เพราะถูกโซ่เหล็กมัดล่ามเอาไว้จูชิงจึงจำใจต้องเดินไปข้างหน้าอย่างหมดหนทาง ทว่าในใจด่าทอไปถึงโคตรเหง้าตระกูลของซั่งกวานจือหนิงเรียบร้อยแล้ว
ในฝั่งของหญิงสาวนั้นเพราะปราณมรณะซั่งกวานจือหนิงจึงไม่กล้าแตะต้องตัวจูชิง ทว่าอย่างไรเสียจูชิงก็ถูกโซ่เหล็กล่ามอยู่ เ้าเด็กที่ไม่เคยบำเพ็ญเพียรเดินบนเส้นทางแห่งยุทธ์จักทำอะไรนางได้?
กระนั้นแล้วอย่าคิดว่าซั่งกวานจือหนิงทำอะไรจูชิงไม่ได้เช่นกัน เพราะเมื่อยามใดที่จูชิงหยุดเดิน เพียงซั่งกวานจือหนิงดีดนิ้วคราหนึ่ง ก้อนหินก็พุ่งเข้าใส่ร่างของจูชิงในทันที
พลังปราณน่าพรั่นพรึงปกคลุมทั่วทั้งก้อนหิน ทุกครั้งที่มันพุ่งใส่จูชิงก็จะทิ้งรอยแดงเอาไว้บนร่าง ความเจ็บคงอยู่นานหนึ่งถ้วยชา ทำให้จูชิงเ็ปแทบปางตาย
พอโดนเช่นนั้นแล้วแม้ว่าจูชิงจะเกลียดชังซั่งกวานจือหนิงมากขนาดไหน แต่สิ่งที่ทำได้มีเพียงก้มหน้าก้าวเดินต่อ
“คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ศิลาผนึกิญญาพิชิต์จักอ่อนหัดเฉกเช่นนี้!” เสียงเย้ยหยันสะท้อนก้องออกมาจากจิติญญาของจูชิง
จูชิงใมาก แรกเริ่มยังคงไม่รู้ว่าเสียงนั่นมาจากที่ใด “นั่นใคร?”
กระทั่งเสียงชราดังขึ้นมาอีกครั้ง! “เ้าโง่!”
ครานี้จิติญญาของจูชิงสั่นสะท้าน ในหัวคล้ายแลเห็นภาพชายชราคนหนึ่งประจักษ์กายบนหลุมศพ อาภรณ์อาบชโลมชุ่มโลหิต จ้องเขม็งมองเขาอย่างสมเพชเวทนา
“จะ...เ้าเป็ใคร? เหตุใดถึงมาโผล่ในจิติญญาของข้าได้!” จูชิงเอ่ยถามไปอย่างตื่นตระหนก
ชายชรากลอกตาแล้วพูดว่า “มิรู้ว่าพระเ้าตาบอดหรือไร ถึงได้เลือกเ้าเป็ผู้ศิลาผนึกิญญาพิชิต์!”
“ศิลาผนึกิญญาพิชิต์? หมายถึงหลุมศพนั่นน่ะหรือ?” มาถึงยามนี้จูชิงตะลึงงันเข้าให้แล้วจริงๆ
“เช่นนั้นแล้วเ้าคิดว่าเ้าจักฟื้นคืนชีพจากความตายได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะศิลาผนึกิญญาพิชิต์ ป่านนี้เ้าคงกลายเป็เศษดินเศษขี้เถ้าไปแล้ว” ชายชราแค่นเสียงหึ
“หากท่านรู้ว่าข้าฟื้นคืนชีพจากความตาย ท่านก็ต้องรู้ใช่หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร ข้าตายได้อย่างไร แล้วใครฝังศพข้าเอาไว้ที่นี่?” จูชิงตื่นเต้นมากยามแลเห็นโอกาสที่จะได้รู้เื่ราวของตัวเอง เขาพูดถามทุกอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจออกมาจนหายใจแทบไม่ทัน
ถึงจะมีปาฏิหาริย์น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นกับเขา ทว่าจูชิงกลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นราวกับสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น
“น่าเสียดาย แต่ข้าไม่รู้หรอกว่าเ้าเป็ใคร” ชายชรายักไหล่
“ท่านจะไม่รู้ได้อย่างไร?” จูชิงเบิกตากว้างจับจ้องมองชายชรา
ชายชราเหลือบมองจูชิงแวบหนึ่ง “ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้บัดซบตัวไหนที่ผนึกข้าไว้ในศิลาผนึกิญญาพิชิต์!”
“ถ้าท่านไม่รู้ก็ช่างเถอะ!” จูชิงถอนหายใจ ทำท่าคล้ายกับจะไปจากที่นี่
“เ้าโง่ เ้าจักยอมให้นางรังแกเ้าต่อไปเช่นนี้รึ?” ชายชราเรียกจูชิงไว้ก่อน
“ข้าไม่ได้เต็มใจเสียหน่อย แต่นางแข็งแกร่งเกินไป ทั้งยังมีพลังลึกลับอันใดนั่นอีก ข้าสู้นางไม่ได้เลย” จูชิงพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
พลังลึกลับของซั่งกวานจือหนิงทำให้จูชิงหวาดผวา แม้เขาจะพยายามเต็มที่แล้วก็ตาม หากก็ยังมิใช่คู่ประมือของซั่งกวานจือหนิง
“พลังลึกลับงั้นหรือ เ้าช่างโง่เขลาเสียจริง แค่พลังยุทธ์ก็ยังไม่รู้จักอย่างนั้นรึ!” ชายชราหัวเราะ
“พลังยุทธ์คืออะไรอย่างนั้นหรือ?” แสงวูบวาบประจักษ์ในจิติญญาของจูชิงคล้ายกับคิดอะไรบางอย่างออก ทว่ากลับยังมิอาจเข้าได้ใจแจ่มแจ้ง
“พลังยุทธ์คือการรวบรวมพลังปราณฟ้าดินเป็หนึ่งเดียว ข้ามก้าวความสามัญธรรมสู่ความเหนือชั้นหาใดเทียม!” ชายชราพูดอย่างภาคภูมิใจ
“แข็งแกร่งขนาดไหน สามารถเอาชนะนางได้หรือไม่?” จูชิงถาม
“หึ เ้าสามารถฉีกร่างสิงสาราสัตว์ได้ด้วยมือเปล่า หรือจักให้ประมือกับคนร้อยคนก็ย่อมได้ ซึ่งมันเป็เพียงส่วนหนึ่งของพลังยุทธ์เท่านั้น จอมยุทธ์ที่แท้จริงนั้นสามารถตัดขาดแม่น้ำ ทำลายูเาได้ด้วยฝ่ามือเดียว จะแผดเผามหาสมุทรหรือทลายปฐีย่อมได้ทั้งนั้น กับอีแค่สยบสตรีโฉดเพียงคนเดียว หาได้เหลือบ่ากว่าแรงไม่” ชายชราเบะปากตอบ
“แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว!” จูชิงสะดุ้งโหยง ตัดขาดแม่น้ำ ทลายูเา มันใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปทำได้อย่างนั้นหรือ?
“พลังยุทธ์แบ่งออกเป็เก้าขั้นพลังใหญ่ ทุกขั้นพลังใหญ่มีเก้าขั้นพลังย่อย หากฝึกปรือเก้าขั้นพลังย่อยสำเร็จก็จักยกระดับไปสู่ขั้นพลังต่อไป!”ชายชราอธิบาย
“แล้วเก้าขั้นพลังที่ว่ามีอะไรบ้างหรือ?” จูชิงถามต่อ
“หลอมกายา ร่างกายเป็รากฐานของทุกสิ่ง หาก้าเดินบนเส้นทางแห่งยุทธ์จักต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งเสียก่อน ในขั้นพลังนี้ ผู้บำเพ็ญเพียรยุทธ์จะดูดซับพลังฟ้าดินเป็ลมปราณเพื่อเสริมแกร่งให้กับร่างกาย
เคลื่อนย้ายลมปราณอันเป็พื้นฐานของพลังยุทธ์ ควบคุมพลังลมปราณได้มากขึ้นจนสามารถสังหารศัตรูได้ในระยะหนึ่งจั้ง
สร้างลมปราณ กลั่นลมปราณในกายาประหนึ่งเตาหลอม ลมปราณยกระดับมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลอมลมปราณ ลมปราณทั้งกายาจักเข้มข้นมากเป็พิเศษ โลหิตเปรียบดั่งไฟ กระดูกเปรียบดั่งหยก ไขกระดูกเปรียบดั่งน้ำแข็ง หรือจักเรียกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ย่อมไม่ผิด สามารถทลายูเา นทีได้โดยไม่ใช่เื่ยาก”
“หลอมกายา เคลื่อนย้ายลมปราณ สร้างลมปราณ หลอมลมปราณ สี่ขั้นพลังเองไม่ใช่หรือ แล้วห้าขั้นพลังที่เหลือล่ะ” จูชิงยกมือขึ้นนับนิ้ว
“ยังมิทันเริ่มคลานก็จักวิ่งแล้วงั้นรึ รู้หรือไม่ว่าจอมยุทธ์บางคน ถึงจะทำทุกวิถีทางก็ยังไปไม่ถึงขั้นหลอมลมปราณ อีกอย่างรู้มากเกินไปก็ใช่ว่าจักมีประโยชน์กับเ้า” ชายชราลูบเครา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้