กูเฟยเยี่ยนไม่ใช่ผู้ที่โดนสายตามองก็สามารถขู่ขวัญได้
นางโน้มกายแสดงความเคารพต่อองค์หญิงหวายหนิงด้วยความไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง แต่ก็ไม่ถ่อมตนจนดูต้อยต่ำตามเซี่ยเสี่ยวหม่าน สำหรับฉีอวี้ที่อยู่ด้านข้างองค์หญิงหวายหนิงนางมองเขาเป็อากาศในทันที ฉีอวี้ยังคงมีความคิดว่ากูเฟยเยี่ยนสวมหมวกเขียวให้แก่เขา แล้วจะเกิดความหวาดผวาคอยหลบหน้าเขา ใครจะไปรู้ว่านางจะมองข้ามเขาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ เขาโกรธจนร่างแทบจะกลายเป็สีเขียว แล้วก้าวทีละก้าวไปทางด้านของกูเฟยเยี่ยน ั์ตาเปลี่ยนแปลงเป็ความมืดครึ้ม เดิมทีองค์หญิงหวายหนิง้าที่จะเหยียบย่ำกูเฟยเยี่ยนให้หนักหน่วงต่อหน้าฉีอวี้ ทว่าเมื่อเห็นว่าฉีอวี้ก้าวเข้าไปแล้วนางก็ทำเพียงรอดูฉากเด็ด
เมื่อฉีอวี้เข้าใกล้มาหาทีละก้าวๆ ในที่สุดสายตาของกูเฟยเยี่ยนจึงได้ตกไปอยู่บนใบหน้าของฉีอวี้ นางมีจิตใจมั่นคงไม่สะทกสะท้านและไม่เกรงกลัว ฝีเท้าของฉีอวี้หนักลงเรื่อยๆ สายตายิ่งมืดครึ้มราวกับว่าจะโกรธเป็ฟืนเป็ไฟได้ตลอดเวลา
ใต้เท้าเจียงเกรงกลัวว่าจะต้องรับผิดชอบจึงรีบโน้มน้าว “ท่านชายท่านแม่ทัพ มีอะไรก็พูดจาดีๆ เถอะ”
เซี่ยเสี่ยวหม่านดึงกูเฟยเยี่ยนไปปกป้องไว้ด้านหลังแล้วยกยิ้มขึ้นมา “ท่านชายท่านแม่ทัพ ดึกมากแล้ว…”
คำพูดนี้ยังไม่ทันได้เอ่ยจบกูเฟยเยี่ยนก็ดึงเขาออกไปแล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “หม่านกงกง ข้าไม่กลัวเขา! ”
ไม่ช้าฉีอวี้ก็ได้หยุดอยู่ตรงหน้าของกูเฟยเยี่ยน กูเฟยเยี่ยนยังคงสงบเสงี่ยมเช่นเดิม แม้ว่าร่างเล็กผอมบางจะดูเล็กกระจิริดเมื่ออยู่ต่อหน้าร่างสูงโปร่งของฉีอวี้ ทว่าทั่วทั้งร่างนางล้วนแผ่กระจายเต็มไปด้วยมาดที่ไม่แพ้ฉีอวี้เลย
ไม่หวาดผวาและแข็งแกร่ง
คนภายนอกคิดว่านางทำผิดต่อตระกูลฉีก็ช่างมันแล้ว แต่หลายปีมานี้สิ่งที่ตระกูลฉีปฏิบัติต่อเ้าของร่างเดิม เื่สกปรกที่ฉีอวี้ทำด้วยตนเอง หรือว่าภายในใจยังคิดไม่ได้อีกหรือ?
ในครั้งที่แล้วหากว่าไม่ได้พบกับเฉิงอี้เฟย เขาและฉีฟู่ฟางเกรงว่าคงจะบังคับให้นางดิ้นรนจนตาย! องค์หญิงหวายหนิงมาหาเื่นางเป็เพราะเขาไม่ใช่หรือ? ในตอนนี้พี่สาวของเขากลับถูกแพทย์ชายชี้ตัวว่า้าใส่ร้ายป้ายสีโยนความผิดมาให้นาง!
เื่ราวแต่ละเื่นั้นล้วนยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนี่นา!
ในวันนี้นางจะดูซิว่าฉีอวี้เบิกตากว้างจ้องมองมาอย่างนี้ ท้ายที่สุดแล้ว้าจะทำอะไรกัน?
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมา ดวงตาของฉีอวี้ที่เบิกตากว้างจ้องมองมาก็ค่อยๆ หรี่ลงคล้ายเส้นตรง ทั้งสองคนต่างยืนกราน ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันและกัน บรรยากาศค่อยๆ ตึงเครียดขึ้นมา
ใต้เท้าเจียงยังคง้าโน้มน้าว ทว่าเซี่ยเสี่ยวหม่านกลับส่งสายตาเป็นัยขวางเอาไว้ เซี่ยเสี่ยวหม่านพบว่าแพทย์หญิงตัวน้อยที่แย่งชิงความโปรดปรานจากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับเขาก็ไม่ได้น่าเบื่อหน่าย อย่างน้อยนางก็มีความกล้าและไม่ทำให้จิ้งหวางฝู่ต้องเสียหน้า!
เวลาค่อยๆ ผ่านพ้นไปทีละนิด บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
กูเฟยเยี่ยนยิ่งรอมากเพียงใดยิ่งสงบนิ่งมากเพียงนั้น แต่ทางด้านของฉีอวี้กลับค่อยๆ ตกอยู่ในสภาวะจะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ลำบาก อันที่จริงแล้วเขาเพียงแค่้าขู่ขวัญกูเฟยเยี่ยนให้นางแสดงความอ่อนแอออกมาเท่านั้น เขาไม่ได้้าถกเถียงต่อหน้าผู้คนในศาลต้าหลี่เพื่อให้เกิดคำครหา เขาไม่รู้เลยว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีความกล้ามากขนาดนี้ ยิ่งขู่ขวัญก็ยิ่งสู้กลับ?
เมื่อมองไปที่กูเฟยเยี่ยน เห็นได้ชัดเจนว่าฉีอวี้นั้นเต็มไปด้วยโทสะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมภายในจิตใจกลับปรากฏขึ้นถึงความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวผู้นี้ตกลงแล้วเป็คนเช่นไรกัน ความอ่อนแอและโง่เขลาในอดีตล้วนเสแสร้งออกมาหรือ?
ในขณะนี้เองหยาจู๋ก็ได้เข้ามา “ใต้เท้าเจียง ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดล้วนถูกคุมขังเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มการสอบสวนเลยหรือไม่หรือว่าจะรอจนถึงวันพรุ่งนี้? ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้องค์หญิงหวายหนิงและฉีอวี้จึงนึกขึ้นได้ถึงเื่สำคัญ องค์หญิงหวายหนิงรีบร้อนก้าวเข้ามาดึงฉีอวี้ไว้ “ท่านพี่ฉีอวี้ พวกเราไม่ต้องไปสนใจในตัวนาง เื่นั้นสำคัญกว่า! ”
ฉีอวี้มีทางถอยกลับแล้ว ภายในจิตใจจึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าสีหน้าท่าทางยังคงมีความไม่เต็มใจ แล้วจึงถูกองค์หญิงหวายหนิงดึงไปที่ด้านข้าง
กูเฟยเยี่ยนนั้นไม่มีเวลามาให้ความสนใจคุณธรรมอันสูงส่งจอมปลอมของฉีอวี้นางลอบครุ่นคิดถึง “เื่สำคัญ” ของพวกเขา
ฉีฟู่ฟางถูกชี้ตัวแล้วสองคนนี้กลางดึกกลางดื่นมาทำอะไรกัน? ช่วยเหลือชีวิตคน?
ใต้เท้าเจียงก็เกิดความประหลาดใจ แม้ว่าเมื่อสักครู่นี้จะถูกมองข้าม ทว่าเขาก็ได้โน้มกายแสดงความเคารพอย่างสุภาพอีกครั้ง “ข้าน้อยน้อมคารวะองค์หญิงหวายหนิง น้อมคารวะท่านชายท่านแม่ทัพ ดึกดื่นป่านนี้ไม่ทราบว่าทั้งสองท่านนั้น…”
มือทั้งสองข้างของฉีอวี้ไพล่ไว้ด้านหลังยืนตรงตระหง่านแววตามองไปด้านนอก ลักษณะราวกับตนเองเป็ผู้ที่มีจิตใจงดงามและมีคุณธรรมสูงส่ง เขาไม่คิดว่าจะพูดอะไรออกมา การมีองค์หญิงหวายหนิงเอ่ยแทนนั้นเพียงพอแล้ว
“ไม่รู้ว่าพวกเรามาทำอะไรอย่างนั้นหรือ? ” ทันทีที่องค์หญิงหวายหนิงเอ่ยออกมาก็โจมตีไปที่ใต้เท้าเจียงทันที “เจียงลี่อัน เ้ามาจับกุมคนในตำหนักของข้าแม้แต่คำทักทายสักคำก็ไม่มี! เ้ามีความสามารถมากเหลือเกิน! ดูท่าแล้วเ้าคงไม่ได้เห็นข้าอยู่ในสายตาสินะ! ”
ใต้เท้าเจียงรีบร้อนกล่าวขอโทษ “ข้าน้อยไม่กล้า ไม่กล้า เื่ราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งสถานการณ์ยังคับขัน ข้าน้อยก็ได้รับมอบหมายจากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย องค์หญิงโปรดอภัยโทษ! อภัยโทษ! ”
โดยปกติแล้วเมื่อใต้เท้าเจียงเอ่ยถึงจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยขึ้นมาความหยิ่งผยองขององค์หญิงหวายหนิงก็มักจะอ่อนลงไปบ้าง
นางดึงฉีอวี้มานั่งลงที่ด้านข้างแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็การได้รับมอบหมายจากท่านพี่จิ้งหวางเช่นนั้น เปิ่นกงจู่ก็จะไม่ถือสาเ้า เพียงแต่ว่าในตอนนี้จวนแม่ทัพนำคนของเปิ่นกงจู่ไป เปิ่นกงจู่ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ต่อหน้าท่านพี่อวี้เ้ารีบพูดออกมาดีๆ ในตอนนี้มีใครบ้างที่ใส่ร้ายป้ายสีท่านพี่ฟู่ฟาง? พวกเขามีหลักฐานอะไร? ”
ใต้เท้าเจียงตอบกลับอย่างจริงจัง “องค์หญิง ในตอนที่อยู่ภายในพระราชวังก็ได้อธิบายไปแล้ว คุณหนูใหญ่ฉีเพียงแค่ถูกแพทย์ชายเฉินซานหยวนชี้ตัว ในท้ายที่สุดแล้วความจริงจะเป็เช่นไรยังต้องรอการสอบสวนอย่างละเอียดในขั้นตอนต่อไป”
องค์หญิงหวายหนิงเกิดความกระวนกระวายใจจึงรีบหยั่งเชิง “แค่เฉินซานหยวนเพียงคนเดียว? เขามีพยานหรือไม่? หลักฐานล่ะ? ”
ใต้เท้าเจียงกลับเอ่ยขึ้นด้วยความลำบากใจ “องค์หญิง นี่…นี่ ในตอนนี้ข้าน้อยยังไม่สะดวกที่จะเปิดเผย”
องค์หญิงหวายหนิงนั้นพาฉีอวี้มาหยั่งเชิงรายละเอียดของคดี นางแสร้งทำเป็โมโหซักถามอย่างโกรธเคือง “ใต้เท้าเจียง คำพูดของเ้าหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าเ้าสงสัยในตัวเปิ่นกงจู่กับท่านพี่อวี้อย่างนั้นหรือ? ”
“ข้าน้อยไม่กล้าๆ”
แน่นอนว่าใต้เท้าเจียงไม่มีความกล้าที่จะสงสัยในตัวองค์หญิงหวายหนิง ทว่าภายใจของเขาไม่ขจัดความน่าสงสัยของตระกูลฉีออกไป ต้องรู้ไว้ว่าลิ่วตันซางลู่นั้นเป็สิ่งที่คร่าชีวิตผู้คน หากว่าไม่มีตระกูลฉีคอยให้การสนับสนุนแล้วฉีฟู่ฟางจะสามารถทำเื่เนรคุณเช่นนี้ได้อย่างไร?
แน่นอนว่าภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีหลักฐานมากเพียงพอ ใต้เท้าเจียงจึงไม่กล้าแสดงท่าทีออกมาโดยตรง เพราะถึงอย่างไรแล้วสถานะของตระกูลฉีก็ไม่ธรรมดา
กูเฟยเยี่ยนและเซี่ยเสี่ยวหม่านที่ยืนอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด ในเวลานี้ทั้งคู่ได้สบตาซึ่งกันและกัน แต่ยังคงความสงบนิ่งเอาไว้
“เ้าไม่กล้า? ”
องค์หญิงหวายหนิงเถียงข้างๆ คูๆ ไม่ยอมถอยให้แม้เเต่ก้าวเดียว “แล้วทำไมเ้าถึงไม่ตอบมา? หรือว่า…เ้าไม่มีหลักฐาน? เหอะๆ ใต้เท้าเจียง เพียงแค่การชี้ตัวของแพทย์ชายคนหนึ่งเ้าก็กล้าที่จะจับกุมผู้คน ความกล้าของเ้ามันคงจะมากเกินไปแล้วนะ! ”
ใต้เท้าเจียงไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงยกชื่อของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมาใช้อีกครั้ง “องค์หญิง ในเื่นี้ข้าน้อยก็ได้รับมอบหมายมาจากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย องค์หญิงโปรด…เข้าใจด้วย”
“เ้า! ”
องค์หญิงหวายหนิงไม่เต็มใจที่จะถอยเป็อย่างยิ่ง “ได้ เ้าไม่พูดก็ไม่ต้องพูด เ้าคุมตัวท่านพี่ฟู่ฟางไปไว้ที่ใด? เปิ่นกงจู่และท่านพี่อวี้้าพบนาง! ”
ใต้เท้าเจียงเกิดความรู้สึกลำบากใจอีกครั้ง เขาตอบกลับว่า “องค์หญิง ในตอนนี้คุณหนูใหญ่ฉีเป็บุคคลต้องสงสัย ไม่สามารถไปเยี่ยมเยียนได้”
องค์หญิงหวายหนิงโมโหจนตบลงไปที่โต๊ะ “เจียงลี่อัน เ้าหมายความว่าอย่างไรกัน? นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่อนุญาต? หากเ้าไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนให้เปิ่นกงจู่ เปิ่นกงจู่ก็…ก็…จะไม่กลับไป! ”
องค์หญิงหวายหนิงนั้นมีชื่อเสียงทางด้านของความพาล หยิ่งยโสและเป็ที่รักขององค์ฮ่องเต้ แม้ว่าใต้เท้าเจียงจะได้รับการมอบหมายอำนาจทั้งหมดจากจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยแล้ว ทว่าก็ยังไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนความปรารถนาของนาง
เขายังคงดันทุรังอธิบาย “องค์หญิง บุคคลต้องสงสัย…ตามกฎแล้วสมาชิกในครอบครัวของบุคคลต้องสงสัยนั้นไม่สามารถไปเยี่ยมเยียนได้ นี่คือกฎระเบียบที่มีมาั้แ่ก่อตั้งศาลต้าหลี่ขึ้น”
“เ้า…”
องค์หญิงหวายหนิงยังคง้าแสดงท่าทางโอ้อวด เป็สง่าน่าเกรงขามต่อหน้าของฉีอวี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าใต้เท้าเจียงจะไม่ไว้หน้าเช่นนี้ นางเดือดพล่านจนหายใจแทบไม่ทัน แล้ว้าจะสั่งสอนเขาแต่ถูกฉีอวี้ขวางเอาไว้
สีหน้าของฉีอวี้มีความจริงจัง เขากล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “องค์หญิง ใต้เท้าเจียงก็ดำเนินการตามกฎระเบียบ แม้ว่าท่านพี่จะไม่มีความผิด เพียงแต่ว่าพวกเราตระกูลฉีก็ไม่ได้้าทำลายคดีของศาลต้าหลี่ เช่นนี้ ข้ามีความคิดหนึ่งใต้เท้าเจียงโปรดพิจารณาดูหน่อย”
ใต้เท้าเจียงพยักหน้าอย่างเกรงใจ กูเฟยเยี่ยนและเซี่ยเสี่ยวหม่านไม่รอช้าจึงเงี่ยหูรอฟัง…