สายตาของหานอวิ๋นซีมองไปเห็นขยะในมือของแม่นมจ้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ และเกิดความสงสัยขึ้นมา หลงเฟยเยี่ยสั่งให้นางมาหรือ?
ทำไมจู่ๆ ชายผู้นั้นถึงส่งคนมารับใช้นาง?
หรือเขารู้ว่าเสี่ยวเฉินเซียงไปที่ตระกูลหาน ด้วยกลัวว่านางจะไม่มีคนรับใช้ เลยหาคนใหม่มาเพิ่มให้นางอย่างนั้นหรือ?
ก้อนน้ำแข็งใหญ่ที่ไม่แยแส “ยุ่งเื่คนอื่น" ขนาดนี้ั้แ่เมื่อไรกัน?
เมื่อเห็นแววตาของหานอวิ๋นซี แม่นมจ้าวรู้สึกไม่สบายใจและรีบอธิบายอย่างจริงจังว่า “หวังเฟย หม่อมฉันไม่ได้ทิ้งอะไรไปมั่วซั่วนะเพคะ สิ่งเหล่านี้เป็คำสั่งของฉินอ๋องที่ให้หม่อมฉันนำไปทิ้ง”
ขณะเดียวกัน หานอวิ๋นซีจึงจะได้สติกลับมา นางไม่ได้สนใจว่าเมื่อครู่แม่นมจ้าวพูดอะไรไป จึงพูดเพียงแค่ว่า “อ๋อ” และถามว่า “แม่นมจ้าว ใช่หรือไม่?”
“เพคะ” แม่นมจ้าวตอบอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็ไร เ้าไปเถอะ ระวังด้วยล่ะ” หานอวิ๋นซีพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แล้วเดินเข้าไปในตำหนัก
“หวังเฟย...” แม่นมจ้าวที่ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าเมื่อเห็นว่าหัวงเฟยเข้าไปข้างในแล้ว จึงทำได้เพียงปล่อยมันไป
นางคิดว่าหวังเฟยท่านนี้ไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดเลยจริงๆ และสวยกว่าที่คิดไว้มาก ทั้งยังบอกให้นางระมัดระวังด้วย ดูเหมือนนางจจะจิตใจดีไม่น้อย
หานอวิ๋นซีทำปากมุ่ยครุ่นคิดในขณะที่เดินไป โดยคิดว่าก้อนน้ำแข็งใหญ่นั่นรู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเฉินเซียงไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้แสดงความเมตตา ทั้งยังยกคนรับใช้ให้นางอีก?
เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไร ถือว่าเขาใจดีก็แล้วกัน เช่นนี้นางควรจะไปขอบคุณเขามากกว่าไม่ใช่หรือ?
เสียงฝีเท้าของหานอวิ๋นซีเบาลงโดยไม่รู้ตัว เมื่อคิดที่จะหันกลับไปที่ห้องนอนของหลงเฟยเยี่ย ใครจะรู้ว่าขณะเดียวกัน กลับมีเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากตำหนักหยุนเซี่ยน “เพิ่งกลับมา เ้าจะไปไหนอีก?”
เสียงทุ้มลึกพร้อมความเย็นะเือันเป็เอกลักษณ์ ทำให้หานอวิ๋นซีตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่มองเข้าไปในห้อง ก็เห็นหลงเฟยเยี่ยนั่งอยู่บนที่นั่งในห้อง
ปกติจะเห็นเขาแต่งชุดสีดำ แต่วันนี้เขาแต่งชุดสีขาว แขนกว้าง คอวี ปักดิ้นทอง นอกจากจะดูเรียบง่ายแล้วยังดูดี สง่างามประณีต ให้ความรู้สึกที่สูงส่งอย่างบรรยายไม่ได้ ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะล่วงเกิน
ไม่รู้ว่าเป็เพราะยากที่จะเห็น หรือว่าเพราะไม่มีภูมิคุ้มกันพอสำหรับหลงเฟยเยี่ยในชุดขาว หานอวิ๋นซีมักจะรู้สึกราวกับถูกสะกดจิตและสับสนอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม หลงเฟยเยี่ยเกลียดสายตาที่หลงใหลแบบนี้มากที่สุด
แววตาของเขาล้ำลึกราวกับมหาสมุทร เขาพูดด้วยน้ำเสียงอย่างเ็าว่า “เ้าจะไปไหน?”
เขารอนางที่นี่นานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว เฉินเซียงไม่อยู่ที่นี่ หากสตรีผู้นี้ออกไป ก็จะไม่มีใครรู้ว่านางไปที่ไหนและไม่มีใครหานางเจอ หากมีอะไรเกิดขึ้นข้างนอก เกรงว่าก็คงไม่มีใครรู้เช่นกัน
หานอวิ๋นซีรีบดึงสติกลับมา แอบตำหนิตัวเองที่สับสนอีกครั้ง ชายผู้นี้ ไม่ใช่จะสามารถชื่นชมได้ตามใจชอบ
“ข้าไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ เสียมารยาทแล้ว”
หานอวิ๋นซีคำนับอย่างสุภาพแล้วตอบว่า “ข้าเพิ่งพบกับแม่นมจ้าวที่ประตู เลยได้รู้ว่าท่านได้มอบคนรับใช้ให้ข้า ข้าก็เลยจะมาขอบคุณท่านที่ทรงมีเมตตา”
ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยกลับพูดอย่างเ็าว่า “ในลานดอกบัวของข้า ห้ามมีที่ใดสกปรกอย่างเด็ดขาด ในภายภาคหน้าแม่นมจ้าวจะรับผิดชอบในการทำความสะอาดตำหนักหยุนเซี่ยนโดยเฉพาะ”
อะไรนะ?
“ท่านคิดว่าข้าสกปรกหรือไร?” หานอวิ๋นซีโพล่งออกมา
หลงเฟยเยี่ยกระตุกมุมปาก หยุดชั่วขณะและตอบกลับไปว่า “ใช่”
หานอวิ๋นซีอ้าปากค้างทันที ที่แท้ชายผู้นี้ส่งแม่นมจ้าวมาที่นี่เพื่อทำความสะอาด พูดตรงๆ คือผู้ชายคนนี้ดูถูกนางว่าสกปรกและกลัวว่าตำหนักหยุนเซี่ยนของนางจะทำให้ลานดอกบัวสกปรก
เดิมทีนางคิดว่าเขารู้ว่าเฉินเซียงไม่ได้อยู่ที่นี่ เลยสงสารที่นางไม่มีคนใช้และกลัวว่านางจะลำบาก
แน่นอนว่านางคิดไปเองทั้งหมด
ชายผู้น่ารังเกียจผู้นี้ นางควรจะรู้ั้แ่แรกว่าการที่เขา “ก้าวก่ายเื่ของคนอื่น” มันไม่ได้มีเจตนาดีอะไรทั้งนั้น!
“ขอบคุณท่านสำหรับความ…ห่วงใย ข้าจะจดจำไว้!” น้ำเสียงของหานอวิ๋นซีเปลี่ยนเป็เ็าทันที คำว่า “ห่วงใย” ที่เปล่งออกไปก็มีความหมายที่ลึกซึ้ง
นางคิดว่าชายผู้นี้คงว่างและไม่มีอะไรทำ และคิดว่าหลังจากที่เขามาเตือนนางเกี่ยวกับเื่นี้แล้วก็คงจะกลับไป ทว่าหลงเฟยเยี่ยกลับยังคงนั่งอยู่บนที่นั่งเช่นเดิม
หานอวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นพบกับแววตาเ็าตามปกติของเขา พร้อมกับออกคำสั่งไล่แขกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หากไม่มีเื่อะไรแล้ว ข้า้าพักผ่อนแล้ว”
ทุกครั้งที่เห็นชายผู้นี้ เวลาที่เขาไม่พูดช่างเป็เื่น่ายินดีจริงๆ แต่ทันทีที่เขาอ้าปาก นางก็ไม่้าที่จะเห็นหน้าเขาเลยแม้แต่นิด
หากหลงเฟยเยี่ยจำไม่ผิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หานอวิ๋นซีสั่งให้เขาออกไป มีหลายที่ในโลกใบนี้ที่รอคอยการมาเยือนของเขา แต่สตรีผู้นี้กลับมีตาหามีแววไม่
“ข้ามาหาเ้า จำเป็ต้องมีเื่ด้วยหรือ?” น้ำเสียงของหลงเฟยเยี่ยที่ไม่เพียงแต่เ็าเท่านั้น แต่ยังแสดงถึงความแข็งแกร่งอีกด้วย
ชายผู้นี้มาเพื่อจับผิดอย่างนั้นหรือ?
“เช่นนั้นท่านมาที่นี่เพื่ออะไรล่ะ?” หานอวิ๋นซีถามกลับ ความจริงแล้วสิ่งที่นาง้าถามจริงๆ คือ “ท่านมาที่นี่เพื่อหาเื่หรือไร?”
ในความทรงจำ ครั้งก่อนที่ชายผู้นี้มาก็ดูเหมือนจะไม่มีเื่อะไรเหมือนกัน
เมื่อหานอวิ๋นซีถามคำถามดังกล่าว อยู่ๆ หลงเฟยเยี่ยก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ร่องรอยของความไม่พอใจฉายแววในดวงตาที่เ็า เขายืนขึ้นและสั่งว่า “ข้ามาหาเ้าเพื่อล้างพิษ ตอนนี้กำลังจะไปแล้ว”
คนทรยศตระกูลเป่ยลี่ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีใดก็ไม่มีใครรับสารภาพ จนถึงขั้นไม่กินไม่ดื่ม หลายคนอดตายและอีกสี่คนที่เหลือ จู่ๆ ก็ถูกวางยาพิษทั้งหมด
มาตรการป้องกันของหลงเฟยเยี่ยดีมากและไม่มีช่องว่างให้คนเ่าั้ฆ่าตัวตายแน่นอน และพวกนางก็ถูกจับกุมมาหนึ่งเดือนแล้ว จะไปถูกวางยาพิษโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร
ฉู่ซีเฟิงพาหมอพิษมาสองสามคนเพื่อดูอาการพวกเขาเป็เวลาสองวัน ทว่าแม้กระทั่งโดนพิษตัวไหนหมอเ่าั้ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ เช้านี้ก็ตายไปอีกคนและตอนนี้เหลือเพียงสามคนเท่านั้น
คนเ่าั้ต้องกินยาพิษแน่นอน และการกินยาพิษเพื่อฆ่าตัวตายแสดงว่าพวกนางไม่สามารถทนต่อการสอบสวนได้อีกต่อไป ใน่เวลาสำคัญเช่นนี้ หากพวกนางฆ่าตัวตายสำเร็จ การที่เขาสอบปากคำมาเป็เวลานานก็จะสูญเปล่าทั้งหมด
หมอพิษทั้งสองไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงนึกถึงหานอวิ๋นซีทันที
น้ำเสียงออกคำสั่งที่หนักแน่นของหลงเฟยเยี่ยทำให้หานอวิ๋นซีไม่พอใจอย่างมาก และคิดถึงที่เขาเพิ่งจะว่านางสกปรกไปเมื่อครู่ นางจึงตอบอย่างเฉื่อยชาว่า “ท่านอ๋อง ข้าเหนื่อยแล้ว ท่านไปจ้างคนอื่นเถิด”
หลงเฟยเยี่ยไม่แปลกใจกับการปฏิเสธของหานอวิ๋นซี ในขณะที่กำลังจะก้าวเท้าออกไป เขาไม่หันกลับมามอง ยิ้มอย่างเหยียดหยามและโยนถุงเงินไปข้างหลัง และตกลงไปบนโต๊ะชาข้างๆ หานอวิ๋นซีอย่างพอดี พร้อมกับเสียง “ตึง” ที่ดังก้อง ฟังจากเสียงก็รู้ได้แล้วว่ามีเงินจำนวนมากอยู่ในนั้น
หากเป็เมื่อก่อน หานอวิ๋นซีคง้าเงินเหล่านี้ อย่างไรนาง้าเงินเพื่อใช้ชีวิตและซื้อวัตถุดิบยา
อย่างไรก็ตาม ด้วยรางวัลจากฮ่องเต้เทียนฮุย ตราบใดที่นางไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยหรือสร้างคฤหาสน์ใดๆ เงินเก็บนั้นก็เพียงพอสำหรับนางที่จะใช้ได้ทั้งชีวิต
ตอนนี้นางสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับนางเลยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าต่อหน้าหลงเฟยเยี่ยชายผู้มั่งคั่งตัวจริงแล้ว นางยังไม่มีความมั่นใจ
นางไม่ขยับเขยื้อนและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ท่านอ๋อง หลายวันมานี้ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน และมันจะส่งผลต่อความแม่นยำในการวินิจฉัย โปรดท่านอ๋องไปหาคนอื่นเถิด เพื่อไม่ให้เื่เกิดความล่าช้า”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หลงเฟยเยี่ยที่เต็มไปด้วยความโอหังอวดดีก็นิ่งงันไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าหานอวิ๋นซีจะปฏิเสธอีกครั้ง เขาค่อยๆ เลิกคิ้วที่หล่อเหลาของเขาแล้วหันศีรษะไปมอง
หานอวิ๋นซีรู้สึกได้ถึงความมืดมนและเย็นะเืจ้องมองมาที่นาง จะบอกว่าไม่รู้สึกผิดก็ไม่ได้ แต่วันนี้นางทะเลาะกับชายผู้นี้!
ไม่ไปก็คือไม่ไป นางอยากจะรู้เหมือนกันว่าชายผู้นี้จะทำอะไรกับนาง?
หานอวิ๋นซีก้มหน้าลง หลับตาและนิ่งเงียบ ขณะที่หลงเฟยเยี่ยมองนางอย่างเ็าโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบ ความตึงเครียดอัดแน่นอยู่ในมวลอากาศราวกับเวลาหยุดนิ่ง ราวกับว่าความเงียบงันนี้จะไม่มีวันถูกทำลาย
ในทางตันเช่นนี้ ใครจะเป็ฝ่ายพูดก่อน?
หลังจากนั้นไม่นาน หานอวิ๋นซีก็เม้มริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเป็เพราะกังวลเกินไปหรือไม่ เมื่อกังวลถึงขีดสุดแล้วก็จะกลายเป็ตรงข้ามกัน อยู่ๆ นางก็ผ่อนคลายลง อยากที่จะเงยหน้ามองสีหน้าของหลงเฟยเยี่ยในตอนนี้อย่างไม่มีเหตุผลนี้
จะน่ากลัวหรือไม่นะ?
หาได้ยากนักที่ชายผู้นี้จะมีสิ่งที่เขาทำไม่ได้ และก็มี่เวลาที่ต้องยอมจำนนกับความพ่ายแพ้เหมือนกัน!
อย่างไรก็ตาม เมื่อนางกำลังจะเงยหน้าขึ้นอย่างระมัดระวัง หลงเฟยเยี่ยที่จู่ๆ ก็หันศีรษะมา พร้อมกับแววตาที่เ็า และเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
หานอวิ๋นซีรีบเงยหน้าขึ้น ทว่าก็ไม่เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาที่เ็าของเขา เห็นเพียงแผ่นหลังของเขาที่เต็มไปด้วยความไม่แยแส
สุดท้ายก็ไม่มีใครทำลายความเงียบได้ แต่ก็ไม่มีความเงียบอีกต่อไป
เพราะเขาออกไปแล้ว
ในใจรู้สึกผิดหวังอย่างอธิบายไม่ได้ หานอวิ๋นซีที่สติหลุดลอยไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเื่ราวมันไม่ควรเป็เช่นนี้และดูเหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หานอวิ๋นซีไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
เห็นได้ชัดว่านางไม่้าไปและตอนนี้นางก็ไม่ต้องไปแล้ว แต่ทำไมนางกลับรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยล่ะ?
เห็นได้ชัดว่านาง้าเห็นเขาผิดหวังสักครั้ง ตอนนี้เขาก็เดินออกไปแล้ว แต่ทำไมนางถึงไม่รู้สึกอยากแก้แค้นเลยล่ะ?
ตามนิสัยของชายผู้นั้นแล้ว หากถูกปฏิเสธครั้งหนึ่ง ต่อไปคงไม่มาหานางเพื่อล้างพิษอีกแล้วใช่หรือไม่?
นางควรจะดีใจสิ!
หานอวิ๋นซีถอนหายใจและยักไหล่ การไม่เข้าไปยุ่งเื่ของชายผู้นั้น ปัญหาก็จะน้อยลง มันก็ดีแล้วนี่
หลังจากคิดเช่นนี้ หานอวิ๋นซีก็บิดี้เี นั่งลงและรินน้ำเพื่อดื่ม
และในเวลานี้เองที่นางสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในห้อง
ความจริงแล้วก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากมายนัก แค่สะอาดและเรียบร้อยขึ้นมาก พื้น โต๊ะ และเก้าอี้ล้วนขัดจนเงาจนเห็นเงาคนได้
กลิ่นเหม็นในห้องตำราแต่เดิมก็หายไปแล้ว ในอากาศยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นสมุนไพรจางๆ ราวกับว่าได้รับการชำระให้บริสุทธิ์
“สะอาดขนาดนี้เลยหรือ? แม่นมจ้าวคงไม่ได้รักความสะอาดมากขนาดนั้นหรอกใช่หรือไม่?” หานอวิ๋นซีประหลาดใจ พูดกับตัวเองแล้วเดินไปที่ห้องตำรา และพบว่าห้องตำราได้รับการจัดระเบียบเช่นกัน ชาพิษทั้งหมดที่เดิมทีวางอยู่บนโต๊ะก็ไม่มีแล้ว
ของที่วางอยู่บนโต๊ะล้วนเป็สิ่งที่ไม่สำคัญ นางไม่ได้กลัวว่าของของนางจะถูกโยนทิ้งไป แต่นางไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับสิ่งของในห้องตำราสุ่มสี่สุ่มห้า
แววตาแสดงความไม่พอใจฉายชัดขึ้้นมา นางเดินเข้าไปใกล้ ตรวจดูทีละอย่างและพบว่าสิ่งที่ถูกโยนทิ้งไปนั้นเป็สิ่งที่สมควรทิ้ง และเก็บของที่มีประโยชน์ไว้ ทั้งยังปัดถูให้สะอาดแล้วเก็บเข้าที่อย่างมีระเบียบ
ยิ่งไปกว่านั้น ตรงกลางโต๊ะยังมีกระถางต้นบัวบกที่เลี้ยงในน้ำเติบโตอย่างหนาแน่น เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับห้องตำราสีเทา ดูไปแล้วเพลินตาอย่างมาก
เอาเถอะ หานอวิ๋นซียอมรับว่านางค่อนข้างพอใจ ด้วยความสะอาดระดับนี้ นางสามารถเมินเฉยกับการที่แม่นมจ้าวเข้ามายุ่งกับสิ่งของของนางได้
ในขณะเดียวกัน แม่นมจ้าวที่กลับมาจากข้างนอก เมื่อเห็นหานอวิ๋นซีในห้องตำรา นางก็รีบเข้าไป “หวังเฟย ฉินอ๋องเสด็จไปแล้วหรือเพคะ?”
“อืม” หานอวิ๋นซีพยักหน้าและเสริมว่า “วันหน้าหากฉินอ๋องอยู่ที่นี่ เ้าต้องแจ้งให้ข้าทราบ นอกจากนี้ ต่อไปอย่าย้ายสิ่งของในห้องตำรา ข้าจะทำความสะอาดเอง”
แม่นมจ้าวไม่ได้พูดถึงความจริงที่นางจะพูดว่า ให้ฉินอ๋องอยู่ทานอาหารด้วย เป็เพราะเ้านายของตนเองเดินเร็วเกินไป นางจึงตอบด้วยความเคารพว่า “เพคะ”
เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เดิมทีนางคิดว่าฉินอ๋องจะอยู่ทานอาหารค่ำ แต่ใครจะรู้ว่าฉินอ๋องจะกลับไปแล้ว?
“หวังเฟย มื้อค่ำ้าทานอะไรดีเพคะ? หม่อมฉันจะไปบอกคนในห้องครัวให้ทำให้” แม่นมจ้าวถาม
หานอวิ๋นซีที่กำลังจะตอบ แต่จู่ๆ กลับนึกถึงที่หลงเฟยเยี่ยพูดเมื่อครู่ได้ ดังนั้นนางจึงเลิกคิ้วและมองไปที่แม่นมจ้าวแล้วยิ้มอย่างขี้เล่น “แม่นมจ้าว เ้าไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบเฉพาะทำความสะอาดตำหนักหยุนเซี่ยนหรอกหรือ?”
