ณ ข้างลำธารด้านหลังหมู่บ้านอันชิ่ง แม่บ้านกลุ่มหนึ่งกำลังซักผ้าและพูดคุยสัพเพเหระกัน
ลั่วชีเหนียงได้แต่เพียงขยี้ผ้าในมืออย่างรับชะตากรรมและฟังเสียดสีกันของผ้าของผ้าไปพลาง
เฮ้อ เพราะเหตุใดอยู่ดีไม่ว่าดีถึงข้ามมิติมาได้? ไม่ใช่ว่าชะตาของนางควรจะแก่ตัวลงแล้วก็จากไป์อย่างสงบไม่ใช่หรือ? ไฉนจึงข้ามมิติมาเป็คนที่น่าสงสารขนาดนี้ได้เล่า
มิแปลกที่นางโศกเศร้าเพียงนี้ เพราะเ้าของร่างเดิมทิ้งเื่ราวและปัญหาไว้ให้นางมากมายเหลือเกิน
ยังไม่เอ่ยถึงลูกชายวัยกำลังโตสามคนที่ต้องเลี้ยงดู ลำพังเื่ที่นางถูกสามีทอดทิ้งก็หนักหนาพอที่จะทำให้นางตื่นตระหนก แต่สิ่งที่ทำให้นางไม่อาจรับกับร่างเดิมได้ก็คือเื่ที่เป็คนลุ่มหลงมัวเมาในความรัก
ผู้ชายแสนห่วยทิ้งพวกนางแม่ลูกไป แต่กลับเฝ้าอาวรณ์และเฝ้าฝันว่าสักวันเขาจะกลับมา
“สมควรแล้วที่ลูกๆ จะเกลียดชัง!”
นางด่าอย่างชิงชังและหอบกะละมังไม้กลับบ้าน
หากแต่ยิ่งเดินไปเรื่อยๆ นางก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายตัว
เมื่อวานตอนที่นางข้ามมิติมา ลูกชายคนรอง ลั่วจิ่งซี กลัวว่าพวกทวงหนี้จะรบกวนความสงบของเ้าลูกชายคนโต บวกกับยังไม่ถึงกำหนดเวลาคืนเงิน ลั่วจิ่งซีจอมหัวแข็งเห็นว่าโต้เถียงพวกนั้นไม่ไหวจึงหนีไปหาเงิน ก่อนจากไปยังทิ้งคำพูดไว้ว่าจะไปรวบรวมเงิน แต่พวกทวงหนี้ที่ไม่ได้เงินกลับไป มีหรือจะกลับไปอย่างง่ายดาย? ด้วยบารมีของลูกชายแสนดี หลังจากเขาออกจากบ้าน ร่างเดิมก็ถูกพวกทวงหนี้ผลักจนศีรษะกระแทกกับขอบประตู ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ร่างเดิมสิ้นใจและิญญาของนางก็ถูกเรียกมาแทนที่
ขณะที่นางเพิ่งฟื้นก็เกือบต้องตายอีกรอบเพราะการร้องไห้ของ ลั่วจิ่งไหล ลูกชายคนเล็กวัยห้าหนาว
“ลั่วเหนียงจื่อ [1] เ้าหายดีแล้วหรือ?”
ระหว่างทางบังเอิญเจอหมอหลิวที่มาตรวจรักษานางหลายวันก่อน
นางลูบผ้าพันแผลบนศีรษะในทันใด “หมอหลิว ข้าหายดีแล้ว หลายวันก่อนรบกวนท่านแล้ว”
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของนาง หัวใจของหมอหลิวหล่นก็ลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ลั่วเหนียงจื่อผู้นี้ เหตุใดจึงต่างจากสมัยก่อนนัก? แต่ก่อนเวลาเจอผู้คนแทบจะหลบหน้าให้ได้ โดยเฉพาะเวลาเห็นบุรุษ ราวกลับกลัวว่าถูกผู้อื่นจ้องแล้วจะถูกพาไปขายก็ไม่ปาน เฝ้ารักนวลสงวนตัวเพื่อเ้าสุนัขจี้ฉงเหวินที่ทิ้งนางไป ไฉนตอนนี้จึงสง่าผ่าเผยเช่นนี้
ทว่านี่เป็เื่ดีเช่นกัน ที่นางสามารถปล่อยวางได้ก็นับว่าเป็เื่ดี
“จิ่งเฉิน ไม่เป็ไรใช่ไหม?”
เมื่อเห็นนางสบายดี หมอหลิวจึงถามไถ่เพิ่มเติมด้วยความใส่ใจ
“เ้าคนโตยังคงเป็เช่นเดิม ขังตนเองไว้ในห้องไม่ยอมออกมา หากมิใช่เพราะครั้งนี้ข้าล้มหัวฟาดพื้นเกือบตาย เดาว่าเ้าคนโตคงไม่มีทางไปตามท่านมารักษาข้า” ตอนนั้นหลังจากร่างเดิมาเ็ ไหลไหลน้อยก็เอาแต่กอดแม่และร้องไห้แทบเป็แทบตาย
เดาว่าตอนนั้นลั่วจิ่งเฉินเองก็คงกลัวร่างเดิมตายเช่นกัน จึงยอมข่มความกลัวทางใจและออกนอกบ้าน เสียแต่ว่าตอนออกจากบ้าน เขาคงร้อนใจจนลืมเื่ความพิการทางร่างกายไป ตอนกลับมากลับถูกเด็กกลุ่มหนึ่งล้อมวงกลั่นแกล้งร้องเพลงเยาะเย้ย “ซิ่วฉายพิการ” [2]
หากมิใช่นางห่วงว่าจะเกิดเื่กับลั่วจิ่งเฉินจนพาไหลไหลน้อยออกไปตามหา แล้วช่วยขับไล่กลุ่มเด็กซนเ่าั้ จากนิสัยของลั่วจิ่งเฉินแล้วคงรออยู่ด้านนอกจนกว่าเด็กกลุ่มนั้นจะจากไปเอง
แม้ว่าเด็กคนนี้จะมีใบหน้าหล่อเหลา แต่สายตาเวลามองผู้คนกลับดุดัน โดยเฉพาะเวลาที่ลากขาเดินอย่างยากลำบาก ยิ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัว
เพียงแต่เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ขาของเด็กคนนี้ไม่ได้รับการรักษาให้หายดี นางก็ได้แต่ก่นด่าร่างเดิมในใจเงียบๆ
หญิงสติไม่สมประกอบคนนี้ ทั้งที่รู้ว่าผู้ชายสารเลวพึ่งพาไม่ได้ ยังรั้นจะเก็บของมีค่าที่เขาทิ้งไว้ให้ แต่ไม่ยอมนำไปแลกเงินมาช่วยรักษาขาของลั่วจิ่งเฉิน หากตอนนั้นช่วยไว้ได้ทันเวลา ขาข้างนั้นของเขาเด็กคนนี้แม้ไม่หายดี แต่ก็คงไม่หนักหนาสาหัสเท่านี้
อย่าว่าแต่ลั่วจิ่งเฉินไม่เป็มิตรกับนางเลย หากจะเกลียดชังจนตายและไม่ยอมรับมารดาอย่างนางก็เป็เื่สมควร ยุคสมัยนี้ผู้ที่มีความพิการนั้นไม่อาจเดินบนเส้นทางแห่งขุนนางได้ การกระทำของร่างเดิมเทียบเท่าตัดอนาคตของลั่วจิ่งเฉินจนหมดสิ้น
“หมอหลิว ขาของลูกชายคนโตข้าไม่มีหนทางรักษาแล้วจริงหรือ?” แม้ว่านางจะรู้เื่สมุนไพรบ้าง แต่ไม่ได้รู้ลึกไปกว่านี้ ตอนนี้นางข้ามมิติมาแล้ว คงไม่อาจจากไปในได้ในเร็ววัน นางจะสร้างแต่ปัญหาและใช้ชีวิตสัปปะรังเคเหมือนร่างเดิมไม่ได้
เมื่อเห็นนางถามด้วยความจริงใจ หมอหลิวลูบเคราและส่ายศีรษะ หากตอนนั้นลั่วเหนียงจื่อคิดได้เช่นนี้ ขาของลั่วจิ่งเฉินคงไม่ถูกปล่อยจนล่าช้าไปเยี่ยงนี้
“เวลายืดเยื้อนานเกินไป แม้จะรักษาได้แต่ก็คงมีอาการหลงเหลือภายหลัง” หมอหลิวกลัวว่านางจะมีความหวังมากเกินไป จึงรีบเสริม “ข้านั้นไร้ความสามารถ หากเ้าหาหมอหลวงจากโรงแพทย์หลวงที่รักษาาแภายนอกได้ ข้าว่าคงยังพอมีความหวังเล็กน้อย”
หมอหลวงในสำนักหมอหลวงนั้นมีไว้สำหรับถวายการรักษาเหล่าเชื้อพระวงศ์โดยเฉพาะ หากลั่วจิ่งเฉินคือคนที่สามารถเข้าสู่เส้นทางแห่งขุนนางในภายภาคหน้า คงจะมีความเป็ไปได้บ้าง เพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของเขาถูกกำหนดแล้วว่าไร้วาสนากับราชสำนักชั่วชีวิต
ลั่วชีเหนียงยังอยากถามต่อ แต่กลับเห็นร่างสูงใหญ่อยู่ตรงมุมกำแพงบ้านของตนชะเง้อศีรษะออกมาด้อมๆ มองๆ ด้านนอกเป็พักๆ และรีบหลบกลับเข้าไป
นางคุ้นเคยกับร่างนี้ เขาคือเ้าทึ่มจากหมู่บ้านชิงเหอ! คนทึ่มแปลกประหลาดที่คอยทำดีกับร่างเดิมเสมอ แต่กลับทำให้นางนั้นสะดุ้งใกลัวทุกครั้งไป
เพื่อเลี่ยงไม่ให้หมอหลิวเห็นแล้วคิดไม่ดี นางจึงรีบหยุดการสนทนาและตรงกลับบ้าน
เมื่อรับรู้ว่าเ้าทึ่มสกุลจ้าวเหมือนอยากคุยกับตน นางไม่รีรอให้เ้าทึ่มโผล่ออกมาจากกำแพงแล้วรีบปิดประตูเสียงดัง
เ้าทึ่มที่ถูกทิ้งไว้ด้านนอกประตู ได้แต่จับจ้องประตูสีดำตรงหน้าอย่างน่าสงสารอยู่สักพัก เหมือนคิดไม่ตกว่าเหตุใดเขาจึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
สมัยก่อนตอนที่เขานำของอร่อยมา นางก็ยังพูดคุยกับตนเองดีๆ อยู่เลยนี่นา
ต้องเป็เพราะตอนที่เขาออกมาเมื่อครู่ นางจึงไม่ทันเห็นเป็แน่
อืม เช่นนั้นเขารออีกสักหน่อยดีกว่า อีกเดี๋ยวเขาต้องพุ่งออกมาข้างหน้านางเร็วกว่านี้ ขณะคิดเขาก็นั่งลงตรงมุมกำแพงอย่างเงียบเชียบตามเดิม
ลั่วชีเหนียงเพิ่งกลับถึงบ้านและวางเสื้อผ้าลง ไหลไหลน้อยก็วิ่งมาช่วย
“ท่านแม่กลับมาแล้ว ท่านแม่เหนื่อยหรือไม่?”
“ไหลไหลช่วยท่านแม่เอง”
เด็กน้อยวัยห้าหนาวรูปร่างผอมแห้งผิวเหลือง ยื่นมือน้อยๆ เข้ามาหยิบเสื้อผ้าในกะละมังที่ใหญ่กว่าตัวเขามาก
เมื่อได้ยินเสียงอ่อนหวานและเห็นการกระทำที่ทำให้นางรู้สึกอบอุ่น ลั่วชีเหนียงก็รู้สึกเ็ปหัวใจขึ้นมา
นับั้แ่เกิดมา เด็กคนนี้ไม่เคยได้เจอบิดาที่แท้จริง ส่วนร่างเดิมที่เป็มารดาก็เอาแต่เฝ้าคะนึงหาผู้ชายสารเลว ที่ไม่เคยดูแลลูกให้ดีด้วยซ้ำ จนส่งผลให้ลั่วจิ่งไหลรู้สึกขาดความอบอุ่นั้แ่เด็ก
เด็กน้อยเหลือเพียงร่างเดิมให้พึ่งพาเลยกลายเป็เด็กว่านอนสอนง่าย เพราะกลัวว่าหากตนไม่เชื่อฟังและทำให้ให้ท่านแม่ไม่ชอบใจ เขาจะต้องใช้ชีวิตเหมือนพี่ชายอีกสองคนที่ถึงแม้จะใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกัน แต่กลับถูกละเลย
นางย่อตัวลงและลูบศีรษะของไหลไหลน้อย “ไหลไหลเด็กดี แม่ทำเองดีกว่า เ้าไปล้างมือรอก่อน แม่จะทำของอร่อยให้เ้ากิน”
ไหลไหลน้อยรับรู้ถึงความอบอุ่นบนศีรษะ ท่านแม่ยังไม่เคยลูบตนเองอย่างอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน เขามีความสุขเหลือเกิน! นับั้แ่หลายวันก่อนที่ท่านแม่ฟื้นขึ้นมา ก็อ่อนโยนขึ้นมาก เขาชอบท่านแม่ในตอนนี้นัก!
แต่ท่านแม่ในตอนนี้จะหายไปหรือไม่?
ไหลไหลน้อยรีบล้างมืออย่างรวดเร็ว จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี้และเฝ้าดูท่านแม่ที่ยุ่งกับงานในบ้าน
“ปังๆๆ…”
เสียงเคาะประตูอย่างร้อนรนดังจากด้านนอกประตู
ไหลไหลน้อยะโลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ท่านแม่กำลังยุ่ง ข้าไปเปิดเอง”
พอเปิดประตูออก ผู้มาเยือนคือผู้ใหญ่บ้านอันชิ่ง
“ลั่วเหนียงจื่อ เกิดเื่กับลูกรองบ้านเ้าแล้ว”
ฝูอันปั้นสีหน้าตึงเครียด หากเื่ราวไม่ได้ร้ายแรง เขาไม่อยากมาที่บ้านสกุลลั่วจริงๆ แต่ลั่วจิ่งซีคือคนของหมู่บ้านอันชิ่ง ตอนนี้เกิดเื่ เขาเป็ผู้ใหญ่บ้านคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องจัดการดูแล
“ลูกรอง?” หัวใจของลั่วชีเหนียงหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เ้าเด็กคนนี้หายไปหลายวัน ไหนบอกว่าไปหาเงินไม่ใช่หรือแล้วเกิดอะไรขึ้น? คงไม่ได้ถูกจับหรอกนะ?
“ลั่วจิ่งซีถูกคนของทางการจับตัวไปแล้ว”
ดั่งที่คาด คำพูดเพียงประโยคเดียวของฝูอันตอกย้ำในสิ่งที่นางคิดทันที
-----
[1] เหนียงจื่อ ใช้เรียกหญิงชาวบ้านที่มีสามีแล้ว
[2] ซิ่วฉาย 秀才 หมายถึง ระบบการสอบในสมัยโบราณของจีน แบ่งออกเป็การสอบหลายระดับ โดยมีการสอบถงเซิง(นักศึกษาเด็ก) เป็การสอบระดับท้องถิ่น จัดสอบโดยระดับอำเภอ ผู้สอบผ่านจะถูกเรียกว่า “เซิงหยวน” บัณฑิตระดับอำเภอ หรือเรียกกันทั่วไปว่า “ซิ่วฉาย”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้