หลินซีกับคุณแม่ลู่ที่ยื้อแย่งตะหลิวไปมาอยู่เป็เวลานาน จนอาหารที่กำลังผัดอยู่จะไหม้อยู่แล้ว ในท้ายที่สุดคุณแม่ลู่ก็ยอมปล่อยมือจากตะหลิวให้หลินซีเป็คนเข้ามาทำอาหารต่อจากที่เธอทำแทน แล้วคุณแม่ลู่ก็หลบไปอยู่ข้างๆ
บนใบหน้าของคุณแม่ลู่แสดงความกังวลเป็อย่างมาก เพราะเธอกำลังคิดว่าลูกสะใภ้ที่ไม่เคยทำอาหารเลยสักครั้งั้แ่แต่งงานเข้ามาในครอบครัวนี้ ถ้าเธอทำอาหารออกมาจะเป็อย่างไรจะสามารถกินได้ไหม
หลินซีเองก็ไม่ทำให้คุณแม่ลู่ผิดหวังเธอโชว์ฝีมือในการทำอาหาร อย่างเชี่ยวชาญ ในชีวิตที่แล้วเธอชอบทำอาหารเป็อย่างมากเพราะฉะนั้นเื่การทำอาหารสำหรับเธอมันง่ายราวกับปอกกล้วย
คุณแม่ลู่มองท่าทางการทำอาหารของลูกสะใภ้ด้วยความตกตะลึง
“หลินซีแม่ไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าเธอจะทำอาหารเก่งขนาดนี้” คุณแม่ลู่พูดพร้อมกับสูดกลิ่นหอมของอาหารที่หลินซีทำ
ถึงแม้อาหารที่หลินซีทำจะเป็แค่ผัดผักธรรมดา แต่กลับดูแตกต่างจากอาหารที่เธอทำในทุกวันเป็อย่างมาก เพราะมันทั้งมีกลิ่นหอมและยังน่ากินอีกต่างหาก
หลินซีเห็นท่าทางตื่นเต้นของแม่สามีเธอก็ควงตะหลิวโชว์ การควงตะหลิวนี้เธอใช้เวลาฝึกเป็เวลานานกว่าจะสามารถทำได้ชำนาญขนาดนี้
คุณแม่ลู่เองก็มองด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
หลินซีแอบยิ้มมุมปากเมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของแม่สามี
เมื่อทำอาหารเสร็จแล้วเธอก็ตักอาหารจากกระทะใส่จานที่เตรียมเอาไว้แล้วก็ยื่นให้แม่สามี
คุณแม่ลู่รับอาหารจากมือของลูกสะใภ้มาด้วยอาการเหม่อลอย
หลินซีเห็นท่าทางเหม่อลอยของแม่สามีเธอก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
“คุณแม่ระวังหน่อยนะคะ ถ้าจานหลุดมือคุณแม่ไป มื้อนี้พวกเราก็คงกินเพียงแค่โจ๊กมันเทศป่าวๆ เพียงเท่านั้นนะคะ” หลินซีพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่ลู่เมื่อได้ยินคำพูดของหลินซีเธอก็ได้สติขึ้นมาและหันไปยิ้มให้หลินซีด้วยอาการเขินอาย
หลังจากคุณแม่ลู่เดินออกจากครัวไปแล้ว หลินซีก็เห็นว่าภายในครัวยังมีไข่ไก่อยู่สองฟอง เธอจึงนำไข่ไก่สองฟองนั้นมาทำอาหารโดยอาหารที่เธอเลือกทำจากเมนูไข่สอง ฟองนี้เธอเลือกทำซุปไข่
หลินซีใช้เวลาทำซุปไข่ไม่นานก็เสร็จ เครื่องปรุงที่ใช้เธอก็เพียงเติมแค่เกลือเล็กน้อยโรยหน้าด้วยผักหอมเท่านั้น เพราะเครื่องปรุงภายในบ้านค่อนข้างขาดแคลน และซุปไข่ก็มีรสชาติอร่อยในตัวของมันเองอยู่แล้วเธอเติมเกลือเพียงเล็กน้อยเพื่อเสริมรสชาติเท่านั้น
คุณแม่ลู่เมื่อนำอาหารไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวเสร็จแล้ว ก็เดินกลับมาที่ห้องครัวอีกครั้ง เมื่อคุณแม่ลู่เห็นหลินซีนำไข่สองฟองสุดท้ายที่เหลืออยู่ในบ้านไปทำอาหารจนหมด คุณแม่ลู่ก็รู้สึกเศร้าเสียใจเป็อย่างมากแต่ถึงแม้จะเศร้าเสียใจแค่ไหน แต่คุณแม่ลู่ก็ทำเพียงแค่เก็บไว้ในใจเท่านั้นไม่ได้เอ่ยตำหนิหลินซีเลย
เมื่อสมาชิกทั้งสามในบ้านมารวมตัวกันครบบนโต๊ะอาหารแล้ว
บนโต๊ะอาหารมีโจ๊กมันเทศหนึ่งถ้วยวางไว้ตรงหน้าของทั้งสามและก็มีผัดผักหนึ่งจานที่หลินซีทำวางไว้อยู่ที่กลางโต๊ะ และก็มีซุปไข่ที่หลินซีทำเธอตักใส่ถ้วยเล็กแบ่งให้เท่าๆ กัน สำหรับเธอและพ่อแม่สามี
ตลอดเจ็ดวันที่ผ่านมาหลินซีต้องทนกินอาหารจืดชืดที่แม่สามีทำ เมื่อเธอได้ลงมือทำอาหารด้วยตนเองรสชาติอาหารที่เธอทำก็เข้มข้นขึ้นเล็กน้อย
คุณพ่อลู่มองอาหารตรงหน้าที่เหมือนจะดูแตกต่างไปจากทุกวัน ก็หันไปส่งสายตาเพื่อถามคุณแม่ลู่ คุณแม่ลู่ที่เห็นสายตาของสามีที่ใช้ชีวิตด้วยกันมานาน เธอก็เข้าใจแต่เธอก็เพียงแค่ส่งรอยยิ้มกลับเท่านั้นไม่ได้ตอบกลับอะไร
หลินซีมองปฏิกิริยาของพ่อสามีเธอก็รู้สึกขำ
ทั้งๆ ที่เขาสามารถเอ่ยถามได้แต่กลับไม่พูด แต่กลับไปส่งสายตาถามแม่สามีของเธอแทน
“คุณพ่อคุณแม่วันนี้ฉันลงมือทำอาหารเป็ครั้งแรก ั้แ่ฉันแต่งงานมาอยู่ในครอบครัวนี้ ฉันหวังว่าอาหารที่ฉันทำในมื้อนี้จะถูกปากทุกคนนะคะ” หลินซีพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเหลือบมองปฏิกิริยาของพ่อแม่สามีอยู่ตลอด
คุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรทำเพียงแค่พยักหน้ารับคำเท่านั้น
เมื่อทั้งสองได้ลองกินอาหารก็รู้สึกตะลึงในรสชาติ อาหารที่หลินซีทำมันอร่อยแตกต่างจากที่คุณแม่ลู่ทำเป็อย่างมาก
ผักกับไข่ที่ใช้ทำอาหารภายในบ้าน ส่วนมากก็เป็ผักที่ปลูกกินเองภายในบ้าน ส่วนไข่ที่เก็บได้ก็เป็ไข่จากไก่ที่เลี้ยงภายในบ้าน ผักไม่มีสารเคมีปลอดสารพิษ ส่วนไก่ก็ถูกเลี้ยงตามธรรมชาติ
ถึงแม้หลินซีจะมาอยู่ในร่างนี้ได้ เจ็ดวันแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับพ่อแม่สามีสักเท่าไหร่ เมื่อเธอเห็นทั้งสองท่านกินอาหารที่เธอทำอย่างเอร็ดอร่อยเธอก็ดีใจ
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วหลินซีก็เป็คนเสนอตัวทำความสะอาดโต๊ะกับเก้าอี้ แล้วก็เสนอตัวเป็คนขอล้างจานเอง ทั้งสองที่รู้สึกตกตะลึงแล้วไม่รู้กี่ครั้ง เมื่อลูกสะใภ้ขอทำงานภายในบ้านอีก ทั้งสองก็พยักหน้ารับไปอย่างงงๆ โดยไม่รู้ตัว
คุณแม่ลู่มองหลินซีที่ล้างจานกับทำความสะอาดโต๊ะกับเก้าอี้ด้วยความตะลึงอีกครั้งวันนี้ลูกสะใภ้แปลกไปมากทำให้คุณแม่ลู่กับคุณพ่อลู่ตกตะลึงจนตาค้างไปหมด
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วคุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่ก็เตรียมไปทำงานในไร่คุณพ่อลู่เองก็กังวลเื่พืชในไร่ที่ปลูกเอาไว้เหมือนกัน ว่ามันเกิดความเสียหายจากฝนที่ตกหนักไปมากน้อยแค่ไหน แต่เพราะเมื่อเช้าเกิดเหตุบ้านถล่มก่อนทำให้ไม่ได้ออกไปดูในไร่ั้แ่เช้า
คุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่ออกไปแล้วภายในบ้านตอนนี้ก็เหลือแค่หลินซีอยู่บ้านเพียงคนเดียว หลินซีที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตนเองเธอก็เริ่มจากการทำความสะอาดห้องของตนเองเลยเป็อย่างแรก เมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าของตนเองเธอก็พบเสื้อผ้าสีสันสดใสมากมาย เสื้อผ้าพวกนี้ค่อนข้างเป็แฟชั่นสมัยใหม่ที่หลินซีใช้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อมาจากในเมือง ส่วนมากก็จะเป็ชุดกระโปรงแบบที่เธอชอบ
หลังจากทำความสะอาดห้องของตนเองเสร็จแล้ว หลินซีก็ถือวิสาสะเข้าไปทำความสะอาดห้องนอนของพ่อแม่สามีโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตจากพวกท่านก่อน
ห้องนอนของพ่อแม่สามีเธอค่อนข้างเรียบง่ายกว่าห้องนอนของเธอมากภายในห้องมีเตียงกับตู้เสื้อผ้าแค่นั้น เมื่อเปิดดูภายในตู้เสื้อผ้าก็พบกับเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด และภายในตู้เสื้อผ้าก็มีชุดเสื้อผ้าผู้หญิงกับเสื้อผ้าผู้ชายที่ดูใหม่เป็อย่างมาก หลินซีคิดว่าเสื้อผ้าพวกนี้ลู่หานคงจะเป็คนซื้อให้ทั้งสอง
เพราะเสื้อผ้าพวกนี้ทำมาจากผ้าเนื้อดีและคิดว่าคงจะมีราคาแพง เพราะเธอคิดว่าพ่อแม่สามีที่ใช้ชีวิตอย่างประหยัด แม้แต่ไข่สองฟองที่เธอทำอาหารไปเมื่อเช้านี้ทั้งสองยังเสียดายเป็อย่างมาก ทำให้หลินซีมั่นใจว่าทั้งสองคงไม่ยอมเสียเงินซื้อเสื้อผ้าพวกนี้แน่นอน
และบนเตียงของทั้งสองก็มีผ้าห่มเก่าๆ ที่ขึ้นราแล้ว
หลังจากทำความสะอาดห้องนอนของพ่อกับแม่สามีเสร็จเธอก็ไปทำความสะอาดห้องโถง และก็ทำความสะอาดในลานบ้าน และก็ปิดท้ายด้วยการทำความสะอาดห้องครัว
หลินซีเห็นห้องที่ถล่มเมื่อเช้านี้แล้ว เธอรู้สึกว่าโชคดีเป็อย่างมากที่ตอนที่ถล่มไม่มีคนอยู่ ถ้ามีคนอยู่ตอนที่มันถล่มเธอก็ไม่อยากคิดเลย
หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้วเธอก็มานอนพักเหนื่อยอยู่บนเก้าอี้โยกของพ่อสามีในลานบ้าน
หลินซีที่ทำงานภายในบ้านมาตลอดทั้งเช้า เธอใช้พละกำลังไปมากจนตอนนี้ท้องของเธอรู้สึกหิวขึ้นมาแล้ว
แต่เมื่อนับเวลาดูแล้วก็ยังไม่ถึงเวลากินข้าวของบ้านนี้ ถ้าเป็เ้าของร่างเดิมหากเธอหิวเธอก็คงกินโดยที่ไม่รอพ่อแม่สามี แต่ไม่ใช่กับหลินซีถึงแม้เธอจะหิวแค่ไหนแต่เธอก็จะรอกินพร้อมกับพ่อแม่สามี
หลินซีที่ไม่มีอะไรทำเธอจึงคิดจะออกไปเดินเล่นในหมู่บ้านนี้สักหน่อยเธอมาอยู่ในร่างนี้หลายวันแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เคยก้าวออกจากบ้านเลยแม้แต่ก้าวเดียว
ทำให้พ่อแม่สามีและคนในหมู่บ้านที่รู้จักเธอคิดว่าเธอผิดปกติเป็อย่างมากเพราะปกติเธอจะออกจากบ้าน เพื่อเข้าไปในเมืองทุกสองหรือสามวันตลอด แต่ครั้งนี้เธอกลับไม่ก้าวออกจากบ้านเลยหลายวัน
เมื่อออกมาจากบ้านแล้วหลินซีก็ทำการล็อคประตูบ้าน
เมื่อเดินออกมาจากบ้านได้ไม่นานหลินซีก็เห็นคุณป้าข้างบ้านเปิดประตูออกมาพอดี
บ้านหลังข้างๆ นี้ก็ไม่ใช่บ้านใครที่ไหน แต่เป็บ้านของพี่ชายคนโตของพ่อสามีของเธอเอง พ่อสามีของเธอเป็ลูกชายคนที่สามของบ้าน ส่วนผู้หญิงตรงหน้าที่เปิดประตูออกมานี้ก็มีศักดิ์เป็ป้าสะใภ้ใหญ่ของเธอนั่นเอง
“โธ่เอ๊ย ฉันไม่เห็นเธอออกจากบ้านหลายวัน ฉันแอบคิดแล้วนะว่าเธอคงจะหนีตามผู้ชายในเมืองไปแล้ว แต่ที่ไหนได้เธอยังอยู่หรอ” คุณป้าสะใภ้ใหญ่มีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่คำพูดที่เธอพูดออกมาแต่ละคำทำให้หลินซีถึงกับต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะคำพูดแต่ละคำเป็คำพูดที่เสียดสีหลินซีทั้งหมด
จากความทรงจำทำให้เธอได้รู้ว่าคุณป้าสะใภ้ใหญ่คนนี้เหมือนว่าไม่อยากให้เธอแต่งงานกับลู่หานั้แ่แรก เพราะเธอตั้งใจอยากให้ลูกสาวของน้องชายมาแต่งงานกับลู่หานแทน ทำให้ั้แ่หลินซีแต่งงานเข้ามาในครอบครัวนี้ หากป้าสะใภ้ใหญ่เจอหลินซีก็มักจะพูดจาไม่ดีต่อหน้าหลินซีอยู่บ่อยครั้ง และข่าวเสียหายของหลินซีที่แพร่อยู่ในหมู่บ้านก็มาจากป้าสะใภ้ใหญ่ของเธอคนนี้ทั้งหมด
หลินซีมองป้าสะใภ้ใหญ่ตรงหน้าด้วยสายตาเฉยเมยแล้วเธอก็ตอบกลับไปว่า “ฉันไม่หนีตามผู้ชายที่ไหนหรอกค่ะ ถึงสามีฉันจะไม่กลับบ้านมาแต่เขาก็ส่งเงินกลับมาให้ฉันทุกเดือนไม่เคยขาด เท่านี้ฉันก็พอใจแล้วค่ะก็ไม่รู้ว่าจะไปหาผู้ชายที่ดีอย่างนี้ได้ที่ไหนอีก”
“เห้อ มีเงินเดือนให้ใช้แล้วอย่างไร แต่ผู้ชายกลับรังเกียจในตัวเธอ ไม่ยอมแม้แต่คืนเข้าหอคืนแรกก็ยังหนีกลับกองทัพไป เธอเนี่ยช่างไม่รู้จักสำเหนียกในตัวของตัวเองเลยนะ นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้วแต่เขากลับไม่กลับบ้านมาเลยคงจะรังเกียจในตัวเธอมากเลยล่ะ” คุณป้าสะใภ้ใหญ่พูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มเยาะเย้ยไปให้หลินซี
หลินซีไม่อยากต่อปากต่อคำกับมนุษย์ป้าคนนี้เธอจึงตอบกลับไปว่า “สำหรับฉันแล้วถึงแม้ตัวจะไม่กลับมาแต่แค่ส่งเงินกับความห่วงใยกลับมาให้ฉันเท่านี้ก็พอแล้วค่ะ”
หลังจากพูดจบหลินซีก็รีบเดินจากไป
คุณป้าสะใภ้ใหญ่มองตามหลังหลินซีที่เดินจากไปพร้อมกับถุยน้ำลายลงบนพื้น
“ถุย! ทำเป็พูดดีไปเถอะ ถ้าลู่หานรู้ว่าเงินที่เขาส่งมาเธอไม่ให้พ่อกับแม่เขาเลย เขาคงจะรีบมาหย่ากับเธออย่างรวดเร็วแน่นอน” คุณป้าสะใภ้ใหญ่พูดพึมพำกับตนเองแล้วก็เดินออกจากบ้านไป ทางที่ป้าสะใภ้ใหญ่เดินไปเธอเดินไปที่หลังหมู่บ้านส่วนทางที่หลินซีเดินไปคือหน้าหมู่บ้าน
หลินซีที่เดินไปจนถึงหน้าหมู่บ้านในระหว่างทางที่เธอเดินผ่านเธอก็พบเห็นชาวบ้านกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานในไร่อยู่
เมื่อเดินมาถึงสะพานใหญ่หน้าหมู่บ้านเธอก็หยุดเดิน หลินซีมองน้ำที่ไหลผ่านสะพานเธอก็รู้สึกสดชื่น แม่น้ำในตอนนี้สะอาดและใสมากจนสามารถเห็นปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำได้
เมื่อเธอยืนอยู่ในสะพานและมองไปรอบๆ ก็เห็นชาวบ้านกำลังก้มหน้าทำงานในไร่ของตนเองอยู่เหมือนเดิม
หลินซีตอนนี้รู้สึกว่าเธออยากจะทำงานหาเงินเลี้ยงตนเอง หากวันหนึ่งเธอกับลู่หานหย่ากันจริงแล้ว เขาก็คงไม่ส่งเงินให้เธอใช้เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเธอต้องหาเงินเลี้ยงตนเองและเธอจะต้องกลายเป็เศรษฐีนีผู้ร่ำรวยให้ได้ทำให้คนที่เคยดูถูกในตัวเธออิจฉาให้หมด
แต่แล้วเธอจะทำอะไรล่ะถ้าให้เธอไปทำงานในไร่ก็คงไม่ไหว เธอคงจะเหนื่อยตายก่อนจะได้ใช้เงินพอดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้