง
[2] สิบฉื่อ เท่ากับ 3.3 เมตร โดยประมาณ