ความรู้พื้นฐานที่สุดของดินแดนเหยียนหวง คือใน่ชีวิตของคนคนหนึ่งสามารถมีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้เพียงประเภทเดียวเท่านั้น
สัญญาณทุกชนิดบ่งชี้ว่าหลัวเลี่ยเป็ ‘มีัอยู่ในเป้า‘ และหลักฐานยืนยันที่สำคัญที่สุดก็คือเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน
หากไม่ใช่ด้านูเา หลัวเลี่ยก็เป็ตัวตนอื่น
แต่ถ้าไม่?
อา...จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครคิดถึงเื่นั้น
ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งหน้าตั้งตารอ
“คิดไม่ถึงละสิ ฮ่าๆ ข้าชงจ้านหยวน เข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน ข้าคือผู้ชนะอย่างแท้จริง” ชงจ้านหยวนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
หลัวเลี่ยมองไปที่ชงจ้านหยวนอย่างไม่แยแส อันที่จริงเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ด้วยแคว้นเป่ยสุ่ยเป็หนึ่งในแคว้นที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาแคว้นเล็กๆ แปดร้อยแห่ง จึงยากมากที่จะให้กำเนิดผู้ฝึกวรยุทธ์ที่เข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน
แม้ว่ามนุษย์จะสามารถเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินได้ง่ายกว่าัหลายร้อยเท่า แต่ข้อกำหนดเบื้องต้นก็คือต้องมีทรัพยากรและกำลังสนับสนุนที่เพียงพอ เช่นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์โบราณที่สามารถกระตุ้นความเข้าใจของเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินนี้
หากมีทรัพยากรไม่เพียงพอแล้วจะเข้าใจได้อย่างไร ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีพร์มากแค่ไหน แต่ก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้หากไม่มีทรัพยากร
สิ่งนี้ทำให้ชงจ้านหยวนเข้าใจถึงเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินที่พิเศษนี้ได้
หลัวเลี่ยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
การกระทำของเขาทำให้หลายคนสับสน คิดว่ามีบางอย่างอยู่บนท้องฟ้า จึงเงยหน้าขึ้นมองทีละคน
“ฮะ?”
“หืม?”
ไม่มีอะไรผิดปกติบนท้องฟ้าที่สดใส แต่ทันใดนั้นก็มีคนสังเกตเห็นว่า ราวกับท้องฟ้ามีรอยแยก ซึ่งตรงรอยแยกนั้นก็มีเสียงดังเหมือนน้ำไหลและคล้ายกำลังจะตกลงมาเบื้องล่างในทันใด
เสียงของหลัวเลี่ยดังขึ้น
“น้ำในแม่น้ำฮวงโหตกลงมาจากท้องฟ้า!”
ทันใดนั้นน้ำสีทองอร่ามก็ตกลงมาจากฟากฟ้า ทุกคนนิ่งเงียบอย่างตกตะลึง นับเป็ภาพที่งดงามตระการตายิ่ง ราวกับว่าน้ำนี้กำลังจะชำระล้างโลกทั้งใบ
“เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนที!”
มีเสียงกรีดร้องตามมา
ในที่สุดหลิวหงเหยียนก็ไม่สามารถควบคุมเสียงกรีดร้องของนางได้อีกต่อไป
เพราะนางรู้ว่าหลัวเลี่ยคือ ‘มีัอยู่ในเป้า’ ผู้ซึ่งแสดงพลังเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านูเาที่เวทีประลองัในภพจิตัเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ทำลายกฎที่ทุกคนรับรู้มาั้แ่อดีตโดยสิ้นเชิง
หลิวหงเหยียนรู้สึกว่าหัวใจของนางเต้นแรง
มีเพียงสองคำที่ดังก้องอยู่ในหัวของนาง
“เทพ!”
“ไม่ แม้แต่เทพก็ยังทำไม่ได้”
“หรือจะเป็...สิ่งที่เหนือเทพ?”
หลิวหงเหยียนไม่กล้าที่จะคิดเกี่ยวกับเื่นี้อีกต่อไป
ความน่าในั้นทำเอาบางคนแทบจะวิ่งหนี
ซึ่งใครบางคนที่ว่าก็คือหลิวจื่ออั๋ง ผู้าุโเจ็ดของหอเซียวเหยา และกองกำลังอื่นๆ ที่ทรงพลังอีกมากมายที่แอบสังเกตการณ์อยู่ เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านูเาที่พวกเขารอคอยไม่ได้ปรากฏออกมา แต่กลับเป็เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินด้านนทีปรากฏให้เห็นแทน
“เขาไม่ใช่ ‘มีัอยู่ในเป้า’ จริงๆ เป็ไปได้อย่างไร” หลิวจื่ออั๋งพึมพำกับตัวเอง
นกฟินิกซ์์ยังคงค่อนข้างสงบ “ถ้าไม่ใช่เขาจริงๆ เช่นนั้นก็มีเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้น คือ ‘มีัอยู่ในเป้า’ เพียงแค่ผ่านมาฝึกฝนที่นี่จริงๆ และเขาเกิดสนใจคุกกลืนอสูรขึ้นมา นั่นเป็เหตุผลที่เขาบังเอิญเจอหลัวเลี่ยอีกครั้ง และทิ้งร่องรอยของลูกแก้วอัคคีณานไว้ที่คุกกลืนอสูร นี่คงเป็คำอธิบายเดียวแล้วว่าทำไม ‘มีัอยู่ในเป้า’ ถึงอยู่ที่นั่น”
หลิวจื่ออั๋งยิ้มอย่างขมขื่น และพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าการตัดสินด้วยตนเองของเราจะกลายเป็เื่บังเอิญจริงๆ เขาไม่ใช่ ‘มีัอยู่ในเป้า’ แต่ข้ากลับทำเพื่อเขา และยืนหยัดเพื่อเขามาตั้งนาน และด้วยเหตุผลนี้ข้าถึงกับตัดสินใจว่า ตราบใดที่ไม่ใช่การฆ่าเกา่ ข้าสามารถทำสิ่งอื่นๆ เพื่อให้เขาพอใจได้ ตลกจริงๆ ที่ข้าถูกคนอื่นหลอกใช้ และคนคนนั้นยังร่าเริงอยู่ได้”
ในเวลาเดียวกันนี้ กองกำลังที่ทรงพลังซึ่งซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ตระหนักถึงบางสิ่งเช่นกัน พวกเขาล่าถอยทีละคน และเริ่มค้นหา ‘มีัอยู่ในเป้า’ อีกครั้ง พวกเขาเชื่อว่า ‘มีัอยู่ในเป้า’ คงไปจากที่นี่ได้ไม่ไกลนัก
ทว่าแท้จริงแล้ว ‘มีัอยู่ในเป้า’ ก็คือหลัวเลี่ยที่ยังอยู่ในการประลอง
“ถึงจะเป็เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินเหมือนกัน แต่พลังของข้าแข็งแกร่งกว่า หลัวเลี่ย เ้าตายเสียเถิด!”
ชงจ้านหยวนโจมตีหลัวเลี่ยอย่างรุนแรงพลางคำรามอย่างบ้าคลั่ง
ต้นไม้โบราณสูงตระหง่านที่เป็สัญลักษณ์ของพลังด้านพฤกษาดูเหมือนจะมีชีวิตในทันที กิ่งก้านจำนวนนับไม่ถ้วนแกว่งไกว ก่อนจะกลายเป็ัร้ายเขมือบหลัวเลี่ย
ฉับพลันชงจ้านหยวนหายตัวไปท่ามกลางต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน
ในขณะนี้ เขาได้รวมเป็หนึ่งเดียวกันกับต้นไม้โบราณสูงตระหง่านนี้แล้ว
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ หลัวเลี่ยก็พูดอย่างเฉยเมย “น้ำในแม่น้ำฮวงโหตกลงมาจากฟากฟ้า ไม่ไหลย้อนกลับ!”
เขาพุ่งไปข้างหน้า
การไหลของน้ำสีเหลืองอ่อนทำให้เกิดเสียงดังก้องลงมาจากท้องฟ้า เหมือนัดุร้ายพุ่งเข้าโจมตีกิ่งก้านสาขาของต้นไม้โบราณนั้น
ตูม!
กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก
กิ่งไม้หักลง
ลำต้นเกือบแตก
ต้นไม้ั์ชะงักไปตามเสียง
แม้จะเป็เคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินเหมือนกัน แต่รากฐานของพลังภายในกลับแตกต่างกันมาก รากฐานพลังภายในของเคล็ดวิชาั์จะเปรียบเทียบกับการฝึกอื่นๆ ได้อย่างไร และเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินที่ผสานรวมกับพลังที่แท้จริงของเคล็ดวิชาั์ย่อมมีพลังเหนือกว่ามาก
กระแสน้ำไหลผ่าน
ต้นไม้ล้มครืน
หลัวเลี่ยและชงจ้านหยวนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนลืมตา มองดูการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ชงจ้านหยวนในตอนนี้ก็ยังคงหยิ่งยโส แม้นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยาแ มีเืออกมากมาย เขาส่งเสียงครวญครางด้วยความเ็ปออกมา ร่างกายกระตุกอย่างต่อเนื่อง เขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป
หลัวเลี่ยเหยียบหน้าอกของชงจ้านหยวน แม้ด้วยแรงเพียงน้อยนิด แต่สำหรับชงจ้านหยวนเขาอาจตายได้
“เ้าจะฆ่าลูกชายของข้าไม่ได้!”
ชงโหวหู่ะโและพุ่งไปข้างหน้า
ตูม!
พลังที่น่าสะพรึงกลัวพุ่งขึ้น กระแทกไปที่ชงโหวหู่ซึ่งมีพลังอยู่ในระดับวังชะตา จนเขาลอยขึ้นไปในอากาศ
หลิวจื่ออั๋งพูดอย่างเ็า “ข้าเป็ผู้ควบคุมการประลองด้วยชีวิตนี้ คนนอกจะมาทำลายมันได้อย่างไร”
เขายังคงอารมณ์เสียอยู่ เพราะรู้สึกเหมือนถูกหลัวเลี่ยหลอกใช้ และบังเอิญมีชงโหวหู่เข้ามาให้เขาระบายความโกรธ
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นสิ่งนี้
ชงโหวหู่หาเื่ใส่ตัวเสียแล้ว!
ในตอนแรกชงโหวหู่คิดอย่างรอบคอบ เขา้าให้หลิวจื่ออั๋งดูแลการต่อสู้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนมาช่วยหลัวเลี่ย แต่ใครจะคิดว่าผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม คนที่ต้องไปช่วยเหลือจริงๆ กลับเป็ชงจ้านหยวน
ชงโหวหู่ผู้ถูกทุบตีกระอักเืออกมา ทว่าเขาไม่สนใจมากนัก ก่อนะโขึ้นว่า “หลัวเลี่ย เ้าฆ่าเขาไม่ได้ ถ้าเ้าฆ่าเขา ข้าจะ...”
“อ้อนวอนข้าสิ”
เสียงที่เ็าของหลัวเลี่ยดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของชงโหวหู่
“อะไรนะ?”
“อ้อนวอนข้าสิ” หลัวเลี่ยมองมาอย่างเฉยเมย
ชงโหวหู่มองไปยังลูกชายที่กำลังจะตายของเขา นี่คือลูกชายคนเดียวของเขาที่เข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน ลูกคนนี้เป็ทุกอย่างสำหรับเขา เขาได้แต่มองไปที่หลัวเลี่ยอีกครั้ง สายตาเ็านั้นทำให้เขาตัวชา
เขาเป็คนที่บีบหลัวเลี่ยทีละน้อย แสดงความโหดร้ายของเขาทีละน้อย แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง
“ข้าขอร้องเ้า” ชงโหวหู่พูดออกมาด้วยเสียงสั่นเทา
“การยืนอ้อนวอนจะมีประโยชน์อะไร คุกเข่าสิ” เสียงของหลัวเลี่ยเ็า
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของชงโหวหู่กระตุก
หลายคนมองเขาแล้วยิ่งขำมากขึ้น ถ้ารู้แต่แรกว่าจะจบลงเช่นนี้ เขาคงไม่ทำเื่โเี้แบบนั้นลงไป แต่คิดได้ตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ เพราะมันสายไปเสียแล้ว
ชงโหวหู่ผู้ซึ่งเคยอยู่เหนือผู้อื่น เคยผูกขาดอำนาจทางการเมืองทั้งหมด กำลังจะคุกเข่าลง แต่แล้วหัวใจที่ดื้อรั้นของเขาก็ทำให้เขาได้สติขึ้น เขาพูดอย่างดุดัน “หลัวเลี่ย ถ้าเ้ากล้าฆ่าลูกของข้า ข้าจะทำลายแคว้นเป่ยสุ่ยทั้งหมดให้ถูกฝังไปพร้อมกับเขา”
พรึ่บ!
คำตอบที่หลัวเลี่ยให้ชงโหวหู่ คือการดึงมีดมรกตเหมันต์ที่ปักอยู่บนไหล่ซ้ายของเขาออกมา และแทงเข้าที่หัวใจของชงจ้านหยวน
ชงจ้านหยวนครวญครางดังลั่น และเสียชีวิตทันที
ทุกอย่างเงียบสงบฉับพลัน!
ไม่มีเสียงใดดังขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงกับความเด็ดขาดของหลัวเลี่ย
ชงจ้านหยวนเสียชีวิตไปแล้วหรือ
ชงโหวหู่พูดพลางตัวสั่นเทา “เ้าฆ่าเขา”
“อืม ข้าฆ่าเขาแล้ว” หลัวเลี่ยพูดอย่างใจเย็นโดยไม่ถูกพูดขัด “ใช้มีดของเ้าฆ่าลูกชายของเ้าเอง”
ชงโหวหู่โกรธจนแทบกระอักเื
ในตอนแรกเขา้าให้หลัวเลี่ยแทงตัวเอง ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับชัยชนะที่แน่นอนของชงจ้านหยวน เหตุผลที่เขาเลือกใช้มีดมรกตเหมันต์ก็เพื่อทำให้หลัวเลี่ยาเ็มากขึ้น แต่หลัวเลี่ยกลับใช้มันฆ่าลูกชายของเขา
ชงโหวหู่โกรธจัดจนดวงตาแดงก่ำ เขามองไปที่หลัวเลี่ยอย่างดุดัน และพูดน้ำเสียงเ็า “ข้าจะแก้แค้น และใครหน้าไหนก็ปกป้องเ้าไม่ได้ทั้งนั้น!”
คำพูดนี้มีไว้สำหรับหลิวหงเหยียน
ความหมายก็คือ หากหลิวหงเหยียนยัง้าปกป้องหลัวเลี่ย ก็หมายความว่านาง้าให้แคว้นเป่ยสุ่ยตกอยู่ในากลางเมือง และอาจทำให้แคว้นอื่นใช้โอกาสนี้มายึดแคว้นเป่ยสุ่ยไปได้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็จะฆ่าหลัวเลี่ยเพื่อแก้แค้นให้ได้
ดังนั้นคำพูดนี้จึงเท่ากับเป็การเตือนหลิวหงเหยียน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชงโหวหู่ที่บ้าคลั่ง ทว่าปฏิกิริยาของหลัวเลี่ยกลับนิ่งสงบมาก เขาทำเพียงแค่พันผ้าพันแผล หยิบตราออกมา และโยนมันขึ้นไปในอากาศ
ตราัทองเซียวเหยา!
ทันทีที่ตราปรากฏออกมา ชงโหวหู่ผู้อยากหลบหนีก็เดินโซซัดโซเซอย่างท้อแท้
เขาสามารถข่มขู่หลิวหงเหยียนได้ แต่เขาไม่มีความกล้าที่จะยั่วยุหอเซียวเหยา เพราะการยั่วยุหอเซียวเหยาอาจทำให้ตระกูลของเขาตกอยู่ในอันตรายได้
หลัวเลี่ยไม่สนใจชงโหวหู่ เขาเดินไปหาหลิวจื่ออั๋งพร้อมกับตราัทองเซียวเหยา และกล่าวว่า “คำขอแรกคือการรักษาเสวี่ยปิงหนิง”
ระดับพลังของเขามีไม่เพียงพอที่จะรักษานาง และมือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรักษาได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเสี่ยง
“เื่นี้ พวกเราคงต้องคุยกันอย่างละเอียดเสียหน่อย” หลิวจื่ออั๋งกล่าว
ทั้งสองขึ้นไปในรถม้าของหลิวจื่ออั๋ง
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกัน หลังจากนั้นประมาณสิบนาที หลัวเลี่ยก็ออกมาจากรถม้า
รถม้าคันนี้มีตราของหอเซียวเหยาติดอยู่ที่ด้านข้าง
ม้าที่ใช้ลากรถม้าคันนี้ก็คือม้าัไล่ตามพระจันทร์ ซึ่งนับว่าเป็สุดยอดม้าั มันมีความเร็วในการวิ่งสูงมาก
ตัวรถนั้นแข็งแกร่งมาก และการตกแต่งภายในก็สะดวกสบาย
หลัวเลี่ยอุ้มเ้าหญิงนิทราเสวี่ยปิงหนิงขึ้น แล้วเดินขึ้นรถม้าไป โดยที่คนบังคับม้าคือซูชิวเชิงหัวหน้าองครักษ์ของจวนอ๋องหนานหลี่
รถม้าเคลื่อนออกไปอย่างช้าๆ
เมื่อผ่านหลิวหงเหยียนผ้าม่านของรถม้าก็เปิดขึ้น หลัวเลี่ยมองไปที่หลิวหงเหยียน
ทั้งสองมองหน้ากัน
“ท่ามกลางการนองเืได้กำเนิดวีรบุรุษ”
“ท่ามกลางการแย่งชิงอำนาจ มิตรภาพนั้นเบาบางเหมือนกระดาษ”
“ในเส้นทางแห่งความสำเร็จได้พบเจอคนที่จริงใจ นับเป็เื่ที่ดีที่สุด”
หลังจากพูดสามประโยคนี้จบแล้ว ม่านก็ลดต่ำและปิดลงในที่สุด ก่อนที่รถม้าจะแล่นออกไปไกลเรื่อยๆ
หลิวหงเหยียนมองดูรถม้าที่กำลังแล่นออกไป ภายในรถม้านั้นคนหนึ่งมีเสวี่ยปิงหนิง สหายคนแรก และเป็สหายที่ดีที่สุดเพียงคนเดียวในชีวิตของนาง และอีกคนเป็ผู้ชายที่ทำให้นางรู้สึกใจเต้นแรงเป็ครั้งแรกในชีวิต พวกเขาไปจากนางแล้ว และไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร
ท่ามกลางความสับสนที่เกิดขึ้น ดูเหมือนนางจะได้ยินเื่ราวที่ยังเล่าไม่จบของหลัวเลี่ยอีกครั้ง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้