"แม่ พรุ่งนี้นิดไปตลาดด้วยนะ" อนงค์กานต์บอกกับแม่ระหว่างทานมื้อเย็น
เมื่ออนงค์พักอยู่ที่บ้านได้สองวัน เธอก็รู้สึกเบื่อและอยากทำงานเพื่อไม่ให้มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน หลังจากกลับจากโรงพยาบาล เธอก็นั่งเครียดและนอนไม่หลับอยู่สองคืน และเมื่อเงยหน้ามองสามีและลูก ก็เห็นใบหน้าที่หมองคล้ำและแววตาที่แสดงถึงความกังวลและเป็ห่วงอย่างมาก เธอจึงฉุดใจที่ท้อแท้ของเธอขึ้นมาได้
ในเมื่อเื่ยังไม่เกิด ก็ยังไม่ควรคิดไปทางร้ายและตีตนไปก่อนไข้ ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดมันยังส่งผลต่อคนที่เธอรักมากทั้งสองคนนี้
เมื่อปรับตัวปรับใจเป็ปกติแล้ว เธอก็เอ่ยปากกับกานต์เื่กลับไปขายของที่ตลาด กานต์ดีใจและสนับสนุนเต็มที่ ทั้งสองไปซื้อของและช่วยกันเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมสำหรับขายในวันรุ่งขึ้น
"จะไปทำไมลูก แม่ออกไปั้แ่ตีสามเลยนะ ลูกนอนอยู่บ้านดีกว่า อาหารเช้าแม่เตรียมไว้ให้แล้ว ตื่นเมื่อไหร่เอาออกจากตู้เย็นมาอุ่นทานได้เลยนะจ๊ะ"
"ไม่เอา นิดอยากไปช่วยแม่ขายของนี่"
"เกิดอะไรขึ้นมาลูก ทีเมื่อก่อนพ่อชวนออกไปตอนเสาร์อาทิตย์ เห็นบ่ายเบี่ยงตลอด" กานต์ถามยิ้ม ๆ
"ก็ตอนเปิดเทอมหยุดแค่เสาร์อาทิตย์นี่นา นิดเลยไม่อยากตื่น แต่ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว ตื่นเช้าได้ ตอนบ่ายกลับจากตลาดแล้วค่อยนอนก็ได้"
เมื่อเห็นลูกสาวอยากไปจริง ๆ ทั้งสองก็ไม่คัดค้าน หลังจากทานมื้อเย็นแล้วก็พากันอาบน้ำและนอนแต่หัวค่ำ
-----
เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งครอบครัวตื่นมาเตรียมตัวั้แ่ตีสองกว่า อนงค์กานต์ตื่นเองโดยไม่ต้องมีใครปลุก หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็ลงไปที่ใต้ถุนบ้านช่วยแม่เตรียมของและยกไปวางไว้ในซาเล้งพ่วงข้างที่กานต์นำมาผูกติดกับมอเตอร์ไซค์ เมื่อเรียบร้อยแล้วอนงค์กานต์เข้าไปนั่งในซาเล้ง ส่วนอนงค์นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปตลาดประจำอำเภอซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านห้วยกกสิบห้ากิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ สามสิบนาทีก็ถึงแล้ว
ที่ตลาด ยังมีคนอยู่ประปราย ส่วนมากจะเป็พ่อค้าแม่ค้าขายอาหารที่ต้องมาเตรียมทำของขาย จึงต้องมาถึงเร็วกว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของประเภทอื่น เมื่ออนงค์เดินเข้ามาในตลาดก็มีเสียงทักทายอย่างต่อเนื่องจากแม่ค้าที่ตั้งร้านใกล้เคียงกัน เนื่องจากอนงค์หยุดขายไปสามวันจึงมีการสอบถามกันมากกว่าปกติ
หลังจากทักทายแม่ค้าโดยรอบแล้ว ทั้งครอบครัวก็ช่วยกันเตรียมของสำหรับขายทันที ถึงแม้จะเตรียมบางส่วนมาแล้วจากบ้าน แต่ก็เตรียมเพียงแค่โขลกน้ำพริก หั่นเนื้อ เด็ดผัก หั่นผักเท่านั้น ขั้นตอนการปรุงอาหารอื่น ๆ ต้องมาทำที่ร้านอยู่ดีเพื่อให้อาหารที่ปรุงสดใหม่ ไม่เสียง่าย
อนงค์รีบปรุงน้ำซุปสำหรับทำซุปก๋วยเตี๋ยวน้ำใส โดยกานต์รับหน้าที่เทน้ำสะอาดใส่ในหม้อซุปหม้อใหญ่และยกขึ้นวางบนเตาแก๊สแบบฟู่หัวเดียว ใน่ปี พ.ศ.2529 เตาแก๊สและแก๊สยังเป็สิ่งที่แพงมาก น้อยบ้านที่จะมีใช้ แต่อนงค์กัดฟันซื้อมาหนึ่ง เตา เพราะหม้อซุปก๋วยเตี๋ยว้าไฟที่ค่อนข้างเสถียรสำหรับตุ๋น ไม่ต้องคอยพะวงมานั่งเติมฟืนและถ่านตลอดเวลา
ส่วนแกงเผ็ดและแกงเขียวหวาน สามารถใช้เตาฟืนได้ ในขณะที่พ่อและแม่ยุ่งอยู่กับการทำซุปก๋วยเตี๋ยว อนงค์กานต์ก็นั่งติดไฟที่เตาฟืนทั้งสองเตาไว้รอ เธอติดเตาฟืนได้คล่องมากเนื่องจากแม่สอนั้แ่เด็ก ถึงแม้จะย้อนอดีตกลับมาแต่ก็ไม่เคยลืมวิธีการติดไฟแบบนี้
เมื่อแม่เตรียมน้ำซุปเสร็จ ก็หันมาตั้งกระทะบนเตาฟืนทั้งสองเตาที่อนงค์กานต์ติดไฟไว้แล้ว เพื่อทำแกงเผ็ดและแกงเขียวหวานต่อ เมื่อแกงทั้งสองอย่างสุกแล้วอนงค์กานต์ก็ดึงฟืนออกแล้วใส่ถ่านเข้าไป 2-3 ก้อน และวางหม้อตุ๋นบนเตาถ่านแบบนั้น เพื่อให้แกงร้อนอยู่ตลอดเวลาที่ขาย แกงจะได้ไม่เสียเนื่องจากเป็น้ำกะทิทั้งคู่
กว่าที่ทั้งครอบครัวจะจัดเตรียมของเสร็จพร้อมขายก็ล่วงไปกว่าตีห้าแล้ว ทำให้อนงค์กานต์รู้สึกเสียใจและตำหนิตัวเองมากขึ้น ที่ในอดีตไม่เคยสนใจมาตลาดเพื่อช่วยแม่เปิดร้าน โดยเฉพาะถ้าเป็่เปิดเทอม พ่อจะอยู่ช่วยได้ไม่นานขนาดนี้เพราะต้องกลับไปดูแลเธอที่บ้านและพากันออกไปโรงเรียนแต่เช้า แม่ต้องอยู่ที่ตลาดทำงานหนักคนเดียว กว่าจะเตรียมเสร็จน่าจะล่วงไปกว่าเจ็ดโมงเช้าแล้ว
"ต่อไปนิดจะมาช่วยแม่ทุกวันนะ แม่จะไม่ได้เหนื่อยคนเดียว" เธอพูดสัญญากับแม่อย่างหนักแน่น กานต์และอนงค์ยิ้มปลาบปลื้มเมื่อได้ยิน
"ไม่ต้องหรอก แม่ทำจนชินแล้ว ค่อย ๆ ทำไปก็เสร็จทันขายเหมือนกัน กว่าคนจะเข้ามาทานก็ประมาณ 7 โมงเช้า นิดจะได้ไม่ต้องตื่นเช้ามากจนไปนั่งหลับในห้องเรียน"
"นิดจะเข้านอนเร็วกว่าเดิม อีกอย่างปีหน้านิดก็เรียน ม.1 ที่โรงเรียนในอำเภออยู่แล้ว นิดก็แต่งชุดนักเรียนมาเลย แล้วออกมาพร้อมกัน นิดกับพ่อจะได้ช่วยแม่เตรียมของ แม่จะได้ไม่เหนื่อย พอ 6 โมงครึ่งพ่อก็ขี่รถกลับบ้านไปแต่งตัวและไปโรงเรียนก็ยังทัน ส่วนนิดก็เดินข้ามถนนไปโรงเรียนเองได้ และตอนเย็นนิดก็นั่งรถรับส่งของหมู่บ้านเรากลับเอง พ่อจะได้ไม่ต้องออกมารับนิด ออกมารับแม่กลับแค่่บ่ายก็พอ" เธอเอ่ยปากท้วงพร้อมให้เหตุผล
"ไม่เป็ไรแน่นะ ไม่มาบ่นทีหลังนะ?" ผู้เป็พ่อถามยิ้ม ๆ
"แน่นอนที่สุด พ่อรอดูได้เลย!!" อนงค์กานต์กล่าวพร้อมตบอกแสดงความมั่นใจ ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของพ่อและแม่