เวินโฮ่วถูกฟาดจนลอยหมุนไปในอากาศหลายตลบราวกับลูกข่างหลังจากนั้นก็ร่วงลงมาหน้ากระแทกพื้นจมูกที่กว่าจะรักษาให้กลับมาเป็เหมือนเดิมได้ ก็ถูกซัดจนแหลกอีกครั้งจมูกนี่คงไม่มีทางกลับมาเป็เหมือนเดิมได้อีกแล้ว
หลังจากที่สวะนี่ลงไปกองกับพื้นนอนแน่นิ่งไม่ขยับแล้ว หลินหยางก็ไม่ได้สนใจจะไปตรวจดูว่ามันสลบไปแล้วจริงๆ รึเปล่าเขาเอี้ยวหัวกลับไปหาคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ได้อย่างเวินเทา
“เข้ามาสิมา! ข้าสัญญาว่าจะไม่เล่นถึงตาย!” หลินหยางชูมือกระดิกนิ้วอย่างเหยียดหยาม และท้าทาย
หลินหยางรู้ตัวดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขาบังเอิญหยิบเอาค้อนวิเศษของตาเฒ่ายี่มาด้วยพอดี เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะถูกอีกฝ่ายซ้อมจนอนาถขนาดไหนแต่หลังจากที่หลินหยางได้โอกาสฟื้นคืนจากความตายแล้วนั้น เขาก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่ใสซื่อและอ่อนโยนเหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะเหยียบย่ำเขาก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกเขาสวนกลับด้วยเหมือนกัน
เวินเทาตอนนี้ถูกยั่วโมโหจนแทบคลั่งตายแล้วเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ถือเป็ความอัปยศครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขาเลยแต่เขาก็รู้ตัวว่าวันนี้เขาพ่ายแพ้ย่อยยับ
เ้าหนูตรงหน้าเขามันทั้งโเี้ทั้งเ้าเล่ห์ด้านป้องกันมันก็ใช้ผลึกนั่นแทนโล่ได้ ด้านโจมตีก็ใช้ค้อนสีดำบ้าๆ นั่นได้อีกตัวเขาเองในตอนนี้ไม่มีหนทางที่จะเอาชนะได้เลยถ้ายังฝืนอยู่ที่นี่ต่อก็รังแต่จะโดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
แต่เขาทั้งเกลียดทั้งเจ็บใจเหลือเกิน!
แผนที่อุตส่าห์วางไว้อย่างดีทำไมถึงได้มีฉากจบที่เลวร้ายขนาดนี้ได้!
“ฝากไว้ก่อนเถอะหลินอี้ สักวันหนึ่ง เ้าจะต้องชดใช้กับสิ่งที่เ้าทำไว้ในวันนี้!!” เวินเทาไม่มีวิธีเอาชนะวิธีอื่นแล้วจึงทำได้แค่ทิ้งคำพูดแบบที่ดูกระจอกที่สุดเอาไว้ แล้วเตรียมตัวจะถอยกลับ
หลินหยางเองก็ไม่มีความคิดที่จะไล่ตามไปต่อถ้าวัดจากความสามารถแล้ว ความสามารถของเขายังห่างไกลจากเวินเทาอยู่มากพอสมควรเื่ในคราวนี้ทำให้เขาตระหนักได้เื่หนึ่งว่าขอบเขตความสามารถของเขายังต่ำมากเกินไป
ที่วันนี้เขาชนะมาได้เป็เพราะเขาใช้ตัวช่วยมาเสริมด้วยแต่ถ้าวันนี้เขาไม่มีถุงฟ้าดินเล่า? ถ้าอย่างนั้นเขาไม่ถูกเวินเทาฆ่าตายไปแล้วหรือ?
แล้วถ้าต้องเผชิญกับเฉินเฉาเกอล่ะ? มันมีความสามารถระดับชุ่ยถี่ขั้นสูงสุดเหมือนเวินเทามาตั้งนานแล้วยิ่งตอนนี้มันได้เป็ถึงเ้าชายแล้วด้วย ถ้ามันจะมาฆ่าหลินหยางจริงๆเขาจะเอาอะไรสู้กับมันได้?
ยังต้องพยายามให้มากกว่านี้อีก!
ไม่ใช่เพื่อเอาชนะแค่เวินเทาเท่านั้นแต่ยังต้องรีบเพิ่มความสามารถให้มากพอที่จะจัดการโจรชั่วเฉินเฉาเกอนั่นให้ได้เร็วที่สุด
ระหว่างที่คิดเื่นี้อยู่หลินหยางก็เดินมุ่งหน้าเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ สวี่เหยาที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน มองเห็นใบหน้าที่บวมแดงของนางแล้วเขาเองก็รู้สึกสำนึกผิดอยู่บ้าง “ขอโทษนะ ทำให้เ้าโดนลูกหลงไปด้วยเสียแล้ว”
สวี่เหยาตาแดงก่ำไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำได้แค่ส่ายหัวเบาๆ
ศึกของหลินหยางในวันนี้ทำไปเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น ไม่ได้ออกหน้าเพื่อนางเลย สวี่เหยารู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดในหัวใจ
อีกด้านหนึ่ง เวินเทาที่กำลังเดินออกไปในขณะที่เดินไปจะถึงประตูสำริดอันใหญ่โตนั่นแล้วทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกจากอีกฝั่ง
มีเสียงดังอย่างเร่งรีบของสาวน้อยผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากด้านนอกของประตู“หลินอี้ เ้าไม่เป็อะไรใช่ไหม!” เ้าของเสียงนั่นก็คือเวินชิงชิงนั่นเอง
ในหัวของเวินชิงชิงมีแต่ภาพของหลินหยางที่ถูกเวินเทาบดขยี้อย่างโเี้แต่เพียงฝ่ายเดียวยังไม่ทันเข้ามาถึงด้านในก็รีบะโเข้ามาก่อนเลยว่า “พี่รองหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! ท่านอย่ารังแกหลินอี้นะ!”
เอ๊ะ?
หลังจากที่เวินชิงชิงพุ่งเข้ามาได้แล้วและเห็นสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางก็เกิดอาการสับสนจนสายตากลอกไปมาประมาณสองครั้งนางงงกับเื่ที่เกิดขึ้นจนไปต่อไม่ถูกแล้ว
นางเห็นสภาพของกลุ่มคนที่นอนกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นเห็นเวินโฮ่วที่นอนสลบอยู่ที่พื้นโดยไม่รู้ว่าจะยังรอดอยู่หรือไม่เห็นสภาพทุลักทุเลของเวินเทา และสุดท้ายคือ...สภาพที่ไม่เป็อะไรเลยของหลินหยาง...
“พี่รองทำไมสภาพของพี่มันเละขนาดนี้เล่า?”
ความใสซื่อของเวินชิงชิงนั้นช่าง...
เวินเทาโมโหจนเกือบจะกระอักเืออกมาจ้องเขม็งไปที่หน้าน้องสาวครั้งหนึ่ง จากนั้นก็รีบก้าวเท้ายาวๆ ออกไปจากที่นี่
ส่วนเวินชิงชิงนั้นก็มองไปที่หลินหยางด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อในเื่ที่เกิดขึ้น“โอ้ ์ นี่ นี่เ้าเป็คนทำทั้งหมดเลยหรือหลินอี้?”
หลินหยางบีบจมูกตัวเองเบาๆและเผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆ “เหมือนจะเป็เช่นนั้น”
..................................
“หวังชงตายแล้ว?”
หลังจากที่ฝูงชนพากันแยกย้ายออกไปแล้วหลินหยางกับเวินชิงชิงก็ไปนั่งพูดคุยกันในห้องรับแขกที่อยู่ในส่วนลึกของพื้นที่การช่างหลังจากนั่งคุยได้ไม่นานเวินชิงชิงก็พูดเื่ที่หวังชงถูกสังหาร
“นี่เ้าไม่รู้เลยหรือ?”เวินชิงชิงเองก็อึ้งไปเหมือนกัน “ถ้าอย่างนั้นเ้าคิดว่าพี่รองจะมาหาเื่เ้าทำไมเล่า”
หลินหยางโบกมือพลางตอบกลับว่า“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร เพียงนึกว่ามันกินข้าวอิ่ม แล้วไม่มีอะไรให้ทำ เลยมาหาเื่รังแกคนเล่นเท่านั้น...”
ใครรังแกใครกันแน่!
เวินชิงชิงถลึงตาใส่หลินหยางไปทีหนึ่งแล้วถามต่อว่า “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า เ้าไม่ได้เป็คนฆ่าหวังชงน่ะสิ?”
หลินหยางยักไหล่ “ไม่ใช่อยู่แล้ววันนั้นข้าแค่สั่งสอนมันไปนิดหน่อย แล้วก็ปล่อยไปเลยนะ...”
เื่นี้มันยุ่งยากตรงที่ไม่มีใครเป็พยานได้ว่าใครเป็คนฆ่าไม่มีใครรู้ว่าหลังจากหวังชงถูกหลินหยางปล่อยไปแล้ว เขาไปพบกับใครอีก อีกทั้งตัวเขาเองดันกรีดข้อความลงบนตัวของหวังชงไว้ด้วยหลักฐานทุกอย่างที่มีในตอนนี้ล้วนชี้เป้ามาหาหลินหยางทั้งหมด...
“คำพูดปากเปล่าทั้งนั้นเลยนะหลินอี้” เวินชิงชิงเชื่อในคำพูดของหลินหยางในขณะเดียวกันก็บอกหลินหยางไปตรงๆ ว่า “พรุ่งนี้ท่านพ่อของข้าก็จะกลับมาแล้วเขาไม่มีทางเมินเฉยต่อการตายของหวังชงแน่ๆ แถมวันนี้เ้ายังทำร้ายพี่รองกับพี่สามจนาเ็อีก ถ้าเ้ายังยืนยันความบริสุทธิ์ไม่ได้ละก็ท่านพ่อไม่มีทางปล่อยท่านไว้แน่”
เวินชิงชิงพูดมีเหตุผล
ถ้าเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็แค่การกระทำบ้าๆไร้สาระของเวินเทาแค่นั้นหลินหยางจะบอกว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเป็แค่การป้องกันตัวเอง มันก็ยังพอถูไถไปได้บ้างแต่ถ้าคนเขามาเพื่อจับฆาตกร แต่กลับโดนฆาตกรทำร้ายจนาเ็อีก เื่ราวที่เกิดขึ้นมันจะเปลี่ยนไปคนละแบบเลย
เมื่อถึงตอนนั้นแล้วตระกูลเวินต้องไม่ยอมปล่อยหลินหยางไปแน่ๆ
ภายในห้องนั้นตกลงสู่ความเงียบไปชั่วขณะเวินชิงชิงเห็นหลินหยางหลับตาลงเหมือนกำลังคิดเื่อะไรอยู่จึงนั่งรออยู่อย่างนั้นอยู่หลายนาที เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรออกมาเสียที นางเลยถามไปว่า“แล้วเ้าจะทำอย่างไรต่อ?”
“หืม? อะไรทำอย่างไร?” หลินหยางเงยหน้าขึ้นถามราวกับไม่ได้คุยเื่เดียวกับเวินชิงชิงอยู่
เวินชิงชิงเห็นดังนั้นจึงร้อนรน“เื่ของหวังชงเ้าจะทำอย่างไรต่อ? นี่เ้าได้ฟังที่ข้าพูดบ้างหรือไม่!”
“ข้าต้องทำอะไรด้วยหรือ? ข้าไม่ได้เป็ฆาตกรเสียหน่อย” เวินชิงชิงได้ยินแบบนี้เข้าก็ไปต่อไม่ถูกพูดอะไรไม่ออกเลย
“วางใจเถอะคุณหนูเวิน พรุ่งนี้ข้าจะไปสะสางปัญหาหลายๆ อย่างที่คฤหาสน์เวินเองท่านแค่รอต้อนรับข้าก็พอแล้ว!” หลินหยางเตรียมลุกขึ้นไปส่งแขกโดยไม่รอให้เวินชิงชิงพูดอะไรต่ออีก
“แต่...แต่ว่า...”เวินชิงชิงก็ยังไม่วางใจอยู่ดี
นางคิดไม่ออกว่าในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี่ทำไมหลินหยางถึงยังกล้ากลับไปที่คฤหาสน์อีก
“ไม่มีแต่แล้วเจอกันพรุ่งนี้!” บนในหน้าของหลินหยางยังคงมีรอยยิ้มที่ดูสบายๆไร้ซึ่งความกังวลใดๆ ปรากฏอยู่ หลังจากเขาส่งเวินชิงชิงออกไปนอกห้องรับแขกแล้วเขาก็ค่อยๆ นั่งลงอยู่ในห้องนั้นเพียงคนเดียว
น่าสนใจ...
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนภายนอกหลินหยางจะแสดงท่าทางเอื่อยเฉื่อยสบายๆถึงแม้ว่าเขาจะมีจิติญญาของจักรพรรดิฟ้าอยู่ก็ตาม แต่เขาไม่สามารถแสดงท่าทางออกมามากเกินไปได้แต่เวลาที่เขาอยู่คนเดียวนั้นแววตาของหลินหยางจะดูเหมือนคนที่ฉลาดรอบรู้ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนอยู่ในกำมือของเขา
เขาพึมพำออกมาว่า “ดูท่าทางภายในตระกูลเวินจะยังมีคนที่จ้องเล่นงานข้าอยู่การยืมดาบฆ่าคนครั้งนี้ช่างแยบยลยิ่งนัก...”
“แต่นี่ก็ถือเป็โอกาสดีที่เราจะได้รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของตระกูลเวินด้วยเช่นกันถ้ากลอุบายแค่นี้ก็ยังดูไม่ออกละก็ ถ้าอย่างนั้นเ้าเวินติ่งเทียนนั่นก็ไม่คู่ควรที่จะมาเป็พรรคพวกของข้า หลินหยางผู้นี้...”
ใครจะไปคิดว่าเด็กอายุแค่สิบสี่อย่างหลินหยางกลับคิดที่จะทดสอบความสามารถของครอบครัวชนชั้นสูงอย่างตระกูลเวิน
หลินหยางยังพูดต่ออีกว่า“แต่ถ้าสามารถควบคุมดูแลทั้งตระกูลได้คิดว่าเวินติ่งเทียนน่าจะไม่ได้กระจอกจนเกินไป หวังว่าพรุ่งนี้...มันคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”
พอกล่าวจบหลินหยางก็ผลักตัวขึ้นเพื่อออกไปจากห้องรับแขกนี่เขากะว่าจะไปดูสภาพาแของสวี่เหยาก่อน จากนั้นค่อยมานั่งรออย่างสบายใจ
รออาจารย์อี้ทั้งสองสร้างสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่นั่นออกมาให้เสร็จ
รอถึงวันพรุ่งนี้วันที่เขาจะได้กลับไปยังตระกูลเวินอย่างยิ่งใหญ่
..................................
คืนวันนั้นเองภายในบ้านพักของตระกูลโอวหยาง โอวหยางเฟิงได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากพ่อของเขา
โอวหยางเฟิงค่อยๆ เปิดจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาอ่านในนั้นมีเขียนแค่รายชื่อยาวๆ เพียงอย่างเดียว ทั้งหมดล้วนเป็รายชื่อของสมบัติอันล้ำค่าและหนึ่งในนั้นคือสมบัติลึกลับที่ตระกูลโอวหยางต้องสูญเสียหลายสิ่งเพื่อที่จะได้มันมาส่วนท้ายของจดหมายมีเพียงข้อความสั้นๆ หนึ่งประโยคเท่านั้น “รุ่งอรุณของวันพรุ่งจงเตรียมการให้เรียบร้อย แล้วมาเตรียมการหมั้นที่คฤหาสน์ตระกูลเวิน”
โอวหยางเฟิงค่อยๆ พับจดหมายจนมีขนาดเล็กลงพลางยิ้มอ่อนบริเวณมุมปาก “ตีเหล็กต้องตีตอนร้อนสินะท่านพ่อ ดูท่าพวกตระกูลเวินจะเจอปัญหาใหญ่ใช่เล่นเวินติ่งเทียนไม่มีทางที่จะสามารถปฏิเสธเื่การหมั้นได้แน่ๆไม่รู้ว่ากระเพาะอันใหญ่โตของท่านพ่อนั่น พรุ่งนี้จะกลืนธุรกิจของพวกตระกูลเวินไปได้มากมายขนาดไหน...หึหึหึ...”
โอวหยางเฟิงก็เปรียบเสมือนหนอนในท้องของพ่อเขาแค่รายชื่อชุดเดียวก็ทำให้เขาสามารถมองเห็นเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ได้แล้วรวมไปถึงการหมั้นที่ไม่ยุติธรรมนี้ด้วย...
ตระกูลเวินไม่มีทางหลีกเลี่ยงกับดักครั้งใหญ่นี้ได้แน่นอน
..................................
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในที่สุด เวลาก็ล่วงเลยมาถึงวันใหม่
ณประตูหลักของคฤหาสน์ตระกูลเวินที่ถูกทำความสะอาดเรียบร้อยั้แ่เช้าตรู่บนถนนยาวนับร้อยเมตรไม่ปรากฏเศษใบไม้ให้เห็นเลยแม้แต่ใบเดียว
มีกลุ่มคนของตระกูลที่มีคุณชายสองอย่างเวินเทาเป็ผู้นำแต่ละคนต่างแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่หรูหราอลังการพวกเขาออกมารอต้อนรับแขกที่ประตูั้แ่เช้า รอการกลับมาของผู้นำตระกูลเวิน -เวินติ่งเทียน
่เวลาประมาณหกโมงเช้าก็เริ่มเห็นกลุ่มคนกำลังเดินมาจากมุมถนนพวกเขาต่างสวมใส่เครื่องแบบสีดำเหมือนกันทุกคนบริเวณหน้าอกมีปักเป็ลายหม้อสามขาสีทอง ซึ่งเป็สัญลักษณ์ประจำตระกูลเวิน
คนเหล่านี้ล้วนมีท่าทางองอาจการก้าวเท้าแต่ละก้าวก็หนักแน่นมั่นคง หนึ่งก้าวมีระยะทางกว่าสามฟุต แค่ดูจากภายนอกก็เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ผ่านการฝึกอันยากเย็นแสนเข็ญมาแรมปีแววตาสว่างใสดั่งเปลวเพลิง ใช้เวลาไม่นานก็สามารถเดินตัดถนนนี้มาได้
“องครักษ์ของท่านพ่อนี่!” เวินชิงชิงมองเห็นเหล่าองครักษ์จากไกลๆ
กลุ่มคนเหล่านี้คือเหล่าผู้ถูกเลือกที่ได้รับการฝึกสอนด้วยตัวเองจากเวินติ่งเทียนจนได้เป็องครักษ์ประจำตระกูลพวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็มือดี ความสามารถขั้นต่ำก็อยู่ที่ระดับชุ่ยถี่ขั้นท้ายแล้วนอกจากนี้ยังมี 4 ที่ปรึกษาผู้าุโที่มีฝีมือระดับเซียนเทียน และยังเป็หน่วยรบที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเวินคอยยืนประกบด้านหลังอีกด้วย
“นั่นรถม้าของท่านพ่อ!”
เวินโฮ่วที่ตรงจมูกยังประคบยาสมุนไพรหนาๆเอาไว้อยู่ เมื่อเห็นรถม้าของเวินติ่งเทียนแล้วก็รู้สึกตื้นตันจนน้ำตาแทบไหลเขาโตมาจนป่านนี้แล้วยังไม่เคยถูกใครรังแกมากขนาดนี้มาก่อน แต่พอคิดถึงเื่ซวยๆ ที่ตัวเองทำลงไปแล้วเขาก็ไม่กล้าที่จะไปฟ้องเวินติ่งเทียนอีก
“หืม?ทำไมตระกูลโอวหยางก็มาด้วยเล่า!”