รถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีก็ถึงเมืองเยี่ยนจิง ในห้องบนรถไฟเย่เฟิงและซูเมิ่งหานนั่งตัวติดกัน หญิงสาวพิงไหล่เย่เฟิงหลับสนิท ดูเหมือนเมื่อคืนจะอ่อนเพลียมาก ตอนนี้เย่เฟิงรู้สึกรื่นรมย์ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดาวโรงเรียนลอยแตะจมูกของเขา
“อ๊า! ไอ้สารเลว” ทันใดนั้นซูเมิ่งหานก็สะดุ้งตื่นด้วยสีหน้าย่ำแย่
“เธอเป็อะไร?” เย่เฟิงก้มมอง เห็นใบหน้าของเธอเหมือนมีน้ำตาและท่าทางเศร้ามาก ชายหนุ่มแปลกใจ บัดซบ... เธอหลับแล้วพิงไหล่เขาเองไม่ใช่หรือ ทำไมถึงด่าเขาล่ะ?
ภายในชั้นผู้โดยสารของรถไฟ ผู้คนต่างจ้องเย่เฟิง ต่างเห็นสาวสวยคนหนึ่งในอ้อมแขนของเขา ทันทีที่เธอตื่นก็ด่าว่า ‘ไอ้สารเลว’ ทุกสายตาจึงเหมือนกับมองคนโรคจิต และแอบถอนหายใจ โลกเรามันตกต่ำขนาดนี้แล้วหรือ
“ฉัน... ฉันขอโทษ” เมื่อซูเมิ่งหานตื่นก็รีบผละตัวจากเย่เฟิง ใบหน้าเขินอายยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์
จากนั้นเธอก็จำได้ว่าตอนนี้ตนอยู่บนรถไฟกับเย่เฟิงเพื่อมุ่งหน้ากลับเมืองเยี่ยนจิง
ความฝันเมื่อกี้มัน… ซูเมิ่งหานตกอยู่ในภวังค์ ความฝันนั้นช่างสมจริง ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวมาก หญิงสาวแอบมองเย่เฟิง แต่เห็นอีกฝ่ายมองเธอด้วยความสับสน จึงรีบหันหน้าออกนอกหน้าต่างก่อนจัดผมกับกระโปรงที่ยุ่งเหยิงของเธอโดยไม่พูดอะไร ความฝันเมื่อครู่เป็อะไรที่น่าอายมาก เธอไม่อยากให้ใครรู้
ในความฝัน เธอสารภาพรักกับเย่เฟิงและใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข แต่อยู่ๆ ก็มีสาวสวยในสภาพกระเซอะกระเซิงเหมือนคนเมื่อเย็นวันนั้นโผล่มา หลังจากนั้นเย่เฟิงก็ทิ้งเธอไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น เธออกหักและเ็ปมากจนอดไม่ได้ที่จะะโว่า ‘ไอ้สารเลว’
“สาวสวยท่านนี้ เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” น้ำเสียงของชายหนุ่มผู้ผดุงความยุติธรรมดังมาจากด้านข้างของเย่เฟิง
ทั้งคู่เงยหน้ามองชายหนุ่มในชุดสูทตะวันตก เขาดูเหมือนอายุเพียงยี่สิบสามยี่สิบสี่ปี จมูกโด่ง ใบหน้าหล่อเหลา ยืนอยู่ด้านข้างและมองเย่เฟิงด้วยความโมโห
คนอื่นในชั้นผู้โดยสารต่างปรบมือให้เขา คนที่กล้าลุกขึ้นมาในเวลานี้คือลูกผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้ทุกสายตาต่างมองเย่เฟิงเหมือนโรคจิตที่กำลังลวนลามสาวสวยที่นั่งข้างๆ ขณะที่ชายคนนั้นเป็พลเมืองดีผู้กล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง ถึงอย่างนั้นผู้คนทั้งหลายต่างมองไม่เห็นสายตาของชายหนุ่มคนนั้นที่แอบมองหน้าอกของซูเมิ่งหานพลางคิดแค้นว่าทำไมคนที่นั่งข้างสาวสวยไม่ใช่ตน ดูเหมือนน้ำลายของเขางเกือบไหลออกมา
“...” ซูเมิ่งหานเงยหน้ามองสายตาชายคนนั้นก่อนขมวดคิ้ว รู้สึกขยะแขยงในใจ เธอรีบเอามือปิดหน้าอกตัวเองจากสายตาของชายคนนั้น
“ไปให้พ้น” เย่เฟิงี้เีพูดเื่ไร้สาระ เขาลุกขึ้นยืนบังสายตาของชายหนุ่มคนนั้นไม่ให้แอบมองซูเมิ่งหานได้อีก กล้าแอบมองผู้หญิงของเขา เย่เฟิงไม่มีทางยอมแน่!
เมื่อชายหนุ่มในชุดสูทตะวันตกเห็นเย่เฟิงยืนขึ้น ความสูงเกือบเท่ากับเขา เพื่อไม่ให้ดูแย่กว่าจึงพูดสั่งสอนกลับไป “นี่น้อง พ่อแม่ไม่เคยสอนหรือไงว่าเวลาจะพูดอะไรให้คิดก่อน”
ขณะพูดก็ยกมือขวาจัดเน็กไทที่หน้าอกของตนอย่างภูมิใจมาก พลางหาทางด่าเด็กหนุ่มตรงหน้าให้อับอายขายหน้า แต่เย่เฟิงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดเื่ไร้สาระกับมัน!
ชายหนุ่มโมโหอย่างหนัก ด่าเขาไม่พอ ยังด่าถึงพ่อแม่ของเขาด้วย ทั้งที่ตัวเขาเองยังไม่เคยได้เจอพวกท่านสักครั้ง เย่เฟิงโกรธมาก ไม่ทันคิดอะไรก็ต่อยชายคนนั้นกระเด็นไปไกลหลายเมตร แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใช้แรงทั้งหมด ไม่เช่นนั้นร่างของชายคนนั้นอาจแหลกเป็ผุยผงไปแล้วก็ได้
“ไอ้เด็กเวร แกกล้าต่อยฉันเหรอ ลุงของฉันคือคนของแก๊งอสรพิษ์…” ชายหนุ่มคนนั้นจับหน้าอกตัวเองแล้วพยายามลุกขึ้น มืออีกข้างชี้เย่เฟิง
“แก๊งอสรพิษ์? ก็ไม่เลวนี่” เย่เฟิงหัวเราะเยาะแล้วเมินอีกฝ่าย เดินกลับไปนั่งข้างซูเมิ่งหานเหมือนเดิม
เมื่อทุกคนได้ยินชื่อแก๊งอสรพิษ์ต่างประหลาดใจและหวาดกลัว พวกเขามองเย่เฟิงและคิดว่าเด็กคนนี้ต้องเจอดีแน่
เมื่อซูเมิ่งหานได้ยินชื่อแก๊ง เธออดขำไม่ได้ ที่นี่มีแค่เธอคนเดียวที่รู้ว่าไม่มีใครในแก๊งอสรพิษ์กล้าทำอะไรเย่เฟิง เธอนึกไม่ถึงว่าไม่ว่าไปที่ไหนก็เจอคนของแก๊งนี้ เธอเห็นเย่เฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ต่อยชายคนนั้นจึงไม่พอใจเล็กน้อย “นายเป็พวกหัวรุนแรงหรือไง? พูดดีๆ ไม่ได้เหรอ?”
“คนแบบนี้มีอะไรต้องคุยกันดีๆ?” เย่เฟิงไม่เห็นด้วย ไม่ว่าที่ไหน หมัดคือวิธีแก้ปัญหาได้เร็วที่สุด ในเมื่อมีวิธีแก้ที่ง่ายที่สุดแล้วยังจะต้องคุยเื่ไร้สาระกับคนพวกนี้อีกทำไม
“นายนี่มัน... ชิ” ซูเมิ่งหานหันหน้าหนีด้วยความโกรธเมื่อไม่สามารถโน้มน้าวเย่เฟิงได้
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” หลังจากนั้นไม่นานเ้าหน้าที่ตำรวจในรถไฟก็มาถึง เมื่อเห็นใบหน้าย่ำแย่ของชายหนุ่มคนนั้นจึงก้าวไปข้างหน้าและถามเสียงดัง
ชายหนุ่มคนนั้นจับหน้าอกด้วยความเ็ปและพยายามชี้นิ้วไปทางเย่เฟิง “เขาล่วงเกินผู้หญิงคนนั้น ผมจะหยุดเขาแต่โดนต่อยกลับมา”
ตำรวจในเครื่องแบบรถไฟทั้งคู่มองเย่เฟิง พวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อยและให้พนักงานหญิงคนหนึ่งพยุงชายหนุ่มชุดสูทคนนั้นไปโบกี้อื่น จากนั้นตำรวจหนึ่งสูงหนึ่งเตี้ยก็เดินมาหาเย่เฟิง
“คนที่ต่อยเขาคือนายใช่ไหม?” พนักงานรถไฟร่างอ้วนเดินมาถามเย่เฟิง เมื่อเห็นความงามของซูเมิ่งหานก็อดมองไม่ได้ เขาแทบละสายตาไม่ได้เลย
“คือเขา พวกเราทุกคนเห็น...” เมื่อตำรวจมาถึง คุณป้าคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ก็ลุกขึ้นยืนทันที เธอทนดูไม่ได้อีกต่อไป คนหนุ่มสาวเดี๋ยวนี้มันจะเกินไปแล้วนะ
“ต่อยคนยังไม่เท่าไร เมื่อกี้ไอ้เด็กนี่ยังลวมลามสาวสวยคนนั้น พวกเราได้ยินเธอะโร้อง ‘ไอ้สารเลว!’” ลุงคนหนึ่งอิจฉาเย่เฟิงจึงยืนขึ้นพูดด้วยความขุ่นเคือง
เมื่อตำรวจอ้วนเตี้ยได้ยินดังนั้นก็เชื่อทันที เขาหันหน้าไปทางเย่เฟิงและกล่าว “มากับฉัน รถไฟจะถึงเมืองเยี่ยนจิงแล้ว นายคงต้องลงไปกับฉันสถานีหน้า”
หลังลงจากรถไฟคงต้องติดต่อให้ทางสถานีตำรวจมารับ
เย่เฟิงคิดว่าเมื่อถึงสถานีตำรวจ เขาสามารถลองโทรหาหลินหงชวนเพื่อทดสอบว่าตระกูลหลินมีอิทธิพลแค่ไหน จึงตัดสินใจเดินตามพนักงานรถไฟไป
“เดี๋ยวก่อนสิ!” ซูเมิ่งหานรีบยืนขึ้นและจับตัวเย่เฟิง จากนั้นพูดว่า “พวกคุณยังไม่ทันถามอะไรฉันเลย? แล้วจะพาคนไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง!?”
เธอยืนอยู่ข้างเย่เฟิง ถ้าไม่นับเื่ชายในชุดสูทที่น่าขยะแขยงคนนั้นแล้ว เื่ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเธอะโ หากเย่เฟิงถูกจับเพราะเื่นี้ เธอไม่ค่อยสบายใจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้