กูเฟยเยี่ยนไม่กล้าคิดมากไปกว่านี้ นางรีบเปิดประตูเพื่อรับเสื้อผ้าที่เฉียนโมโมะหาให้มาสวมใส่ นางไม่ได้สังเกตเห็นว่าถังจิ้งมองสำรวจแผ่นหลังของนางราวกับตามหาอะไรบางอย่างอยู่
ถึงแม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะผอมแห้ง ทว่าแผ่นหลังนวลเนียน สีผิวขาวราวกับหิมะ และไร้ซึ่งรอยปานใดๆ
หลังจากที่นางเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยจึงหันหลังกลับมา ถังจิ้งรีบหลบสายตาพลันสวมใส่เครื่องแต่งกายทันที ดูเหมือนว่าถังจิ้งจะไม่พบสิ่งที่้าตามหาเพราะแววตาเกิดความผิดหวัง
ชุดที่เฉียนโมโมะหามาให้ถังจิ้งคือชุดสำหรับสตรี ชุดกระโปรงหลิวเซียนสีเหลืองอ่อน ครั้นถังจิ้งสวมใส่เรียบร้อยแล้ว มาดของหญิงสาวจึงแตกต่างไปจากเดิม บัดนี้หญิงสาวให้ความรู้สึกไร้ซึ่งความเฉลียวฉลาดและองอาจผึ่งผายเฉกเช่นบุรุษ นางมีความคล้ายคลึงกับบุตรสาวของตระกูลที่ร่ำรวย สตรีที่สวมใส่ชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อน ถุงเท้าผ้าไหม เสื้อผ้าบางเบา ซึ่งให้ความรู้สึกอ่อนโยนและสง่างามเสียจริง
กูเฟยเยี่ยนพิจารณาถังจิ้งั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า “พี่ถังจิ้ง พี่สวยเหลือเกิน! ”
ถังจิ้งเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากระจกพลางเหม่อมองอย่างจริงจัง ไม่ช้านางก็กล่าวชมตนเอง “ใช่ สวยเหลือเกิน! ”
กูเฟยเยี่ยนหัวเราะเสียงดังออกมาหลังจากที่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ถังจิ้งหันกลับมามองพลันหัวเราะเสียงดังเช่นกัน เพียงแต่หัวเราะไปได้ไม่นานก็เกิดความรู้สึกเศร้าโศก
“ข้าสวยอย่างนั้นหรือ? ข้ามีน้องสาวอยู่หนึ่งคน ในวัยเด็กนางสวยกว่าข้ามาก เพียงแต่…”
ถังจิ้งเอ่ยเพียงครึ่งเดียวแล้วพิจารณาใบหน้าของกูเฟยเยี่ยน “นางมีเค้าโครงคล้ายคลึงเ้า ทว่าเ้าผอมแห้งเกินไป ดูสิ กระดูกยื่นออกมาเสียแล้ว ปลายคางก็เรียวแหลมเหลือเกิน ถ้าเ้ามีน้ำมีนวลมากกว่านี้จะต้องงดงามเฉกเช่นนางแน่นอน! ”
กูเฟยเยี่ยนััใบหน้าของตนเองโดยไม่ได้ใส่ใจนัก นางเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่ถังจิ้งมีน้องสาว? น้องสาวของท่านชื่นชอบการแต่งตัวเช่นบุรุษเหมือนท่านหรือไม่? ”
ถังจิ้งใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป “่ที่มารดาของข้ายังเป็เด็ก ท่านชื่นชอบการแต่งตัวเป็บุรุษ ข้าเองก็เรียนรู้มาจากท่าน! ในส่วนของน้องสาวของข้า…เป็ลูกพี่ลูกน้อง ท่านลุงของข้าเอาอกเอาใจนางสุดๆ เขามักจะเป็ห่วงนางเวลาออกไปด้านนอกจึง้าให้นางปลอมกาย แต่น่าเสียดายที่ท่านป้าไม่อนุญาต”
กูเฟยเยี่ยนอดอิจฉาไม่ได้ หญิงสาวเอ่ยถามอีกครั้ง “ลูกพี่ลูกน้องของท่านอาศัยอยู่กับพวกท่านหรือไม่? บ้านของท่านอยู่ที่ใด? เหตุใดท่านจึงไปเป็เ้าหน้าที่ประมูลสมุนไพรที่หุบเขาเสินหนง? ”
เ้าหน้าที่ประมูลผู้หญิงต้องปรากฏตัวอยู่ในแวดวงสังคม คนเหล่านี้มักจะถูกคุกคาม ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่งานที่ดีนัก
“ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน” ถังจิ้งเลิกพูดถึงเื่ราวของลูกพี่ลูกน้องและเอ่ยขึ้นว่า “บ้านของข้าอยู่ทางใต้ ฐานะทางบ้านธรรมดามาั้แ่เด็ก ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่ไปข้องแวะกับสนามประมูลั้แ่เด็กหรอก”
ครั้นเห็นถึงความผิดหวังในดวงตาของถังจิ้ง กูเฟยเยี่ยนจึงไม่สะดวกถามมากนัก
ถังจิ้งสอบถามถึงเื่ราววัยเด็กของกูเฟยเยี่ยนอีกครั้ง กูเฟยเยี่ยนจึงพูดติดตลกว่า “่เช้าท่านถามไปแล้วไม่ใช่หรือ ท่านสนใจเื่ราวในวัยเด็กของข้าขนาดนี้เชียว ท่านมาสืบหาสิ่งใดกัน? ”
ถังจิ้งชำเลืองตามองกูเฟยเยี่ยนราวกับไม่สะทกสะท้าน ทว่าก็อธิบายอย่างรวดเร็ว “ในวัยเด็กข้ามักจะได้ยินว่าตระกูลกูแห่งเมืองจิ้นหยางเป็อย่างนั้นอย่างนี้ คุณหนูใหญ่ของตระกูลกูเป็อย่างนั้นอย่างนี้ อีกทั้งยังมีการหมั้นหมายกับท่านชายของตระกูลฉีมาั้แ่เด็ก เฮ้อ คิดไม่ถึงว่าระยะเวลาเพียงสิบกว่าปี…ทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไปหมด”
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้คิดอะไรมากนัก นางถอดทอนหายใจเช่นเดียวกัน “ใช่เลย ระยะเวลาเพียงแค่สิบกว่าปี ดินแดนเสวียนคงล้วนเปลี่ยนแปลงไปหมด”
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระซิบหยั่งเชิง “พี่จิ้งเคยได้ยินเื่ราวเกี่ยวกับปิงไห่หรือไม่? ”
ถังจิ้งเกิดความประหม่าทันที “นี่นังหนู เ้ากล้าเสียจริง! เ้าสอบถามเื่ราวของปิงไห่ไปทำไมกัน? ”
แม้ว่าถังจิ้งจะเป็เพื่อนที่กูเฟยเยี่ยนไว้วางใจ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นบอกกล่าวทุกสิ่งทุกอย่าง นางจึงเจตนาเผยถึงสีหน้าของความประหม่า “ข้านึกขึ้นได้กะทันหันจึงอยากรู้อยากเห็น! ข้าไม่กล้าสืบข่าว! ได้ยินมาว่าการเปลี่ยนแปลงของปิงไห่ตกอยู่ภายใต้คำสาปลึกลับ เมื่อใดที่เข้าใกล้ทะเลน้ำแข็งปิงไห่และสืบเสาะเื่ราว เมื่อนั้นก็จะถูกสาป”
ที่จริงแล้วมีคนเจตนาปลุกปั่นข่าวลือเื่ราวของคำสาป ทว่าบัดนี้ผู้คนในดินแดนเสวียนคงส่วนใหญ่ก็เชื่อเื่นี้
ความผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของถังจิ้งอีกครั้ง เพียงแต่สลายหายไปอย่างรวดเร็ว
นางเอ่ยตอบกลับไป “แน่นอนว่าข้าได้ยินมาบ้าง บ้านของข้าอยู่ทางใต้ ในตอนนั้นเื่ราวเหล่านี้แพร่สะพัดบริเวณทางใต้อย่างหนัก พวกเราอย่าพูดถึงเลย เื่ราวของคำสาปเช่นนี้ถ้าเชื่อว่ามี มันก็จะมี ถ้าเชื่อว่าไม่มี ก็จะไม่มี! ”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนคิดว่าถังจิ้งจะมีความเข้าใจในเื่ราวของปิงไห่อยู่บ้าง เนื่องจากถังจิ้งอยู่ในสนามประมูลของหุบเขาเสินหนง นางจะต้องมีความรู้ที่กว้างขวาง ทว่าทันทีที่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้ กูเฟยเยี่ยนจึงรู้สึกผิดหวังมากทีเดียว
หลังจากที่ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ถังจิ้งจึงเตรียมตัวลากลับ กูเฟยเยี่ยนมีความอาลัยอาวรณ์จึงเดินตามไปส่งที่หน้าประตูด้วยตนเอง ทว่าทันทีที่พวกเขามาถึงหน้าประตูก็พบกับเฉิงอี้เฟย
เฉิงอี้เฟยตกตะลึงทันทีที่เห็นถังจิ้ง ไม่ช้าเขาก็ได้สติกลับมาพลันดีอกดีใจ “นี่ นี่ นี่ นี่คือราชทูตหญิงของหุบเขาเสินหนงที่แต่งกายเป็บุรุษหรือ? คิดไม่ถึงเลย! แม่นางมีหน้าตาที่สละสลวยเพียงนี้ การที่แต่งกายเป็บุรุษจะไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ? ท่านมีนามว่าถัง…ถัง…”
กูเฟยเยี่ยนดึงมือถังจิ้งออกไปเพราะี้เีอธิบาย
ทว่าถังจิ้งหันกลับไปด้วยรอยยิ้ม “สกุลของข้าคือถัง นามว่าจิ้ง ท่านคือแม่ทัพเฉิงแห่งเทียนเหยียน เฉิงอี้เฟย? ”
“คือข้าน้อยเอง”
เฉิงอี้เฟยเหลือบมองกูเฟยเยี่ยนพลางโค้งคำนับต่อถังจิ้งอย่างจริงจัง “พรหมลิขิตทำให้ได้พบกัน ไม่ทราบว่าข้าน้อยจะมีเกียรติพอที่จะสามารถเชิญแม่นางไปทานอาหารได้หรือไม่? ”
การที่เขาเชื้อเชิญถังจิ้งก็เป็เพราะกูเฟยเยี่ยน
กูเฟยเยี่ยนจะช่วยถังจิ้งปฏิเสธทว่าถังจิ้งเอ่ยออกมาเสียก่อน “แน่นอน ข้าจะทำตามที่ท่าน้า!”
นางเอ่ยแล้วผลักกูเฟยเยี่ยนเข้าไปในด้านใน “เยี่ยนเอ๋อร์ เ้ากลับไปเถอะ ไม่จำเป็ต้องส่งแล้ว ข้าจะไปทานอาหารกับท่านแม่ทัพเฉิงแล้วค่อยกลับ”
เฉิงอี้เฟยเกิดความตกตะลึง
กูเฟยเยี่ยนเกือบจะหัวเราะออกมา เื่ที่เฉิงอี้เฟยขอแต่งงานอย่างใหญ่โตโด่งดังไปทั่วเมือง ถังจิ้งที่อาศัยอยู่ในเมืองจิ้นหยางหลายวันจะไม่รับรู้ได้อย่างไร? นางเจตนา!
“รับทราบ พี่จิ้ง เช่นนั้นข้าส่งท่านถึงตรงนี้ ระหว่างทางระมัดระวังตัวด้วย อย่าลืมเขียนจดหมายถึงข้า ใช่แล้ว ถ้าหากว่าออกจากเมือง่กลางดึกก็ให้ท่านแม่ทัพเฉิงไปส่ง เขามีตราสัญลักษณ์ สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ! ”
หลังจากที่กูเฟยเยี่ยนเอ่ยจบก็หันหลังเดินเข้าไปในตัวบ้าน
เฉิงอี้เฟยเกิดความกระวนกระวายใจ “แพทย์หญิงน้อย เ้าไปด้วยกันเถอะ! เ้าต้องทำหน้าที่เป็เ้าบ้านที่ดีสิ! ”
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้โต้ตอบ นางส่งรอยยิ้มใสซื่อไปให้เขาพลางปิดประตูลง เฉิงอี้เฟยมองถังจิ้งด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาดูิ่การรับประทานอาหารกับหญิงสาวมาโดยตลอด โดยเฉพาะการรับประทานอาหารสองต่อสอง ทว่ายกเว้นแพทย์หญิงน้อยไว้คนหนึ่ง
“แม่นางถัง หรือว่า…”
เฉิงอี้เฟยยังพูดไม่จบถังจิ้งก็แทรกขัดจังหวะ นางขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมที่ปราศจากรอยยิ้ม บัดนี้นางไร้ซึ่งความสง่าและความเ็าเฉกเช่นเมื่อแต่งกายเป็บุรุษ ทว่าก็มีพลังอำนาจของคุณหนูใหญ่ นางกล่าวด้วยความจริงจัง “ท่านแม่ทัพเฉิง การที่ท่านขอนางแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ตนเองมีความสบายอกสบายใจ ทว่านางกลับต้องทนฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หากท่านชื่นชอบนางจริงๆ โปรดสังวรในคำพูดและการกระทำของตนเอง อย่ามาก่อกวนนาง! นางคือกรรมการบริหารกิตติมศักดิ์ของพวกเราหุบเขาเสินหนงและเป็น้องสาวที่ข้าให้การยอมรับ ถ้าหากว่าท่านสร้างปัญหาแก่นางอีก…เหอะ! อย่าหาว่าข้าไม่เตือน! ”
หลังจากที่ถังจิ้งเอ่ยจบก็ขึ้นไปบนม้าพลันออกไปโดยไม่หันกลับไปมองอีก
เฉิงอี้เฟยเกิดความตกตะลึง เขาได้สติกลับมาอีกทีหลังจากที่แผ่นหลังของนางหายไป ไม่ช้าเขาก็พึมพำกับตนเอง “จิ๊ จิ๊ จิ๊ กล่าวเตือนเปิ่นเจียงจวิน? ”
เฉิงอี้เฟยเหยียดหยามเป็อย่างยิ่ง เขาเหลือบมองประตูของตระกูลกูที่ปิดสนิทโดยที่ไม่ได้ไปเคาะประตูอีก แต่ตั้งใจไตร่ตรองถึงคำพูดของถังจิ้ง
หลังจากที่ถังจิ้งออกจากเมืองไปได้ไม่นานก็มีผู้คุ้มกันชุดดำมารอรับ เพียงแต่ว่าผู้คุ้มกันเหล่านี้ไม่ใช่คนของหุบเขาเสินหนง ผู้คุ้มกันกระซิบแ่เบา “คุณหนูใหญ่ กูเฟยเยี่ยนใช่บุคคลที่พวกเรากำลังตามหาหรือไม่? ”