“พี่ชีเยว่......สวัสดีค่ะ พี่รู้ชื่อฉันด้วยเหรอ?” ซูเฟยเฟยพูดออกไปอย่างตื่นเต้น ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ต่างกับคนอื่นๆที่อยากจะเห็นหญิงสาวที่ถูกขนานนามว่าเป็เทพธิดาด้วยตาตัวเองสักครั้งว่า หลิ่วชีเยว่ หญิงสาวที่เรียกได้ว่ามีเสน่ห์ที่สุดในหัวเซี่ยจะมีรูปลักษณ์ราวกับเทพเซียนอย่างไร ตอนนี้เธอได้เห็นแล้ว และในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าทำให้หลิ่วชีเยว่จึงมีชื่อเสียงโด่งดังปานนั้น
และขณะเดียวกันความรู้สึกปั่นป่วนก็บังเกิดขึ้นในจิตใจ ผู้หญิงคือสิ่งมีชีวิตที่ไวต่อความรู้สึก โดยเฉพาะความรู้สึกรักใคร่ชอบพอ และต้นเหตุของความปั่นป่วนในใจของเธอก็มาจากก่อนหน้านี้ที่หลิ่วชีเยว่พูดกับเย่เทียนเซี่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย....... หรือว่าเธอ.........
ถ้าหลิ่วชีเยว่ชอบเย่เทียนเซี่ย แล้วเธอจะไปสู้รบตบมือกับหลิ่วชีเยว่ยังไงล่ะ...........
“ต้องรู้จักแน่นอนอยู่แล้ว ฉันยังรู้อีกว่าตอนนี้เธออยู่กินกับน้องเทียนเซี่ยผู้ใจร้ายของฉันด้วย น่าอิจฉาจริงๆเลยน้า....”
“ฉัน....” ซูเฟยเฟยประหม่าขึ้นมาทันที เธอไม่รู้ว่าควรจะโต้แย้งหรือตอบกลับไปอย่างไร ทั้งร่างของหลิ่วชีเยว่ปลดปล่อยบรรยากาศที่ทำให้ผู้หญิงอดที่จะเสพติดไม่ได้ออกมา ที่ยิ่งกว่านั้นคือกลิ่นอายไร้รูปที่กดดันจิตใจของผู้คน ผู้หญิงแบบนี้เพียงแค่ขยับมือก็สามารถทำให้ฉากอันยิ่งใหญ่ตรงหน้าตกอยู่ในการควบคุมใต้กำมือของเธอได้ทันที นี่ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเธอ แต่เป็คุณสมบัติและพลังที่เกิดจากการฝึกฝนพิเศษและการเลี้ยงดู
“เจ๊ใหญ่ อย่าล้อซูเฟยเฟยเล่นเลย เื่ของผมกับเธอเจ๊ก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เย่เทียนเซี่ยส่ายหัวอย่างอับจนหนทางแล้วหัวเราะออกมาเบาๆอย่างขมขื่น เขาไม่ใช่คนโง่ แต่บนโลกใบนี้คงมีคนที่มีเื่ที่ไม่กล้าเผชิญหน้าเหมือนกันกับเขาและก็คงทำได้เพียงหลีกเลี่ยงเท่านั้น ต่อให้ตอนนี้เขายังคงหลีกเลี่ยงไปได้......... เขาก็ยังคงไม่กล้าสบตาของหลิ่วชีเยว่อยู่ดี
เขามั่นใจว่าถ้าไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของ “เธอ” เขาก็คงจะตกหลุมเสน่ห์ของหลิ่วชีเยว่ไปนานแล้ว เธอคือผู้หญิงที่ทำให้หัวใจของเขาสับสนั้แ่ครั้งแรกที่เขามองไปที่เธอ
หลิ่วชีเยว่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรออกมา ฟันซี่เล็กของเธอขบกัดริมฝีปากแน่น ดวงตาคู่นั้นเผยความรู้สึกบางอย่างออกมาทันทีราวกับสายน้ำที่สาดกระทบก้อนหินทำให้หัวใจของเย่เทียนเซี่ยเต้นถี่แรงและเบนสายตาออกไปโดยไม่รู้ตัว “เอาเถอะ แค่ไม่กี่วันแค่นี้ก็รีบออกตัวปกป้องคนอื่นแล้ว น้องเฟยเฟย น้องชายของฉันอาจจะี้เีตัวเป็ขนไปหน่อย เธอก็ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ......... ฉันจะรู้สึกขอบคุณเธอมาก”
ประโยคนี้ออกมาจากส่วนลึกของจิตใจเธอจริงๆ และมันทำให้ความกังวลและความเข้าใจผิดที่อยู่ในใจของซูเฟยเฟยค่อยๆหายไปเกินกว่าครึ่งจนดูเหมือนเธอจะพยักหน้ารับโดยไม่รู้ตัว เมื่ออยู่ต่อหน้าหลิ่วชีเยว่คุณหนูจากครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียอย่างเธอก็ถูกกดดันจนไม่เป็ตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็ชื่อเสียง ชาติตระกูล เสน่ห์ กลิ่นอายทั้งหมดของเธอล้วนไม่มีใครเทียบได้
“แหะๆ เจ๊ใหญ่ พี่รอง ตอนนี้พวกเราก็มารวมตัวกันแล้ว นับจากการรวมตัวครั้งก่อนก็ห่างกันราวๆครึ่งปีได้....... พวกเราไปหาที่เงียบๆกันเถอะ มีปัญหาอะไรหรืออยากจะพูดอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่านะ ใช่แล้วพี่รอง ทำไมพี่ถึงเรียกพวกเรามาเจอที่นี่ล่ะ?” จั้วพั่วจวินถามขึ้นมาก่อน จากนั้นเขาก็ลูบอกของตัวเองไปหนึ่งที “...........ผมจำได้ว่าพี่เพิ่งออกมาจากที่นี่นี่นา หรือว่า.........”
เย่เทียนเซี่ยชี้ไปที่ประตูบานใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง “มากับฉันสิ”
ถอยหลังไปก้าวหนึ่งประตูที่ถูกปิดอยู่ก็เปิดออก ขณะที่ประตูเปิดออกจั้วพั่วจวินและมู่หรงชิวสุ่ยก็อ้าปากค้างออกมาพร้อมกัน แม้แต่หลิ่วชีเยว่ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
“พระเ้า.......... พี่รอง พี่อย่าบอกนะว่าที่นี่เป็ของพี่..........”
“นายเดาถูกแล้วล่ะ” เย่เทียนเซี่ยยกยิ้มมุมปากแล้วพูดออกมา
“ผม..........”
เย่เทียนเซี่ยพาคนเ่าั้เยี่ยมชมบ้านหลังแรกใน World of Fate ของเขาอีกครั้ง ระหว่างนั้นก็มีจั้วพั่วจวินที่ะโออกมาเสียงดัง เมื่อเย่เทียนเซี่ยอยู่ต่อหน้ากลุ่มคนเหล่านี้เขาไม่เคยต้องควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง เขามักจะแสดงความรู้สึกทุกอย่างออกมาอย่างเปิดเผย เพราะมีเพียงแค่การอยู่กับพวกเขาเท่านั้นเย่เทียนเซี่ยถึงได้รู้สึกผ่อนคลายจนถึงขีดสุด ความรู้สึกของพวกเขาไม่ได้เป็แค่พี่น้องร่วมสาบาน แต่เป็ความรู้สึกที่สร้างขึ้นระหว่างความเป็และความตายที่ไม่อาจทำลายได้
เมื่อมาถึงภายในห้องโถง พวกเขาเพิ่งจะนั่งลงเท่านั้นจั้วพั่วจวินก็ถามออกมาอย่างอดไม่อยู่ “พี่รอง พี่ได้ที่นี่มาได้ยังไงอ่ะ...... แม่เ้า นี่มันโคตรช็อค ผมเกือบจะคิดว่ามันเป็ภาพลวงตาแล้ว”
“ก็แค่ทำภารกิจลับสำเร็จแค่นั้นแหละ” เย่เทียนเซี่ยพูดออกมาอย่างสบายๆ จากนั้นก็เล่าเื่คร่าวๆที่ตัวเขาไปรับภารกิจหนึ่งเดียวที่จวนเ้าเมืองเทียนเฉินจนกระทั่งทำภารกิจจบลงไปรวมทั้งได้เปลี่ยนเป็อาชีพพิเศษโดยบังเอิญ เย่เทียนเซี่ยไม่เคยมีความลับกับพวกเขาอยู่แล้ว
“พี่รอง พี่อาจจะไม่รู้ เื่ที่เขาถกกันใน่หลายวันมานี้ก็คือเื่อาชีพของพี่นี่แหละ ตอนที่ชื่ออาชีพ ‘ัปีศาจพิชิตฟ้า’ ปรากฏออกมาดูเหมือนจะทำให้ทั่วทั้งหัวเซี่ยอึ้งไปเลย แล้ววันนี้แม้แต่ในบอร์ดของโลกจริงก็ยังถกกันอย่างบ้าคลั่งเื่อาชีพลับที่ปรากฏขึ้นมาในหัวเซี่ยด้วย เฮ้อ..... พี่รอง ผมไม่รู้จะพูดว่าความสามารถของพี่มันน่ากลัวเกินไปหรือว่าโชคของพี่มันดีจนน่าทึ่งกันแน่ อืม จริงๆแล้วพวกเราก็รู้ดีว่าต่อให้พี่เล่นอาชีพธรรมดาๆก็ยังสามารถกดทุกคนลงไปได้หมดอยู่ดี แต่พอมีอาชีพลับแล้วก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย” จั้วพั่วจวินถอนหายใจพลางพูดออกมา
เย่เทียนเซี่ยพยักหน้าน้อยๆก่อนจะอธิบายเื่ประหลาดในเกมของตัวเองออกไปอีกนิดหน่อยจากนั้นก็หันไปถามหลิ่วชีเยว่ “เจ๊ใหญ่ วันนี้ระบบแลกเปลี่ยนเงินน่าจะเปิดให้บริการแล้ว......... สมาคมการค้าเดือนเจ็ดจะก่อตั้งขึ้นมาเลยไหม?”
“น้องเทียนเซี่ย นายไม่เข้าใจพี่สาวเลยสักนิด” หลิ่วชีเยว่พูดออกมาอย่างน่าสงสารแล้วส่ายหน้าเบาๆ “สมาคมการค้าเดือนเจ็ดมีขึ้นก็เพราะนาย ถ้ามีนาย มันก็จะเกิดขึ้นแน่นอน”
น้ำเสียงของเธออ่อนนุ่มเหมือนสาวน้อย อีกทั้งยังแฝงแววเหนื่อยหน่ายไว้ด้วย และในความอ่อนโยนนั้นยังมีเสน่ห์และความเย่อหยิ่งแฝงอยู่ด้วยจนทำให้คนฟังหัวใจสั่นไหว ิญญาราวกับจะหลุดออกจากร่างตามเสียงนั้นไป
“................” เย่เทียนเซี่ย
ซูเฟยเฟยกันริมฝีปากแน่นแล้วขยับเข้าไปใกล้เย่เทียนเซี่ยอีกเล็กน้อย เธอััได้ถึงความรู้สึกอันตรายอันแรงกล้า...... ตอนนี้เธออยู่ห่างจากเย่เทียนเซี่ยเพียงเล็กน้อย และยังเป็คนที่อยู่ข้างกายของเขาทุกวันด้วย ก่อนหน้าที่เธอจะทำให้เขาชอบเธอได้เธอจะให้คนอื่นมาแย่งเขาไปได้ยังไง
“พี่รอง จริงๆแล้วเจ๊ใหญ่ก็เตรียมตัวมาั้แ่แรกอยู่แล้วล่ะ ทั้งคน การวางแผน ทั้งแนวทางที่จะดำเนินการก็เตรียมไว้หมดแล้วล่ะ รอแค่วันที่ระบบแลกเงินเปิดให้บริการแค่นั้นเอง หลังจากได้ที่ตั้งแล้วก็จะรีบเริ่มกิจการทันที..... ตอนนี้ปัญหาที่ยากยิ่งอย่างเดียวก็คือเื่ที่ตั้งนี่แหละ หาก้าเป็สมาคมการค้าที่ยิ่งใหญ่ใน World of Fate ก็จะต้องเตรียมทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ รอให้ระบบแลกเปลี่ยนเงินเปิดให้บริการ.......... แล้วค่อยทำอะไรๆไปทีละก้าวๆ ใครก็เข้าใจเหตุผลข้อนี้ดี ใครที่ประกาศชื่อเสียงของตัวเองออกไปเป็คนแรกๆก็คือคนที่ชนะไปแล้วเกินครึ่ง และปัจจัยที่ต้องตัดสินใจกันก็คือสถานที่ตั้ง แล้วยังมีทรัพยากรด้วย” จั้วพั่วจวินอธิบาย
สถานที่ตั้ง ทรัพยากร.............
สถานที่ตั้งสำหรับสมาคมการค้าแห่งหนึ่งถือเป็สิ่งที่สำคัญเป็อย่างมาก สมาคมการค้าในเกมเป็ที่ที่นำเสนอความสะดวกสบายให้ผู้เล่น ถ้าที่ตั้งของมันอยู่ไกลและผู้เล่นต้องใช้เวลานานในการเดินทางจากใจกลางเมืองไปถึงที่แห่งนั้น แล้วจะเรียกว่าเป็การนำเสนอความสะดวกสบายได้อย่างไร และหากเป็เช่นนั้นคงมีน้อยคนนักที่จะอยากไปเยือนที่แห่งนั้น
และทรัพยากรก็เป็ปัจจัยที่สำคัญยิ่งขึ้นไปอีก หากไม่มีทรัพยากรแล้วจะดูแลลูกค้าได้อย่างไร ปัจจุบันทรัพยากรพื้นฐานของสมาคมการค้าก็มาจากซื้อของผู้เล่น หลังจากนั้นก็ไปขายให้ผู้ที่้าในราคาที่สูงขึ้น หรือจากการเก็บค่านายหน้าในการฝากขายของผู้เล่น และถ้า้าดึงดูดให้ผู้เล่นจำนวนมากมาขายของ กุญแจสำคัญที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือชื่อเสียง ยิ่งชื่อเสียงมากเท่าไรผู้เล่นที่มาขายของก็จะยิ่งมากเท่านั้น และการแพร่ชื่อเสียงและความนิยมออกไปก็จำเป็ต้องมีทรัพยากรที่น่าทึ่งด้วย
ยกตัวอย่างเช่นถ้าสมาคมการค้าแห่งหนึ่งประกาศขายไอเทมทองหรือไอเทมเซียนออกไป ทั่วทั้งเขตหัวเซี่ยจะต้องเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน ผู้เล่นจำนวนมากก็จะจดจำชื่อของสมาคมการค้าแห่งนั้นได้ในทันที
“เื่ทรัพยากรไม่ต้องเป็ห่วงหรอก........ ส่วนเื่ที่ตั้ง.........” เย่เทียนเซี่ยครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดออกมา “บางทีผมอาจจะหาที่ดีๆได้ซักที่ เดี่ยวจะลองไปดูก่อนแล้วกัน”
“เอ๋? จริงเหรอ?” จั้วพั่วจวินรู้สึกเซอร์ไพรซ์มาก
“ในโลกนี้มีเื่อะไรที่พี่รองผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเราทำไม่ได้บ้าง?”มู่หรงชิวสุ่ยทำเสียงขึ้นจมูก ส่วนหลิ่วชีเยว่ก็หัวเราะออกมาน้อยๆ
“เฟยเฟย เธอยังไม่ได้เปลี่ยนอาชีพใช่ไหม?” เย่เทียนเซี่ยหันมาพูดกับซูเฟยเฟยที่อยู่ข้างกายเขา
“อื้ม” ซูเฟยเฟยส่งเสียงตอบรับ
เย่เทียนเซี่ยครุ่นคิดเล็กน้อยจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดออกมา “เอาอย่างนี้แล้วกัน พั่วจวิน ชิวสุ่ย พวกนายพาเฟยเฟยไปเปลี่ยนอาชีพก่อน เจ๊ใหญ่รีบไปเตรียมการเื่สมาคมการค้าเถอะ เดี๋ยวผมจะลองไปจัดการเื่สถานที่หน่อย..... ถึงแม้มันอาจจะไม่สำเร็จ แต่ความเป็ไปได้ก็ยังมีอยู่บ้าง”
“อืม......ดี”
เมื่อออกมาจากประตูบ้านเย่เทียนเซี่ยก็อดที่จะซับเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาบนหน้าผากของตัวเองไม่ได้ สายตาของหลิ่วชีเยว่และอารมณ์ของซูเฟยเฟยไปเปลี่ยนไปทำไมเขาจะรับรู้ไม่ได้ นี่มันทำให้เขารู้สึกราวกับนั่งอยู่บนเข็มแหลม
เย่เทียนเซี่ยปรับลมหายใจของตัวเองจากนั้นก็เดินไปยังจวนเ้าเมืองเทียนเฉิน เขาช่วยกำจัดความชั่วร้ายอันใหญ่หลวงให้หมดไปจากเมืองเทียนเฉิน เ้าเมืองคงจะไม่ลืมหน้าเขาเร็วนักหรอก
เมื่อมาถึงประตูจวนเ้าเมือง เย่เทียนเซี่ยพูดกับทหารที่เคยพาเขาไปที่ด้านในอย่างมีมารยาท “รบกวนพาผมไปพบเ้าเมืองหน่อยได้ไหมครับ ผมมีเื่อยากจะพูดคุยกับเ้าเมืองหน่อยน่ะครับ”
ทหารยามคนนั้นเผยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ท่านผู้กล้าจากต่างแดน เชิญตามข้ามา ท่านเ้าเมืองบอกไว้ว่าหากเป็ท่านสามารถเข้าพบท่านเ้าเมืองได้ตลอดเวลา โอ้ใช้แล้ว ผมขอเป็ตัวแทนประชาชนชาวเมืองเทียนเฉินเพื่อแสดงความขอบคุณต่อท่านจากใจจริง ถ้าไม่มีท่านตอนนี้พวกเราก็คงยังมีชีวิตอยู่ภายใต้เงาของเ้าฟีนิกซ์สีเืเป็แน่”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ” มุมปากของเย่เทียเซี่ยกระตุกอย่างต่อเนื่อง คนๆนี้พูดเหมือนกับร่ายกลอนไม่มีผิด
เมื่อเข้าไปในจวนเ้าเมือง ขาก็มองเห็นเ้าเมืองเทียนเฉินที่เอนตัวอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ ในฐานะที่เป็ข้าราชการชั้นสูงของทวีปที่สาบสูญ เขาก็เหมือนกับข้าราชการส่วนใหญ่ของเมืองหัวเซี่ย เวลายุ่งก็ยุ่งแทบตาย เวลาว่างก็ว่างชิบหายเหมือนกัน และในเวลานี้เห็นได้ชัดว่าเขาว่างสุดๆ เมื่อเ้าเมืองได้ยินเสียงเขาก็ลืมตาขึ้นมา ทันทีที่เห็นเย่เทียนเซี่ยเขาก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยืนขึ้นแล้วพูดออกมา “เป็เ้านี่เอง เ้าหนุ่มผู้กล้า ไม่ทราบว่ามาหาข้าครั้งนี้มีเื่อะไรรึ?”
“สวัสดีครับท่านเ้าเมือง ผมมาหาท่านครั้งนี้เพราะมีเื่อยากของให้ท่านช่วยครับ”
