“ฮูหยิน ฮูหยินตื่นเร็ว”
เสียงร้องเรียกขึ้นข้าง ๆ พร้อมกับแรงเขย่าจนคนที่รู้สึกกำลังมึนงงตั้งสตริรับรู้ได้อย่างเชื่องช้า ดวงหน้าเรียวเล็กฝืนที่จะปรือตาขึ้นมองรอบด้าน
เมื่อครู่เธอเพิ่งรับโทรศัพท์จากสามีสุดที่รักว่าจะมีเพื่อนร่วมงานมาที่บ้าน ด้วยความรีบร้อนออกไปทำให้เธอพลัดตกจากบันได พอรู้สึกตัวศีรษะของเธอก็ปวดหนึบแทบยกไม่ขึ้น
เจียวอี้หลินพยายามฝืนที่จะปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างช้า ๆ ความเย็นที่สะท้านเข้ากระดูกทำให้เธอรู้สึกตัวได้ดี แม้จะยังงุนงงกับบรรยากาศรอบ ๆ แต่สตินั้นกลับบอกให้เธอรีบลุกก่อนจะเร่งฝีเท้าเล็ก ๆ ของเธอตามคนที่พยุงร่างข้าง ๆ
“ฮูหยินเร็วเข้า เดี๋ยวพวกโจรนั่นตามมาทัน” เธอก้าวเท้าที่ดูเหมือนจะเชื่องช้ากว่าความคิด ปลายเท้าที่รู้สึกถึงความเจ็บจนหญิงสาวร่างเล็ก ๆ พยายามดันตัวเธอให้ไปด้านหน้า ตลอดที่ก้าวตามแรงดันของหญิงสาวด้านข้างในความคิดก็อดสงสัยไม่ได้ว่ากำลังเกิดเหตุอะไรกัน ตัวเธอเองอยู่ที่ไหน และเหตุใดเธอต้องวิ่ง
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันเดินเองได้” เจียวอี้หลินหันกลับมาบอกสตรีร่างเล็ก ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยรอยคราบเหงื่อไคล แต่สตรีผู้นั้นกับขมวดคิ้วจ้องมองก่อนเอ่ยปากขึ้น
“ฮูหยิน ท่านาเ็จะเดินเองได้เยี่ยงไร” น้ำเสียงเหนื่อยหอบพร้อมแววตาที่ดูมุ่งมั่น ยิ่งทำให้เธอรู้สึกสับสนปนสงสัย ทั้งบรรยากาศรอบด้าน และไหนจะชุดที่ดูหลุดลุ่ยไปหมด ไหนจะหญิงสาวท่าทางแปลก ๆ นี่อีก เจียวอี้หลินรู้สึกเหมือนว่านี่ไม่ใช่ความฝัน เพราะความเจ็บตามส่วนต่าง ๆ มันชัดเจนเกินไปที่จะเป็ความฝัน แต่เธอจำได้ว่าตอนนั้นเธอพลัดตกบันไดจนหมดสติ
หากเธอไม่เป็อะไรมากเธอคงถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ใดโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งเธอก็ควรจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง ที่ไม่ใช่ป่ารกทึบที่มีลำธารเล็ก ๆ เหยียบตรงไหนก็มีแต่ตะไคร้น้ำจนรู้สึกว่าทำให้ยากในการเดินนัก
“ขอโทษนะคะ ทำไมฉันกับคุณถึงมาอยู่ในป่านี้” เจียวอี้หลินถามอย่างสงสัย แต่คนที่สงสัยหนักคือหญิงสาวด้านข้าง
“ฮูหยิน ท่านเอยคำใดข้าไม่เข้าใจ หรือเพราะอาการาเ็ที่ศีรษะหรือเ้าคะ” เจียวอี้หลินขมวดคิ้วก่อนยกมือขึ้นแตะหน้าผาก คราบเืที่เพิ่งจะเริ่มแห้งสีแดงสดติดปลายนิ้ว เธอจ้องมองราวกับไม่ใช่ความจริง แล้วสตรีร่างเล็กก็เอาแต่เรียกเธอว่าฮูหยิน แล้วแทนตัวเองว่าบ่าว ราวกับอยู่ในยุคสมัยโบราณ
“เออ...ช่วยเล่าเื่ที่เกิดขึ้น ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมพวกเราต้องมาอยู่ในป่านี้ด้วย” น้ำเสียงเร่งรีบเอ่ยถามออกมาอย่างรีบร้อน เจียวอี้หลินหายใจหอบ จ้องหน้าหญิงสาวด้านข้างในท่วงท่าประคองตน
หญิงสาวผอมบางมองนายหญิงของตนด้วยความมึนงง ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงใด ก่อนจะเม้มริมฝีปากแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจผู้เป็นายเล็กน้อย
“ฮูหยิน ท่านถูกโจรป่านั้นจับตัวมา โชคดีที่ข้านึกเอะใจติดตามท่านมาด้วยไม่เช่นนั้นท่านคงไม่อาจพ้นได้เป็เมียโจรแล้วนะเ้าคะ” หญิงสาวรีบบอก แต่แววตากลมคู่นั้นของนางกลับดูกล่ำแดงพร้อมทั้งยังจับมือเธอไว้ราวหวงแหน
“ถูกจับ? ..โจรป่า?” น้ำเสียงเอ่ยเครือด้วยความสงสัย
“ข้าบอกฮูหยินแล้วว่าพวกโจรป่านั้นไว้ใจไม่ได้ ท่านไม่หน้าใช้พวกนั้นวางยาคุณหนูหลี่เลย ไม่สำเร็จแล้วยังคิดจะกลับมาทวงเงินรางวัลอีก” หญิงสาวเริ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็บูดบึ้งด้วยความโกรธ
“วางยา?” เจียวอี้หลินรู้สึกสับสนไปหมด แม้ดูเหมือนจะคุ้นเคยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ก็จริง แต่เธอคิดว่าต้องไม่ใช่แน่ ๆ
“เ้าชื่ออะไร”
“ฮูหยินนี่ท่านลืมไปแล้วจริง ๆ หรือแกล้งข้ากันแน่”
“ฉันจะโกหกคุณ ไม่สิข้าจะโกหกเ้าทำไม ข้าจำไม่ได้จริง ๆ”
“........” หญิงสาวจ้องมาที่ปากของเธอราวกับว่านางกำลังรอคอยให้เธอเอ่ยคำปลอบใจนาง
“คงเป็เพราะข้าพบเจอเหตุการณ์ที่เลวร้าย เลยสูญเสียความทรงจำชั่วคราว” เจียวอี้หลินแก้ตัว แต่ดูเหมือนหญิงสาวตรงหน้าดูท่าจะพึงพอใจกับคำตอบของเธอไม่น้อย
“บ่าวชื่อเสียวมู่ มู่ชิงชิงเ้าค่ะ”
“เสี่ยวมู่?”
“เ้าค่ะ”
เจียวอี้หลินรู้สึกขนลุกทั่วกาย อยู่ ๆ เธอก็นึกถึงหญิงรับใช้ข้างกายตัวร้ายในนิยายที่อ่าน แต่เธอก็ส่ายหน้าเบา ๆ มันคงไม่จริงหรอกที่เธอจะทะลุไม่ติมาอยู่ในนิยายได้ เธอจึงต้องถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกสักครั้ง
“แล้วที่บอกว่าคุณหนูตระกูลหลี่ นางชื่อว่าอะไร”
“หลี่ชินฮวาเ้าค่ะ” สิ้นคำตอบในอกเธอก็หนาวสะท้านไปทั่วร่าง เจียวอี้หลินรับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เธอคิดคือความจริง
และที่น่ากลัวกว่าความจริงที่ต้องยอมรับว่าเธอทะลุไม่ติมาอยู่ในร่างนางร้ายก็คือเธอดันมาสวมร่างนางร้ายในอีกไม่กี่ตอนที่เื่จะจบ
เพียงแค่คิดถึงเนื้อหาที่ตัวร้ายต้องเผชิญเส้นผมของเธอก็เหมือนถูกดึงรั้นจนเจ็บ
‘ทำไม ทำไมไม่ส่งให้เรามาตอนที่นางร้ายยังไม่ทำตัวร้ายกาจ ทำไมต้องส่งมาตอนที่สร้างเื่ไว้ด้วย’ เจียวอี้หลินนึกก้นด่าอยู่ในใจ ความจริงแล้วใช่ว่าเธอจะไม่เคยอ่านนิยายสวมร่างแนวนี้ซะเมื่อไหร่ แต่ส่วนใหญ่ผู้ที่ทะลุไม่ติมาสวมร่างนางร้ายก็มักจะโผล่มา่ต้นเื่ตัวร้ายยังพอมีโอกาสแก้ไข แต่กับเธอดันโผล่มาเกือบตอนสุดท้ายของเื่ ถ้าเธอจำไม่ผิด จ้าวซูหลิน นางร้ายของเื่จ้างวานโจรป่าบุกเข้าไปวางยาให้กับหลี่ชินฮวา
แต่เมื่อรู้ว่าคนที่โดนวางยาเป็แม่นมของนางเอก จ้าวซูหลินจึงไม่พอใจสบถด่าพวกโจรทั้งยังขับไล่ไปโดยไม่จ่ายเงินรางวัลตามที่ตกลง ทำให้พวกโจรเจ็บใจทั้งถูกต่อว่า และเบี้ยวค่าจ้างเกิดความโทสะ อีกทั้งจ้าวซูหลินเป็หญิงงามผิวพรรณดีทำให้หัวหน้าโจรหมายอยากได้นางมาทำเมียเสียเอง ด้วยกิตติศัพท์ที่รู้กันว่านางเป็ฮูหยินแม่ทัพใหญ่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถูกแต่งตั้งเป็ภรรยาเอก อีกทั้งยังถูกไล่ให้ไปอยู่เรือนเล็กท้ายจวนแม่ทัพ บ่าวในเรือนบางคนก็มองนางไม่ต่างกับพวกไร้ยางอาย
พวกโจรจึงกล้าหมายอยากฉุดนางมาทำเมีย ก็เพราะรู้ว่าดีว่าแม่ทัพใหญ่ก็คงยินดีให้พวกมันช่วยกำจัดเสี่ยนหนามความรักระหว่างเขากับคุณหนูสกุลหลี่เช่นกัน แต่ไม่คิดว่าสตรีที่ร้ายกาจเช่นนางจะมีสาวใช้ผู้ภักดีติดตามมาช่วยไว้
เจียวอี้หลินกำมือแน่นแล้วลุกคว้าข้อมือเล็ก ๆ ตรงหน้า
“ฮูหยิน ท่านไม่เป็อะไรแล้วหรือเ้าคะ”
“ไม่ข้าไม่เป็ไรแล้ว ไป เรารีบหนีไปจากที่นี่กัน”
“เ้าค่ะ ทางนี้เ้าค่ะทางกลับจวนแม่ทัพใหญ่” มู่ชิงชิงรั้งแขนนางไว้แล้วรีบชี้ไปอีกทาง
“ไม่เราจะหนีไปที่อื่นกัน”
“ที่อื่น ฮูหยินจะหนีไปที่ใดเ้าคะ หากท่านแม่ทัพใหญ่รู้เื่ที่ฮูหยินถูกลักพาตัวไป พวกโจรนั้นต้องถูกกำจัดแน่” มู่ชิงชิงกล่าวอย่างมั่นใจ
“ไม่ เราจะไม่กลับไปที่นั้นแล้ว หากเรากลับไป..”
“ฮูหยิน เื่ยานั้นข้าช่วยท่านอธิบายได้ ท่านไม่ต้องกลัวนะเ้าคะ” “อธิบาย?” ริมฝีปากอิ่มบางยกมุมเหมือนนึกขำในตัวเอง นางร้ายอย่างเธอจะได้อธิบายอะไรกัน เธอรู้ดีว่าหลังจากที่จ้าวซูหลินกลับถึงจวนก็ถูกเขาไต่สวนเอง ทั้งยังเป็คนส่งจ้าวซูหลินเข้าคุกหลวงเลยทันที คำอธิบายอะไรกันแม้จะพูดสักคำเธอก็ไม่อาจทำได้
หากไม่รีบหนีตอนนี้โอกาสที่จะมีชีวิตรอดก็คงไม่เหลือ เพราะอีกไม่นอนทหารเอกคู่ใจแม่ทัพใหญ่พระเอกของเื่ก็จะมาพบ
“รองแม่ทัพฉาง” มู่ชิงชิงเปล่งน้ำเสียงราวดีใจ เมื่อเห็นกลุ่มคนของฉางหลงทหารเอกข้างกายแม่ทัพใหญ่ฉินลู่อวิ๋น แต่ริมฝีปากนางก็ต้องถูกปิดลงเมื่อมือเรียวของนายสาวป้องปากนางไว้ มู่ชิงชิงแกะมือเรียวนั่นออกแล้วรีบอธิบาย
“ฮูหยิน นั่นรองแม่ทัพฉาง คนของท่านแม่ทัพใหญ่เองเ้าค่ะ” มู่ชิงชิงรีบกล่าว แต่ที่เจียวอี้หลินปิดปากนางก็เพราะไม่อยากถูกจับส่งทางการต่างหาก มู่ชิงชิงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ฉินลู่อวิ๋นส่งให้ฉางหลงมาจับตัวนางร้ายอย่างจ้าวซูหลินไปส่งทางการแทนเขาต่างหาก
จ้าวซูหลินเป็บุตรสาวเสนาบดีเ้ากรมพิธีการ อีกทั้งยังมีท่านตาเป็ถึงราชครู นางพยายามทุกวิถีทางที่จะกีดกันนางเอกอย่างหลี่ชินฮวาออกให้พ้นสายตาพระเอกด้วยเพราะ นางแอบชอบพระเอกทันทีหลังจากที่พระเอกถูกเรียกตัวเข้าวังแต่งตั้งยศเป็แม่ทัพใหญ่ ด้วยเพราะใบหน้าที่หล่อเหลา ทั้งยังดูแลเอาอกเอาใจหลี่ชินฮวาจนนางรู้สึกอิจฉา เพราะตลอดเวลานางมักถูกเปรียบเทียบกับหลี่ชินฮวาเสมอ แม้จะงดงามสู้ไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่งดงาม เสียอย่างเดียวหลี่ชินฮวาเป็สตรีที่เรียบร้อย และฉลาดทำให้เหล่าบุรุษที่ได้พบต่างก็อยากหมายหมั้นกับนาง
ผิดกับจ้าวซูหลินที่หากไม่ชอบสิ่งใดนางก็จะเอ่ยออกมาตรง ๆ ทำให้เหล่าบุรุษต่างก็ไม่ชมชอบสตรีที่มักชอบทำตัวอยู่เหนือบุรุษ ด้วยความที่อยากได้อะไรต้องได้ ทำให้นางหาวิถีกำจัดหลี่ชินฮวาทุกทาง ทั้งแกล้งส่งจดหมายนัดว่าเป็ฉินลู่อวิ๋นล่อให้นางออกมาหมายถูกโจรป่ารุมทำร้ายจิตใจ แต่นางก็รอดมาได้ทุกครั้ง เพราะฉินลู่อวิ๋นไปช่วยได้ทันทุกครั้ง จนเขารู้ว่าผู้ที่กระทำการต่อหลี่ชินฮวาคือจ้าวซูหลิน เขาก็ไม่เคยไว้ใจนางเลย
ฉินลู่อวิ๋นเสียท่าระหว่างที่กำลังเลี้ยงฉลองชัยชนะที่นำทัพชนะกลับมาได้ เขาถูกจ้าวซูหลินฉวยโอกาสในตอนที่เขาเมาจัด และจัดฉากว่าเขาเข้าไปล่วงเกินนางที่ห้องรับรองตำหนักเล็ก ทำให้ต้องตบแต่งนางเข้ามาเป็ฮูหยิน แต่ก็ไม่ได้แต่งตั้งนางเป็ฮูหยินเอกเพราะเขายังคงรอนางเอกเสมอ นั่นยิ่งสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจหนัก ทำให้นางคิดใช้วิธีวางยาปลุกกำหนัดให้กับหลี่ชินฮวากิน แต่แม่นมรู้สึกสงสัยสาวใช้คนนั้นแปลก ๆ จึงได้ลองชิมอาหารนั้นเสียก่อน จนตนเองเป็ผู้ถูกวางยาแทนจนธาตุไฟแตกเสียชีวิต