“เ้าวางใจเถิด คนที่ทำร้ายเ้า เปิ่นหวางจะให้พวกเขาต้องชดใช้อย่างแสนสาหัสแน่” จวินเหยียนพูดด้วยเสียงจริงจังอยู่ข้างเตียงนาง ไม่ว่าใคร ขอแค่กล้ายื่นมือเข้ามาถึงตัวสตรีของเขาล้วนต้องตาย
อวิ๋นซีอมยิ้มกล่าวว่า “ข้าเชื่อท่าน” นางเชื่อว่า แค่มีเขาอยู่ นางและลูกจักต้องอยู่ดี เพียงแต่เมื่อนางลูบไปบนใบหน้าอวบอ้วนของตนเบาๆ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามถึงความกังวลในใจ “จวินเหยียน ตอนนี้ข้าน่าเกลียดเช่นนี้ ท่านจะรังเกียจข้าหรือไม่? ”
คำถามนี้มาจากใจนาง หากให้พูดตามจริง นางกลัวมากจริงๆ ว่ารูปลักษณ์ของตนในยามนี้จะถูกผู้อื่นรังเกียจ
จวินเหยียนหัวเราะฮ่าฮ่า ก่อนจะจุมพิตที่ข้างหน้าผากนาง “เด็กโง่ เ้าคิดเช่นนี้ได้อย่างไร เ้าเป็ภรรยาข้า และที่เ้าต้องกลายมาเป็เช่นนี้ก็เพราะมีลูกให้ข้า อีกประการ ตอนนี้เ้าแค่อ้วนขึ้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง ลดนิดหน่อยก็กลับมาใช้ได้แล้ว แต่หากว่าลดไม่ได้จริงๆ ข้าก็จะไม่รังเกียจเ้า หรือหากเ้ายังไม่วางใจ อย่างมากเปิ่นหวางก็แค่กินให้มากหน่อย ทำตัวให้อ้วนหน่อยจนกลายเป็สามีภรรยาอวบอ้วนไปพร้อมๆ กับฮูหยิน เพราะหากเป็เช่นนั้น ตัวเ้าเองก็คงจะไม่รังเกียจข้าเช่นกัน”
อวิ๋นซีถูกคำพูดของเขาทำให้ขำ อีกทั้ง ความกังวลในใจนั้นก็สามารถปล่อยวางลงได้แล้ว “ข้าอยากจะดูลูกชายของเราหน่อย”
“ได้ เปิ่นหวางจะให้คนพาลูกมาหาเ้าเดี๋ยวนี้ แต่ระหว่างนี้เปิ่นหวางจะเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อก่อน เ้าิหลันเฟิงนั่นอาจหาญบุกเข้าไปในห้องรับรองพิเศษของพวกเ้า ทั้งยังทำให้เ้าใ ด้วยเื่นี้ ไม่ว่าอย่างไรก็มีราคาที่ต้องจ่าย” เื่ราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เขาสืบมาหมดแล้ว กระทั่งคนที่ลงมือกับอวิ๋นซีก็สามารถจับได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่เหลือเป็ศพอยู่แค่ศพเดียว อีกฝ่ายลงมืออย่างเหี้ยมโหด ทำให้ไม่ได้เบาะแสอะไรแม้แต่น้อย
เมื่อจวินเหยียนจากไป พักหนึ่งเด็กชายฝาแฝดก็ถูกนำตัวเข้ามา อวิ๋นซีมองเ้าตัวเล็กสองคนที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาเพิ่งกินอิ่ม ตอนนี้จึงเอาแต่มองไปมองมาไม่หยุด ดวงตาน้อยๆ สองคู่ยังไม่อาจลืมขึ้นได้สุด มือเล็กๆ ขยับไปขยับมา ยิ่งได้เฝ้ามองก็รู้สึกว่าพวกเขาน่ารักน่าชังเป็อย่างยิ่ง
ใจของอวิ๋นซีหลอมละลายในทันใด กาลก่อนตอนที่คลอดหวานหว่าน ตัวนางยังไม่ทันได้มองลูกก็ต้องสิ้นใจตายไปเสียก่อน และเมื่อได้มาพบหน้ากันอีกครั้ง หวานหว่านก็กลายเป็เด็กอายุสองขวบกว่าแล้ว ดังนั้น นี่จึงเป็ครั้งแรกที่นางได้เห็นเด็กตัวเล็กๆ เพียงนี้ ในใจปรากฏความรู้สึกนับร้อยที่ผสมปนเปกันไปหมด
“เด็กสองคนนี้นับว่าประหลาดนัก แค่เจ็ดเดือนกว่าเท่านั้นยังแข็งแรงได้ถึงเพียงนี้ หากเป็ผู้อื่นมาเห็นจักต้องไม่เชื่อแน่ว่า เป็เด็กที่คลอดออกมาตอนเจ็ดเดือนกว่า” จ้าวลี่เจียมองเด็กทั้งสอง ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา
อวิ๋นซีเงยหน้ามองอีกฝ่าย อมยิ้มแล้วกล่าวว่า “อาจารย์อาน้อย ขอบคุณท่านมากเ้าค่ะ” นางรู้ หากไม่ใช่เพราะจ้าวลี่เจียอยู่ในห้องช่วยทำคลอดและจัดการกับยาขับเืที่แสนจะรุนแรงนั่น เด็กทั้งสองก็อาจมีผลร้ายมากกว่าดี
จ้าวลี่เจียหัวเราะฮ่าฮ่า นางที่เดิมทีอายุสี่สิบสองแล้ว แต่ใบหน้ากลับยังดูเหมือนสตรีอายุยี่สิบห้ายี่สิบหก ภายใต้ความหนักแน่นเป็ผู้ใหญ่นั้นยังคงแฝงไว้ด้วยความงดงามชดช้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกันสามส่วน ทำให้อวิ๋นซีที่ได้เห็นนางก่อเกิดความสนิทชิดเชื้อและความรู้สึกดีๆ
“มองข้าทำไมหรือ? เ้ากำลังคิดว่า ข้าและเ้ามีหน้าตาคล้ายกันมากใช่หรือไม่? ” นางแย้มยิ้มถาม
อวิ๋นซีพยักหน้า “คล้ายอยู่สองสามส่วนจริงๆ หากไม่ใช่เพราะอาซีทราบอายุของอาจารย์อาน้อยอยู่ก่อนแล้ว ก็คงจะคิดไปว่า ตัวท่านนี้แท้จริงแล้วเป็พี่สาวของข้า”
เมื่อจ้าวลี่เจียได้ยินก็หัวเราะฮ่าฮ่า “จริงๆ แล้ว อายุของพวกเราคล้ายจะเป็แม่ลูกกันมากกว่า” เมื่อพูดจบนางก็ลูบศีรษะอวิ๋นซี “เอาละ ร่างกายเ้ายังไม่ฟื้นฟูดี ส่งเด็กมาให้ข้าเถอะ”
อย่างไรก็ตาม จ้าวลี่เจียรู้ดี ตามอายุของตนสามารถนับเป็มารดาของอวิ๋นซีได้สบายๆ เพราะสตรีทั่วไปมักจะมีบุตรตอนอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ด ซึ่งอวิ๋นซีเองยังอายุไม่ถึงยี่สิบปีเลยด้วยซ้ำ ในขณะที่อายุของนางก็ปาเข้าไปสี่สิบสองแล้ว ดังนั้น ต่อให้จะคลอดลูกตอนอายุยี่สิบสอง ยามนี้คนก็น่าจะโตพอๆ กับอวิ๋นซี
เมื่อจ้าวลี่เจียพาเด็กๆ ออกไปแล้ว อวิ๋นซีก็เอนกายลงนอนอีกครั้ง เื่ของวันนี้ที่ฮองเฮามาเยือนจวนอ๋อง ตัวนางยังไม่รู้ เพราะไม่มีใครบอก ทั้งยังไม่รู้ว่า ตอนนี้จวินเหยียนกำลังฟ้องร้องคุณชายรองตระกูลิหลัน ิหลันเฟิงอยู่ที่ห้องทรงพระอักษรต่อเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้ ด้วยเหตุที่คนไม่เคารพอวิ๋นซี กล่าววาจาชั่วร้าย ทำให้พระชายาได้รับความกระทบกระเทือน รวมถึงวางแผนร้ายวางยาขับเืใส่พระชายา
เสี้ยวเหวินตี้มองผู้นำตระกูลิหลันที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตน เนื้อตัวสั่นเทา สิ่งที่ต้องรู้ก่อน ตระกูลิหลันคือตระกูลที่ร่ำรวยเป็อันดับหนึ่งแห่งแคว้นหนานเย่า คนเหล่านี้จึงไม่คิดว่า ชั่วชีวิตนี้จะมีวันนี้ที่ตนต้องมาคุกเข่าอยู่ที่นี่ รอการลงโทษ
“ฝ่าา เ้าลูกทรพีิหลันเฟิงนั่นถูกกระหม่อมขับไล่ออกจากตระกูลไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ สำหรับเื่ที่เกิดขึ้นกับพระชายา กระหม่อมเองรู้สึกเสียใจเป็อย่างยิ่ง และจักต้องชดเชยให้พระชายาและนายน้อยทั้งสองอย่างแน่นอน ขอเพียงหนิงอ๋อง โปรดเหลือทางรอดไว้ให้ตระกูลิหลันเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ผู้นำตระกูลิหลันมีสีหน้าท่าทีที่แสดงออกอย่างต่ำต้อย เขาพร่ำขอให้เสี้ยวเหวินตี้และหนิงอ๋องประทานอภัยให้ไม่หยุด
จวินเหยียนมองผู้นำตระกูลิหลันที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้พระบิดาตน พูดเสียงเ็า “หึหึ ชดเชยหรือ? ผู้นำตระกูลิหลัน เ้าว่า สำหรับราชวงศ์ข้า พระชายาพระองค์หนึ่ง และพระนัดดาสายตรงสองพระองค์ของฝ่าา เ้าจะชดเชยให้เช่นไร? ตอนนั้นหากมิใช่เพราะมีอาจารย์ของหลิ่วเซิงอยู่ด้วย ภรรยาและลูกชายของเปิ่นหวางก็คงถึงคราวสิ้นชีวิตไปแล้วกระมัง แล้วยามนี้เ้ายังมีหน้ามาพูดว่าจะชดเชยให้เปิ่นหวางอีกหรือ ถ้าอย่างไร ให้เปิ่นหวางสังหารลูกชายเ้าเสียให้หมด จากนั้นค่อยชดเชยให้เ้า ดีหรือไม่”
คำกล่าวของเขาทั้งเผด็จการและโเี้ ชั่วขณะนั้นผู้นำตระกูลิหลันก็ไม่รู้แล้วว่า ควรจะต่อคำเช่นไร อย่างไรเสียเขาก็รู้มาตลอดว่าท่านตรงหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดา เพียงแต่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายจะเป็ชายชาตรีที่ปากร้ายเพียงนี้
ชัดเจนว่า ตัวเขาประเมินความปากร้ายของหนิงอ๋องต่ำเกินไป ดังนั้น สิ่งที่เขาคิดเป็อันดับต่อไปก็แทบจะเป็การขอร้องให้ฝ่าาสังหารลูกทรพีนั่นของตนเสีย เพื่อมาดับไฟกริ้วของหนิงอ๋อง
เมื่อเห็นคนไม่พูดไม่จา บรรดาเก๋อเหล่าและขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งขั้นสองที่ยืนอยู่ในห้องทรงพระอักษรเองก็ไม่กล้าส่งเสียง และเป็จวินเหยียนที่พูดต่อ “ชายาของเปิ่นหวางอยู่เป็เพื่อนเคียงข้างเปิ่นหวางครั้นอยู่หานโจว นางอดหลับอดนอนทั้งวันทั้งคืนจนในที่สุดก็สามารถเปลี่ยนแปลงหานโจวได้ ทำให้ราษฎรหานโจวนับล้านมีความเป็อยู่ที่ดีขึ้น และด้วยความทุ่มเทนี้ที่เบียดบังเวลาให้กำเนิดบุตร จนในที่สุดตอนนี้เวลาที่พวกเราต่างรอคอยก็มาถึง พระชายาของเปิ่นหวางตั้งครรภ์แล้ว ทว่า ลูกชายตัวดีของเ้าถึงขนาดบังอาจคิดไม่สุจริตต่อพระชายา คำพูดเ่าั้ ราษฎรที่มุงกันอยู่ในตอนนั้นล้วนได้ยินกันไม่น้อย ลูกชายที่ผู้นำตระกูลิหลันเลี้ยงดูมา แม้แต่กับลูกสะใภ้ของฝ่าาก็ยังคิดสร้างมลทิน”
แรกเริ่มเสี้ยวเหวินตี้ยังสามารถอดทนได้ อย่างไรเสียตระกูลิหลันก็ถือเป็ตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งหนานเย่า ในมือของพวกเขามีทรัพย์สินนับไม่ถ้วน แต่เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของโอรสก็อดไม่ได้ให้กริ้วโกรธทันที “อาซีเป็ลูกสะใภ้ที่เจิ้นโปรดปรานที่สุด คุณชายรองตระกูลิหลันของเ้าช่างกล้านัก ถึงกับมีความคิดสกปรกเช่นนั้นต่ออาซี”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เสี้ยวเหวินตี้ก็ไม่รอให้ผู้นำตระกูลิหลันโต้เถียงสิ่งใด เขาพิจารณาพิพากษาลงทัณฑ์ “ผูกิหลันเฟิงไว้กับม้าแล้วให้ม้าตัวนั้นวิ่งไปรอบๆ เมืองหลวงจนกระทั่งเขาหมดลมหายใจ รอจนเขาตายแล้วก็ให้นำศพไปแขวนไว้ที่นอกประตูเมือง ให้ราษฎรในแผ่นดินนี้ได้ประจักษ์แก่สายตาว่า นี่คือจุดจบของผู้ที่ปรารถนาในบุคคลที่ไม่สมควรปรารถนา และให้เหล่าชายเสเพลในเมืองหลวงทั้งหลายดูแลของของตนเอาไว้ให้ดี หากไม่้าแล้ว วังหลวงของเจิ้นก็ไม่รังเกียจที่จะมีขันทีเพิ่มมาอีกสักหลายคน”
หลานชายทั้งสองของเขาเกือบจะสิ้นลมไปเพราะิหลันเฟิงผู้นี้ เสี้ยวเหวินตี้เรียกได้ว่าแค้นตระกูลิหลันถึงขีดสุด “นอกจากนี้ ผู้นำตระกูลิหลันไร้ความสามารถในการสั่งสอนบุตร ทรัพย์สินสามโคตร [1] ของตระกูลิหลันให้ริบไว้ทั้งหมด และให้ไล่คนออกไปจากเมืองหลวง ส่วนคนที่สืบเชื้อสายจากทางฝั่งของผู้นำตระกูลิหลันก็ให้เนรเทศไปยังพื้นที่รกร้างของสานเป่ยที่อยู่ห่างออกไปสามพันลี้”
เมื่อผู้นำตระกูลิหลันได้ยินก็อึ้งไป หากเป็ไปได้ เขาอยากจะเป็ลมตายไปเสียที่นี่เลยจริงๆ ตระกูลิหลันของเขาต้องจบสิ้นลงเช่นนี้? เพราะเ้าลูกทรพีคนเดียว รากฐานเป็ร้อยปีของตระกูลิหลันถึงได้สั่นคลอนถึงขนาดที่อาจกล่าวได้ว่า ั้แ่นี้ไป ใต้หล้านี้จะไม่มีตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งอย่างตระกูลิหลันอีกต่อไป
หมดกัน หมดกัน หมดสิ้นกันแล้ว
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] สามโคตร(三族)หมายถึง เชื้อสายทางฝั่งบิดา เชื้อสายทางฝั่งมารดา และเชื้อสายทางฝั่งบุตร