นางในตอนนี้รีบร้อนจะหาเงิน เช่นนั้นจะต้องทำน้ำแข็งออกมาให้ได้ก่อน เื่นี้เป็แค่การทดลอง จะต้องรู้ก่อนว่าอัตราของดินประสิวกับน้ำต้องมีปริมาณประมาณเท่าไรน้ำถึงจะกลายเป็น้ำแข็งได้ ทั้งหมดนี้จะต้องทำการทดลองถึงจะสำเร็จ
สถานที่ที่เปาจื่อตกลงไปจะต้องขุดหลุมเล็กๆ ลงไปก่อนถึงจะสามารถลงไปได้อย่างปลอดภัย
ตอนที่ลงไปนั้น เฉินเนี้ยนหรานนำเอาเถาวัลย์สองเส้นผูกเอาไว้บนหินที่งอกออกมาจากพื้น เพื่อป้องกันว่าอีกเดี๋ยวลงไปจะได้ใช้เชือกปีนขึ้นมาได้ อย่างไรหลุมนี่ก็ลึกอยู่พอสมควร
ดินประสิวรูปร่างเป็คริสตัลและเป็แร่ชนิดหนึ่ง เวลาขุดขึ้นมาเรียกได้ว่าไม่ถึงกับขุดง่าย โชคดีที่ของพวกนี้มักจะเกิดตรงริมๆ หลุม
หลังจากวุ่นวายกับการขุดอยู่หนึ่งชั่วยาม เฉินเนี้ยนหรานถึงขุดของล้ำค่าพวกนี้ออกมาได้ ตอนที่ขึ้นจากหลุม ก็กลัวว่าผู้คนในหมู่บ้านเห็นตนเองขุดดินประสิวขึ้นมาแล้วจะเอาไปซุบซิบนินทา จึงใช้ใบไม้จำนวนมากมาปิดทับดินประสิวเอาไว้หนาๆ ชั้นหนึ่ง ก่อนจะปิดทับด้วนหัวบุกอีกชั้นแล้วค่อยกลับเรือน
อย่าได้พูดถึงตอนที่นางกลับมาถึงเรือนก็ถูกจ้าวชุนฮวาที่มักจะทำตาขวางมองพวกนางเห็นเข้า
จ้าวชุนฮวาคนนั้นปรายตามามองหัวบุกที่อยู่ในตะกร้าด้านหลังของนาง ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น พ่นคำสบถออกมา “เหลือขอ”
เฉินเนี้ยนหรานอดทนเก็บความโมโหเอาไว้ นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมสตรีผู้นี้ถึงได้ไม่พอใจครอบครัวของนางนัก แต่ว่าตอนที่หมาเห่าใส่ นางก็แบกตะกร้าเดินไปเกือบถึงเรือนของตัวเองแล้ว
คิดไม่ถึงว่าตอนที่กลับมาถึงบ้าน น้องห้าก็ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ผัดหัวบุกได้ถูกน้องห้าผัดมันออกมาเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้รสชาติจะยังจืดไปบ้าง แต่อย่างไรน้องห้าก็ทำอาหารเป็แล้ว
“ท่านพี่เหนื่อยแล้วใช่ไหมเ้าคะ ข้าจะไปเอาน้ำมาให้ท่าน” น้องหกที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา พอเห็นนางกลับมาถึงบ้านก็รีบวิ่งไปตักน้ำมาให้
นางจึงไม่ได้ห้ามความกระตือรือร้นอยากช่วยเหลือของน้องหก เื่ที่เด็กหญิงมีความสามารถพอที่จะทำได้ นางไม่คิดที่จะห้าม อย่างไรลูกสาวครอบครัวคนจนไม่จำเป็ต้องเลี้ยงดูแบบประคบประหงม
เสี่ยวเป่าจื่อยังคงหลับอยู่ เ้าเด็กี้เี เมื่อวานป่วนอยู่ค่อนคืนกว่าจะหลับ ก็พอจะเข้าใจได้ที่ตอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียง
“อีกเดี๋ยวพวกเราจะต้องไปขุดหัวบุกทีู่เาอีก น้องหกเ้าอยู่เฝ้าเปาจื่อที่เรือนที เดี๋ยวพี่กินข้าวเสร็จก็จะขึ้นเขาต่อแล้ว เ้าก็เฝ้าเขาให้พี่หน่อยนะ”
น้องหกพอได้ยินแบบนี้ก็หงุดหงิด นางยู่ปากต่อต้าน จะต้องรู้ว่านางรักการขึ้นเขามากที่สุด บนูเาสนุกกว่าอยู่ที่นี่เยอะเลย
หลังจากกินข้าวกับน้องห้าเรียบร้อยแล้วพวกนางก็ขึ้นเขา ตอนที่ออกจากเรือนก็เห็นลูกทั้งสองคนของเรือนพี่สะใภ้ฟางเดินมาขออนุญาตเล่นกับเปาจื่อและน้องหก
เด็กสองคนนั้นยื่นหัวเข้าไปมอง สำหรับพวกเขาแล้วเพื่อนบ้านใหม่เป็อะไรที่ทำให้อยากรู้อยากเห็นมาก แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะมาเคาะประตูชวนกันไปเล่น
หลังจากเฉินเนี้ยนหรานยิ้มแล้วร้องเรียกทั้งสองคน แสดงออกว่าพวกนางสามารถเข้ามาเล่นกับน้องหกได้
เมื่อได้รับการอนุญาตทั้งสองคนก็ทำหน้าตื่นเต้นดีใจ
สิ่งแรกที่เฉินเนี้ยนหรานทำหลังจากลับมาจากูเาก็คือดูของที่นางทดลองไว้
น่าเสียดายมาก น้ำที่ใส่ดินประสิวลงไปนั้นแข็งขึ้นมาไม่น้อย แต่ยังไม่แข็งเป็ก้อน ดูเหมือนว่าหากอยากจะให้มันแข็งตัว จะต้องใช้ดินประสิวจำนวนไม่น้อยเลย
เฉินเนี้ยนหรานจึงเติมดินประสิวเข้าไปอีกหน่อย นางอดที่จะทอดถอนใจไม่ได้ หากตนเองหาดินประสิวที่ได้มาโดยไม่ตองเสียเงินเหล่านี้ไม่ได้ เกรงว่าคงไม่กล้าทำการทดลองแบบนี้แน่
เพราะอย่างไรดินประสิวก็แพงมาก
ถึงว่าตอนที่อยู่ยุคปัจจุบันก็มีคนพูดเอาไว้ว่า ฤดูร้อนในยุคโบราณ หากอยากจะกินของเย็นๆ เช่นนั้นคนคนนั้นจะต้องเป็ชนชั้นสูงถึงจะสามารถกินได้
เพราะว่าดินประสิวเป็ของที่ได้มาโดยไม่เสียเงิน เฉินเนี้ยนหรานจึงทำการทดลองได้โดยไม่รู้สึกปวดใจ จนกระทั่งในเวลากลางคืน น้ำในถังก็แข็งจนเป็ก้อนน้ำแข็ง
ในคืนนั้น นางทำพวกน้ำแข็งไสออกมา ซึ่งพวกเด็กๆ ก็กินกันจนเกลี้ยง น่าเสียดายที่ไม่มีวุ้นใส ไม่เช่นนั้นบนน้ำแข็งไสที่มีวุ้นใสอยู่นั้น รสชาติไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่า…
“ท่านพี่ เป็ครั้งแรกของข้าเลยนะเ้าคะ ที่ตอนหน้าร้อนยังสามารถกินของเย็นๆ ได้แบบนี้” น้องห้ากระเดาะลิ้น มองพี่สาวของตนเองด้วยความอิจฉา สายตานับถือนั้นทำให้เฉินเนี้ยนหรานถึงกับมีเหงื่อผุดซึมออกมา
เสี่ยวเปาจื่อร้องออกมาบ้าง “แม่นาง ข้ายังอยากจะกินอีก ข้าอยากกินอีก มันเย็นสบายจริงๆ สดชื่นมาก”
“กินไม่ได้แล้วเปาจื่อ พรุ่งนี้พวกเราจะไปส่งเ้าที่เรือน ตอนสายจะทำวุ้นใสให้เ้ากิน”
นางคิดดีแล้วว่าพรุ่งนี้จะไปตั้งร้านขายในเมือง
เมืองปาเจียวนี้ เพราะว่ามีถนนสายหลักของการทำธุรกิจเหนือใต้ ทำให้มีแเื่มากมาย
ในฤดูกาลที่อากาศร้อนระอุเช่นนี้ หากตนเองทำพวกของแช่เย็นไปขาย สามารถคิดได้เลยว่าธุรกิจจะเป็อย่างไร
แน่นอน ของที่จะขายนางก็คิดเอาไว้ดีแล้ว ส่วนเื่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองทั้งหมดนั้น เื่นี้เป็ไปไม่ได้ เช่นนั้นนางต้องวางแผนให้ดี
นางสามารถเอาวุ้นใสไปขายให้กับคนอื่นได้ ยังมีโจ๊ก แตงโม องุ่น ผลฮามิกวา [1] หรือผลไม้พวกนี้ ก็สามารถเอาไปทำเป็น้ำผลไม้ก่อนจะนำไปขายที่ร้านของป้าสะใภ้ได้เช่นกัน แค่นี้ขนมหวานเย็นถูกปากในฤดูร้อน หากขายได้แบบนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เฉินเนี้ยนหรานก็รู้สึกว่าเงินกำลังกวักมือเรียกตนเองอยู่
กลับเป็เสี่ยวเปาจื่อที่ได้ยินว่าจะไม่ให้ตนอยู่กับพวกนางสามคนพี่น้องแล้ว ปากก็ยู่ออกมา
เด็กน้อยเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของนางด้วยท่าทางน่ารัก “แม่นาง เ้าอย่าให้ข้าไปเลยได้หรือไม่ ข้าจะช่วยทำงาน จะไม่งอแงแล้ว หากไม่ได้คำอนุญาตจากเ้า ข้าจะไม่ไปที่ถ้ำหรือพวกูเานั่นอีก”
บนูเามีอะไรให้เล่นเยอะนี่นา สามารถลงน้ำไปจับปลา จับปู มีเสียงแมลงวี้ๆ บนูเา…เทียบกับการอยู่ที่เรือน วันๆ เอาแต่ฟังเสียงของท่านแม่บ่น ทั้งยังถูกขังเอาไว้ไม่ให้ออกไปเล่น…. ฮือ เปาจื่อไม่อยากไปนี่นา
“ท่านพี่... แม่นาง ท่านอย่าให้ข้าไปเลยนะ ใช่แล้ว ที่เรือนนี้ไม่มีบุรุษสักคน ให้ข้าคอยคุ้มครองที่นี่เถิด หากมีคนไม่ดีเข้ามา เปาจื่อสามารถจัดการไล่พวกเขาไปได้นะ” เด็กน้อยพูดไปก็ยืดอกขึ้น มือเล็กๆ ตบลงไปดังปักๆ
ท่าทางมีความฮึกเหิมเป็บุรุษที่พร้อมรบ
น่าเสียดายที่ร่างเล็กอ่อนแอไปเสียหน่อย จะมองอย่างไร จะคิดอย่างไร ก็รู้สึกว่าเ้าเด็กคนนี้้าให้นางไปปกป้องถึงจะถูก
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะแล้วบีบแก้มของเขา “เอาล่ะ ข้ารู้ว่าเสี่ยวเปาจื่อเป็เด็กที่พึ่งพาได้ แต่ว่าที่เรือนของข้าไม่ใช่ที่ที่เ้าจะอาศัยอยู่อย่างถาวรนะ ที่เรือนของเปาจื่อยังมีท่านแม่ ท่านพ่อ หรือว่าเ้าไม่คิดถึงพวกเขาเลยสักนิดหรือ? เ้าต้องรู้นะว่าท่านพ่อท่านแม่รักเปาจื่อที่สุดเลย คิดดูนะว่ามีของกินอร่อยๆ รอเ้าอยู่บ้าง พวกเขาเองก็คิดถึงเ้าเป็คนแรกมิใช่หรือ?”
พอพูดถึงเื่นี้ เปาจื่อก็คิดถึงของกินที่เรือน เวลามีอะไรอร่อยๆ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็จะคิดถึงเขาเป็คนแรก แล้วยังพวกพี่ชาย พวกเขาเองก็จะเอาของกินอร่อยๆ หรือของเล่นสนุกๆ มาให้กับเขา ว่าไปแล้ว เปาจื่อก็มาอยู่ที่นี่นานแล้ว บางครั้ง…ก็คิดถึงท่านพ่อท่านแม่กับพวกพี่ๆ แล้วจริงๆ
เมื่อเห็นเปาจื่อยกนิ้วขึ้นมาจิ้มกันอย่างรู้สึกลำบากใจ เฉินเนี้ยนหรานก็รีบโน้มน้าวต่อทันที
“แล้วก็ หากเปาจื่ออยากจะปกป้องพวกข้า นั่นเป็เื่ที่ดีนะ แต่ว่าตอนนี้เ้าจะใช้อะไรมาปกป้องพวกข้าหรือ? ถึงแม้เปาจื่อจะเป็บุรุษ แต่ว่าไม่ว่าจะอย่างไรตอนนี้เ้า…ก็เป็บุรุษที่ยังไม่โตใช่หรือไม่? หากมีคนร้ายมาจริงๆ หรือมีคนร้ายเข้ามาอยากจะรังแกพวกพี่สาว เปาจื่อคิดว่าจะสามารถกันพวกคนร้ายได้จริงหรือ?”
เปาจื่อทำหน้าเหมือนกินยาขม ยอมรับความจริงอย่างรู้สึกเสียใจที่ตนเองนั้นยังเป็เด็กตัวเล็ก “เื่นั้น…เื่นั้น…เหมือนจะเป็ความจริง แต่ว่า... เปาจื่อไม่อยากกลับเรือนจริงๆ นะ!”
“เ้าฟังที่พี่สาวพูดนะ เปาจื่อกลับไปที่เรือนแล้ว ไม่เพียงแต่จะกลับบ้านเท่านั้น ตอนนี้เ้าคือบุรุษน้อยของครอบครัวพวกเรา ดังนั้นความปลอดภัยของพวกเราแล้วก็ความรับผิดชอบเ่าั้ เปาจื่อจะต้องแบกรับมันเอาไว้ให้ไหว เข้าใจหรือไม่? เ้ากลับไปในครั้งนี้มีหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ได้เป็เหมือนอย่างที่เ้าคิดว่าอยากจะเอาแต่เล่นไปวันๆ เ้าจะต้องเล่าเรียนวิชาให้ดี อนาคตสามารถสอบจอหงวนได้ เมื่อเ้าสามารถสอบเป็ขุนนางสำเร็จแล้ว พวกเรามีเปาจื่อที่เป็ขุนนางคอยปกป้องแล้ว เช่นนั้นคนร้ายก็ไม่กล้ามารังแกพวกพี่ๆ แล้ว อีกอย่าง... หากเปาจื่อมีเวลาก็ต้องเรียนศิลปะการต่อสู้ด้วย ได้ยินมาว่าเ้ามีท่านอาจารย์ที่ไม่เลวด้วยนี่ เปาจื่อจะต้องเก่งทั้งด้านวิชาการและการต่อสู้ เข้าใจหรือไม่?”
เสี่ยวเปาจื่อมองพี่สาวคนงามที่กำลังตั้งใจโน้มน้าวตนเองอย่างจริงจัง ในสายตาของเขา นี่คือแม่นางของเขาที่หน้าตางดงามมาก แถมยังทำอาหารเป็ เพียงแต่จากที่นางพูดมาทั้งหมด เขาเข้าใจแล้วว่าตอนนี้ตนเองเด็กเกินไป ดังนั้นไม่สามารถปกป้องแม่นางได้ ที่เขาทำได้ก็คือฟังคำพูดของแม่นาง
“ได้ ข้าจะกลับ ข้าจะตั้งใจเล่าเรียนวิชาความรู้และฝึกวิชาการต่อสู้ ในอนาคตจะเป็ขุนนางที่ได้เก่งทั้งบุ๋นทั้งบู๊ คอยดูเถอะ พอถึงตอนนั้น ข้าจะดูว่าใครกล้าเอาแม่นางของข้าไปขายได้อีก อีกอย่าง พวกเ้าสองคน ถึงตอนนั้นเปาจื่อก็จะคอยปกป้องเอง”
มองสายตาระยิบระยิบเต็มไปด้วยความหวัง จู่ๆ เปาจื่อก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา ครั้งแรกที่เขามีความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวงแบบนี้ จะต้องเล่าเรียนทั้งสองแขนง อนาคตจะได้ปกป้องครอบครัวของตนเองได้
หลังจากที่ตั้งใจเล่าเรียนอย่างหนัก เปาจื่อที่เติบโตขึ้นมาแล้วจริงๆ ถึงได้เข้าใจว่า การได้เป็ขุนนางนั้นก็ไม่แน่ว่าจะสามารถปกป้องครอบครัวที่ตนเองอยากจะปกป้องเอาไว้ได้ มีแต่ต้องเพียงพยายามปีนป่ายขึ้นไปให้สูงกว่านี้เท่านั้น ในมือของเขาเองก็คอยควบคุมดูแลเหล่าของสำคัญเอาไว้ เื่ที่เขาจะสามารถปกป้องคนหรือเื่อะไรสักอย่าง….แน่นอนว่าทั้งหมดเป็สิ่งที่เอาไว้พูดทีหลัง
ในที่สุดก็ทำให้เปาจื่อคิดได้แล้ว เฉินเนี้ยนหรานถอนหายใจ เด็กคนนี้ปกติแล้วอาจจะดื้อมากไปหน่อย แต่กลับมีสมองที่ชาญฉลาด
หากไม่เลี้ยงดูดีๆ เกรงว่าจะทำให้เดินไปผิดที่ผิดทาง
***
เช้าวันต่อมาไก่ยังไม่ทันได้โห่ร้อง เฉินเนี้ยนหรานก็รีบตื่นนอนแล้ว
นางได้ทดลองแบบส่วนเล็กไปแล้ว ว่าใส่น้ำเท่าไรใส่ดินประสิวเท่าไรถึงจะทำให้น้ำแข็งตัว
วันนี้จึงจำเป็ต้องแบกดินประสิวไปด้วย พร้อมกับแบกหัวบุกที่หั่นเตรียมเอาไว้เมื่อวานไปที่เรือนของป้าสะใภ้ให้เรียบร้อย
ไม่พูดไม่ได้เลยว่า เพราะมีครอบครัวของป้าสะใภ้ทำธุรกิจอยู่ในเมือง นางจึงไปทำธุรกิจในเมืองสะดวกขึ้นมาก
หากไม่ใช่เช่นนี้ เกรงว่าในเวลานี้หากใช้แค่เพียงสิ่งที่นางมีเหล่านี้คงจะ... แค่คิดก็ทำให้คิ้วของนางขมวดแน่นแล้ว
ตอนที่ฟ้าใกล้สาง สามพี่น้องก็เริ่มที่จะหาอะไรกิน แล้วหยิบของที่เตรียมเอาไว้เพื่อออกเดินทาง
ทั้งนาง น้องห้าและน้องหก สามพี่น้องต่างแบกของหนักเอาไว้
เสี่ยวเปาจื่อเองก็แบกของ น่าเสียดายที่ในตะกร้านั้นมีของไม่มาก เฉินเนี้ยนหรานเองก็ไม่อยากจะเลี้ยงเขาแบบตามใจเกินไป จึงหาตะกร้ามาใบหนึ่ง ให้เด็กน้อยคนนี้แบกเอาไว้
ที่นี่ห่างจากเมืองหลวง ต้องเดินทางถึงหนึ่งชั่วยาม ตอนแรกเสี่ยวเปาจื่อยังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน บางครั้งเห็นพวกกระรอกที่ตื่นเช้าก็ยังวิ่งไปจับอย่างร่าเริง ไม่ก็โยนก้อนหินใส่แกล้งสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย
แต่พอแบกของหนักๆ นี้นานเข้า แขนเล็กๆ ก็รู้สึกลำบากขึ้น
หน้าของเขายับย่น มองพวกเฉินเนี้ยนหรานสามพี่น้องที่แบกของหนักเอาไว้ หลังจากเห็นบนใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยเหงื่อเพราะความร้อน คำพูดที่อยากจะขอให้ช่วยก็ถูกกลืนกลับไป
เฉินเนี้ยนหรานมองการกระทำของเขาเก็บไว้ในสายตา ความจริงแล้วนางสามารถเอาของหนักที่อยู่ในมือของเปาจื่อมาตอนไหนก็ได้ เพียงแต่ไม่อยากตามใจเด็กคนนี้จนเคยตัว จึงตัดสินใจที่จะไม่ให้เขาเอาของในมือมาให้ตนเอง
-----------------
เชิงอรรถ
[1] ผลฮามิกวา หมายถึงแคนตาลูป