คราวนี้ท่านหัวและท่านชื่อไม่ได้โต้เถียงกัน เพียงแต่พยักหน้าและกล่าวว่า “ช่างโชคดียิ่งนัก ผู้ฝึกยุทธ์ที่เยาว์วัยเช่นนี้ แต่สามารถเข้าสู่ขอบเขตผสานกับเทวโลกได้แล้ว ด้วยการบ่มเพาะระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 8 ก็สามารถสังหารผู้ที่อยู่ขอบเขตลี้ลับได้ ข้าว่าเขาจะต้องกลายเป็ผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตแน่นอน”
“ใช่แล้ว” ท่านชื่อพยักหน้า เขาเองก็ได้ยินเื่ของหลินเฟิงจากท่านหัวอยู่บ้าง อีกอย่างตอนนี้เมืองเทียนลั้วได้กลายเป็สมรภูมิที่ดุเดือดก็เพราะหลินเฟิง หลินเฟิงนั้นมีพร์ที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อเทียบกับอัจฉริยะในนิกายใหญ่ๆ แล้ว พวกเขาก็เป็แค่เศษขยะ
ในรอบร้อยปีอัจฉริยะเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง หากไม่ตาย ก็จะกลายเป็บุคคลที่อยู่เหนือกว่าใครทั้งปวง
ท่านชื่อเองก็รอคอย… รอคอยการเติบโตของผู้ฝึกยุทธ์ที่จะเหนือกว่าใครในใต้หล้า เช่นนั้นแล้วมันทำให้ผู้ที่รอดูการพัฒนาต้องตื่นเต้นอย่างมาก
หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อยขณะส่ายหัว แม้พร์ของเขาจะยังไม่ดีพอ แต่ความแข็งแกร่งของเขากลับยังไม่ทรงพลังพอเช่นกัน ยังมีคนมากมายที่แข็งแกร่งกว่าเขา เขาจำเป็ต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ และหวังว่าสักวันหนึ่งจะสามารถพลิกฟ้าและปฐี อยู่เหนือกว่าใครและมองจากที่สูงลงมาได้
“ท่านหัว ท่านชื่อ พวกเรามาคุยเื่การกลั่นเม็ดยาจิตโลหิต แล้วค่อยเปิดเตาหลอมเถอะขอรับ” หลินเฟิงกล่าวเช่นนั้น ทำให้ท่านหัวกับท่านชื่อตาเป็ประกายไปด้วยความคาดหวัง จากนั้นทั้งสามคนก็พูดคุยถึงรายละเอียดในการกลั่นยา เพราะการกลั่นเม็ดยาลี้ลับระดับกลางนั้นซับซ้อนมาก แม้แต่ท่านหัวและท่านชื่อยังต้องโต้เถียงกัน
การมาของหลินเฟิงทำให้พวกเขามีความหวัง และลองทำในสิ่งที่พวกเขาไม่มั่นใจ
ท่านหัวและท่านชื่อต่างพูดในวิถีการกลั่นยาในแบบพวกเขา ซึ่งสามารถกลั่นเม็ดยาลี้ลับระดับต่ำได้ แต่ต้องเชื่อมต่อกับขอบเขตผสานกับเทวโลก ถึงจะทำให้ความสามารถในการกลั่นเม็ดยาเพิ่มขึ้นเป็สองเท่า แน่นอนว่าพวกเขาเต็มใจที่จะลอง
ท่านหัวและท่านชื่อต่างมองไปที่หลินเฟิง
“พร้อมหรือยังขอรับ?” เมื่อหลินเฟิงถามดังนั้น สองคนต่างพยักหน้าเป็คำตอบ
หลังจากหลินเฟิงหลับตาลง เพียงพริบตาเดียวเขาก็เข้าสู่ขอบเขตผสานกับเทวโลก พลังของจิติญญาพลันพวยพุ่งออกมา พลังจิติญญาของท่านชื่อและท่านหัวก็เช่นกัน จากนั้นมันก็ไหลเข้าไปในหม้อหิน
ขณะที่เปลวไฟบนฝ่ามือสั่นเล็กน้อย ตอนนี้เองได้มีเปลวไฟปรากฏขึ้นใต้หม้อหิน และหลอมละลายหญ้าิญญาที่เตรียมไว้ก่อนหน้า
“เผา” ท่านหัวกล่าวอย่างไม่ลังเล ท่านชื่อเข้าใจในคำสั่งดังกล่าว จึงแบ่งพลังเจินหยวนออกมาส่วนหนึ่งใส่ลงไปในหม้อหิน
การกลั่นเม็ดยาครั้งนี้ หน้าที่ของหลินเฟิงคือควบคุมจิติญญาของพวกเขา ส่วนท่านหัวดูแลเื่การควบคุมอุณหภูมิความร้อน และท่านชื่อดูแลในเื่เม็ดยา
แต่ละขั้นตอนดำเนินไปอย่างพิถีพิถัน กลิ่นหอมของเม็ดยาฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ เปลวไฟในการหลอมเม็ดยาก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“โลหิตเดือด!” เป็เวลานานแล้ว แต่ท่านหัวยังคงทำเช่นเดิม ท่านชื่อเองก็พร้อมแล้ว ตอนนี้ปรากฏควันสีแดงเข้าไปในหม้อหิน
“บัวพันกลีบ!” ท่านหัวะโขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นได้มีกลีบดอกบัวพันกลีบเข้าไปในหม้อหิน เปลวไฟที่ลุกโชนได้แผ่ปกคลุมพวกเขาทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม บัวพันกลีบนั้นบางส่วนเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังไม่เข้าไป ทำให้มันไม่สม่ำเสมอกัน ทำให้เปลวไฟเผาไหม้กลีบดอกบัวไปอย่างน่าเสียดาย
“ข้าจะช่วยเ้าเอง”
ท่านชื่อกล่าวอย่างแ่เบา พลังิญญาที่ทรงพลังของเขาเข้าห่อหุ้มกลีบดอกบัวทั้งหมดไว้ และกระจายมันออกไปอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นพวกมันก็ค่อยๆ ละลาย
ขั้นตอนนี้ถือเป็ขั้นตอนที่ยากมาก แต่ก็เป็ขั้นตอนที่สำคัญมากเช่นกัน ในขณะนั้นท่านหัวและท่านชื่อต่างขมวดคิ้วแน่น พลังจิติญญาปลดปล่อยออกไปจนถึงขีดสุด ทำให้เหงื่อซึมจากร่างของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เพราะพวกเขาเสียพลังจิติญญาไปมากแล้ว
แต่ในขณะนั้น ได้มีกลีบบัวสองกลีบร่อนลงมาข้างๆ ทำให้ท่านหัวและท่านชื่อต่างสะดุ้งตัววูบหนึ่ง มันจะล้มเหลวอย่างนั้นหรือ?
ในขณะเดียวกัน พลังจิติญญาที่ห่อหุ้มพวกเขาอยู่ จู่ๆ ก็หายไป ทำให้ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเศร้าสลด ด้วยความร่วมมือของพวกเขาทั้งสองแล้วก็ไม่อาจกลั่นเม็ดยาลี้ลับระดับกลางได้ และพลังจิติญญาก็ยังไม่เพียงพอที่จะควบคุมได้ หรือบางทีต้องรอจนกว่าพวกเขาจะบรรลุขอบเขตลี้ลับขั้นที่ 4 ก่อน ถึงจะกลั่นเม็ดยาได้สำเร็จ
ขณะที่พวกเขากำลังจะนำพลังจิติญญากลับเข้าสู่ร่าง ทันใดนั้นพวกเขากลับพบว่า พลังจิติญญามากมายได้ห่อหุ้มกลีบบัวไว้ทั้งหมดและใส่ลงในหม้อหิน ทำให้การไหลเวียนของแสงสีแดงเจิดจ้าขึ้นมาราวกับดอกบัวที่บานสะพรั่ง ซึ่งเป็ฉากที่งดงามมาก!
“นั่นหลินเฟิง เขายังไม่ยอมแพ้!”
ท่านหัวและท่านชื่อต่างใจสั่นอย่างรุนแรง พวกเขาเร่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังิญญาอีกครั้งหนึ่ง คนหนึ่งจัดการเื่ควบคุมไฟ ส่วนอีกหนึ่งคนควบคุมหญ้าิญญา จากนั้นไม่นานหญ้าิญญาก็ถูกหลอมละลายไปทั้งหมด ในตอนนี้ได้มีดอกบัวสีแดงปรากฏขึ้นบนใบบัว มันเป็ภาพที่งดงามจับตาเป็ที่สุด!
“ปิด!” ท่านหัวะโเสียงดัง ทันใดนั้นดอกบัวสีแดงก็ค่อยๆ หุบลงช้าๆ ส่วนบัวพันกลีบก็ถูกห่อหุ้มอยู่ในนั้น จากนั้นเปลวไฟก็เริ่มมอดลง กลิ่นหอมของเม็ดยาก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เกิดประกายสีแดงหมุนรอบปากหม้อหิน
“ตาเฒ่าชื่อ!” ท่านหัวะโเสียงดังอย่างยินดี “พวกเรากลั่นเม็ดยาสำเร็จแล้ว!”
“ตูม!” ดวงไฟสว่างไสวลอยออกมาจากหม้อหิน ซึ่งท่านชื่อได้เตรียมตัวไว้แล้ว จากนั้นเขาก็คว้าดวงไฟนั้นไว้ แล้วค่อยๆ แบมือออก บนฝ่ามือนั้นปรากฏเม็ดยาสีแดงขึ้น ซึ่งยาเม็ดนี้ยังคงมีสีสันสดใสและเจิดจ้าอยู่ตลอดเวลา
“สำเร็จ!”
“สำเร็จแล้ว!”
พวกเขาต่างกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้รับ จากนั้นก็มองตากันและกัน เพียงแค่พวกเขาทั้งสามร่วมมือกัน ดูเหมือนว่ามันจะทำให้ทั้งสามคนสนิทสนมกันมากกว่าเดิม
แม้จะดูเหมือนง่าย แต่การกลั่นเม็ดยาจิตโลหิตได้เม็ดหนึ่ง ทำให้พวกเขาต้องเสียพลังไปมากมาย ในตอนนี้ท่านหัวและท่านชื่อรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังอ่อนแรงลง
“ตาเฒ่าหัว การกลั่นเม็ดยาจิตโลหิตในครั้งนี้ หลินเฟิงมีส่วนร่วมอย่างมาก สูตรปรุงยาก็เป็ของเขา ตอนที่มาถึงจุดสำคัญได้ก็เพราะเขา หากไม่มีเขาล่ะก็การกลั่นเม็ดยาคงไม่สำเร็จ เม็ดยาจิตโลหิตเม็ดนี้หากให้หลินเฟิงไป เ้าจะว่าอย่างไร?” ท่านชื่อกล่าว ซึ่งพวกเขานั้นแค่เตรียมวัตถุดิบสำหรับการกลั่นเม็ดยาเท่านั้น ที่พวกเขาสามารถกลั่นเม็ดยาจิตโลหิตได้สำเร็จ นับว่าเป็เื่โชคดีมาก
“ข้าไม่คัดค้านแต่อย่างใด เม็ดยาจิตโลหิตเม็ดนี้เดิมทีมันควรเป็ของหลินเฟิง” ท่านหัวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหลินเฟิงได้ยินคำพูดของทั้งสองดังนั้น เขาก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาสายหนึ่ง เคยมีคำกล่าวว่าจิตใจของมนุษย์เป็สิ่งที่ไม่อาจคาดคะเนได้ ในใต้หล้ามีคนใจกว้างน้อยมากและไม่ค่อยจริงใจต่อกันนัก เห็นได้ชัดว่าท่านหัวและท่านชื่อเป็คนซื่อสัตย์และจริงใจ เม็ดยาจิตโลหิตเป็เม็ดยาลี้ลับ แม้มันจะมีประโยชน์กับพวกเขาอย่างมาก แต่พวกเขาก็เต็มใจยกมันให้กับหลินเฟิง
แน่นอนว่าเป็เพราะความจริงใจ ทำให้ท่านหัวและท่านชื่อเป็สหายที่ดีต่อกันได้
หลินเฟิงยิ้มขณะส่ายหัวและกล่าวว่า “ท่านหัว ท่านชื่อ การกลั่นเม็ดยาจิตโลหิตเม็ดนี้ หากขาดใครไปก็คงไม่สำเร็จ เป็เพราะความร่วมมือของพวกเราถึงได้กลั่นเม็ดยาสำเร็จ ส่วนสูตรปรุงยานั้นมันเป็สัญญาที่ข้าได้ให้กับท่านหัว จึงไม่ใช่สิ่งที่ข้าเสนอไป แน่นอนว่ายาเม็ดนี้ไม่ควรเป็ของข้า”
หลินเฟิงได้ปฏิเสธสิ่งล่อใจอย่างเม็ดยาลี้ลับระดับกลางไป
ผู้ที่้าสังหารเขา แน่นอนว่าเขาจะฟาดฟันคมดาบออกไปอย่างไร้ความปรานี
แต่ถ้าผู้ใดปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจ หลินเฟิงก็จะจริงใจกลับต่อคนผู้นั้น
“ไม่ ความแข็งแกร่งของเ้าในตอนนี้ยังตื้นเขินนัก ยาเม็ดนี้จะเป็ประโยชน์ต่อเ้า” ท่านหัวกล่าวขณะที่ส่ายหัว
“ท่านหัว เม็ดยานี้ไม่ได้เป็ประโยชน์เพียงแค่ข้าเท่านั้น มันก็ดีต่อท่านผู้าุโเช่นกัน แล้วอีกอย่าง… ด้วยพลังของข้าในตอนนี้ ก็ไม่อาจใช้เม็ดยาจิตโลหิตได้ดีเท่าที่ควร เพราะอย่างนั้นมันย่อมเสียเวลาเปล่าๆ แต่มันคงจะเป็ประโยชน์กว่าสำหรับผู้ที่ใช้มันเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้”
หลินเฟิงปฏิเสธอย่างหนักแน่น ท่านหัวและท่านชื่อเองก็เงียบแล้วฟังหลินเฟิงพูด หากผู้ที่อยู่ระดับขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 8 ใช้เม็ดยาลี้ลับระดับกลางล่ะก็ มันจะทำให้ประสิทธิผลของเม็ดยาไม่ดีเท่าที่ควร
“ตาเฒ่าหัว เ้าใช้มันเถอะ” ท่านชื่อไม่ได้บังคับหลินเฟิงอีกต่อไป จากนั้นเขาก็ส่งเม็ดยาให้กับท่านหัว
แต่ท่านหัวกลับส่ายหน้าและกล่าวว่า “ตาเฒ่าชื่อ แม้ทักษะกลั่นเม็ดยาของเ้าจะสู้ข้าไม่ได้ แต่เ้าแข็งแกร่งกว่าข้า เพราะอย่างนั้นยาเม็ดนี้ย่อมเหมาะสมกับเ้ามากกว่าข้า”
“เหลวไหล! ตอนไหนกันที่ทักษะการกลั่นเม็ดยาของข้าสู้เ้าไม่ได้” ท่านชื่อกล่าวอย่างไม่พอใจ
“เ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ งั้นให้หลินเฟิงเป็คนตัดสิน” ท่านหัวกล่าวอย่างดูแคลน ทำให้หลินเฟิงต้องยิ้มแห้งกลับไป ทำไมถึงพวกเขาต้องเอ่ยถึงเื่การกลั่นเม็ดยาขึ้นมาอีก…
“ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น เอาอย่างนี้มั้ยท่านหัว ท่านชื่อ หากใครกลืนเป็ยาลงไปได้เร็วที่สุดก่อนที่คุณภาพของมันจะลดลงล่ะก็ คนผู้นั้นก็เป็เ้าของยาเม็ดนี้ ฟังดูเป็อย่างไรบ้าง…” เมื่อหลินเฟิงกล่าวจบ ชายชราทั้งสองต่างมองหน้ากันและะเิหัวเราะออกมา