“เร็วเข้าเจ๋อจี่เฉินซา ทางนี้”
กุ่ยกู่จือถือหอกยาวะโทะยานพุ่งสู่ป้อมยามที่อยู่ด้านนอกของค่าย ถ้าหากผมจำไม่ผิดละก็ที่นั่นมี NPC ฝ่ายมืดเลเวล 20 อยู่อย่างน้อย 7 คน บางทีพวกนั้นอาจจะปกป้องพวกเราได้บ้าง
เงาคนเคลื่อนที่แวบผ่านไปในยามราตรี ครึ่งนาทีต่อมาผมก็เห็นแสงไปภายในค่ายแล้ว และตรงตึกเก่าผุพังที่อยู่ด้านข้างค่ายก็มีหัวหน้าทหารยามฝ่าเค่อผู้มีพลังไม่ธรรมดากำลังหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง “เ้าโครงกระดูกน้อย พวกเ้ามาแล้วเหรอ?”
แต่หลังจากนั้นสีหน้าของหัวหน้าฝ่าเค่อก็ได้เปลี่ยนไปทันที “ไอ้พวกรนหาที่ตาย นึกไม่ถึงเลยว่าพวกมนุษย์จะหาที่นี่เจอ พลทหารข้าจงหยิบอาวุธของพวกเ้าขึ้นมาแล้วไปฆ่ามันซะ!”
ทันใดนั้นเหล่าพลทหารเฝ้ายามก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที จากนั้นพลทหาร NPC เลเวล 20 ทั้ง 7 คนที่ถืออาวุธอยู่ในมือก็พุ่งเข้าสู่กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังผมกับกุ่ยกู่จือ
ส่วนกลุ่มจ้าวัผยองนั่นเมื่อรวมหลงสิงเทียนเซี่ยเข้าไปแล้วก็จะมีจำนวนทั้นหมด 20 คน ดังนั้นพวกเขาจึงประจันหน้าเข้ามาโดยไม่มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว ความจริงแล้วพวกเขาก็ไม่มีความจำเป็อะไรที่ต้องหวาดหวั่นจริงๆนั่นแหละเพราะคุณลักษณะของทหาร NPC เลเวล 20 กับมอนสเตอร์เลเวล 20 ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนัก เพราะงั้นพวกเขาคงฆ่ามันได้สบายมาก
“ฆ่ามันซะ! ฆ่าพวก NPC ก่อนแล้วค่อยฆ่าไอ้พวกผีสารเลวสองตัวนั้น”
หลงสิงเทียนเซี่ยถือหอกยาวและพุ่งนำเข้ามาก่อนเป็คนแรก ปลายหอกของเขามีแสงประกายเพลิงส่องสว่างออกมาก่อนที่เขาจะใช้หนามเพลิงแทงเข้าไปในอกของพลทหาร NPC อย่างอย่างแรงและยังตามมาด้วยลูกธนูของนักธนูข้างหลังอีก 3 คนจนทำให้พวกเขาฆ่าพลทหารนายนั้นไปได้ในชั่วพริบตา!
“เวรเอ๊ย...ฝีมือยิงธนูพร้อมกันแบบนี้น่ากลัวชะมัด...” กุ่ยกู่จือกับผมมองหน้ากันด้วยสีหน้าตกตะลึง สถานการณ์แบบนี้เป็เื่ที่พวกเราไม่คาดคิดมาก่อนเลย
“ฟิ้วๆๆ!”
ทักษะลูกธนูล็อกเป้าของนักธนูเลเวล 10 พุ่งผ่านแนวป่ามาพร้อมกับประกายเย็นะเื และเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีทหารยาม NPC 5 นายก็จมลงไปในกองเืซะแล้ว ส่วนความเสียหายของฝั่งจ้าวัผยองนั้นเกือบจะเป็ศูนย์เลยทีเดียว!
เมื่อเห็นแบบนั้นหลงสิงเทียนเซี่ยก็หัวเราะขึ้นมายกใหญ่อย่างลำพองใจ “เห็นหรือยังว่าพลังเพลิงของพวกเรายิ่งใหญ่ขนาดไหน ฆ่ามันต่อไป ตอนนี้ฉันอัดวิดีโอไว้แล้ว เดี๋ยวพอกลับไปฉันจะเอาคลิปในเกมนี้ไปลงในเว็บบอร์ดทางการเพื่อป่าวประกาศชื่อเสียงและบารมีให้พวกเาาวจ้าวัผยอง ฮ่าๆ”
......
ผมกัดฟันแล้วพูดออกมาเสียงต่ำ “กุ่ยกู่จือ พวกเราจะนั่งดูเฉยๆ ไม่ทำอะไรอย่างนี้ไม่ได้นะ เตรียมโจมตีเถอะ เราต้องฆ่านักธนู 7 คนนั้นก่อน ฉันจะจัดการขวามือ 4 คนนั้น ส่วนซ้ายมือ 3 คนนั้นให้นายแล้วกัน”
สีหน้ากุ่ยกู่จือตะลึงไปทันที “เฮ้ย แกดูถูกฉันมากไปเลยว่ะ?”
“อย่าพูดมาก ฉันสู้ได้มากสุดครั้งละ 4 คนพร้อมกัน ส่วนนายคิดเอาเองแล้วกันว่าจะจัดการยังไง ไปล่ะ”
ผมคำรามเสียงต่ำแล้วย่อขาทั้งสองข้างลงเล็กน้อยเสมือนสปริงที่กำลังจะดีดตัว จากนั้นผมก็พุ่งตัวออกไปจนแฉลบผ่านทางด้านขวาของนักธนูราวกับสายฟ้าแลบพร้ะโกนขึ้นมา “แกตายซะเถอะ!”
“พรึ่บ!”
ดาบขจีไพรตวัดไปยังต้นคอของนักธนูคนนั้นพร้อมตัวเลขความเสียหาย 274 ที่ผุดขึ้นมา เป็การฆ่าในชั่วพริบตา!
และในขณะที่อีกคนยังไม่รู้สึกตัวผมรีบหมุนตัวกลับโดยเร็วแล้วแทงดาบสังหารเข้าใส่อย่างรุนแรง จากนั้นเพียงเสี้ยววินาทีผมก็กดลงไปบนหัวไหล่ของอีกฝ่ายจนมีเสียงร้องโอดครวญด้วยความเ็ปดังขึ้นมา ผมฆ่านักธนูได้อีกคนหนึ่งแล้ว
ผมใช้เวลาเพียง 2 วินาทีก็สามารถฆ่านักธนูได้สองคนได้อย่างรวดเร็วราวกับความเร็วแสง ส่วนกุ่ยกู่จือนั้นก็ไม่ต่างกัน เขาไล่ฆ่าพวกนั้นราวกับปีศาจร้าย เมื่อหอกยาวตวัดวูบขึ้นมาหนามเพลิงบวกกับการโจมตีทั่วไปก็สามารถฆ่าพวกนั้นให้ตายได้แล้วหนึ่งคน จากนั้นเขาก็หันตัวกลับไปตะลุมบอนกับนักธนูอีกสองคนทันที
ส่วนนักธนูอีกสองคนที่เข้ามาใกล้ผมก็ยกคันธนูยาวขึ้นอย่างพร้อมเพรียงขณะสบถด่าออกมา “ไอ้เวร ไอ้สารเลวนี้มันอวดดีเกินไปแล้ว ฆ่ามัน!”
ลูกธนูยังไม่ทันถูกปล่อยออกจากคันธนู ผมก็รีบพุ่งตัวเขาไปราวกับสายลมเย็นที่พัดผ่านอย่างรวดเร็ว ผมอยู่ห่างจากนักธนูไม่ถึง 20 เิเ และการที่ได้เห็นสายตาหวาดกลัวของพวกเขาก็เป็ความสุขใจอย่างหนึ่งของผม
แต่กฎของระบบมีอยู่ว่าเมื่อนักธนูอยู่ห่างจากเป้าหมายแค่ 3 หลาจะไม่สามารถยิงธนูโจมตีได้
“เวรเอ๊ย!”
นักธนูคนนี้มีประสบการณ์โชกโชน เขารีบเก็บธนูยาวลงแล้วหยิบมีดสั้นออกมาจากกระเป๋าแล้วตวัดเข้ามากลางอากาศจนทำให้เสื้อเกราะบนอกของผมเกิดรอยขีดข่วนขนแมวขึ้นมา การโจมตีของหมอนี่มีค่าความเสียหายเพียงแค่ 17 หน่วยเท่านั้น พลังโจมตีของหมอนี่มันต่ำเสียจริง!
“ซวบ!”
ผมขยับตัวออกจากตำแหน่งเดิมด้วยท่าทีสบายๆ พร้อมตวัดดาบออกไปอีกครั้ง ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของนักธนูคนนั้นก็เบิกโพลงขึ้นก่อนที่เขาจะล้มตัวลงช้าๆ พร้อมเืที่ไหลซึมออกจากต้นคอ เขาคือนักธนูที่ได้รับแต้มบวกความคล่องตัว ส่วนผมเป็นักรบที่ได้รับแต้มบวกค่าพละกำลัง ดังนั้นถ้าหลบพลังการโจมตีของผมไม่ได้คือต้องตายสถานเดียว!
“พวกพ้องข้า ลุยเข้าไป ่เวลาอันมีเกียรติของทหารยามของพวกเรามาถึงแล้ว เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองและผู้หญิงที่มากกว่าเดิม สังหารมันซะ!” เสียงประกาศาของหัวหน้าทหารยามฝ่าเค่อดังก้องขึ้นในยามราตรีก่อนที่เขาจะนำพลทหารที่เหลืออีกสองคนเข้าต่อสู้กับพวกของหลงสิงเทียนเซี่ย NPC พวกนี้ช่างมีน้ำใจจริงๆ พวกเขาพยายามหา่จังหวะในการซุ่มโจมตีอันมีค่าให้พวกเรา
ผมโดนลูกธนูยิงใส่ทำให้ต้องดื่มเืไป 2 ขวดติด และในที่สุดผมก็เข้ามาประชิดตัวนักธนูคนที่ 4 จนได้ ผมกวัดแกว่งดาบเล็กน้อยและทำทีขยับขาโดยอาศัยการเคลื่อนไหวที่สวยงามนี้หลอกตาเขา จากนั้นผมก็ตวัดดาบ 2 ทีและฆ่าเขาได้ในเสี้ยววินาที!
เยี่ยมไปเลยทั้งระหว่างนี้ผมใช้เวลาไปไม่ถึง 30 วินาทีเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าระยะเวลาของการตอบสนองล่าช้าของผมจะเหลือไม่ถึง 0.7 วินาทีแล้ว!
......
ส่วนทางด้านกุ่ยกู่จือนั้นก็ฆ่านักธนูทั้งสองคนไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาเหลือเือยู่ไม่ถึง 20% และกำลังไล่ฆ่านักธนูคนสุดท้ายอยู่
“แม่แกสิ ไปตายซะ!”
แต่ทันใดนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา ขวงหลงอ้าวกู่พุ่งตัวเข้ามาระหว่างทางแล้วยกมีดสั้นพุ่งเข้าไปยังด้านหลังของกุ่ยกู่จื่อ
“เวรเอ๊ย!”
ผมสาวเท้าพุ่งปราดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและใช้ดาบที่แหลมคมฟาดไปยังท้ายทอยของขวงหลงอ้าวกู่พร้อมกับร้องะโขึ้น “ไอ้ขวงหลงอ้าวกู่!”
การโจมตีครั้งนี้ได้ดึงความสนใจของอีกฝ่ายจนทำให้ดาบแหลมคมเคลื่อนตัวช้าลงด้วย แต่การเคลื่อนไหวของขวงหลงอ้าวกู่ก็ถือว่าไม่เลว เขาหันหลังกลับและรีบเคลื่อนหลบไปทางขวาทันทีจึงทำให้เขาหลบการโจมตีครั้งนี้ได้หวุดหวิด หากการโจมตีพลาดเป้าไปแบบนี้ก็เป็ความผิดพลาดใหญ่หลวง
หลังจากที่กุ่ยกู่จือได้รับความช่วยเหลือ เขาก็ตามไล่ฆ่านักธนูที่เหลือเืเพียงน้อยนิดต่อ
ส่วนผมก็โผตัวเข้าไปหาขวงหลงอ้าวกู่เต็มแรง และคราวนี้ผมก็ใช้ความเร็วเต็มเหนี่ยวฟาดดาบยาวผ่านอากาศในยามค่ำคืนจนเกิดแสงเย็นวาบเป็เส้นโค้ง
“หา?!”
ขวงหลงอ้าวกู่รีบหลบไปทางขวาฉับไวจนผมอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมา จากนั้นผมก็เคลื่อนที่หายไปจากตำแหน่งเดิมอย่างฉับพลัน แล้วในวินาทีต่อมาผมก็เคลื่อนมาอยู่ข้างหลังด้านขวาของขวงหลงอ้าวกู่ด้วยท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบ จากนั้นผมฟาดดาบลงไปสองทีด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบ และหนึ่งในท่านั้นก็เป็การโจมตีด้วยทักษะดาบสังหารด้วย!
“218!”
“311!”
ขวงหลงอ้าวกู่มองดูค่าความเสียหายที่ลอยขึ้นมาบนหัว เขาคิดไม่ถึงว่าภายในเวลาไม่นานความเร็วในการโจมตีของผมจะพัฒนาก้าวะโ จากนั้นเขาก็หลับตาลงอย่างสิ้นหวังก่อนที่ศพของเขาจะล้มลงอยู่ข้างบ่อเื
......
ศึกครั้งนี้ไม่เป็ไปตามที่หลงสิงเทียนเซี่ยคาดเอาไว้ เขายังคงอัดวิดีโออยู่และมองดูคนของตนค่ล้มตายลงไปทีละคนโดยที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้เลย ส่วนหัวหน้าทหารยามฝ่าเค่อก็เป็ NPC เลเวล 25 และในเวลานี้ก็เหลือเืไม่ถึง 25% แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำให้หลงสิงเทียนเซี่ยรู้สึกปวดหัวได้ไม่น้อยอยู่ดี
“กุ่ยกู่จือ แกไปจัดการนักกลยุทธ์!”
ผมร้องะโออกไปขณะที่ตัวเองพุ่งตรงไปหานักเวทแล้ว และขณะเดียวกันนั้นผมก็โดนเวทสายฟ้าจากนักเวทเข้าไป 3 ครั้งจนรู้สึกชาทั้งตัว แต่ยังดีที่ไอเทมของนักเวทเ่าั้ไม่ค่อยร้ายกาจเท่าไรแถมเลเวลก็ค่อนข้างต่ำด้วย ไม่อย่างนั้นถ้าโดนนักเวทยิงทักษะใส่แค่ 2 ครั้งพวกมันก็คงปลิดชีวิตผมได้แล้ว
ผมดื่มเือีกหนึ่งขวดและยกดาบฟาดฟันจัดการกับนักเวทคนแรกไป จากนั้นอีกสองคนที่เหลือก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว เห็นแบบนั้นผมก็ไม่ได้ไล่ตามต่อและหันกลับมาไล่ฆ่าขวางหลงเทียนเซี่ยแทน
แต่ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้น “อ๊ากๆ” นั่นเป็เสียงร้องของนักเวท 2 คนที่โดนฆ่าตาย!
“เวร เกิดอะไรขึ้น?!”
ดวงตาของกุ่ยกู่จือเบิกโพลงขึ้นราวกับไม่อยากจะเชื่อทุกสิ่งที่มองเห็นข้างหน้า
“ต้องระวังแล้ว มียอดฝีมือเข้ามาร่วมวง!” ดวงตาของผมทอประกายเย็นเยียบ
ผมและกุ่ยกู่จือลดระยะแนวรบลงแล้วพุ่งเข้าไปหาหลงสิงเทียนเซี่ยพร้อมกัน แต่ทันใดนั้นนักร้องและนักกลยุทธ์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักก็ส่งเสียงร้องทรมานขึ้นมาก่อนจะล้มลงกับพื้นและกลายเป็ศพไปทันที ผมเดาว่าพวกนั้นคงถูกฆ่าในเสี้ยววินาทีแหงๆ
“ระวังด้วย เพิ่มเืก่อน เขาต้องแย่งจู่โจมแน่ๆ!”
ผมมองดูรอบด้านอย่างระมัดระวัง ส่วนหลงสิงเทียนเซียก็กำลังดวลอยู่กับ NPC หัวหน้าทหารยามฝ่าเค่อ ไม่อาจวางมือได้ราวกับขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้
“ฟิ้ว!”
สายลมโบกพัดมาพร้อมกัยก้อนเมฆที่ก่อตัวเป็คลื่นบางเบา
ท่ามกลางใบหญ้าที่โบกปลิว จู่ๆ เสื้อคลุมยาวสีขาวตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาโจมตีรวดเร็วดุจสายฟ้า เขาคือนักรบที่สวมเสื้อคลุมยาวสีขาวเอาไว้ทั้งร่างและเขายังใช้ดาบสีเงินแหลมคมแทงเข้าไปในหน้าอกของกุ่ยกู่จืออย่างหนักหน่วงด้วย
“371!”
จากนั้นเขาก็ตวัดดาบออกไปเป็แนวนอนอีกครั้งจนทำให้ตัวเลขความเสียหายผุดขึ้นมาอีก “404!”
เวรแล้ว ตายคาที่!
ดวงตาผมเบิกกว้าง คาดไม่ถึงว่ากุ่ยกู่จื่อจะถูกฆ่าภายในเสี้ยววินาทีเท่านั้น!
และเมื่อผมเห็นชื่อของยอดฝีมือผู้นี้ ผมก็ถึงกับกระจ่างในทันที—
วาตะเพ้อฝัน!
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองฝูปิง!
......
เสื้อคลุมสีขาวราวน้ำนมแผ่เปล่งแสงสีเงินวาววับออกมาจนทำให้ผมมองไม่เห็นใบหน้าของเขา
“หึ!”
ชักดาบขึ้นสู้เลยแล้วกัน อันดับหนึ่งแล้วยังไงล่ะ?
วาตะเพ้อฝันเคลื่อนตัวถอยหลังไปอย่างรวดเร็วแล้วหมุนตัวไปยังหัวหน้า NPC จากนั้นเขาก็ถือโอกาสใช้ดาบคมกริบจ้วงแทงเข้าใส่ฝ่าเค่อจนทำให้เืของฝ่าเค่อลดลงไปเป็จำนวนมากเพียงอึดใจเดียว การโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงอยู่อันดับหนึ่ง
ผมสับเท้าอย่างเร็วเพื่อพุ่งมายังด้านหน้าของ NPC ก่อนจะตวัดดาบแหลมคมออกไป!
“ซวบ!”
วาตะเพ้อฝันตกตะลึงจนอุทานออกมาและก้มหัวลงเพื่อหลบหลีกการโจมตีอย่างว่องไว และขณะเดียวกันนั้นเขาก็ตวัดดาบคมกริบเป็เส้นโค้งโจมตีเข้าที่เอวของผมเหมือนกัน!
“เป็กระบวนท่าที่งดงามมาก!”
ผมอดอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้ กระบวนท่าของเขาถือว่าหายากมากในเมืองฝูปิง แม้ว่าการตอบสนองล่าช้าของผมจะเหลืออยู่แค่ประมาณ 0.5 วินาทีแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา
“ชิ้ง ฉับ”
เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นมาสองครั้งต่อเนื่อง ผมกับเขาต่างก็ไม่ได้หลบการโจมตีของกันและกัน
“274!”
“265!”
พลังการโจมตีที่ไม่ต่างกันมากแบบนี้แสดงว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้เสียเปรียบเท่าไร
แต่ทันใดนั้นหลงสินเทียนเซี่ยก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งด้วยใบหน้าแค้นเคือง จากนั้นหอกยาวของเขาก็พุ่งเข้ามาราวกับอสรพิษ หนามเพลิง!
ทันใดนั้นเอวด้านหลังของผมรู้สึกเจ็บขึ้นมา หายนะกำลังมาเยือนแต่ตอนนี้ผมทำอะไรไม่ได้แล้ว จากนั้นวาตะเพ้อฝันก็กวัดแกว่งดาบเข้ามารวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาดจนความเ็ปมหาศาลแผ่ซ่านขึ้นมาที่ทรวงอกและกวาดเืขีดสุดท้ายของผมไปจนเกลี้ยง
“ฟุบ!”
ผมกลายเป็ศพล้มลงไปบนพื้นก่อนที่ิญญาจะหลุดลอยออกไปพร้อมกับภาพด้านหน้าที่กลายเป็สีขาวโพลน
หลังจากตายได้เพียงไม่กี่วินาทีเื่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น วาตะเพ้อฝันไม่ได้สำนึกในบุญคุณของหลงสิงเทียนเซี่ยเลยด้วยซ้ำ เขากลับตวัดดาบราวสายฟ้าฟาดแล้วปลิดชีพหัวหน้าสมาคมจ้าวัผยองเดี๋ยวนั้น จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับแล้วสังหารหัวหน้าทหารยามฝ่าเค่อด้วยการโจมตีเพียงแค่ไม่กี่เพลงดาบก่อนที่เขาจะตัดหัวของฝ่าเค่อราวกับกำลังทำภารกิจของฝ่ายตัวเองอยู่
ิญญาจะปรากฏตัวขึ้นที่สุสานไม่ไกลจากศพโดยห่างกันเพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น และในความว่างเปล่านั้นิญญาของกุ่ยกู่จือก็นั่งอยู่ข้างศพของตัวเองโดยไม่กล้าฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพราะห่างออกไปไม่ไกลวาตะเพ้อที่อยู่ในชุดคลุมสีขาวกำลังยืนพิงอยู่ใต้ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาอย่างสบายใจราวกับยังไม่คิดจะจากไปตอนนี้
“เจ๋อจี่เฉินซา ทำยังไงดี?” กุ่ยกู่จื่อส่งข้อความมา
ผมกัดฟันตอบกลับไป “คืนชีพด้วยกันแล้วจัดการมัน!”
“ได้!”
ผมดูเวลาแล้วมองไปยังกุ่ยกู่จือก่อนจะส่งข้อความไปหาเขา “ดูสัญญาณมือของฉัน เมื่อฉันนับถึง 3 แล้วให้คืนชีพพร้อมกัน จำไว้ว่าการคืนชีพจะมีเืเหลืออยู่แค่ 50% ต้องดื่มน้ำเืก่อนแล้วค่อยลุย!”
“อื้อ!”
กุ่ยกู่จื่อตอบรับเสียงเข้มพร้อมกับกลิ่นอายความเคร่งขรึมที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งตัวเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้